“มดเขย่าต้นไม้ ช่างไม่ประเมินความสามารถของตนเลย ไม่ว่าพวกเจ้าจะต่อต้านอย่างไร ก็ไม่สามารถหลีกหนีชะตากรรมที่จะเป็นคนพิการได้ หากสงบสติอารมณ์แต่โดยดี อาจรู้สึกดีขึ้นบ้างก็ได้”เสียงของชิงฮุยดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงเรียบนิ่ง ไม่มีแววโกรธเคืองเลย กลับเจือไปด้วยความสงสารเล็กน้อยด้วยซ้ำไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่า บุคคลเช่นนี้ จะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ตอนที่อินชิงเสวียนพบเขาครั้งแรกที่เมืองหลวง นางคิดเพียงว่าเขาเป็นนักพรตเต๋าน้อยผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่คาดคิดว่าจะมีความลับที่ยิ่งใหญ่ และกลอุบายสูงมากเช่นนี้เม็ดเหงื่อได้ปรากฏขึ้นบนจมูกของลั่วสุ่ยชิงเป็นชั้นบางๆ นางพยายามฝืนกำลังภายในของตัวเองจนสุดกำลัง ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เคล็ดวิชาลับเช่นนี้ เจ้าเรียนมาจากไหน”ชิงฮุยพูดช้าๆ “แน่นอนว่าราชาพระองค์เก่าถ่ายทอดให้”ลั่วสุ่ยชิงกัดฟันแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าเคารพท่านพ่อของข้าในฐานะราชาแคว้น แต่กลับทำร้ายข้า สมควรตายจริงๆ”“ถ้าองค์หญิงเต็มใจฟื้นฟูแคว้นอย่างเต็มที่ กระหม่อมจะไม่กล้าไม่เคารพแม้แต่น้อย แต่จะทำเช่นไรได้ในเมื่อองค์หญิงยังมีความเมตตาแบบสตรี ได้รับอิทธิพลจากฮองเฮาต้าโจวซ้ำแล้ว
อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง“ข้าจะมีความลับอะไร ถึงทำให้ชาวเฟยเหยากังวลในตัวข้า”ชิงฮุยกล่าวว่า “ตัวอย่างเช่น เหตุใดกำลังภายในของเจ้าจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมิติวิเศษในตัวของเจ้า...แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็สามารถรับรู้ได้ บางทีสิ่งเหล่านี้ อาจเพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อโชคชะตา แคว้นเฟยเหยารอมาเนิ่นนาน การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องประสบความสำเร็จ จะต้องไม่มีคำว่าล้มเหลว!”อินชิงเสวียนเม้มริมฝีปากหัวเราะเบาๆ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่ามันเป็นความลับ ข้าจะบอกเจ้าได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร เว้นแต่เจ้าจะเต็มใจที่จะปล่อยข้าไป ข้าอาจจะเต็มใจที่จะพิจารณาก็ได้”ชิงฮุยก็ยิ้มเช่นกัน“ไม่เป็นไร ข้ามีความอดทนมากพอ”เมื่อเห็นว่าการสนทนาไม่เป็นไปด้วยดี อินชิงเสวียนก็หลับตาอีกครั้ง ไม่พูดอะไรอีก นางแค่หวังว่าชิงฮุยจะจากไปโดยเร็วราวสามสิบนาที บริเวณโดยรอบกลับมาสงบ แต่ใบหน้าของลั่วสุ่ยชิงกลับซีดเซียวมากขึ้น มีชั้นเหงื่อบางๆ ไหลออกมาบนหน้าผากของนาง“ลั่วสุ่ยชิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”อินชิงเสวียนถามด้วยเสียงแผ่วต่ำกำลังภายในของนางก็สูญเสียไปเช่นกัน แต่ไม่ได้รวดเร็วเช่นนั้น เพื่อไม่ให้ลั่วสุ่ยชิงและ
“เป็นพวกเจ้านักพรตจมูกวัวอีกแล้ว ข้ามีธุระที่ต้องทำ ไม่มีเวลาทะเลาะกับพวกเจ้า ออกไปให้พ้นทาง ถ้ามีอะไร ก็ให้นักพรตเทียนชิงมาหาข้าเอง”เย่จิ่งหลานร้อนใจดั่งไฟเผา ย่อมไม่อยากมีปัญหามากขึ้นอยู่แล้วหากไม่นับว่าอินชิงเสวียนกับเขาเป็นคนที่ข้ามภพมาเหมือนกัน ลำพังแค่ในราชวงศ์ต้าโจว นางก็มีบทบาทสำคัญเช่นกันก่อนที่จะมาถึงเทือกเขาเชื่อมเมฆา เย่จิ่งหลานยังสามารถแยกตัวเองออกจากผู้คนในยุคนี้ หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าเขาได้รวมตัวเข้ากับราชวงศ์ที่แปลกประหลาดนี้อย่างช้าๆ ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ และเกิดความรู้สึกของการเป็นเจ้าของโดยอัตโนมัติ จะเอื่อยเฉื่อยเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้วนักพรตเต๋าประกบมือไว้อย่างเรียบร้อย ยืนอยู่กลางถนน เสื้อคลุมนักพรตเต๋าสีน้ำเงินเทาดูโทรมเล็กน้อย แต่ถูกซักให้สะอาดมาก ชายเสื้อคลุมถูกลมพัดปลิวว่อน ท่ามกลางสายลมนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับเป็นเทพเซียนจุติ เขามองเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าสงบ ไม่มีสีหน้าหงุดหงิดแม้แต่น้อย“คุณชายท่านนี้ตามหาใครใช่หรือไม่ อาตมภาพเชี่ยวชาญเรื่องการทำนายดวง อาจช่วยชี้ทางให้ได้”“เจ้าไม่ได้มาตามหาข้างั้นหรือ”เย่จิ่งหลานรู้สึกประหลาดใจเล็
ในภูเขาลั่วสุ่ยชิงทำตามวิธีทำลายค่ายกลที่อินชิงเสวียนบอก และก็เปิดประตูชีวิตได้จริงๆ เมื่อเห็นหมอกสีดำเหนือศีรษะค่อยๆ สลายไป ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน และทั้งคู่ต่างก็เห็นความสุขในแววตาของกันและกัน“ออกไปจากที่นี่ก่อน”ลั่วสุ่ยชิงจับข้อมือของอินชิงเสวียน เหาะเหินเดินอากาศออกจากค่ายกลไปแสงระเรื่อของดวงอาทิตย์ที่กำลังตกสะท้อนจากภูเขา อีกคืนหนึ่งกำลังจะผ่านพ้นไปอินชิงเสวียนพะวงเรื่องความปลอดภัยของอิ๋นเฉิง ทันทีที่ยืนนิ่ง ก็โค้งคำนับต่อลั่วสุ่ยชิง“ไม่ทราบว่าแม่นางชิงสามารถตามข้ากลับไปที่อิ๋นเฉิงได้หรือไม่ หากค่ายกลเป็นอย่างที่แม่นางพูดจริงๆ ชาวเมืองอิ๋นเฉิงจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน”กำลังภายในส่วนใหญ่ของลั่วสุ่ยชิงถูกดูดออกไป นางอ่อนแอมาก ใบหน้าที่ซีดเซียวเต็มไปด้วยเหงื่อนางหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ แต่เกรงว่าฝีเท้าในตอนนี้ของข้าจะไม่เร็วพอ”“ข้าจะให้เจ้าขี่หลัง”อินชิงเสวียนคว้าข้อมือของลั่วสุ่ยชิง กำลังจะอุ้มนางไว้บนหลัง ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆพวกเขาทั้งสองมองไปข้างๆ พร้อมกัน และทันใดนั้นก็เห็นชิงฮุยปีนขึ้นบันไดด้วยความเสียใจเล็กน้
อินชิงเสวียนซัดฝ่ามือออกไปสองครั้ง หันกลับมาแล้วถามว่า “เจ้าหมายความว่า เจ้าเคยติดต่อกับคนแคระโมริตะ?”ชิงฮุยยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าพวกเจ้าเต็มใจติดตามข้า ข้าจะไม่ให้เขาทำร้ายพวกเจ้าเลย”อินชิงเสวียนยิ้มเยาะอย่างเย็นชา“น่าขัน ข้าเป็นถึงฮองเฮาแห่งต้าโจว ข้าจะถูกคนที่แสร้งเป็นคนดีหลอกลวงได้อย่างไร”ก่อนที่เขาจะพูดจบ ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกด้วยฝ่ามือ มีเลือดไหลออกมาจากริมฝีปาก“แม่นางอิน ไม่ต้องสนใจข้า ท่องจำคำนี้ไว้ มันจะช่วยเจ้าทำลายค่ายกลได้”ลั่วสุ่ยชิงสูดลมหายใจเข้าแรงแล้วพูดอย่างเร่งด่วน “หลักเต๋าไร้นาม หล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง เปลี่ยนหยินหยาง หยินแยกออกเป็นสอง ตั้งทิศตะวันออกเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล... “ก่อนที่นางจะพูดจบ ชิงฮุยก็เคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพติดตา และปรากฏตัวต่อหน้าลั่วสุ่ยชิง เขาชี้ปราณกระบี่ไปที่ลำคอของนาง“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว”ลั่วสุ่ยชิงถูกควบคุมลำคอ ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก“อย่าทำร้ายนาง!”อินชิงเสวียนทั้งร้อนใจทั้งโกรธ พยายามเรียกใบมีดทะมึนแห่งมิติออกมา แต่ยังไม่มีเสียงใดๆ ราวกับว่านางสูญเสียการติดต่อกับมิตินั้นไปโดยสิ้นเชิงด
ความเร็วของชิงฮุยเร็วมาก จนคำว่าสายฟ้าเทียบไม่ติดด้วยซ้ำ ด้วยความสามารถทางสายตาของอินชิงเสวียนในปัจจุบัน ยังมองเห็นได้เพียงภาพติดตาเท่านั้นนางรีบถอยกลับมาป้องกัน นิ้วของชิงฮุยสัมผัสกับผิวหนังแล้ว ปราณกระบี่อันเยียบเย็นราวกับโลหะ ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกแทงทะลุผิวหนังหรือว่า นางจะต้องตายที่นี่วันนี้?ทันใดนั้น นางก็นึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองเพิ่มข้ามภพมา ยังคิดถึงชายหนุ่มรูปหล่อที่ประทับบนบัลลังก์มังกรด้วยท่วงท่าสง่างามผู้นั้นแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะจบลงในวันนี้อินชิงเสวียนหลับตาด้วยความสิ้นหวัง กระบวนท่านี้ ต้านทานไม่ได้และป้องกันไม่ได้“บังอาจ!”เสียงตะโกนดังก้องไปในอากาศ ปราณบางเบากลุ่มหนึ่งก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกายของอินชิงเสวียนในทันทีชิงฮุยยังถูกปิดกั้นด้วยม่านพลังที่มองไม่เห็นนี้ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกอินชิงเสวียนรู้สึกยินดีระคนประหลาดใจอย่างมาก“อาอวี้!”ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีมือข้างหนึ่งยกขึ้นมา ความกดดันอันทรงพลังบีบเค้นอวัยวะภายใน อินชิงเสวียนรู้สึกว่าการหายใจถูกปิดกั้น หัวใจเหมือนจะทะลุขึ้นมาในลำคอลั่วสุ่ยชิงรู้สึกถึงคาวเลือดในลำคอ จากนั้นก็มีเลือดพ
อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา“วิธีที่ผิดทำนองคลองธรรม มีอะไรน่าภาคภูมิใจ”ชิงฮุยหันหน้าไปทางภูเขา มีเสียงดังกังวาน“จะใช้วิธีไหนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือใครเป็นผู้ชนะ”ทันใดนั้นเขาก็ลงมือ แต่ถูกหยุดโดยฝ่ามือของเย่จิ่งอวี้“เสวียนเอ๋อร์ เจ้ายับยั้งจิ่งหลาน ข้าจะจัดการกับเขาเอง”“ได้”อินชิงเสวียนรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชิงฮุย จึงไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ แลกเปลี่ยนคู่ต่อสู้กับเย่จิ่งอวี้ทันทีชิงฮุยดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับเย่จิ่งอวี้ ชายเสื้อคลุมกระพือพลิ้ว ก้าวถอยหลังไปหลายจั้ง ลั่วสุ่ยชิงซึ่งนั่งอยู่บนพื้นดูเหมือนจะถูกดึงดูด นางลอยไปที่ฝ่ามือของเขา“ไปล่ะ”เขาส่งเสียงคำรามยาวๆ และลอยลงไปตามภูเขา เย่จิ่งอวี้หันกลับมาหมายจะจับเย่จิ่งหลาน แต่จับได้เพียงความว่างเปล่า เมื่อหันกลับมา เย่จิ่งหลานก็เหมือนกับถูกเคลื่อนย้ายทันที คนคนนั้นก็ปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยก้าวแล้ว“อย่าเดินมั่ว อาจมีค่ายกลอยู่ที่นี่”อินชิงเสวียนเอื้อมมือออกไปจับเย่จิ่งอวี้ไว้ ทั้งสองก้าวไปข้างหน้าสหลายก้าว และทิวทัศน์ตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย“จริงด้วย เช่นนั้นข้าจ
นางนึกในใจ ครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ก็ปรากฏตัวขึ้นในมิติ“หรือว่า ค่ายกลถูกทำลายไปแล้ว?”เย่จิ่งอวี้รู้จักนิสัยของอินชิงเสวียนเป็นอย่างดี นางไม่ทะนงตน ตราบใดที่สามารถหนีได้ นางไม่มีทางยืนนิ่งรอความตายอย่างแน่นอนที่นางไม่ได้หนีไป มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมิติถูกระงับอินชิงเสวียนพยักพเยิดอย่างตื่นเต้น“หนึ่งกำลังสามารถเอาชนะสิบกลเม็ดได้จริงๆ หากกระหน่ำพลังใช้ได้ดี ก็สามารถใช้เป็นอาวุธลับได้เลย”นางอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงเดินไปหาเย่จิ่งอวี้“ทางนี้ ข้าจะให้ท่านดูยอดอัจฉริยะน้อย”เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือออกไปรับลูกชาย ถามด้วยสีหน้ารักและเอ็นดู “หรือว่าจ้าวเอ๋อร์ก่อเรื่องขึ้นแล้ว?”อินชิงเสวียนเหลือบมองเขาอย่างค้อนๆ“ท่านคิดในทางที่ดีบ้างไม่ได้หรือไง ข้าอยากจะบอกท่านว่า ลูกชายของท่านสามารถมองเห็นกุญแจสำคัญของค่ายกลได้ บางทีการทำลายค่ายกลในอิ๋นเฉิง อาจต้องพึ่งเขาแล้ว”“โอ้?”เย่จิ่งอวี้มองไปที่เสี่ยวหนานเฟิงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ“เสด็จแม่ของเจ้าพูดจริงหรือ”เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างเฉลียวฉลาด เปิดปากเล็กๆ พูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว ที่กักขังเสด็จพ่อกับเสด็จแม่อยู่น่ะ เป็นก้อนหินไม่กี่ก
“หม่อมฉันน้อมถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ!”อินชิงเสวียนยอบกายน้อยๆ ทำความเคารพอย่างเป็นทางการตามราชประเพณี“ตามสบาย”เย่จิ่งอวี้คว้าตัวอินชิงเสวียนขึ้นเมื่อก่อนที่เคยอยู่ในวังหลวง เย่จิ่งอวี้คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าราชบริพารจะกราบถวายบังคมเจ้าเหนือหัว ตอนนี้เมื่อได้เดินทางท่องยุทธภพ กลับรู้สึกว่ามันลำบากยุ่งยากจริงๆ“จากนี้ไปเมื่อเสวียนเอ๋อร์พบข้า ไม่จำเป็นต้องทำความเคารพอีก ส่วนพวกเจ้าเมื่อกลับเข้าวังมาแล้ว เช่นนั้นควรปฏิบัติหน้าที่รับใช้ให้ดี เสวียนเอ๋อร์กำลังตั้งครรภ์ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ”เมื่อทั้งหมดรู้ว่าอินชิงเสวียนตั้งครรภ์ ดวงตาของทุกคนก็เปล่งประกายด้วยความดีใจ ในสายตาของพวกเขา การมีลูกหลานมากมายถือเป็นโชควาสนา ทั้งสองพระองค์แต่งงานกันมาเกือบสองปีแล้ว ยังมีแค่เสี่ยวหนานเฟิงคนเดียว ในวังค่อนข้างเงียบเหงาอยู่บ้าง“พวกกระหม่อม/หม่อมฉัน น้อมรับพระบัญชา จะพยายามดูแลพระนางฮองเฮาให้เต็มที่พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ!”“ดีมาก ออกไปก่อนเถอะ”เย่จิ่งอวี้ถอยห่างจากฝูงชน ดึงอินชิงเสวียนไปที่เก้าอี้“เสวียนเอ๋อร์สวมอาภรณ์ฮองเฮาช่างดูดียิ่งนัก”“ฝ่าบาทก็เช่นกัน ชุดมังกรเหมาะกับท่านมาก”อิ
เมื่อเห็นพวกเขา อินชิงเสวียนก็รู้สึกตื้นตันใจเช่นกัน“เสี่ยวอานจื่อ อวิ๋นฉ่าย อวี้จิ่น ยายหลี่ พวกเจ้าอยู่กันทุกคน วิเศษไปเลย ลุกขึ้นมาพูดคุยกันเร็ว!”อินชิงเสวียนช่วยพยุงทุกคนให้ลุกขึ้น ดวงตาชื้นเมื่อเห็นพวกเขา นางก็พลันหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เพิ่งข้ามภพมาอยู่ในตำหนักเย็นเป็นครั้งแรก ทุกอย่างเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน“ฮองเฮา ท่านกลับมาช่างดีจริงๆ!”ทั้งหมดต่างมาห้อมล้อมอินชิงเสวียนไว้ตรงกลาง กอดนางเต็มรัก อินชิงเสวียนก็กอดพวกเขาตอบเช่นกัน ทุกคนต่างวุ่นวายกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าวังระหว่างทาง เสี่ยวอานจื่อก็พูดเจื้อยแจ้ว “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ตำหนักเย็นถูกรื้อแล้ว ฝ่าบาทสร้างสวนสนุกที่นั่น องค์ชายน้อยมีที่เล่นสนุกแล้ว”อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจ“แล้วคนในตำหนักเย็นล่ะ สวีจือย่วนอยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือ”ตอนที่นางจากไปเหมือนว่าสวีจือย่วนยังอยู่ในตำหนักเย็นอยู่เลยยายหลี่ลดเสียงกระซิบว่า “หม่อมฉันได้ยินมาว่า นายหญิงสวีฆ่าตัวตาย ร่างถูกโยนลงในสุสานไร้ญาติ”“อ้อ”อินชิงเสวียนเข้าใจแล้วจะเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่นั้น ไม่ต้องบอกก็รู้แม้ว่าจะถูกเย่จิ่งอวี้ประหารอย่างลับๆ แต่ก็นับว่าส
เช้าวันรุ่งขึ้นอินชิงเสวียนออกจากตระกูลอินภายใต้สายตาที่ไม่เต็มใจของทุกคน และผู้ที่คุ้มกันนางกลับวังหลวง ก็คืออินสิงอวิ๋นพี่ชายคนโตเขายังคงหล่อเหลา ทว่านิสัยสุขุมเยือกเย็นมากกว่าปีที่แล้วอินชิงเสวียนเปิดม่านเกี้ยว“พี่ใหญ่ได้เชิญหมอหลวงมาตรวจอาการพี่สะใภ้บ้างหรือยัง”อินสิงอวิ๋นยิ้มอย่างอบอุ่น มองอินชิงเสวียนด้วยสายตาแบบเดียวกับเมื่อก่อน มีความเอาใจใส่เล็กน้อย“หาแล้ว คราวนี้ก็ค่อนข้างดี น้ำพุวิญญาณของเจ้า แทบจะให้พี่สะใภ้ดื่มหมด”อินชิงเสวียนพยักหน้า“ควรเป็นเช่นนี้แล้ว พี่สะใภ้อยู่ไกลบ้าน รอนแรมมาไกลกว่าจะถึงตระกูลอินของเรา เราต้องดูแลนางให้ดีที่สุด อย่าปล่อยให้นางอุดอู้อยู่บ้านทั้งวัน ถ้าท่านมีเวลาว่าง ควรพานางไปเดินเล่นบ่อยๆ คนท้องจะรู้สึกหดหู่โดยไม่รู้ตัว ถ้ามีท่านอยู่ข้างๆ บางทีนางอาจรู้สึกดีขึ้นบ้าง”“อืม คราวนี้แหละ ข้าควรจะหาเวลาได้แล้วจริงๆ”อินสิงอวิ๋นถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก มีหรือที่เขาไม่ต้องการใช้เวลากับเป่าเล่อเอ่อร์ให้มากๆ แต่ในวังหลวงมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย จนเขาไม่กล้าที่จะหย่อนยานตอนนี้ฝ่าบาทและน้องสาวกลับเมืองหลวงแล้ว ก็เหมือนมีกระดูกสันหลัง ทายาทเฟย
อินชิงเสวียนคำนับทั้งสองคน นางไม่ได้มาจากรัชสมัยนี้ ไม่เห็นความสำคัญของมารยาทระหว่างกษัตริย์และขุนนาง แต่กลับให้ความสำคัญกับจริยธรรมของมนุษย์แม้ว่านางจะยอมรับเหมยชิงเกอ แต่บุญคุณที่ตระกูลอินเลี้ยงดูเจ้าของร่างเดิมมานานกว่าสิบปี ก็ไม่สามารถลืมได้ หากนางไม่รู้สึกขอบคุณผู้มีพระคุณของตัวเอง แล้วจะพูดถึงการมีใจกว้างใหญ่ไพศาลได้อย่างไร“เป็นพ่อหนึ่งวัน ย่อมเป็นพ่อตลอดไป แม่เลี้ยงก็คือแม่แท้ๆ พวกท่านเหมาะสมแล้ว”อินชิงเสวียนมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่น้ำเสียงกลับไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยความรู้สึกห่างเหินเล็กน้อยของอินจ้งนั้นหายไปในทันที จับมือนางแน่นๆ“ดี ดี ลูกสาวคนดี!”ซูหมิงหลานก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน แม้ว่านางจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวแล้ว แต่หากไม่มีอินชิงเสวียน สถานะนี้ก็ไม่สมบูรณ์ อินหลีที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวโน้มน้าวเบาๆ “ท่านพี่พี่สะใภ้ไม่ต้องร้อง หากมีเรื่องอะไรไว้ค่อยกลับไปพูดที่บ้านเถิด เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิดกันไปใหญ่โต”อินจ้งรู้สึกตัวเพราะคำพูดนี้ เห็นผู้คนที่เอาแต่ยืดคอมองมาทางนี้ เขาก็พยักหน้าโดยเร็ว“ถูกต้อง เรากลับไปคุยกันที่บ้านนะ”อินชิงเสวียนดึงเป่าเล่อเอ่อร
ทหารที่อยู่ข้างหน้าเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ครั้นแล้วก็มองเห็นชุดเกราะสีแดงรางๆเฉิงเฟิ่งโหลวสะดุ้งเล็กน้อย นี่...อาจเป็นทหารเปลวเพลิงสีชาดของราชาสงครามอาภรณ์ขาวกระมัง?ถ้ามารับเสด็จฮ่องเต้ เหตุใดจึงสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก?หรือว่าว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวง อ๋องสิบสาม...ก่อกบฏ?มือที่กุมกระบี่ของเฉิงเฟิ่งโหลวสั่นเทา เขาดึงสายบังเหียนออกทันที แม้ว่าเจ้านายกับนายหญิงจะมีทักษะวรยุทธ์สูง แต่มือเดียวสู้มือหลายไม่ได้ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาดูสิ้นหวัง “ฝ่าบาท เสด็จขึ้นรถม้าเร็วเข้า”เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แม้ว่าทั่วทั้งโลกจะทรยศเขา แต่เสด็จอาจะไม่มีวันทรยศเขา นี่คือความมั่นใจของเขา การสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก ถือเป็นมารยาทสูงสุดของค่ายเปลวเพลิงสีชาดในชั่วพริบตา ทหารม้าขบวนนั้นก็มาถึงเบื้องหน้า พวกเขาควบม้าและเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นแยกออกจากกันเป็นสองทาง เผยให้เห็นร่างที่สวมชุดคลุมสีขาวชายผู้นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ท่วงท่าไม่ธรรมดาสามัญ แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดราวกับหิมะ และเสื้อผ้าพลิ้วไหวดุจดั่งเทพเซียนเขาพลิกตัวลงจากม้า เดินเร็วๆ ไปที่รถม้า สะบัดเสื้อคล
ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองหลวงอินชิงเสวียนไม่สามารถทนต่อการโคลงเคลงสั่นสะเทือนได้ นางจึงอยู่ในมิติกับเสี่ยวหนานเฟิงเกือบตลอดเวลาในช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันนี้ นางพบว่าเสี่ยวหนานเฟิงไม่เพียงแต่ฉลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนวรยุทธ์อีกด้วยอายุยังน้อยไม่เพียงแต่เรียนรู้บทกวีในสมัยถังและซ่ง ยังมีกำลังภายในลึกล้ำน่าประหลาดใจ มือซ้ายสามารถใช้เคล็ดวิชาใจเพียวเหมี่ยวได้ มือขวาใช้เคล็ดวิชาใจตำหนักเทพได้ แม้กระทั่งเรียนรู้วิชาขลุ่ยลวงใจของเจ้าสำนักเซี่ยว อินชิงเสวียนนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าช่วงที่นางไม่ได้อยู่กับเสี่ยวหนานเฟิงนั้น เขาได้เรียนรู้วิชามาจากทุกคนรอบตัวเขา“แค่กๆ เจ้า...ชอบฝึกวรยุทธ์หรือเปล่า?”จากมุมมองที่เห็นแก่ตัว อินชิงเสวียนไม่ต้องการให้เสี่ยวหนานเฟิงมีฝีมมือสูงส่งเกินไป ท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งมีความสามารถสูง ความรับผิดชอบก็ยิ่งสูงตาม ศาสตร์แห่งราชาต่างหาก คือสิ่งที่เขาควรต้องศึกษาเสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาโตแล้วพูดว่า “ชอบสิ รู้วรยุทธ์ ก็สามารถปกป้องท่านแม่ได้”อินชิงเสวียนกอดลูกชายตัวนุ่มนิ่มและมีกลิ่นหอม แล้วพูดอย่างจริงจัง “ต่อจากนี้ไปสิ่งที่เจ้
ระหว่างเจ้าสำนักเซี่ยวและเจ้าสำนักเฮ่อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ทว่าระหว่างเซี่ยวอิ่นหวนและลิ่นเซียวนั้นอยู่ในระดับปานกลาง จนแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลยบัดนี้เห็นเขาขวางทาง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการตายของศิษย์น้องเฟิ่งอี๋ ทำให้กลายเป็นคนสติเลอะเลือน กระทำการสิ่งใดล้วนไม่ผ่านการใช้ความคิด เป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจทันทีว่าเขามีเจตนาอะไรลิ่นเซียวรู้จักนาง พยักหน้าเบาๆ“เฟิ่งอี๋ตายแล้ว ข้ารู้แล้ว”เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เดิมก็เจ็บปวดจากการพลัดพรากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดถึงศิษย์น้องที่รักดุจน้องสาว หางตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีริมฝีปากของนางสั่นเทา ลดเสียงลง กดซ่อนความเศร้าไว้ในใจ“ศิษย์พี่ลิ่นควรจะออกมาสู่ความจริงได้แล้ว ถ้าศิษย์น้องอยู่บนสวรรค์มีญาณรับรู้ คงไม่อยากเห็นท่านจมปลักอยู่ที่นี่เพราะนางแน่นอน...”ลิ่นเซียวไม่ต่อคำ แต่พูดต่อว่า “ตาเฒ่าเซี่ยวก็จากไปแล้วเช่นกัน”หัวใจของเซี่ยวอิ่นหวนเจ็บปวดรวดร้าวอีกครั้ง ก้มหน้าสะอื้น“พ่อบุญธรรมเสียชีวิตเพื่อผดุงความยุติธรรมในยุทธจักร ไม่ผิดต่อปณิธานที่ก่อตั้งหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์”ลิ่นเซียวย
อินชิงเสวียนมอบตั๋วเงินเงินอีกหนึ่งพันตำลึงให้แก่ทั้งสามคน กำชับพวกเขาว่าอย่าใช้ฟุ่มเฟือย หากไม่เจอตัวคน ก็สามารถไปพำนักที่เมืองหลวงได้ทั้งสามพยักหน้าซ้ำๆ ขนของทั้งหมดขึ้นรถม้า และจากไปอย่างมีความสุขอินชิงเสวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้“นิสัยแบบนี้นี่เข้ากับเย่จิ่งหลานได้เป็นอย่างดี”เย่จิ่งอวี้ก็มองไปที่ทั้งสามคน พูดด้วยรอยยิ้ม “ชาวยุทธ์ ก็ควรจะเป็นอิสระไม่ยึดติดอย่างชาวยุทธ์ นี่แหละคือความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริง!”“เช่นนั้นพวกเราก็ควรจากไปอย่างไม่ยึดติดใช่ไหม”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น มองไปยังเย่จิ่งอวี้ ทั้งสองตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ว่าแทนที่จะรอให้พวกเขาสร่างเมา พลัดพรากจากกันด้วยความเป็นความตาย มิสู้จากไปอย่างเงียบๆ “ข้าเชื่อเมียข้าอยู่แล้ว”เย่จิ่งอวี้ผิวปาก เงาสีขาวสองเงาพุ่งออกมาจากระยะไกล ตามมาด้วยรถม้าอินชิงเสวียนตะโกนอย่างมีความสุข“ไป๋เสวี่ย เสี่ยวไป๋!”ไป๋เสวี่ยกางอุ้งเท้าใหญ่ แล้วกอดเอวของอินชิงเสวียนอย่างเสน่หาเสี่ยวไป๋ก็กลิ้งหน้าถูขาของอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นการแสดงความใกล้ชิดกับคนที่หาได้ยากอินชิงเสวียนลูบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย จากนั้นลูบหัวของเสี่ยวไป๋
เฮ่อซือจวินออกแรงดึงอินชิงเสวียนขึ้นมา แล้วกอดนางไว้ พูดเสียงสะอื้น “เจ้ายอมรับข้า ข้ารู้สึกขอบคุณยิ่งนัก ชั่วชีวิตนี้จะพยายามดูแลสุขภาพของท่านพ่อและน้าเหมยอย่างเต็มที่”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของนาง แล้วพูดเสียงอ่อนหวาน “ท่านเป็นพี่สาวต่างแม่ของข้า จะแตกต่างจากพี่สาวแท้ๆ ได้อย่างไร หากท่านอยู่ในอิ๋นเฉิงแล้วรู้สึกเหนื่อยล้า ก็ไปหาข้าที่เมืองหลวงได้ ข้าจะพาท่านท่องเที่ยวให้สำราญใจแน่นอน”เฮ่อซือจวินพยักหน้าโดยเร็ว“ได้ ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน”“สนใจแต่พี่สาวของเจ้าเท่านั้น ไม่ต้องการพี่ชายแล้วหรือ”เฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาจากประตู สวมเสื้อคลุมใบไผ่สีเขียวที่ขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลา สง่า และเป็นวีรบุรุษไม่ธรรมดา“ชิงเสวียนคำนับพี่ใหญ่”อินชิงเสวียนโค้งคำนับ เฮ่อฉางเฟิงก็รีบเอื้อมมือไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้อง ไม่ต้องมากพิธี ตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือ”อินชิงเสวียนถอนหายใจ“พรุ่งนี้น่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่กี่วันก็ต้องไปอยู่ดี ฮ่องเต้จากเมืองหลวงมานานเกินไปแล้ว ในใจพะวงถึงอยู่ตลอด ถึงเวลาต้องกลับไปดูแลแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงก็ตัดใจจากน้องสาวไม่ได้ และยังไม่อ