Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1414 พวกเขาทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่

Share

บทที่ 1414 พวกเขาทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-25 16:00:00
เมื่อเห็นประตูใหญ่ทางเข้าจวนเจ้าเมืองเปิดกว้าง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเยียบเย็นสะท้านใจ นางรีบวิ่งเข้าไปในเมือง เห็นคนมากกว่ายี่สิบคนรวมตัวกันเป็นวงกลม นั่งตรงข้ามกัน ซึ่งคนเหล่านั้นคือเฮ่อยวนกับเหมยชิงเกอและคนอื่นๆ

“ท่านพ่อ ท่านแม่!”

อินชิงเสวียนแตะตัวพวกเขาเบาๆ ทั้งสองก็ล้มลงกับพื้นทันที อินชิงเสวียนหน้าซีดเซียวอย่างอดไม่ได้ วางปลายนิ้วอันสั่นเทาอังใต้จมูกของพวกเขา ทว่าไม่มีลมหายใจแล้ว

ครั้นจึงมองไปที่เฮ่ออวิ๋นทง ผู้อาวุโสสวี เก่อหงยวนและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างกัน พวกเขาต่างก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังมีบาดแผลจากกระบี่และบาดแผลที่ฝ่ามือมากมายบนร่างกายของพวกเขา หากมองดูใกล้ๆ จะเห็นว่าล้วนเป็นกระบวนท่าที่คุ้นเคย ราวกับว่าต่อสู้กันจนตาย

เมื่อเห็นคนคุ้นเคยเหล่านี้ไร้ซึ่งสัญญาณแห่งชีวิต อินชิงเสวียนรู้สึกปวดร้าวหัวใจ อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วตะโกนออกมาว่า

“ชิงฮุย ข้าจะทำให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”

จากนั้นก็รู้สึกถึงรสชาติหวานปะแล่มในอก มีเลือดไหลพ่นออกมาเต็มปาก

“เสวียนเอ๋อร์!”

ฝ่ามืออันอบอุ่นแตะที่ด้านหลังหัวใจของนาง กำลังภายในที่แข็งแกร่งก็ไหลเข้าสู่เส้นลมปราณพิ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1415 ในใจของเจ้าไม่มีแม้แต่ความรู้สึกผิดเล็กน้อยเลยหรือ

    อินชิงเสวียนได้ยินอย่างชัดเจน รีบถ่ายทอดคำพูดให้เย่จิ่งอวี้ทราบทันทีเย่จิ่งอวี้วางมือบนทรวงอกของเซี่ยวอิ๋นหวน แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรต่างไปจริงๆอินชิงเสวียนพยักหน้ากับเขา“ลองดูเถอะ ผนึกเลือดไว้นาน มีแต่จะส่งผลเสียต่อพลังภายในของทุกคน”“อืม”เย่จิ่งอวี้ผ่อนลมหายใจช้าๆ ระดมกำลังภายในในร่างกายของเซี่ยวอิ๋นหวน ปล่อยให้กระแสนั้นไหลผสานกับกระแสพลังของตัวเอง พลังงานในเส้นลมปราณทุกเส้นได้รวมตัวกันและขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน จนในที่สุดก็มาบรรจบกันที่จุดไป๋ฮุ่ยอินชิงเสวียนยืนอยู่ข้างๆ พร้อมสนับสนุนทุกเมื่อ ในใจก็ห่วงพะวงยิ่งนัก อดไม่ได้ที่จะแอบสวดภาวนาว่า ขออย่าให้เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรอีกเลย ไม่เช่นนั้นต้าโจวจะถึงกาลอวสานจริงๆในขณะเดียวกัน เย่จิ่งอวี้ได้ออกแรงส่งออกไป หมอกสีดำที่ยากจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ปรากฏขึ้นบนศีรษะของเซี่ยวอิ๋นหวน สิบห้านาทีหลังจากนั้น นางก็ลืมตาขึ้น สีหน้าแจ่มใสขึ้น“อาอวี้ ชิงเสวียน พวกเจ้า...พวกเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่น่าเศร้าของเหล่าศิษย์ เซี่ยวอิ๋นหวนก็รู้สึกว่าลำคอตีบตัน ดวงตาทั้งคู่เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที แต่ก็สามารถกลั้นอา

    Last Updated : 2024-10-25
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1416 ขุนนางทรยศ

    ขณะที่ชิงฮุยพูด กำลังภายในของลั่วสุ่ยชิงได้เข้าสู่กลางคิ้วของเย่จิ่งหลานแล้ว จากนั้นก็ถอยหลังไปหลายก้าว มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากอีกครั้ง“เจ้าใช้ไสยศาสตร์ชั่วร้ายอะไรกันแน่”สีหน้าของลั่วสุ่ยชิงดูตกใจเมื่อครู่ที่ได้สัมผัส รู้สึกราวกับว่าจิตสำนึกของเย่จิ่งหลานถูกเคลือบด้วยกำแพงทองแดง ซึ่งเจาะทะลุแม้เพียงครึ่งหนึ่งยังทำได้ยาก ทันทีที่ตัวเองปล่อยพลังเข้าไปทะลวง ก็ถูกดีดออกมา“องค์หญิงไม่จำเป็นต้องรู้ ขอองค์หญิงสงบใจก่อนเถิด อยู่ที่นี่แต่โดยดี ไม่เช่นนั้นจะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับเขา”ชิงฮุยยกคางขึ้นเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่เย่จิ่งหลานลั่วสุ่ยชิงพูดด้วยความโกรธ “เจ้ากล้ารึ!”ชิงฮุยไม่ได้โกรธ เขายิ้มเล็กน้อยและพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว องค์หญิงคิดว่ายังมีอะไรที่ข้าไม่กล้าทำอีก”ลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นสะท้านไปทั้งตัว ชี้หน้าชิงฮุยแล้วพูดว่า “เจ้าปีศาจร้าย ข้าตาบอดจริงๆ ที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้”ชิงฮุยเทชาอีกถ้วย ค่อยๆ นำเข้าปากแล้วจิบ“น่าเสียดายที่ในใต้หล้านี้ไม่มียาเสียดาย ไม่ว่าองค์หญิงอยากจะเป็นผู้นำของแคว้นเฟยเหยาต่อไป หรือว่านางอยากเป็นหุ่นเชิดเหมือนคุณชายน้อยคนนี้

    Last Updated : 2024-10-26
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1417 ต้าโจวต้องล่ม เฟยเหยาต้องฟื้นคืน

    ณ วังหลวงในห้องหนังสือ เย่จั้นกำลังเดินกลับไปกลับไปอินจ้งขมวดคิ้วยืนอยู่ข้างๆ เขา ผู้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขาคือจอมพลเฒ่ากวน ถัดจากนั้นก็คือสองพี่น้องตระกูลอินและกวนเซี่ยวหลานชายของจอมพลเฒ่า ตอนนี้หลานชายกลับมาแล้ว โรงเรียนสอนการต่อสู้ก็เริ่มมีระเบียบแบบแผนเป็นรูปเป็นร่าง จิตใจของจอมพลเฒ่าก็สงบลงมาก เขาประกบมือคารวะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านอ๋องไม่ต้องกังวล แม้ว่าจะมีพวกกบฏเข้ามาในเมืองหลวง แต่เขาทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว ยังไม่ถึงขั้นทำลายล้างอย่างสิ้นเชิงได้”อินจ้งกล่าวสนับสนุนขึ้น “ท่านอาจารย์พูดถูกต้อง กรมกลาโหมได้ส่งเอกสารสำคัญเร่งด่วนออกไปแล้ว สั่งให้แต่ละสถานที่เฝ้าคุ้มกันอย่างเคร่งครัด เมื่อค้นพบกลุ่มกบฏ ให้สังหารทันที สังหารก่อนรายงานได้เลย”คิ้วของเย่จั้นยังคงขมวดมุ่นอยู่“เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในเมืองหลวง ข้าคิดว่าการต่อสู้ในเทือกเขาเชื่อมเมฆาเริ่มเข้มข้นขึ้น ข้าเป็นกังวลความปลอดภัยของฮ่องเต้และฮองเฮา อย่างไรก็ตามเมืองหลวงก็มีปัญหาเช่นกัน ไม่สามารถไปเข้าร่วมกับพวกเขาได้”หลังจากได้ยินคำพูดของเย่จั้นแล้ว แม่ทัพทั้งสองก็เงียบงันไปเช่นกันทุกคนที่อยู่ที่

    Last Updated : 2024-10-26
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1418 องค์หญิงไม่เคยรู้จักความโศกเศร้า

    เย่จั้นพูดด้วยความโกรธ “ลากออกไป แขวนไว้บนหอคอยเมือง สับเป็นชิ้นๆ เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง”เจวี๋ยอิ่งเหาะลงมา จับชายคนนั้นแล้วลากเขาออกจากห้องหนังสือราวกับลากสุนัข“คิดไม่ถึงว่าในหมู่ทหารองครักษ์ จะมีลูกหลานของพวกเขาอยู่ด้วย”เย่จั้นกางเสื้อคลุมออก นั่งบนเก้าอี้มังกรจอมพลเฒ่ากวนพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล “คนเหล่านี้ซ่อนตัวได้นานขนาดนี้ แต่จู่ๆ ก็ก่อกบฏเพราะคำสั่ง ราชาแคว้นเฟยเหยาเป็นคนแบบไหนกันแน่ ถึงทำให้เกิดความสามัคคีที่ดีเช่นนี้ได้?”อินจ้งยังกล่าวอย่างกังวลเช่นกัน “ใช่แล้ว คนจากแคว้นเฟยเหยาได้บุกเข้ามาทุกซอกทุกมุมในแคว้นต้าโจวเรา สิ่งที่น่ากลัวคือ ความรู้เกี่ยวกับแคว้นเฟยเหยาของเรามีจำกัด หลายวันนี้ข้าได้ค้นคว้าตำราชาวบ้านมากมาย แต่ก็ไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับแคว้นเฟยเหยา”เย่จั้นพยักหน้าและกล่าวว่า “ตำราเกือบทั้งหมดในวังหลวง ข้าก็ได้ค้นคว้าดูแล้วเช่นกัน แต่ก็ไม่พบคำใดที่กล่าวถึงเลย บางทีอาจจะเนิ่นนานผ่านมาแล้วหลายยุคสมัย แม้ว่าจะมีคนบันทึกไว้ แต่ก็อาจถูกทำลายเมื่อราชวงศ์เปลี่ยนไป”อินปู้อวี่เป็นคนตรงไปตรงมา อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ถ้ามีแคว้นเช่นนี้จริงๆ แล้วราชาของพวกเขาจ

    Last Updated : 2024-10-26
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1419 ความกังวลของอินหลี

    “กระหม่อมไม่ได้กลัวองค์หญิง และองค์หญิงย่อมไม่ใช่ภูตผีปีศาจอยู่แล้ว”อินปู้อวี่ก้าวถอยหลัง แล้วก้มศีรษะลงเย่ไห่ถังเอามือไพล่หลัง แล้วพูดแหว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่กล้ามองข้าล่ะ”อินปู้อวี่โค้งกายลงอีกเล็กน้อย“องค์หญิงวรกายล้ำค่า กระหม่อมย่อมไม่กล้ามองตรงๆ”เย่ไห่ถังพูดเบาๆ “ข้าอนุญาตให้เจ้าเงยหน้าขึ้น”“ทำเช่นนั้นมิได้ ไม่เหมาะสม”อินปู้อวี่ถอยหลังอีกครั้ง ในใจรู้สึกหวาดหวั่นแม้ว่าเย่ไห่ถังกับน้องหญิงใหญ่จะเคยไปเจอเขากับกวนเซี่ยวที่บริเวณโรงเรียน แต่นั่นอยู่นอกพระราชวัง ตอนนี้เขาอยู่ในฐานะผู้บัญชาการทหารองครักษ์ มีหน้าที่โดยตรงในการดูแลรักษาความปลอดภัยของพระราชวัง เขาเคารพในกฎเกณฑ์ขุนนาง ไม่อาจแสดงความไม่เคารพใดๆ ได้เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าเหมือนจะวิ่งหนี เย่ไห่ถังก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ“เจ้ามันท่อนไม้ อยากไปนักก็รีบไปเถอะ ข้าก็ไม่ได้อยากเจอเจ้านักหรอก”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา”อินปู้อวี่ตอบรับด้วยความโล่งใจ จากนั้นก็รีบจากไปอย่างรวดเร็วเย่ไห่ถังไม่คาดคิดว่าเขาไปจริงๆ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด คว้าดอกไม้สี่ห้าดอกที่อยู่ข้างๆ มา แล้วโยนมันใส่แปล

    Last Updated : 2024-10-27
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1420 เขาคือฮ่องเต้

    ยอดฝีมือที่ฟื้นคืนสติทั้งหมดยืนอยู่หน้าหลุมศพ ทั้งหมดไม่ปริปากกล่าวคำใด บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธแค้นอย่างสุดซึ้ง“แคว้นเฟยเหยา ข้าจะเอาชีวิตลูกสุนัขของพวกเจ้า เพื่อล้างแค้นให้กับศิษย์พี่น้องเหล่านี้อย่างแน่นอน”ศิษย์ของสำนักดาบเดือดกำด้ามดาบแน่น ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ รู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างยิ่งหากเป็นเหมือนในเป่ยไห่ ที่คนแคระเหล่านั้นต่อสู้ด้วยกระบี่อาวุธจริง เขาก็จะยอมรับ แต่เมื่อเดินทางรอนแรมข้ามภูเขาลำน้ำมาถึงที่นี่ กลับกลายเป็นว่าฝ่ายเดียวกันทำร้ายกันเองคนอื่นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน การต่อสู้ครั้งนี้ช่างน่าอึดอัดใจและน่าโมโหจริงๆ หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายอย่างไรใบหน้าของเฮ่อยวนก็เย็นชากว่าที่เคย เขาโค้งคำนับเล็กน้อยไปทางหลุมศพและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ “ทุกคนเดินทางไกลนับพันลี้มาถึงเทือกเขาเชื่อมเมฆา เดิมทีเฮ่อยวนควรเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่เดินทางรอนแรมมาไกลให้ได้ดื่มกินอย่างอิ่มหนำสำราญ แต่ไม่นึกว่าจะทำให้ทุกคนโชคร้ายเช่นนี้ ถูกฝังร่างที่ต่างบ้านต่างเมือง เป็นเพราะเฮ่อยวนไร้สามารถ ไม่อาจปกป้องเหล่าบรรดาลูกศิษย์ของแต่ละสำนักได้ ในวันนี้เฮ่อยวนขอสาบ

    Last Updated : 2024-10-27
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1421 เป็นที่เคารพนับถืออย่างสูง

    เหมยชิงเกอก็คุกเข่าลงเช่นกัน“ตำหนักเทพหอทองคำก็เต็มใจที่จะติดตามฝ่าบาทเช่นกัน ขอให้คำมั่นว่าจะขับไล่ศัตรูที่แข็งแกร่งออกไป ปกป้องภูเขาลำน้ำของต้าโจวเรา!”“เฮ่อยวนยังเต็มใจที่จะนำเพียวเมี่ยวอิ๋นเฉิงเป็นกระบี่ของฝ่าบาท เพื่อต้าโจวจะต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ จนถึงวาระสุดท้าย!”ทันทีที่ทั้งสองสำนักหลักแสดงจุดยืน เฮ่ออวิ๋นทงและคนอื่นๆ ก็คุกเข่าลง ทุกคนต่างตะโกนว่าฝ่าบาททรงพระเจริญ ชั่วครู่หนึ่งเกิดเสียงราวกับขุนเขาคำรามทะเลแผดก้อง สะท้านไปทั้งแผ่นฟ้าจู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็ตระหนักได้ว่าตัวเองได้เปิดเผยตัวตนโดยไม่ได้ตั้งใจ เขามองไปที่อินชิงเสวียนโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเห็นหญิงสาวเงยหน้าขึ้น ยิ้มอย่างชื่นชมเขา เขาก็เข้าใจทันทีจึงหันกลับมาแล้วพูดว่า “จอมยุทธ์ผู้ชอบธรรมทุกท่าน ข้ายังอยากกล่าวขอบคุณแทนไพร่ฟ้าทั่วหล้า ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของทุกท่าน โปรดลุกขึ้นเถิด”จากนั้นทุกคนก็ลุกขึ้นยืน ขวัญกำลังใจเพิ่มพูดขึ้นทันทีในความคิดของหลายๆ คน ฮ่องเต้เป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่นั่งบนบัลลังก์มังกรคอยชี้นิ้วบงการเท่านั้น แม้ว่าทุกคนจะเข้าร่วมในการต่อสู้ที่เป่ยไห่ตามคำสั่งของเจ้าสำนัก แต่ในใจก็

    Last Updated : 2024-10-27
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1422 ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ไขสถานการณ์

    ลั่วสุ่ยชิงส่ายศีรษะ“ข้าไม่รู้แน่ชัด แต่ต้องเป็นสถานที่ลับสุดยอด”“อาตมภาพรู้แล้ว เพื่อไม่ให้ราชาถูกทำร้ายจากศิษย์อิ๋นเฉิงโดยไม่ตั้งใจ ให้ข้าไปเชิญฮ่องเต้และฮองเฮาออกมาดีกว่า”เขาก้าวเท้าหยินหยาง ใช้ปลายนิ้วเท้าวาดเป็นรูปปลาหยินหยางบนพื้น จากนั้นก็ยืนอยู่ตรงกลางกระซิบ “คุณชายเย่เย่ แม่นางอิน ช่วยออกมาพบนอกเมืองได้หรือไม่!”อินชิงเสวียนกำลังพูดคุยกับเซี่ยวอิ๋นหวนและเหมยชิงเกอ เมื่อเสียงของนักพรตเทียนชิงดังขึ้นข้างหู นางก็ตกใจเล็กน้อย พอมองดูแม่ๆ ก็เห็นว่าทั้งสองไม่มีทางทางผิดปกติ หรือว่ามีนางคนเดียวที่ได้ยิน?ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็เห็นเย่จิ่งอวี้เดินเข้ามาจากประตู และขยิบตาให้ตัวเองอินชิงเสวียนรีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ท่านแม่ทั้งสองโปรดรอสักครู่ ข้ามีธุระบางอย่างที่ต้องจัดการ ประเดี๋ยวจะกลับมานะเจ้าคะ”ทั้งสองคนกำลังดื่มนำชาที่ต้มด้วยน้ำพุวิณญาณ พูดคุยกันไปพลาง ฟื้นฟูกำลังภายในกันไปพลางเซี่ยวอิ๋นหวนยิ้มด้วยความรัก“ไปเถอะ ถ้าต้องการให้เราช่วย ก็บอกมาได้เลย”เหมยชิงเกอมองดูลูกสาวด้วยความภาคภูมิใจ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ แม่จะดูแลแม่สามีของเจ้าให้เอง!”“ขอบคุณท่านแม่ทั้งส

    Last Updated : 2024-10-28

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1511 กระหม่อมคิดถึงท่าน

    เช้าวันรุ่งขึ้นอินชิงเสวียนออกจากตระกูลอินภายใต้สายตาที่ไม่เต็มใจของทุกคน และผู้ที่คุ้มกันนางกลับวังหลวง ก็คืออินสิงอวิ๋นพี่ชายคนโตเขายังคงหล่อเหลา ทว่านิสัยสุขุมเยือกเย็นมากกว่าปีที่แล้วอินชิงเสวียนเปิดม่านเกี้ยว“พี่ใหญ่ได้เชิญหมอหลวงมาตรวจอาการพี่สะใภ้บ้างหรือยัง”อินสิงอวิ๋นยิ้มอย่างอบอุ่น มองอินชิงเสวียนด้วยสายตาแบบเดียวกับเมื่อก่อน มีความเอาใจใส่เล็กน้อย“หาแล้ว คราวนี้ก็ค่อนข้างดี น้ำพุวิญญาณของเจ้า แทบจะให้พี่สะใภ้ดื่มหมด”อินชิงเสวียนพยักหน้า“ควรเป็นเช่นนี้แล้ว พี่สะใภ้อยู่ไกลบ้าน รอนแรมมาไกลกว่าจะถึงตระกูลอินของเรา เราต้องดูแลนางให้ดีที่สุด อย่าปล่อยให้นางอุดอู้อยู่บ้านทั้งวัน ถ้าท่านมีเวลาว่าง ควรพานางไปเดินเล่นบ่อยๆ คนท้องจะรู้สึกหดหู่โดยไม่รู้ตัว ถ้ามีท่านอยู่ข้างๆ บางทีนางอาจรู้สึกดีขึ้นบ้าง”“อืม คราวนี้แหละ ข้าควรจะหาเวลาได้แล้วจริงๆ”อินสิงอวิ๋นถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก มีหรือที่เขาไม่ต้องการใช้เวลากับเป่าเล่อเอ่อร์ให้มากๆ แต่ในวังหลวงมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย จนเขาไม่กล้าที่จะหย่อนยานตอนนี้ฝ่าบาทและน้องสาวกลับเมืองหลวงแล้ว ก็เหมือนมีกระดูกสันหลัง ทายาทเฟย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1510 อาหารมื้อครอบครัว

    อินชิงเสวียนคำนับทั้งสองคน นางไม่ได้มาจากรัชสมัยนี้ ไม่เห็นความสำคัญของมารยาทระหว่างกษัตริย์และขุนนาง แต่กลับให้ความสำคัญกับจริยธรรมของมนุษย์แม้ว่านางจะยอมรับเหมยชิงเกอ แต่บุญคุณที่ตระกูลอินเลี้ยงดูเจ้าของร่างเดิมมานานกว่าสิบปี ก็ไม่สามารถลืมได้ หากนางไม่รู้สึกขอบคุณผู้มีพระคุณของตัวเอง แล้วจะพูดถึงการมีใจกว้างใหญ่ไพศาลได้อย่างไร“เป็นพ่อหนึ่งวัน ย่อมเป็นพ่อตลอดไป แม่เลี้ยงก็คือแม่แท้ๆ พวกท่านเหมาะสมแล้ว”อินชิงเสวียนมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่น้ำเสียงกลับไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยความรู้สึกห่างเหินเล็กน้อยของอินจ้งนั้นหายไปในทันที จับมือนางแน่นๆ“ดี ดี ลูกสาวคนดี!”ซูหมิงหลานก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน แม้ว่านางจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวแล้ว แต่หากไม่มีอินชิงเสวียน สถานะนี้ก็ไม่สมบูรณ์ อินหลีที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวโน้มน้าวเบาๆ “ท่านพี่พี่สะใภ้ไม่ต้องร้อง หากมีเรื่องอะไรไว้ค่อยกลับไปพูดที่บ้านเถิด เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิดกันไปใหญ่โต”อินจ้งรู้สึกตัวเพราะคำพูดนี้ เห็นผู้คนที่เอาแต่ยืดคอมองมาทางนี้ เขาก็พยักหน้าโดยเร็ว“ถูกต้อง เรากลับไปคุยกันที่บ้านนะ”อินชิงเสวียนดึงเป่าเล่อเอ่อร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1509 เข้าสู่เมือง

    ทหารที่อยู่ข้างหน้าเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ครั้นแล้วก็มองเห็นชุดเกราะสีแดงรางๆเฉิงเฟิ่งโหลวสะดุ้งเล็กน้อย นี่...อาจเป็นทหารเปลวเพลิงสีชาดของราชาสงครามอาภรณ์ขาวกระมัง?ถ้ามารับเสด็จฮ่องเต้ เหตุใดจึงสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก?หรือว่าว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวง อ๋องสิบสาม...ก่อกบฏ?มือที่กุมกระบี่ของเฉิงเฟิ่งโหลวสั่นเทา เขาดึงสายบังเหียนออกทันที แม้ว่าเจ้านายกับนายหญิงจะมีทักษะวรยุทธ์สูง แต่มือเดียวสู้มือหลายไม่ได้ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาดูสิ้นหวัง “ฝ่าบาท เสด็จขึ้นรถม้าเร็วเข้า”เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แม้ว่าทั่วทั้งโลกจะทรยศเขา แต่เสด็จอาจะไม่มีวันทรยศเขา นี่คือความมั่นใจของเขา การสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก ถือเป็นมารยาทสูงสุดของค่ายเปลวเพลิงสีชาดในชั่วพริบตา ทหารม้าขบวนนั้นก็มาถึงเบื้องหน้า พวกเขาควบม้าและเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นแยกออกจากกันเป็นสองทาง เผยให้เห็นร่างที่สวมชุดคลุมสีขาวชายผู้นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ท่วงท่าไม่ธรรมดาสามัญ แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดราวกับหิมะ และเสื้อผ้าพลิ้วไหวดุจดั่งเทพเซียนเขาพลิกตัวลงจากม้า เดินเร็วๆ ไปที่รถม้า สะบัดเสื้อคล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1508 กลับสู่เมืองหลวง

    ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองหลวงอินชิงเสวียนไม่สามารถทนต่อการโคลงเคลงสั่นสะเทือนได้ นางจึงอยู่ในมิติกับเสี่ยวหนานเฟิงเกือบตลอดเวลาในช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันนี้ นางพบว่าเสี่ยวหนานเฟิงไม่เพียงแต่ฉลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนวรยุทธ์อีกด้วยอายุยังน้อยไม่เพียงแต่เรียนรู้บทกวีในสมัยถังและซ่ง ยังมีกำลังภายในลึกล้ำน่าประหลาดใจ มือซ้ายสามารถใช้เคล็ดวิชาใจเพียวเหมี่ยวได้ มือขวาใช้เคล็ดวิชาใจตำหนักเทพได้ แม้กระทั่งเรียนรู้วิชาขลุ่ยลวงใจของเจ้าสำนักเซี่ยว อินชิงเสวียนนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าช่วงที่นางไม่ได้อยู่กับเสี่ยวหนานเฟิงนั้น เขาได้เรียนรู้วิชามาจากทุกคนรอบตัวเขา“แค่กๆ เจ้า...ชอบฝึกวรยุทธ์หรือเปล่า?”จากมุมมองที่เห็นแก่ตัว อินชิงเสวียนไม่ต้องการให้เสี่ยวหนานเฟิงมีฝีมมือสูงส่งเกินไป ท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งมีความสามารถสูง ความรับผิดชอบก็ยิ่งสูงตาม ศาสตร์แห่งราชาต่างหาก คือสิ่งที่เขาควรต้องศึกษาเสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาโตแล้วพูดว่า “ชอบสิ รู้วรยุทธ์ ก็สามารถปกป้องท่านแม่ได้”อินชิงเสวียนกอดลูกชายตัวนุ่มนิ่มและมีกลิ่นหอม แล้วพูดอย่างจริงจัง “ต่อจากนี้ไปสิ่งที่เจ้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1507 ขอบคุณศิษย์พี่ลิ่น

    ระหว่างเจ้าสำนักเซี่ยวและเจ้าสำนักเฮ่อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ทว่าระหว่างเซี่ยวอิ่นหวนและลิ่นเซียวนั้นอยู่ในระดับปานกลาง จนแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลยบัดนี้เห็นเขาขวางทาง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการตายของศิษย์น้องเฟิ่งอี๋ ทำให้กลายเป็นคนสติเลอะเลือน กระทำการสิ่งใดล้วนไม่ผ่านการใช้ความคิด เป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจทันทีว่าเขามีเจตนาอะไรลิ่นเซียวรู้จักนาง พยักหน้าเบาๆ“เฟิ่งอี๋ตายแล้ว ข้ารู้แล้ว”เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เดิมก็เจ็บปวดจากการพลัดพรากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดถึงศิษย์น้องที่รักดุจน้องสาว หางตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีริมฝีปากของนางสั่นเทา ลดเสียงลง กดซ่อนความเศร้าไว้ในใจ“ศิษย์พี่ลิ่นควรจะออกมาสู่ความจริงได้แล้ว ถ้าศิษย์น้องอยู่บนสวรรค์มีญาณรับรู้ คงไม่อยากเห็นท่านจมปลักอยู่ที่นี่เพราะนางแน่นอน...”ลิ่นเซียวไม่ต่อคำ แต่พูดต่อว่า “ตาเฒ่าเซี่ยวก็จากไปแล้วเช่นกัน”หัวใจของเซี่ยวอิ่นหวนเจ็บปวดรวดร้าวอีกครั้ง ก้มหน้าสะอื้น“พ่อบุญธรรมเสียชีวิตเพื่อผดุงความยุติธรรมในยุทธจักร ไม่ผิดต่อปณิธานที่ก่อตั้งหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์”ลิ่นเซียวย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1506 เส้นทางที่แตกต่างกัน

    อินชิงเสวียนมอบตั๋วเงินเงินอีกหนึ่งพันตำลึงให้แก่ทั้งสามคน กำชับพวกเขาว่าอย่าใช้ฟุ่มเฟือย หากไม่เจอตัวคน ก็สามารถไปพำนักที่เมืองหลวงได้ทั้งสามพยักหน้าซ้ำๆ ขนของทั้งหมดขึ้นรถม้า และจากไปอย่างมีความสุขอินชิงเสวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้“นิสัยแบบนี้นี่เข้ากับเย่จิ่งหลานได้เป็นอย่างดี”เย่จิ่งอวี้ก็มองไปที่ทั้งสามคน พูดด้วยรอยยิ้ม “ชาวยุทธ์ ก็ควรจะเป็นอิสระไม่ยึดติดอย่างชาวยุทธ์ นี่แหละคือความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริง!”“เช่นนั้นพวกเราก็ควรจากไปอย่างไม่ยึดติดใช่ไหม”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น มองไปยังเย่จิ่งอวี้ ทั้งสองตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ว่าแทนที่จะรอให้พวกเขาสร่างเมา พลัดพรากจากกันด้วยความเป็นความตาย มิสู้จากไปอย่างเงียบๆ “ข้าเชื่อเมียข้าอยู่แล้ว”เย่จิ่งอวี้ผิวปาก เงาสีขาวสองเงาพุ่งออกมาจากระยะไกล ตามมาด้วยรถม้าอินชิงเสวียนตะโกนอย่างมีความสุข“ไป๋เสวี่ย เสี่ยวไป๋!”ไป๋เสวี่ยกางอุ้งเท้าใหญ่ แล้วกอดเอวของอินชิงเสวียนอย่างเสน่หาเสี่ยวไป๋ก็กลิ้งหน้าถูขาของอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นการแสดงความใกล้ชิดกับคนที่หาได้ยากอินชิงเสวียนลูบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย จากนั้นลูบหัวของเสี่ยวไป๋

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1505 ความรู้สึกที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้

    เฮ่อซือจวินออกแรงดึงอินชิงเสวียนขึ้นมา แล้วกอดนางไว้ พูดเสียงสะอื้น “เจ้ายอมรับข้า ข้ารู้สึกขอบคุณยิ่งนัก ชั่วชีวิตนี้จะพยายามดูแลสุขภาพของท่านพ่อและน้าเหมยอย่างเต็มที่”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของนาง แล้วพูดเสียงอ่อนหวาน “ท่านเป็นพี่สาวต่างแม่ของข้า จะแตกต่างจากพี่สาวแท้ๆ ได้อย่างไร หากท่านอยู่ในอิ๋นเฉิงแล้วรู้สึกเหนื่อยล้า ก็ไปหาข้าที่เมืองหลวงได้ ข้าจะพาท่านท่องเที่ยวให้สำราญใจแน่นอน”เฮ่อซือจวินพยักหน้าโดยเร็ว“ได้ ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน”“สนใจแต่พี่สาวของเจ้าเท่านั้น ไม่ต้องการพี่ชายแล้วหรือ”เฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาจากประตู สวมเสื้อคลุมใบไผ่สีเขียวที่ขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลา สง่า และเป็นวีรบุรุษไม่ธรรมดา“ชิงเสวียนคำนับพี่ใหญ่”อินชิงเสวียนโค้งคำนับ เฮ่อฉางเฟิงก็รีบเอื้อมมือไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้อง ไม่ต้องมากพิธี ตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือ”อินชิงเสวียนถอนหายใจ“พรุ่งนี้น่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่กี่วันก็ต้องไปอยู่ดี ฮ่องเต้จากเมืองหลวงมานานเกินไปแล้ว ในใจพะวงถึงอยู่ตลอด ถึงเวลาต้องกลับไปดูแลแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงก็ตัดใจจากน้องสาวไม่ได้ และยังไม่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1504 เศร้าโศกเพราะการจากลา

    ในวันที่สอง สำนักในยุทธ์จักรที่นำโดยเฮ่ออวิ๋นทง ต่างกล่าวคำอำลากับเฮ่อยวนเฮ่อยวนนำลูกศิษย์อิ๋นเฉิงส่งกันไปไกลถึงสิบสิบลี้ ในอิ๋นเฉิง เซี่ยวอิ่นหวนจับมือของอินชิงเสวียน“กลับภูเขาคราวนี้ เกรงว่าจะต้องจัดระเบียบยกใหญ่ ไม่รู้จะได้เจอพวกเจ้าอีกเมื่อไร พวกเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ปรึกษาหารือกันทุกเรื่อง หากเผชิญหน้ากับเรื่องใด ต้องพูดมันออกไป อย่าเก็บมันไว้ในใจตัวเอง จะได้ไม่เกิดความขุ่นเคืองสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ”นางถอนหายใจแล้วพูดว่า “แม้ว่าแม่จะเคยเป็นกุ้ยเฟย แต่ไม่รู้หลักการปกครองบ้านเมือง ความรุ่งเรืองและความเสื่อมของต้าโจวล้วนขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ด้วยความสามารถและการเรียนรู้ของเจ้าทั้งสอง เชื่อว่าในอีกไม่กี่ปี ก็จะสามารถนำความรุ่งเรืองมาสู่ต้าโจวได้ ถ้าแม่มีเวลาว่าง จะไปหาพวกเจ้ากับจ้าวเอ๋อร์ที่เมืองหลวงย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนจับมือเย่จิ่งอวี้ แล้วพูดอ่อนโยน “ท่านแม่วางใจ ข้ากับอาอวี้จะรักษาตัวให้ดีอย่างแน่นอน”อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหนานเฟิงดึงชายเสื้อของเซี่ยวอิ่นหวนอย่างไม่เต็มใจ“ท่านย่าจะไปแล้วหรือ”เซี่ยวอิ่นหวนกอดเสี่ยวหนานเฟิง จูบใบหน้ากลมจ้ำม่ำของเขา แล้วพูดด้วยความรัก “ใช

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1503 เรื่องราวจบลง

    ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่เป็นฮ่องเต้ข้ายังไม่สนใจด้วยซ้ำ จะสนใจพระชายาอ๋องได้อย่างไร”“พูดมาก็มีเหตุผล งั้นข้ายังมีที่อื่นที่อยากไป”เย่จิ่งหลานค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่ง หยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ“ตอนที่ข้ากำลังเดินทางไปตงหลิว พบว่ามีหลายแคว้นอยู่ใกล้เคียง ทำไมเจ้ากับข้าไม่พยายามพิชิตพวกเขาทั้งหมดล่ะ”ลั่วสุ่ยชิงสาดน้ำเย็นใส่เขาทันที“ตอนนี้เจ้ายังมีความสามารถนั้นอยู่รึ?”“หากเจ้าเต็มใจที่จะบ่มเพาะร่างกายและจิตวิญญาณกับข้า บางทีวรยุทธ์ของข้าอาจจะกลับคืน”ลั่วสุ่ยชิงถูกเขาทำให้โกรธจนกำลังภายในพุ่งสูงขึ้น กระทั่งจุดที่ถูกจี้สกัดได้คลายออก นางตบศีรษะเย่จิ่งหลานทันที“ไร้ยางอาย”“เจ้าหายแล้ว?”เย่จิ่งหลานมีความสุขมาก เขาพยายามคุกเข่า ฝืนยืนขึ้น ร่างกายโงนเงน ล้มลงตรงหน้าลั่วสุ่ยชิง ฉวยโอกาสกอดเอวของนาง“จอมยุทธ์หญิงลั่ว ข้ายืนไม่ไหว โปรดช่วยพยุงข้าด้วย”ใบหน้าของลั่วสุ่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง ยกมือขึ้นผลักเขาลงไปที่พื้น เย่จิ่งหลานล้มหงายหลัง เหมือนกับเต่าที่นอนหงายลั่วสุ่ยชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะงอหาย เมื่อนางหัวเราะมากพอแล้ว ก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเงียบๆ และบ่นว่า “เสด็จ

DMCA.com Protection Status