แชร์

บทที่ 1408 จิตใจที่น่ากลัว

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
อินชิงเสวียนซัดฝ่ามือออกไปสองครั้ง หันกลับมาแล้วถามว่า “เจ้าหมายความว่า เจ้าเคยติดต่อกับคนแคระโมริตะ?”

ชิงฮุยยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าพวกเจ้าเต็มใจติดตามข้า ข้าจะไม่ให้เขาทำร้ายพวกเจ้าเลย”

อินชิงเสวียนยิ้มเยาะอย่างเย็นชา

“น่าขัน ข้าเป็นถึงฮองเฮาแห่งต้าโจว ข้าจะถูกคนที่แสร้งเป็นคนดีหลอกลวงได้อย่างไร”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกด้วยฝ่ามือ มีเลือดไหลออกมาจากริมฝีปาก

“แม่นางอิน ไม่ต้องสนใจข้า ท่องจำคำนี้ไว้ มันจะช่วยเจ้าทำลายค่ายกลได้”

ลั่วสุ่ยชิงสูดลมหายใจเข้าแรงแล้วพูดอย่างเร่งด่วน “หลักเต๋าไร้นาม หล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง เปลี่ยนหยินหยาง หยินแยกออกเป็นสอง ตั้งทิศตะวันออกเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล... “

ก่อนที่นางจะพูดจบ ชิงฮุยก็เคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพติดตา และปรากฏตัวต่อหน้าลั่วสุ่ยชิง เขาชี้ปราณกระบี่ไปที่ลำคอของนาง

“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว”

ลั่วสุ่ยชิงถูกควบคุมลำคอ ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก

“อย่าทำร้ายนาง!”

อินชิงเสวียนทั้งร้อนใจทั้งโกรธ พยายามเรียกใบมีดทะมึนแห่งมิติออกมา แต่ยังไม่มีเสียงใดๆ ราวกับว่านางสูญเสียการติดต่อกับมิตินั้นไปโดยสิ้นเชิง

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1409 เราพบกันอีกครั้ง

    ความเร็วของชิงฮุยเร็วมาก จนคำว่าสายฟ้าเทียบไม่ติดด้วยซ้ำ ด้วยความสามารถทางสายตาของอินชิงเสวียนในปัจจุบัน ยังมองเห็นได้เพียงภาพติดตาเท่านั้นนางรีบถอยกลับมาป้องกัน นิ้วของชิงฮุยสัมผัสกับผิวหนังแล้ว ปราณกระบี่อันเยียบเย็นราวกับโลหะ ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกแทงทะลุผิวหนังหรือว่า นางจะต้องตายที่นี่วันนี้?ทันใดนั้น นางก็นึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองเพิ่มข้ามภพมา ยังคิดถึงชายหนุ่มรูปหล่อที่ประทับบนบัลลังก์มังกรด้วยท่วงท่าสง่างามผู้นั้นแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะจบลงในวันนี้อินชิงเสวียนหลับตาด้วยความสิ้นหวัง กระบวนท่านี้ ต้านทานไม่ได้และป้องกันไม่ได้“บังอาจ!”เสียงตะโกนดังก้องไปในอากาศ ปราณบางเบากลุ่มหนึ่งก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกายของอินชิงเสวียนในทันทีชิงฮุยยังถูกปิดกั้นด้วยม่านพลังที่มองไม่เห็นนี้ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกอินชิงเสวียนรู้สึกยินดีระคนประหลาดใจอย่างมาก“อาอวี้!”ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีมือข้างหนึ่งยกขึ้นมา ความกดดันอันทรงพลังบีบเค้นอวัยวะภายใน อินชิงเสวียนรู้สึกว่าการหายใจถูกปิดกั้น หัวใจเหมือนจะทะลุขึ้นมาในลำคอลั่วสุ่ยชิงรู้สึกถึงคาวเลือดในลำคอ จากนั้นก็มีเลือดพ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1410 อัจฉริยะตัวน้อย

    อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา“วิธีที่ผิดทำนองคลองธรรม มีอะไรน่าภาคภูมิใจ”ชิงฮุยหันหน้าไปทางภูเขา มีเสียงดังกังวาน“จะใช้วิธีไหนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือใครเป็นผู้ชนะ”ทันใดนั้นเขาก็ลงมือ แต่ถูกหยุดโดยฝ่ามือของเย่จิ่งอวี้“เสวียนเอ๋อร์ เจ้ายับยั้งจิ่งหลาน ข้าจะจัดการกับเขาเอง”“ได้”อินชิงเสวียนรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชิงฮุย จึงไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ แลกเปลี่ยนคู่ต่อสู้กับเย่จิ่งอวี้ทันทีชิงฮุยดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับเย่จิ่งอวี้ ชายเสื้อคลุมกระพือพลิ้ว ก้าวถอยหลังไปหลายจั้ง ลั่วสุ่ยชิงซึ่งนั่งอยู่บนพื้นดูเหมือนจะถูกดึงดูด นางลอยไปที่ฝ่ามือของเขา“ไปล่ะ”เขาส่งเสียงคำรามยาวๆ และลอยลงไปตามภูเขา เย่จิ่งอวี้หันกลับมาหมายจะจับเย่จิ่งหลาน แต่จับได้เพียงความว่างเปล่า เมื่อหันกลับมา เย่จิ่งหลานก็เหมือนกับถูกเคลื่อนย้ายทันที คนคนนั้นก็ปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยก้าวแล้ว“อย่าเดินมั่ว อาจมีค่ายกลอยู่ที่นี่”อินชิงเสวียนเอื้อมมือออกไปจับเย่จิ่งอวี้ไว้ ทั้งสองก้าวไปข้างหน้าสหลายก้าว และทิวทัศน์ตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย“จริงด้วย เช่นนั้นข้าจ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1411 กระดานหมากรุกของชิงฮุย

    นางนึกในใจ ครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ก็ปรากฏตัวขึ้นในมิติ“หรือว่า ค่ายกลถูกทำลายไปแล้ว?”เย่จิ่งอวี้รู้จักนิสัยของอินชิงเสวียนเป็นอย่างดี นางไม่ทะนงตน ตราบใดที่สามารถหนีได้ นางไม่มีทางยืนนิ่งรอความตายอย่างแน่นอนที่นางไม่ได้หนีไป มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมิติถูกระงับอินชิงเสวียนพยักพเยิดอย่างตื่นเต้น“หนึ่งกำลังสามารถเอาชนะสิบกลเม็ดได้จริงๆ หากกระหน่ำพลังใช้ได้ดี ก็สามารถใช้เป็นอาวุธลับได้เลย”นางอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงเดินไปหาเย่จิ่งอวี้“ทางนี้ ข้าจะให้ท่านดูยอดอัจฉริยะน้อย”เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือออกไปรับลูกชาย ถามด้วยสีหน้ารักและเอ็นดู “หรือว่าจ้าวเอ๋อร์ก่อเรื่องขึ้นแล้ว?”อินชิงเสวียนเหลือบมองเขาอย่างค้อนๆ“ท่านคิดในทางที่ดีบ้างไม่ได้หรือไง ข้าอยากจะบอกท่านว่า ลูกชายของท่านสามารถมองเห็นกุญแจสำคัญของค่ายกลได้ บางทีการทำลายค่ายกลในอิ๋นเฉิง อาจต้องพึ่งเขาแล้ว”“โอ้?”เย่จิ่งอวี้มองไปที่เสี่ยวหนานเฟิงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ“เสด็จแม่ของเจ้าพูดจริงหรือ”เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างเฉลียวฉลาด เปิดปากเล็กๆ พูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว ที่กักขังเสด็จพ่อกับเสด็จแม่อยู่น่ะ เป็นก้อนหินไม่กี่ก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1412 ตั้งทิศตะวันออกเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล

    เย่จิ่งอวี้ตกตะลึงเล็กน้อย“เสวียนเอ๋อร์หมายความว่าอย่างไร หรือว่าเจ้าค้นพบอะไรบางอย่าง”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาตามคำพูดของชิงฮุยเท่านั้น ส่วนที่เหลือ เป็นเพียงความรู้สึก แม้ว่าคำพูดเช่นนี้จะลึกลับไปหน่อย แต่ในบางครั้งสัมผัสที่หกของผู้หญิงก็มีความแม่นยำมาก”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เจตนาของเขาคงไม่ใช่แค่การกอบกู้แคว้นธรรมดา?”หากคนหนึ่งสามารถทนได้นานขนาดนี้ และวางแผนได้นานขนาดนี้ แค่แคว้นแคว้นหนึ่งจะทำให้เขาพอใจได้จริงหรือเมื่อได้ยินคำพูดของเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็ใจเต้นรัว“แล้วเขาต้องการอะไรล่ะ?”“ไม่รู้”เย่จิ่งอวี้ตอบชัดเจนในทันทีอินชิงเสวียนกลอกตามองบนอย่างพูดไม่ออก“ท่านสามารถตั้งสมมติฐานได้ ลองคิดแบบกล้าๆ ดู”เสี่ยวหนานเฟิงซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่จิ่งอวี้ ใบหน้าเล็กๆ ฝังอยู่ในอกของพ่อ ทั้งสองคนใช้วิชาตัวเบา อัตราความเร็วย่อมไม่ช้าอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูเขาที่มีลมแรง เย่จิ่งอวี้ยกแขนเสื้อขึ้นกันเขาไว้ตลอดเวลาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจ้าเด็กอ้วนก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหัวเล็กป้อมออกมา แล้วพูดด้วยรอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1413 เงียบงันราวกับความตายแผ่ปกคลุม

    อินชิงเสวียนเชื่อแล้วโดยสิ้นเชิง ลูกชายของนางไม่ธรรมดาจริงๆ“อาอวี้ ทำตามที่จ้าวเอ๋อร์บอกเถอะ ลั่วสุ่ยชิงเคยบอกวิธีทำลายค่ายกลกับข้าแล้ว แต่ถูกชิงฮุยขัดจังหวะเสียก่อน พอมาใคร่ครวญดูแล้ว มันก็คล้ายกับที่จ้าวเอ๋อร์พูด”“ได้”“รอเดี๋ยวก่อน”เสี่ยวหนานเฟิงตะโกนหยุดทั้งสองคนด้วยเสียงแหลมใส“มีอะไรหรือ”อินชิงเสวียนมองดูลูกชายอย่างพิศวงเสี่ยวหนานเฟิงจ้องมองลงด้วยดวงตากลมโต มองจากท้องฟ้าลงมาข้างล่าง แล้วพูดว่า “เรื่องนี้ดูจะยากสักหน่อย”“ยังมีกลไกอย่างอื่นอีกงั้นหรือ”เย่จิ่งอวี้ถามเสี่ยวหนานเฟิงทำปากมู่ทู่ พยายามเรียบเรียงคำพูด“ยังมีกลิ่นอายอื่นอยู่ที่นี่ ไม่กำจัดออกไป ก็ทำไม่ได้นะ”เขาเห็นหมอกสีดำทะมึนมากมายกระจายอยู่บนท้องฟ้า แม้ว่าเสี่ยวหนานเฟิงจะฉลาด แต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายกลิ่นอายที่น่ากลัวนี้ได้ซึ่งลักษณะสำคัญที่สุดของค่ายกลที่ชิงฮุยสร้างขึ้นคือพลังหยินของคนตายเหล่านี้ อาศัยแค่การทำลายหัวใจค่ายกลสองสิ่งนั้น ไม่สามารถทำลายค่ายกลที่ชั่วร้ายได้อย่างสมบูรณ์ทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พวกเขาไม่เห็นสิ่งที่เสี่ยวหนานเฟิงเห็น แต่ก็พอจะเข้าใจความหมายของลูกชายอยู่ค

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1414 พวกเขาทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่

    เมื่อเห็นประตูใหญ่ทางเข้าจวนเจ้าเมืองเปิดกว้าง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเยียบเย็นสะท้านใจ นางรีบวิ่งเข้าไปในเมือง เห็นคนมากกว่ายี่สิบคนรวมตัวกันเป็นวงกลม นั่งตรงข้ามกัน ซึ่งคนเหล่านั้นคือเฮ่อยวนกับเหมยชิงเกอและคนอื่นๆ “ท่านพ่อ ท่านแม่!”อินชิงเสวียนแตะตัวพวกเขาเบาๆ ทั้งสองก็ล้มลงกับพื้นทันที อินชิงเสวียนหน้าซีดเซียวอย่างอดไม่ได้ วางปลายนิ้วอันสั่นเทาอังใต้จมูกของพวกเขา ทว่าไม่มีลมหายใจแล้วครั้นจึงมองไปที่เฮ่ออวิ๋นทง ผู้อาวุโสสวี เก่อหงยวนและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างกัน พวกเขาต่างก็มีลักษณะเช่นเดียวกันนอกจากนี้ ยังมีบาดแผลจากกระบี่และบาดแผลที่ฝ่ามือมากมายบนร่างกายของพวกเขา หากมองดูใกล้ๆ จะเห็นว่าล้วนเป็นกระบวนท่าที่คุ้นเคย ราวกับว่าต่อสู้กันจนตายเมื่อเห็นคนคุ้นเคยเหล่านี้ไร้ซึ่งสัญญาณแห่งชีวิต อินชิงเสวียนรู้สึกปวดร้าวหัวใจ อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วตะโกนออกมาว่า“ชิงฮุย ข้าจะทำให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”จากนั้นก็รู้สึกถึงรสชาติหวานปะแล่มในอก มีเลือดไหลพ่นออกมาเต็มปาก“เสวียนเอ๋อร์!”ฝ่ามืออันอบอุ่นแตะที่ด้านหลังหัวใจของนาง กำลังภายในที่แข็งแกร่งก็ไหลเข้าสู่เส้นลมปราณพิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1415 ในใจของเจ้าไม่มีแม้แต่ความรู้สึกผิดเล็กน้อยเลยหรือ

    อินชิงเสวียนได้ยินอย่างชัดเจน รีบถ่ายทอดคำพูดให้เย่จิ่งอวี้ทราบทันทีเย่จิ่งอวี้วางมือบนทรวงอกของเซี่ยวอิ๋นหวน แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรต่างไปจริงๆอินชิงเสวียนพยักหน้ากับเขา“ลองดูเถอะ ผนึกเลือดไว้นาน มีแต่จะส่งผลเสียต่อพลังภายในของทุกคน”“อืม”เย่จิ่งอวี้ผ่อนลมหายใจช้าๆ ระดมกำลังภายในในร่างกายของเซี่ยวอิ๋นหวน ปล่อยให้กระแสนั้นไหลผสานกับกระแสพลังของตัวเอง พลังงานในเส้นลมปราณทุกเส้นได้รวมตัวกันและขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน จนในที่สุดก็มาบรรจบกันที่จุดไป๋ฮุ่ยอินชิงเสวียนยืนอยู่ข้างๆ พร้อมสนับสนุนทุกเมื่อ ในใจก็ห่วงพะวงยิ่งนัก อดไม่ได้ที่จะแอบสวดภาวนาว่า ขออย่าให้เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรอีกเลย ไม่เช่นนั้นต้าโจวจะถึงกาลอวสานจริงๆในขณะเดียวกัน เย่จิ่งอวี้ได้ออกแรงส่งออกไป หมอกสีดำที่ยากจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ปรากฏขึ้นบนศีรษะของเซี่ยวอิ๋นหวน สิบห้านาทีหลังจากนั้น นางก็ลืมตาขึ้น สีหน้าแจ่มใสขึ้น“อาอวี้ ชิงเสวียน พวกเจ้า...พวกเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่น่าเศร้าของเหล่าศิษย์ เซี่ยวอิ๋นหวนก็รู้สึกว่าลำคอตีบตัน ดวงตาทั้งคู่เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที แต่ก็สามารถกลั้นอา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1416 ขุนนางทรยศ

    ขณะที่ชิงฮุยพูด กำลังภายในของลั่วสุ่ยชิงได้เข้าสู่กลางคิ้วของเย่จิ่งหลานแล้ว จากนั้นก็ถอยหลังไปหลายก้าว มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากอีกครั้ง“เจ้าใช้ไสยศาสตร์ชั่วร้ายอะไรกันแน่”สีหน้าของลั่วสุ่ยชิงดูตกใจเมื่อครู่ที่ได้สัมผัส รู้สึกราวกับว่าจิตสำนึกของเย่จิ่งหลานถูกเคลือบด้วยกำแพงทองแดง ซึ่งเจาะทะลุแม้เพียงครึ่งหนึ่งยังทำได้ยาก ทันทีที่ตัวเองปล่อยพลังเข้าไปทะลวง ก็ถูกดีดออกมา“องค์หญิงไม่จำเป็นต้องรู้ ขอองค์หญิงสงบใจก่อนเถิด อยู่ที่นี่แต่โดยดี ไม่เช่นนั้นจะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับเขา”ชิงฮุยยกคางขึ้นเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่เย่จิ่งหลานลั่วสุ่ยชิงพูดด้วยความโกรธ “เจ้ากล้ารึ!”ชิงฮุยไม่ได้โกรธ เขายิ้มเล็กน้อยและพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว องค์หญิงคิดว่ายังมีอะไรที่ข้าไม่กล้าทำอีก”ลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นสะท้านไปทั้งตัว ชี้หน้าชิงฮุยแล้วพูดว่า “เจ้าปีศาจร้าย ข้าตาบอดจริงๆ ที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้”ชิงฮุยเทชาอีกถ้วย ค่อยๆ นำเข้าปากแล้วจิบ“น่าเสียดายที่ในใต้หล้านี้ไม่มียาเสียดาย ไม่ว่าองค์หญิงอยากจะเป็นผู้นำของแคว้นเฟยเหยาต่อไป หรือว่านางอยากเป็นหุ่นเชิดเหมือนคุณชายน้อยคนนี้

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status