ในภูเขาลั่วสุ่ยชิงทำตามวิธีทำลายค่ายกลที่อินชิงเสวียนบอก และก็เปิดประตูชีวิตได้จริงๆ เมื่อเห็นหมอกสีดำเหนือศีรษะค่อยๆ สลายไป ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน และทั้งคู่ต่างก็เห็นความสุขในแววตาของกันและกัน“ออกไปจากที่นี่ก่อน”ลั่วสุ่ยชิงจับข้อมือของอินชิงเสวียน เหาะเหินเดินอากาศออกจากค่ายกลไปแสงระเรื่อของดวงอาทิตย์ที่กำลังตกสะท้อนจากภูเขา อีกคืนหนึ่งกำลังจะผ่านพ้นไปอินชิงเสวียนพะวงเรื่องความปลอดภัยของอิ๋นเฉิง ทันทีที่ยืนนิ่ง ก็โค้งคำนับต่อลั่วสุ่ยชิง“ไม่ทราบว่าแม่นางชิงสามารถตามข้ากลับไปที่อิ๋นเฉิงได้หรือไม่ หากค่ายกลเป็นอย่างที่แม่นางพูดจริงๆ ชาวเมืองอิ๋นเฉิงจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน”กำลังภายในส่วนใหญ่ของลั่วสุ่ยชิงถูกดูดออกไป นางอ่อนแอมาก ใบหน้าที่ซีดเซียวเต็มไปด้วยเหงื่อนางหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ แต่เกรงว่าฝีเท้าในตอนนี้ของข้าจะไม่เร็วพอ”“ข้าจะให้เจ้าขี่หลัง”อินชิงเสวียนคว้าข้อมือของลั่วสุ่ยชิง กำลังจะอุ้มนางไว้บนหลัง ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆพวกเขาทั้งสองมองไปข้างๆ พร้อมกัน และทันใดนั้นก็เห็นชิงฮุยปีนขึ้นบันไดด้วยความเสียใจเล็กน้
อินชิงเสวียนซัดฝ่ามือออกไปสองครั้ง หันกลับมาแล้วถามว่า “เจ้าหมายความว่า เจ้าเคยติดต่อกับคนแคระโมริตะ?”ชิงฮุยยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าพวกเจ้าเต็มใจติดตามข้า ข้าจะไม่ให้เขาทำร้ายพวกเจ้าเลย”อินชิงเสวียนยิ้มเยาะอย่างเย็นชา“น่าขัน ข้าเป็นถึงฮองเฮาแห่งต้าโจว ข้าจะถูกคนที่แสร้งเป็นคนดีหลอกลวงได้อย่างไร”ก่อนที่เขาจะพูดจบ ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกด้วยฝ่ามือ มีเลือดไหลออกมาจากริมฝีปาก“แม่นางอิน ไม่ต้องสนใจข้า ท่องจำคำนี้ไว้ มันจะช่วยเจ้าทำลายค่ายกลได้”ลั่วสุ่ยชิงสูดลมหายใจเข้าแรงแล้วพูดอย่างเร่งด่วน “หลักเต๋าไร้นาม หล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง เปลี่ยนหยินหยาง หยินแยกออกเป็นสอง ตั้งทิศตะวันออกเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล... “ก่อนที่นางจะพูดจบ ชิงฮุยก็เคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพติดตา และปรากฏตัวต่อหน้าลั่วสุ่ยชิง เขาชี้ปราณกระบี่ไปที่ลำคอของนาง“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว”ลั่วสุ่ยชิงถูกควบคุมลำคอ ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก“อย่าทำร้ายนาง!”อินชิงเสวียนทั้งร้อนใจทั้งโกรธ พยายามเรียกใบมีดทะมึนแห่งมิติออกมา แต่ยังไม่มีเสียงใดๆ ราวกับว่านางสูญเสียการติดต่อกับมิตินั้นไปโดยสิ้นเชิงด
ความเร็วของชิงฮุยเร็วมาก จนคำว่าสายฟ้าเทียบไม่ติดด้วยซ้ำ ด้วยความสามารถทางสายตาของอินชิงเสวียนในปัจจุบัน ยังมองเห็นได้เพียงภาพติดตาเท่านั้นนางรีบถอยกลับมาป้องกัน นิ้วของชิงฮุยสัมผัสกับผิวหนังแล้ว ปราณกระบี่อันเยียบเย็นราวกับโลหะ ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกแทงทะลุผิวหนังหรือว่า นางจะต้องตายที่นี่วันนี้?ทันใดนั้น นางก็นึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองเพิ่มข้ามภพมา ยังคิดถึงชายหนุ่มรูปหล่อที่ประทับบนบัลลังก์มังกรด้วยท่วงท่าสง่างามผู้นั้นแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะจบลงในวันนี้อินชิงเสวียนหลับตาด้วยความสิ้นหวัง กระบวนท่านี้ ต้านทานไม่ได้และป้องกันไม่ได้“บังอาจ!”เสียงตะโกนดังก้องไปในอากาศ ปราณบางเบากลุ่มหนึ่งก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกายของอินชิงเสวียนในทันทีชิงฮุยยังถูกปิดกั้นด้วยม่านพลังที่มองไม่เห็นนี้ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกอินชิงเสวียนรู้สึกยินดีระคนประหลาดใจอย่างมาก“อาอวี้!”ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีมือข้างหนึ่งยกขึ้นมา ความกดดันอันทรงพลังบีบเค้นอวัยวะภายใน อินชิงเสวียนรู้สึกว่าการหายใจถูกปิดกั้น หัวใจเหมือนจะทะลุขึ้นมาในลำคอลั่วสุ่ยชิงรู้สึกถึงคาวเลือดในลำคอ จากนั้นก็มีเลือดพ
อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา“วิธีที่ผิดทำนองคลองธรรม มีอะไรน่าภาคภูมิใจ”ชิงฮุยหันหน้าไปทางภูเขา มีเสียงดังกังวาน“จะใช้วิธีไหนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือใครเป็นผู้ชนะ”ทันใดนั้นเขาก็ลงมือ แต่ถูกหยุดโดยฝ่ามือของเย่จิ่งอวี้“เสวียนเอ๋อร์ เจ้ายับยั้งจิ่งหลาน ข้าจะจัดการกับเขาเอง”“ได้”อินชิงเสวียนรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชิงฮุย จึงไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ แลกเปลี่ยนคู่ต่อสู้กับเย่จิ่งอวี้ทันทีชิงฮุยดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับเย่จิ่งอวี้ ชายเสื้อคลุมกระพือพลิ้ว ก้าวถอยหลังไปหลายจั้ง ลั่วสุ่ยชิงซึ่งนั่งอยู่บนพื้นดูเหมือนจะถูกดึงดูด นางลอยไปที่ฝ่ามือของเขา“ไปล่ะ”เขาส่งเสียงคำรามยาวๆ และลอยลงไปตามภูเขา เย่จิ่งอวี้หันกลับมาหมายจะจับเย่จิ่งหลาน แต่จับได้เพียงความว่างเปล่า เมื่อหันกลับมา เย่จิ่งหลานก็เหมือนกับถูกเคลื่อนย้ายทันที คนคนนั้นก็ปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยก้าวแล้ว“อย่าเดินมั่ว อาจมีค่ายกลอยู่ที่นี่”อินชิงเสวียนเอื้อมมือออกไปจับเย่จิ่งอวี้ไว้ ทั้งสองก้าวไปข้างหน้าสหลายก้าว และทิวทัศน์ตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย“จริงด้วย เช่นนั้นข้าจ
นางนึกในใจ ครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ก็ปรากฏตัวขึ้นในมิติ“หรือว่า ค่ายกลถูกทำลายไปแล้ว?”เย่จิ่งอวี้รู้จักนิสัยของอินชิงเสวียนเป็นอย่างดี นางไม่ทะนงตน ตราบใดที่สามารถหนีได้ นางไม่มีทางยืนนิ่งรอความตายอย่างแน่นอนที่นางไม่ได้หนีไป มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมิติถูกระงับอินชิงเสวียนพยักพเยิดอย่างตื่นเต้น“หนึ่งกำลังสามารถเอาชนะสิบกลเม็ดได้จริงๆ หากกระหน่ำพลังใช้ได้ดี ก็สามารถใช้เป็นอาวุธลับได้เลย”นางอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงเดินไปหาเย่จิ่งอวี้“ทางนี้ ข้าจะให้ท่านดูยอดอัจฉริยะน้อย”เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือออกไปรับลูกชาย ถามด้วยสีหน้ารักและเอ็นดู “หรือว่าจ้าวเอ๋อร์ก่อเรื่องขึ้นแล้ว?”อินชิงเสวียนเหลือบมองเขาอย่างค้อนๆ“ท่านคิดในทางที่ดีบ้างไม่ได้หรือไง ข้าอยากจะบอกท่านว่า ลูกชายของท่านสามารถมองเห็นกุญแจสำคัญของค่ายกลได้ บางทีการทำลายค่ายกลในอิ๋นเฉิง อาจต้องพึ่งเขาแล้ว”“โอ้?”เย่จิ่งอวี้มองไปที่เสี่ยวหนานเฟิงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ“เสด็จแม่ของเจ้าพูดจริงหรือ”เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างเฉลียวฉลาด เปิดปากเล็กๆ พูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว ที่กักขังเสด็จพ่อกับเสด็จแม่อยู่น่ะ เป็นก้อนหินไม่กี่ก
เย่จิ่งอวี้ตกตะลึงเล็กน้อย“เสวียนเอ๋อร์หมายความว่าอย่างไร หรือว่าเจ้าค้นพบอะไรบางอย่าง”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาตามคำพูดของชิงฮุยเท่านั้น ส่วนที่เหลือ เป็นเพียงความรู้สึก แม้ว่าคำพูดเช่นนี้จะลึกลับไปหน่อย แต่ในบางครั้งสัมผัสที่หกของผู้หญิงก็มีความแม่นยำมาก”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เจตนาของเขาคงไม่ใช่แค่การกอบกู้แคว้นธรรมดา?”หากคนหนึ่งสามารถทนได้นานขนาดนี้ และวางแผนได้นานขนาดนี้ แค่แคว้นแคว้นหนึ่งจะทำให้เขาพอใจได้จริงหรือเมื่อได้ยินคำพูดของเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็ใจเต้นรัว“แล้วเขาต้องการอะไรล่ะ?”“ไม่รู้”เย่จิ่งอวี้ตอบชัดเจนในทันทีอินชิงเสวียนกลอกตามองบนอย่างพูดไม่ออก“ท่านสามารถตั้งสมมติฐานได้ ลองคิดแบบกล้าๆ ดู”เสี่ยวหนานเฟิงซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่จิ่งอวี้ ใบหน้าเล็กๆ ฝังอยู่ในอกของพ่อ ทั้งสองคนใช้วิชาตัวเบา อัตราความเร็วย่อมไม่ช้าอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูเขาที่มีลมแรง เย่จิ่งอวี้ยกแขนเสื้อขึ้นกันเขาไว้ตลอดเวลาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจ้าเด็กอ้วนก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหัวเล็กป้อมออกมา แล้วพูดด้วยรอ
อินชิงเสวียนเชื่อแล้วโดยสิ้นเชิง ลูกชายของนางไม่ธรรมดาจริงๆ“อาอวี้ ทำตามที่จ้าวเอ๋อร์บอกเถอะ ลั่วสุ่ยชิงเคยบอกวิธีทำลายค่ายกลกับข้าแล้ว แต่ถูกชิงฮุยขัดจังหวะเสียก่อน พอมาใคร่ครวญดูแล้ว มันก็คล้ายกับที่จ้าวเอ๋อร์พูด”“ได้”“รอเดี๋ยวก่อน”เสี่ยวหนานเฟิงตะโกนหยุดทั้งสองคนด้วยเสียงแหลมใส“มีอะไรหรือ”อินชิงเสวียนมองดูลูกชายอย่างพิศวงเสี่ยวหนานเฟิงจ้องมองลงด้วยดวงตากลมโต มองจากท้องฟ้าลงมาข้างล่าง แล้วพูดว่า “เรื่องนี้ดูจะยากสักหน่อย”“ยังมีกลไกอย่างอื่นอีกงั้นหรือ”เย่จิ่งอวี้ถามเสี่ยวหนานเฟิงทำปากมู่ทู่ พยายามเรียบเรียงคำพูด“ยังมีกลิ่นอายอื่นอยู่ที่นี่ ไม่กำจัดออกไป ก็ทำไม่ได้นะ”เขาเห็นหมอกสีดำทะมึนมากมายกระจายอยู่บนท้องฟ้า แม้ว่าเสี่ยวหนานเฟิงจะฉลาด แต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายกลิ่นอายที่น่ากลัวนี้ได้ซึ่งลักษณะสำคัญที่สุดของค่ายกลที่ชิงฮุยสร้างขึ้นคือพลังหยินของคนตายเหล่านี้ อาศัยแค่การทำลายหัวใจค่ายกลสองสิ่งนั้น ไม่สามารถทำลายค่ายกลที่ชั่วร้ายได้อย่างสมบูรณ์ทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พวกเขาไม่เห็นสิ่งที่เสี่ยวหนานเฟิงเห็น แต่ก็พอจะเข้าใจความหมายของลูกชายอยู่ค
เมื่อเห็นประตูใหญ่ทางเข้าจวนเจ้าเมืองเปิดกว้าง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเยียบเย็นสะท้านใจ นางรีบวิ่งเข้าไปในเมือง เห็นคนมากกว่ายี่สิบคนรวมตัวกันเป็นวงกลม นั่งตรงข้ามกัน ซึ่งคนเหล่านั้นคือเฮ่อยวนกับเหมยชิงเกอและคนอื่นๆ “ท่านพ่อ ท่านแม่!”อินชิงเสวียนแตะตัวพวกเขาเบาๆ ทั้งสองก็ล้มลงกับพื้นทันที อินชิงเสวียนหน้าซีดเซียวอย่างอดไม่ได้ วางปลายนิ้วอันสั่นเทาอังใต้จมูกของพวกเขา ทว่าไม่มีลมหายใจแล้วครั้นจึงมองไปที่เฮ่ออวิ๋นทง ผู้อาวุโสสวี เก่อหงยวนและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างกัน พวกเขาต่างก็มีลักษณะเช่นเดียวกันนอกจากนี้ ยังมีบาดแผลจากกระบี่และบาดแผลที่ฝ่ามือมากมายบนร่างกายของพวกเขา หากมองดูใกล้ๆ จะเห็นว่าล้วนเป็นกระบวนท่าที่คุ้นเคย ราวกับว่าต่อสู้กันจนตายเมื่อเห็นคนคุ้นเคยเหล่านี้ไร้ซึ่งสัญญาณแห่งชีวิต อินชิงเสวียนรู้สึกปวดร้าวหัวใจ อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วตะโกนออกมาว่า“ชิงฮุย ข้าจะทำให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”จากนั้นก็รู้สึกถึงรสชาติหวานปะแล่มในอก มีเลือดไหลพ่นออกมาเต็มปาก“เสวียนเอ๋อร์!”ฝ่ามืออันอบอุ่นแตะที่ด้านหลังหัวใจของนาง กำลังภายในที่แข็งแกร่งก็ไหลเข้าสู่เส้นลมปราณพิ
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง
“แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ