อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง“ข้าจะมีความลับอะไร ถึงทำให้ชาวเฟยเหยากังวลในตัวข้า”ชิงฮุยกล่าวว่า “ตัวอย่างเช่น เหตุใดกำลังภายในของเจ้าจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมิติวิเศษในตัวของเจ้า...แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็สามารถรับรู้ได้ บางทีสิ่งเหล่านี้ อาจเพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อโชคชะตา แคว้นเฟยเหยารอมาเนิ่นนาน การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องประสบความสำเร็จ จะต้องไม่มีคำว่าล้มเหลว!”อินชิงเสวียนเม้มริมฝีปากหัวเราะเบาๆ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่ามันเป็นความลับ ข้าจะบอกเจ้าได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร เว้นแต่เจ้าจะเต็มใจที่จะปล่อยข้าไป ข้าอาจจะเต็มใจที่จะพิจารณาก็ได้”ชิงฮุยก็ยิ้มเช่นกัน“ไม่เป็นไร ข้ามีความอดทนมากพอ”เมื่อเห็นว่าการสนทนาไม่เป็นไปด้วยดี อินชิงเสวียนก็หลับตาอีกครั้ง ไม่พูดอะไรอีก นางแค่หวังว่าชิงฮุยจะจากไปโดยเร็วราวสามสิบนาที บริเวณโดยรอบกลับมาสงบ แต่ใบหน้าของลั่วสุ่ยชิงกลับซีดเซียวมากขึ้น มีชั้นเหงื่อบางๆ ไหลออกมาบนหน้าผากของนาง“ลั่วสุ่ยชิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”อินชิงเสวียนถามด้วยเสียงแผ่วต่ำกำลังภายในของนางก็สูญเสียไปเช่นกัน แต่ไม่ได้รวดเร็วเช่นนั้น เพื่อไม่ให้ลั่วสุ่ยชิงและ
“เป็นพวกเจ้านักพรตจมูกวัวอีกแล้ว ข้ามีธุระที่ต้องทำ ไม่มีเวลาทะเลาะกับพวกเจ้า ออกไปให้พ้นทาง ถ้ามีอะไร ก็ให้นักพรตเทียนชิงมาหาข้าเอง”เย่จิ่งหลานร้อนใจดั่งไฟเผา ย่อมไม่อยากมีปัญหามากขึ้นอยู่แล้วหากไม่นับว่าอินชิงเสวียนกับเขาเป็นคนที่ข้ามภพมาเหมือนกัน ลำพังแค่ในราชวงศ์ต้าโจว นางก็มีบทบาทสำคัญเช่นกันก่อนที่จะมาถึงเทือกเขาเชื่อมเมฆา เย่จิ่งหลานยังสามารถแยกตัวเองออกจากผู้คนในยุคนี้ หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าเขาได้รวมตัวเข้ากับราชวงศ์ที่แปลกประหลาดนี้อย่างช้าๆ ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ และเกิดความรู้สึกของการเป็นเจ้าของโดยอัตโนมัติ จะเอื่อยเฉื่อยเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้วนักพรตเต๋าประกบมือไว้อย่างเรียบร้อย ยืนอยู่กลางถนน เสื้อคลุมนักพรตเต๋าสีน้ำเงินเทาดูโทรมเล็กน้อย แต่ถูกซักให้สะอาดมาก ชายเสื้อคลุมถูกลมพัดปลิวว่อน ท่ามกลางสายลมนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับเป็นเทพเซียนจุติ เขามองเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าสงบ ไม่มีสีหน้าหงุดหงิดแม้แต่น้อย“คุณชายท่านนี้ตามหาใครใช่หรือไม่ อาตมภาพเชี่ยวชาญเรื่องการทำนายดวง อาจช่วยชี้ทางให้ได้”“เจ้าไม่ได้มาตามหาข้างั้นหรือ”เย่จิ่งหลานรู้สึกประหลาดใจเล็
ในภูเขาลั่วสุ่ยชิงทำตามวิธีทำลายค่ายกลที่อินชิงเสวียนบอก และก็เปิดประตูชีวิตได้จริงๆ เมื่อเห็นหมอกสีดำเหนือศีรษะค่อยๆ สลายไป ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน และทั้งคู่ต่างก็เห็นความสุขในแววตาของกันและกัน“ออกไปจากที่นี่ก่อน”ลั่วสุ่ยชิงจับข้อมือของอินชิงเสวียน เหาะเหินเดินอากาศออกจากค่ายกลไปแสงระเรื่อของดวงอาทิตย์ที่กำลังตกสะท้อนจากภูเขา อีกคืนหนึ่งกำลังจะผ่านพ้นไปอินชิงเสวียนพะวงเรื่องความปลอดภัยของอิ๋นเฉิง ทันทีที่ยืนนิ่ง ก็โค้งคำนับต่อลั่วสุ่ยชิง“ไม่ทราบว่าแม่นางชิงสามารถตามข้ากลับไปที่อิ๋นเฉิงได้หรือไม่ หากค่ายกลเป็นอย่างที่แม่นางพูดจริงๆ ชาวเมืองอิ๋นเฉิงจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน”กำลังภายในส่วนใหญ่ของลั่วสุ่ยชิงถูกดูดออกไป นางอ่อนแอมาก ใบหน้าที่ซีดเซียวเต็มไปด้วยเหงื่อนางหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ แต่เกรงว่าฝีเท้าในตอนนี้ของข้าจะไม่เร็วพอ”“ข้าจะให้เจ้าขี่หลัง”อินชิงเสวียนคว้าข้อมือของลั่วสุ่ยชิง กำลังจะอุ้มนางไว้บนหลัง ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆพวกเขาทั้งสองมองไปข้างๆ พร้อมกัน และทันใดนั้นก็เห็นชิงฮุยปีนขึ้นบันไดด้วยความเสียใจเล็กน้
อินชิงเสวียนซัดฝ่ามือออกไปสองครั้ง หันกลับมาแล้วถามว่า “เจ้าหมายความว่า เจ้าเคยติดต่อกับคนแคระโมริตะ?”ชิงฮุยยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าพวกเจ้าเต็มใจติดตามข้า ข้าจะไม่ให้เขาทำร้ายพวกเจ้าเลย”อินชิงเสวียนยิ้มเยาะอย่างเย็นชา“น่าขัน ข้าเป็นถึงฮองเฮาแห่งต้าโจว ข้าจะถูกคนที่แสร้งเป็นคนดีหลอกลวงได้อย่างไร”ก่อนที่เขาจะพูดจบ ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกด้วยฝ่ามือ มีเลือดไหลออกมาจากริมฝีปาก“แม่นางอิน ไม่ต้องสนใจข้า ท่องจำคำนี้ไว้ มันจะช่วยเจ้าทำลายค่ายกลได้”ลั่วสุ่ยชิงสูดลมหายใจเข้าแรงแล้วพูดอย่างเร่งด่วน “หลักเต๋าไร้นาม หล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง เปลี่ยนหยินหยาง หยินแยกออกเป็นสอง ตั้งทิศตะวันออกเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล... “ก่อนที่นางจะพูดจบ ชิงฮุยก็เคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพติดตา และปรากฏตัวต่อหน้าลั่วสุ่ยชิง เขาชี้ปราณกระบี่ไปที่ลำคอของนาง“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว”ลั่วสุ่ยชิงถูกควบคุมลำคอ ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก“อย่าทำร้ายนาง!”อินชิงเสวียนทั้งร้อนใจทั้งโกรธ พยายามเรียกใบมีดทะมึนแห่งมิติออกมา แต่ยังไม่มีเสียงใดๆ ราวกับว่านางสูญเสียการติดต่อกับมิตินั้นไปโดยสิ้นเชิงด
ความเร็วของชิงฮุยเร็วมาก จนคำว่าสายฟ้าเทียบไม่ติดด้วยซ้ำ ด้วยความสามารถทางสายตาของอินชิงเสวียนในปัจจุบัน ยังมองเห็นได้เพียงภาพติดตาเท่านั้นนางรีบถอยกลับมาป้องกัน นิ้วของชิงฮุยสัมผัสกับผิวหนังแล้ว ปราณกระบี่อันเยียบเย็นราวกับโลหะ ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกแทงทะลุผิวหนังหรือว่า นางจะต้องตายที่นี่วันนี้?ทันใดนั้น นางก็นึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองเพิ่มข้ามภพมา ยังคิดถึงชายหนุ่มรูปหล่อที่ประทับบนบัลลังก์มังกรด้วยท่วงท่าสง่างามผู้นั้นแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะจบลงในวันนี้อินชิงเสวียนหลับตาด้วยความสิ้นหวัง กระบวนท่านี้ ต้านทานไม่ได้และป้องกันไม่ได้“บังอาจ!”เสียงตะโกนดังก้องไปในอากาศ ปราณบางเบากลุ่มหนึ่งก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกายของอินชิงเสวียนในทันทีชิงฮุยยังถูกปิดกั้นด้วยม่านพลังที่มองไม่เห็นนี้ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกอินชิงเสวียนรู้สึกยินดีระคนประหลาดใจอย่างมาก“อาอวี้!”ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีมือข้างหนึ่งยกขึ้นมา ความกดดันอันทรงพลังบีบเค้นอวัยวะภายใน อินชิงเสวียนรู้สึกว่าการหายใจถูกปิดกั้น หัวใจเหมือนจะทะลุขึ้นมาในลำคอลั่วสุ่ยชิงรู้สึกถึงคาวเลือดในลำคอ จากนั้นก็มีเลือดพ
อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา“วิธีที่ผิดทำนองคลองธรรม มีอะไรน่าภาคภูมิใจ”ชิงฮุยหันหน้าไปทางภูเขา มีเสียงดังกังวาน“จะใช้วิธีไหนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือใครเป็นผู้ชนะ”ทันใดนั้นเขาก็ลงมือ แต่ถูกหยุดโดยฝ่ามือของเย่จิ่งอวี้“เสวียนเอ๋อร์ เจ้ายับยั้งจิ่งหลาน ข้าจะจัดการกับเขาเอง”“ได้”อินชิงเสวียนรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชิงฮุย จึงไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ แลกเปลี่ยนคู่ต่อสู้กับเย่จิ่งอวี้ทันทีชิงฮุยดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับเย่จิ่งอวี้ ชายเสื้อคลุมกระพือพลิ้ว ก้าวถอยหลังไปหลายจั้ง ลั่วสุ่ยชิงซึ่งนั่งอยู่บนพื้นดูเหมือนจะถูกดึงดูด นางลอยไปที่ฝ่ามือของเขา“ไปล่ะ”เขาส่งเสียงคำรามยาวๆ และลอยลงไปตามภูเขา เย่จิ่งอวี้หันกลับมาหมายจะจับเย่จิ่งหลาน แต่จับได้เพียงความว่างเปล่า เมื่อหันกลับมา เย่จิ่งหลานก็เหมือนกับถูกเคลื่อนย้ายทันที คนคนนั้นก็ปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยก้าวแล้ว“อย่าเดินมั่ว อาจมีค่ายกลอยู่ที่นี่”อินชิงเสวียนเอื้อมมือออกไปจับเย่จิ่งอวี้ไว้ ทั้งสองก้าวไปข้างหน้าสหลายก้าว และทิวทัศน์ตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย“จริงด้วย เช่นนั้นข้าจ
นางนึกในใจ ครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ก็ปรากฏตัวขึ้นในมิติ“หรือว่า ค่ายกลถูกทำลายไปแล้ว?”เย่จิ่งอวี้รู้จักนิสัยของอินชิงเสวียนเป็นอย่างดี นางไม่ทะนงตน ตราบใดที่สามารถหนีได้ นางไม่มีทางยืนนิ่งรอความตายอย่างแน่นอนที่นางไม่ได้หนีไป มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมิติถูกระงับอินชิงเสวียนพยักพเยิดอย่างตื่นเต้น“หนึ่งกำลังสามารถเอาชนะสิบกลเม็ดได้จริงๆ หากกระหน่ำพลังใช้ได้ดี ก็สามารถใช้เป็นอาวุธลับได้เลย”นางอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงเดินไปหาเย่จิ่งอวี้“ทางนี้ ข้าจะให้ท่านดูยอดอัจฉริยะน้อย”เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือออกไปรับลูกชาย ถามด้วยสีหน้ารักและเอ็นดู “หรือว่าจ้าวเอ๋อร์ก่อเรื่องขึ้นแล้ว?”อินชิงเสวียนเหลือบมองเขาอย่างค้อนๆ“ท่านคิดในทางที่ดีบ้างไม่ได้หรือไง ข้าอยากจะบอกท่านว่า ลูกชายของท่านสามารถมองเห็นกุญแจสำคัญของค่ายกลได้ บางทีการทำลายค่ายกลในอิ๋นเฉิง อาจต้องพึ่งเขาแล้ว”“โอ้?”เย่จิ่งอวี้มองไปที่เสี่ยวหนานเฟิงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ“เสด็จแม่ของเจ้าพูดจริงหรือ”เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างเฉลียวฉลาด เปิดปากเล็กๆ พูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว ที่กักขังเสด็จพ่อกับเสด็จแม่อยู่น่ะ เป็นก้อนหินไม่กี่ก
เย่จิ่งอวี้ตกตะลึงเล็กน้อย“เสวียนเอ๋อร์หมายความว่าอย่างไร หรือว่าเจ้าค้นพบอะไรบางอย่าง”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาตามคำพูดของชิงฮุยเท่านั้น ส่วนที่เหลือ เป็นเพียงความรู้สึก แม้ว่าคำพูดเช่นนี้จะลึกลับไปหน่อย แต่ในบางครั้งสัมผัสที่หกของผู้หญิงก็มีความแม่นยำมาก”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เจตนาของเขาคงไม่ใช่แค่การกอบกู้แคว้นธรรมดา?”หากคนหนึ่งสามารถทนได้นานขนาดนี้ และวางแผนได้นานขนาดนี้ แค่แคว้นแคว้นหนึ่งจะทำให้เขาพอใจได้จริงหรือเมื่อได้ยินคำพูดของเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็ใจเต้นรัว“แล้วเขาต้องการอะไรล่ะ?”“ไม่รู้”เย่จิ่งอวี้ตอบชัดเจนในทันทีอินชิงเสวียนกลอกตามองบนอย่างพูดไม่ออก“ท่านสามารถตั้งสมมติฐานได้ ลองคิดแบบกล้าๆ ดู”เสี่ยวหนานเฟิงซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่จิ่งอวี้ ใบหน้าเล็กๆ ฝังอยู่ในอกของพ่อ ทั้งสองคนใช้วิชาตัวเบา อัตราความเร็วย่อมไม่ช้าอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูเขาที่มีลมแรง เย่จิ่งอวี้ยกแขนเสื้อขึ้นกันเขาไว้ตลอดเวลาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจ้าเด็กอ้วนก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหัวเล็กป้อมออกมา แล้วพูดด้วยรอ