Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1419 ความกังวลของอินหลี

Share

บทที่ 1419 ความกังวลของอินหลี

Author: ม่อเยี่ยน
“กระหม่อมไม่ได้กลัวองค์หญิง และองค์หญิงย่อมไม่ใช่ภูตผีปีศาจอยู่แล้ว”

อินปู้อวี่ก้าวถอยหลัง แล้วก้มศีรษะลง

เย่ไห่ถังเอามือไพล่หลัง แล้วพูดแหว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่กล้ามองข้าล่ะ”

อินปู้อวี่โค้งกายลงอีกเล็กน้อย

“องค์หญิงวรกายล้ำค่า กระหม่อมย่อมไม่กล้ามองตรงๆ”

เย่ไห่ถังพูดเบาๆ “ข้าอนุญาตให้เจ้าเงยหน้าขึ้น”

“ทำเช่นนั้นมิได้ ไม่เหมาะสม”

อินปู้อวี่ถอยหลังอีกครั้ง ในใจรู้สึกหวาดหวั่น

แม้ว่าเย่ไห่ถังกับน้องหญิงใหญ่จะเคยไปเจอเขากับกวนเซี่ยวที่บริเวณโรงเรียน แต่นั่นอยู่นอกพระราชวัง ตอนนี้เขาอยู่ในฐานะผู้บัญชาการทหารองครักษ์ มีหน้าที่โดยตรงในการดูแลรักษาความปลอดภัยของพระราชวัง เขาเคารพในกฎเกณฑ์ขุนนาง ไม่อาจแสดงความไม่เคารพใดๆ ได้

เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าเหมือนจะวิ่งหนี เย่ไห่ถังก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ

“เจ้ามันท่อนไม้ อยากไปนักก็รีบไปเถอะ ข้าก็ไม่ได้อยากเจอเจ้านักหรอก”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา”

อินปู้อวี่ตอบรับด้วยความโล่งใจ จากนั้นก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว

เย่ไห่ถังไม่คาดคิดว่าเขาไปจริงๆ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด คว้าดอกไม้สี่ห้าดอกที่อยู่ข้างๆ มา แล้วโยนมันใส่แปล
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1420 เขาคือฮ่องเต้

    ยอดฝีมือที่ฟื้นคืนสติทั้งหมดยืนอยู่หน้าหลุมศพ ทั้งหมดไม่ปริปากกล่าวคำใด บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธแค้นอย่างสุดซึ้ง“แคว้นเฟยเหยา ข้าจะเอาชีวิตลูกสุนัขของพวกเจ้า เพื่อล้างแค้นให้กับศิษย์พี่น้องเหล่านี้อย่างแน่นอน”ศิษย์ของสำนักดาบเดือดกำด้ามดาบแน่น ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ รู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างยิ่งหากเป็นเหมือนในเป่ยไห่ ที่คนแคระเหล่านั้นต่อสู้ด้วยกระบี่อาวุธจริง เขาก็จะยอมรับ แต่เมื่อเดินทางรอนแรมข้ามภูเขาลำน้ำมาถึงที่นี่ กลับกลายเป็นว่าฝ่ายเดียวกันทำร้ายกันเองคนอื่นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน การต่อสู้ครั้งนี้ช่างน่าอึดอัดใจและน่าโมโหจริงๆ หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายอย่างไรใบหน้าของเฮ่อยวนก็เย็นชากว่าที่เคย เขาโค้งคำนับเล็กน้อยไปทางหลุมศพและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ “ทุกคนเดินทางไกลนับพันลี้มาถึงเทือกเขาเชื่อมเมฆา เดิมทีเฮ่อยวนควรเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่เดินทางรอนแรมมาไกลให้ได้ดื่มกินอย่างอิ่มหนำสำราญ แต่ไม่นึกว่าจะทำให้ทุกคนโชคร้ายเช่นนี้ ถูกฝังร่างที่ต่างบ้านต่างเมือง เป็นเพราะเฮ่อยวนไร้สามารถ ไม่อาจปกป้องเหล่าบรรดาลูกศิษย์ของแต่ละสำนักได้ ในวันนี้เฮ่อยวนขอสาบ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1421 เป็นที่เคารพนับถืออย่างสูง

    เหมยชิงเกอก็คุกเข่าลงเช่นกัน“ตำหนักเทพหอทองคำก็เต็มใจที่จะติดตามฝ่าบาทเช่นกัน ขอให้คำมั่นว่าจะขับไล่ศัตรูที่แข็งแกร่งออกไป ปกป้องภูเขาลำน้ำของต้าโจวเรา!”“เฮ่อยวนยังเต็มใจที่จะนำเพียวเมี่ยวอิ๋นเฉิงเป็นกระบี่ของฝ่าบาท เพื่อต้าโจวจะต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ จนถึงวาระสุดท้าย!”ทันทีที่ทั้งสองสำนักหลักแสดงจุดยืน เฮ่ออวิ๋นทงและคนอื่นๆ ก็คุกเข่าลง ทุกคนต่างตะโกนว่าฝ่าบาททรงพระเจริญ ชั่วครู่หนึ่งเกิดเสียงราวกับขุนเขาคำรามทะเลแผดก้อง สะท้านไปทั้งแผ่นฟ้าจู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็ตระหนักได้ว่าตัวเองได้เปิดเผยตัวตนโดยไม่ได้ตั้งใจ เขามองไปที่อินชิงเสวียนโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเห็นหญิงสาวเงยหน้าขึ้น ยิ้มอย่างชื่นชมเขา เขาก็เข้าใจทันทีจึงหันกลับมาแล้วพูดว่า “จอมยุทธ์ผู้ชอบธรรมทุกท่าน ข้ายังอยากกล่าวขอบคุณแทนไพร่ฟ้าทั่วหล้า ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของทุกท่าน โปรดลุกขึ้นเถิด”จากนั้นทุกคนก็ลุกขึ้นยืน ขวัญกำลังใจเพิ่มพูดขึ้นทันทีในความคิดของหลายๆ คน ฮ่องเต้เป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่นั่งบนบัลลังก์มังกรคอยชี้นิ้วบงการเท่านั้น แม้ว่าทุกคนจะเข้าร่วมในการต่อสู้ที่เป่ยไห่ตามคำสั่งของเจ้าสำนัก แต่ในใจก็

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1422 ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ไขสถานการณ์

    ลั่วสุ่ยชิงส่ายศีรษะ“ข้าไม่รู้แน่ชัด แต่ต้องเป็นสถานที่ลับสุดยอด”“อาตมภาพรู้แล้ว เพื่อไม่ให้ราชาถูกทำร้ายจากศิษย์อิ๋นเฉิงโดยไม่ตั้งใจ ให้ข้าไปเชิญฮ่องเต้และฮองเฮาออกมาดีกว่า”เขาก้าวเท้าหยินหยาง ใช้ปลายนิ้วเท้าวาดเป็นรูปปลาหยินหยางบนพื้น จากนั้นก็ยืนอยู่ตรงกลางกระซิบ “คุณชายเย่เย่ แม่นางอิน ช่วยออกมาพบนอกเมืองได้หรือไม่!”อินชิงเสวียนกำลังพูดคุยกับเซี่ยวอิ๋นหวนและเหมยชิงเกอ เมื่อเสียงของนักพรตเทียนชิงดังขึ้นข้างหู นางก็ตกใจเล็กน้อย พอมองดูแม่ๆ ก็เห็นว่าทั้งสองไม่มีทางทางผิดปกติ หรือว่ามีนางคนเดียวที่ได้ยิน?ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็เห็นเย่จิ่งอวี้เดินเข้ามาจากประตู และขยิบตาให้ตัวเองอินชิงเสวียนรีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ท่านแม่ทั้งสองโปรดรอสักครู่ ข้ามีธุระบางอย่างที่ต้องจัดการ ประเดี๋ยวจะกลับมานะเจ้าคะ”ทั้งสองคนกำลังดื่มนำชาที่ต้มด้วยน้ำพุวิณญาณ พูดคุยกันไปพลาง ฟื้นฟูกำลังภายในกันไปพลางเซี่ยวอิ๋นหวนยิ้มด้วยความรัก“ไปเถอะ ถ้าต้องการให้เราช่วย ก็บอกมาได้เลย”เหมยชิงเกอมองดูลูกสาวด้วยความภาคภูมิใจ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ แม่จะดูแลแม่สามีของเจ้าให้เอง!”“ขอบคุณท่านแม่ทั้งส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1423 ความเป็นมาของชิงฮุย

    ตอนนี้เหลาสุราเล็กๆ หลายแห่งกลายเป็นที่ร้าง และภายในไม่กี่วัน ฝุ่นก็สะสมเป็นชั้นบางๆอินชิงเสวียนช่วยประคองลั่วสุ่ยชิงไปที่ห้องบนชั้นสอง หยิบผ้าขี้ริ้วออกมาจากมิติ และทำความสะอาดง่ายๆ“เจ้าพักสักหน่อยเถอะ ข้าจะเอาอาหารมาให้เจ้ากิน”เมื่อเห็นอินชิงเสวียนทำนั่นทำนี่ไม่หยุด ลั่วสุ่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะคว้าข้อมือของนาง“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะหลอกเจ้าหรือ เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นราชวงศ์ของแคว้นเฟยเหยา ทำไมเจ้าถึงยังเชื่อในตัวข้ามากขนาดนี้”เมื่อมองดูดวงตาที่ค่อนข้างสับสน อินชิงเสวียนก็เม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม“เจ้าไม่ใช่คนเลว แล้วข้าต้องกลัวอะไรล่ะ ยิ่งกว่านั้น เจ้าในตอนนี้ยังเอาชนะข้าไม่ได้ด้วย!”หลังจากได้ยินประโยคสุดท้าย ดวงตาของลั่วสุ่ยชิงก็หรี่ลงเล็กน้อย“ใช่ ข้าสูญเสียกำลังภายในไปเกือบหมดแล้ว จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าจริงๆ”นางเงยหน้าขึ้นมองอินชิงเสวียน และถามอย่างสงสัย “เหตุใดกำลังภายในของเจ้าจึงถูกดูดออกไปไม่มาก”กำลังภายในที่ถูกดูดซับไปจากตัวของอินชิงเสวียนมาจากกำลังภายในที่ช่วงชิงมา แน่นอนว่าไม่มีการสูญเสียมากนัก แต่นางไม่สามารถบอกลั่วสุ่ยชิงได้“อาจเป็นเพราะกำลังภายในของข้าไม่สูง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1424 การปลดปล่อยของลั่วสุ่ยชิง

    อินชิงเสวียนหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมา บันทึกทุกสิ่งที่ลั่วสุ่ยชิงพูด ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ไม่จำเป็นต้องท่องจำก็ได้เมื่อมองดูจุดสีแดงที่ส่องสว่างอยู่บนเครื่องบันทึก ลั่วสุ่ยชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่นางก็ไม่กล้าที่จะถามคำถามเพิ่มเติม นางพูดต่อไปเกือบสองชั่วยาม ก่อนจะจิบชาผลไม้“ส่วนรายละเอียดบางอย่าง เจ้าต้องคิดได้ด้วยตัวเองเท่านั้น ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่นานเกินไปได้ ข้าจะต้องตามหาชาวเผ่าเหล่านั้นให้เร็วที่สุด เพื่อให้พวกเขาล้มเลิกความคิดในการกอบกู้แคว้น”หลังจากที่ลั่วสุ่ยชิงพูดจบ นางก็ลุกขึ้นยืนอินชิงเสวียนจับไหล่ของนาง“ถึงรีบแค่ไหนแต่เสียเวลาไปสักคืนก็ไม่ต่างกัน ข้าอยากคุยกับเจ้า อยากรู้เกี่ยวกับแคว้นเฟยเหยาให้มากขึ้น ข้าจะไปชงชาผลไม้ให้เจ้าอีก”ลั่วสุ่ยชิงขมวดคิ้ว และนั่งลงในที่สุดอินชิงเสวียนเปิดประตูเดินออกจากห้อง แล้วเคลื่อนไหวไปหยุดที่ห้องโถงเล็กที่ชั้นหนึ่ง“เป็นอย่างไรบ้าง มีข้อคิดใหม่ๆ บ้างไหม”เย่จิ่งอวี้ไม่เข้าใจเรื่องค่ายกล แต่ก็จำทุกสิ่งที่ลั่วสุ่ยชิงพูดได้“ท่านพ่อเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล เราค่อยกลับไปถามเขาก็ได้”ทันใดนั้นเสี่ยวหนานเฟิงก็คลานไปโอบรอบคอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1425 เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำลายทัศนคติเดิมๆ ของผู้ชราในอิ๋นเฉิง

    “ตอนนี้เราจะทำอะไรได้บ้าง”เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้จ้องมองไปยังอินชิงเสวียน“กลับอิ๋นเฉิง แล้วบอกเรื่องเหล่านี้กับท่านพ่อ”ถึงอย่างไรเสี่ยวหนานเฟิงยังเด็กเกินไป แม้ว่าจะเป็นอัจฉริยะ แต่ประสบการณ์ชีวิตยังมีจำกัด มีหลายอย่างที่เขาเข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น ต้องไปหามีผู้มีประสบการณ์เช่นเฮ่อยวน ถึงจะศึกษาค่ายกลอย่างละเอียดได้“ได้”เย่จิ่งอวี้ไม่มีข้อสงสัยเลยทั้งคู่ใช้วิชาตัวเบาเหาะกลับไปที่อิ๋นเฉิง และให้เฮ่อยวนส่งกำลังคนออกไปตามหาเย่จิ่งหลานเมื่อพวกเขาเห็นเครื่องบันทึกของอินชิงเสวียน ผู้อาวุโสหลายคนก็ประหลาดใจยิ่งนัก ต่างเข้ามามุงดูเป็นวงกลม เมื่อได้ยินเสียงพูดที่ดังออกมาจากของสิ่งนั้น ดวงตาแต่ละคู่ก็เบิกโพลง สำหรับพวกเขาแล้ว ของสิ่งนี้วิเศษยิ่งนักเสี่ยวหนานเฟิงก็ปีนขึ้นไปบนโต๊ะเช่นกัน เขายื่นก้นเล็กๆ ออกมา แล้วยกมือป้อมๆ ขึ้นเท้าคาง มองตามกลุ่มผู้ชรามองด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังผู้อาวุโสฉางหยิบมันขึ้น แล้วจดทุกสิ่งที่ลั่วสุ่ยชิงพูดเหมยชิงเกอถามอย่างเป็นกังวล “คำพูดของนางถูกต้องจริงๆ หรือ นางจะจงใจหลอกลวงพวกเราหรือเปล่า”อินชิงเสวียนยิ้มอย่างอ่อนโยน“คงจะไม่เจ้าค่ะ ข้ารู้ส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1426 ธรรมชาติของมนุษย์ก็คือการยุ่งเรื่องคนอื่น

    หลิวซือจวินกล่าวอีกว่า “แม้ว่าลูกจะไม่สามารถยอมรับความเป็นพ่อลูกกับเจ้าเมืองได้ แต่เขาก็สัญญาว่าจะรับข้าเป็นลูกสาวบุญธรรม ถึงกระนั้นก็ตาม ลูกก็มีความสุขมากพอแล้ว ลูกไม่ขอสิ่งอื่นใดมากกว่านี้ หวังเพียงว่าจะมีที่พึ่งพา อยู่ในอิ๋นเฉิงไปตลอดชีวิต ท่านแม่ ท่านไม่โทษลูกใช่ไหม”เมื่อนึกถึงคำพูดก่อนตายของแม่ ที่บอกให้ตัวเองไปหาครอบครัว หลิวซือจวินก็ถอนหายใจเบา ๆในปัจจุบันอิ๋นเฉิงอยู่ในช่วงเวลาที่ลำบาก ทุกคนให้ความสำคัญกับความยุติธรรมเป็นอันดับแรก นางย่อมไม่สามารถปล่อยให้เฮ่อยวนขายหน้าและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเรื่องเล็กๆ ของตัวเองได้สำหรับนาง สถานะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญคือนางสามารถเป็นลูกสาวของท่านพ่อได้ และได้อยู่เคียงข้างพ่อเสมอเดิมทีเฮ่อยวนสัญญาว่าจะรับนางเป็นลูกสาวบุญธรรม แต่เมื่อศัตรูโจมตี ก็ต้องวางเรื่องนี้ไปก่อนบางครั้งนางก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดเฮ่อยวนจึงทอดทิ้งท่านแม่ เขาเป็นจิตใจโลเลทอดทิ้งคนรักได้กระนั้นหรือ แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทีที่เขามีต่อเหมยชิงเกอแล้ว เขาก็แสดงความรักลึกซึ้ง และยังดูรักและเอ็นดูต่อบรรดาศิษย์ในอิ๋นเฉิงมาก ผู้ชายที่โดดเด่นเช่นนี้ มิน่าเล่าก่อนที่ท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1427 การต่อสู้ระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์

    “ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาวิญญาณชั่วร้าย แน่นอนว่าไม่ได้ตามผิดตัว ไม่ทราบว่าคุณชายเย่ยังจำข้าได้หรือไม่”นักพรตเทียนชิงพูดอย่างสงบ มือลูบเคราสีขาวราวกับหิมะ มองไปที่คุณชายน้อยรูปหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าปราศจากสีเลือด ซึ่งทำให้ดูน่ากลัวมาก สีแดงชาดระหว่างคิ้วกลายเป็นสีแดงเข้ม ซึ่งค่อนข้างชัดเจนในภูเขาที่มืดมิดในเวลานี้ เย่จิ่งหลานมีสีหน้าเย็นชาและเคร่งขรึม ท่าทางแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง เขายืนตระหง่านอยู่กลางเขา ชายผ้าพลิ้วไสวไปตามสายลม สีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง ราวกับพญามัจจุราชที่หมายเอาชีวิต เป็นที่น่าสะพรึงกลัวแก่ผู้พบเห็นเขาค่อยๆ ยกมือขึ้น พูดลอดไรฟันคำเดียว“ตาย!”นักพรตเทียนชิงถอนหายใจและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะถูกล่อลวงจริงๆ เจ้ามีวรยุทธ์สูงส่ง หากเข่นฆ่าสังหารอย่างสนุกสนาน ต้องทำให้ผู้คนจำนวนมากสูญเสียชีวิต เดิมทีข้าอยากปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตแห่งสวรรค์ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ตอนนี้มีแต่ต้องพาเจ้ากลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ และใช้ศิลาตอบชำระพลังปีศาจในตัวเจ้าให้บริสุทธิ์”เย่จิ่งหลานไม่ได้ให้โอกาสเขาพูดให้จบ เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้า

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status