Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1425 เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำลายทัศนคติเดิมๆ ของผู้ชราในอิ๋นเฉิง

Share

บทที่ 1425 เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำลายทัศนคติเดิมๆ ของผู้ชราในอิ๋นเฉิง

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 16:00:00
“ตอนนี้เราจะทำอะไรได้บ้าง”

เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้จ้องมองไปยังอินชิงเสวียน

“กลับอิ๋นเฉิง แล้วบอกเรื่องเหล่านี้กับท่านพ่อ”

ถึงอย่างไรเสี่ยวหนานเฟิงยังเด็กเกินไป แม้ว่าจะเป็นอัจฉริยะ แต่ประสบการณ์ชีวิตยังมีจำกัด มีหลายอย่างที่เขาเข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น ต้องไปหามีผู้มีประสบการณ์เช่นเฮ่อยวน ถึงจะศึกษาค่ายกลอย่างละเอียดได้

“ได้”

เย่จิ่งอวี้ไม่มีข้อสงสัยเลย

ทั้งคู่ใช้วิชาตัวเบาเหาะกลับไปที่อิ๋นเฉิง และให้เฮ่อยวนส่งกำลังคนออกไปตามหาเย่จิ่งหลาน

เมื่อพวกเขาเห็นเครื่องบันทึกของอินชิงเสวียน ผู้อาวุโสหลายคนก็ประหลาดใจยิ่งนัก ต่างเข้ามามุงดูเป็นวงกลม เมื่อได้ยินเสียงพูดที่ดังออกมาจากของสิ่งนั้น ดวงตาแต่ละคู่ก็เบิกโพลง สำหรับพวกเขาแล้ว ของสิ่งนี้วิเศษยิ่งนัก

เสี่ยวหนานเฟิงก็ปีนขึ้นไปบนโต๊ะเช่นกัน เขายื่นก้นเล็กๆ ออกมา แล้วยกมือป้อมๆ ขึ้นเท้าคาง มองตามกลุ่มผู้ชรามองด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง

ผู้อาวุโสฉางหยิบมันขึ้น แล้วจดทุกสิ่งที่ลั่วสุ่ยชิงพูด

เหมยชิงเกอถามอย่างเป็นกังวล “คำพูดของนางถูกต้องจริงๆ หรือ นางจะจงใจหลอกลวงพวกเราหรือเปล่า”

อินชิงเสวียนยิ้มอย่างอ่อนโยน

“คงจะไม่เจ้าค่ะ ข้ารู้ส
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1426 ธรรมชาติของมนุษย์ก็คือการยุ่งเรื่องคนอื่น

    หลิวซือจวินกล่าวอีกว่า “แม้ว่าลูกจะไม่สามารถยอมรับความเป็นพ่อลูกกับเจ้าเมืองได้ แต่เขาก็สัญญาว่าจะรับข้าเป็นลูกสาวบุญธรรม ถึงกระนั้นก็ตาม ลูกก็มีความสุขมากพอแล้ว ลูกไม่ขอสิ่งอื่นใดมากกว่านี้ หวังเพียงว่าจะมีที่พึ่งพา อยู่ในอิ๋นเฉิงไปตลอดชีวิต ท่านแม่ ท่านไม่โทษลูกใช่ไหม”เมื่อนึกถึงคำพูดก่อนตายของแม่ ที่บอกให้ตัวเองไปหาครอบครัว หลิวซือจวินก็ถอนหายใจเบา ๆในปัจจุบันอิ๋นเฉิงอยู่ในช่วงเวลาที่ลำบาก ทุกคนให้ความสำคัญกับความยุติธรรมเป็นอันดับแรก นางย่อมไม่สามารถปล่อยให้เฮ่อยวนขายหน้าและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเรื่องเล็กๆ ของตัวเองได้สำหรับนาง สถานะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญคือนางสามารถเป็นลูกสาวของท่านพ่อได้ และได้อยู่เคียงข้างพ่อเสมอเดิมทีเฮ่อยวนสัญญาว่าจะรับนางเป็นลูกสาวบุญธรรม แต่เมื่อศัตรูโจมตี ก็ต้องวางเรื่องนี้ไปก่อนบางครั้งนางก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดเฮ่อยวนจึงทอดทิ้งท่านแม่ เขาเป็นจิตใจโลเลทอดทิ้งคนรักได้กระนั้นหรือ แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทีที่เขามีต่อเหมยชิงเกอแล้ว เขาก็แสดงความรักลึกซึ้ง และยังดูรักและเอ็นดูต่อบรรดาศิษย์ในอิ๋นเฉิงมาก ผู้ชายที่โดดเด่นเช่นนี้ มิน่าเล่าก่อนที่ท

    Last Updated : 2024-10-29
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1427 การต่อสู้ระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์

    “ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาวิญญาณชั่วร้าย แน่นอนว่าไม่ได้ตามผิดตัว ไม่ทราบว่าคุณชายเย่ยังจำข้าได้หรือไม่”นักพรตเทียนชิงพูดอย่างสงบ มือลูบเคราสีขาวราวกับหิมะ มองไปที่คุณชายน้อยรูปหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าปราศจากสีเลือด ซึ่งทำให้ดูน่ากลัวมาก สีแดงชาดระหว่างคิ้วกลายเป็นสีแดงเข้ม ซึ่งค่อนข้างชัดเจนในภูเขาที่มืดมิดในเวลานี้ เย่จิ่งหลานมีสีหน้าเย็นชาและเคร่งขรึม ท่าทางแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง เขายืนตระหง่านอยู่กลางเขา ชายผ้าพลิ้วไสวไปตามสายลม สีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง ราวกับพญามัจจุราชที่หมายเอาชีวิต เป็นที่น่าสะพรึงกลัวแก่ผู้พบเห็นเขาค่อยๆ ยกมือขึ้น พูดลอดไรฟันคำเดียว“ตาย!”นักพรตเทียนชิงถอนหายใจและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะถูกล่อลวงจริงๆ เจ้ามีวรยุทธ์สูงส่ง หากเข่นฆ่าสังหารอย่างสนุกสนาน ต้องทำให้ผู้คนจำนวนมากสูญเสียชีวิต เดิมทีข้าอยากปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตแห่งสวรรค์ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ตอนนี้มีแต่ต้องพาเจ้ากลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ และใช้ศิลาตอบชำระพลังปีศาจในตัวเจ้าให้บริสุทธิ์”เย่จิ่งหลานไม่ได้ให้โอกาสเขาพูดให้จบ เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้า

    Last Updated : 2024-10-29
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1428 เหนือกว่าหนึ่งขั้น

    เมื่อฝ่ามือตกลงที่หมอกดำ นักพรตเทียนชิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในขณะนั้นก็สัมผัสได้ว่า กำลังภายในกำลังไหลออกจากตัวราวกับกระแสน้ำ ไหลไปสู่หมอดำกลุ่มนั้นนักพรตเทียนชิงฝึกฝนมาหลายทศวรรษแล้ว ไม่เคยพบกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เขาตกใจ ถอนฝ่ามือกลับไปยังตำแหน่งเดิมเย่จิ่งหลานไม่ได้ทำอะไรอีก เขาเป็นเหมือนนกฮูกกลางคืนในความมืดมิด มองดูนักพรตเทียนชิงด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับว่าภารกิจของเขาคือการควบคุมเท่านั้น และทุกสิ่งทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขานักพรตเทียนชิงเหลือบมองเย่จิ่งหลาน พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์มานานหลายทศวรรษ กลับพัฒนานิสัยที่ชั่วร้ายเช่นนี้ออกมา”ชิงฮุยกล่าวว่า “ไม่สามารถพูดได้ว่าชั่วร้ายได้ นี่คือเวทมนตร์ของแคว้นเฟยเหยา ข้าคงไม่อาจยืนนิ่งเฉยรอความตายอยู่ตรงนี้ได้ ดังคำกล่าวที่ว่า แผนอยู่ที่คน ผลอยู่ที่ฟ้า ไม่ว่าจะเป็นประสงค์ของสวรรค์หรือความเป็นมนุษย์ ถึงอย่างไรก็ต้องต่อสู้แย่งชิงอย่างเต็มที่ ถึงจะไม่เสียใจภายหลัง ถ้าสามารถดูดซึมกำลังภายในของอาจารย์ได้ ศิษย์จะใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ให้เสียชื่อของอาจารย์”“ถ้าอย่างนั้นก็มาดูกัน

    Last Updated : 2024-10-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1429 สู่ความว่างเปล่าสุดขั้ว รักษาความสงบให้อยู่ตัว

    ชิงฮุยถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าที่หล่อเหลาเคร่งขรึมขึ้น เย่จิ่งหลานก็รวดเร็วเช่นกัน มาถึงข้างกายเขาได้ภายในพริบตา ดวงอันแสนเย็นชาคู่นั้น จ้องมองนักพรตเทียนชิงอย่างไม่เป็นมิตรนักพรตเทียนชิงเหยียบอากาศที่ว่างเปล่า แล้วเทศนา “ขอสุขสถาพรสถิตชั่วนิรันดร์! สู่ความว่างเปล่าสุดขั้ว รักษาความสงบให้อยู่ตัว เมื่อไม่ต่อสู้ ก็ไม่มีใครในโลกที่จะสู้ได้ รู้จักพอไม่เสื่อม ย่อมอยู่ยั้งยืนนานเอย ชิงฮุย เจ้าบำเพ็ญหลักปรัชญาเต๋านานหลายปี ควรเข้าใจหลักความจริงนี้”ชิงฮุยพูดเบาๆ “ไม่แย่งชิงแต่บรรลุอิสรภาพ เป็นแค่เพียงสิ่งลวงตา อาจารย์ไม่เคยยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของพลังอำนาจ ย่อมไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างความเป็นจริงและความเพ้อฝัน ส่วนการรู้จักหยุดไม่เสื่อม นั่นเป็นเพียงความคิดของมนุษย์โลก เป็นพวกท่านที่คิดว่าข้าเดินทางผิด แต่ข้ายังเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าเส้นทางนี้ถูกต้อง เพราะครั้งหนึ่งข้าเคยยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของดินแดนนี้ มองดูภูเขา แม่น้ำ ทุกแห่งที่ข้ามองคือดินแดนของราชาแห่งข้า ในเมื่อคนต้าโจวเจ้าสามารถฆ่าคนเฟยเหยาได้ ทำไมเฟยเหยาถึงไม่สามารถเอาคืนได้!”น้ำเสียงของชิงฮุยไม่ดัง น้ำเสียงไม่ได้ดูเร่าร้อนหรือโกร

    Last Updated : 2024-10-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1430 เหมือนจะทำสิ่งเลวร้ายขึ้น

    นักพรตเทียนชิงขมวดคิ้วยังมีกลุ่มพลังสีดำค้างอยู่ตรงกลางคิ้วของเย่จิ่งหลาน ปิดกั้นกำลังภายในของนักพรตเทียนชิงหรือว่านี่คือข้อห้ามที่ชิงฮุยปลูกฝังไว้?เมื่อจับตัวชิงฮุยไม่ได้ เช่นนั้นก็ถือโอกาสช่วยเย่จิ่งหลานไปเลย เพื่อป้องกันไม่ให้เขาทำสิ่งชั่วร้ายและทำให้เกิดฟ้าผ่าเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ นักพรตเทียนชิงก็จี้จุดที่ไหล่และขาของเย่จิ่งหลานอย่างรวดเร็ว เย่จิ่งหลานเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงบนพื้นทันทีนักพรตเทียนชิงอุ้มเขาขึ้น รีบลงจากภูเขาไปยังบ้านลับแห่งหนึ่งชาวบ้านทั้งหมดในเมืองย้ายไปอยู่ในอิ๋นเฉิงแล้ว มีบ้านว่างมากมาย นักพรตเทียนชิงวางเย่จิ่งหลานไว้บนเตียง และตรวจชีพจรของเขาทันที ลมปราณยังไม่ถูกปิดกั้น เช่นนั้นก็ลองดูหน่อยเขาค่อยๆ ยกนิ้วขึ้น แตะหว่างคิ้วของเย่จิ่งหลานร่างกายของเย่จิ่งหลานสั่นเล็กน้อย ขมวดคิ้วมุ่นนักพรตเทียนชิงกล่าวอย่างกรุณา “ในระหว่างกระบวนการอาจทรมานบ้าง แต่คงใช้เวลาไม่นานนัก คุณชายน้อยเย่ ล่วงเกินแล้ว!”หลังจากจบคำพูด นักพรตเทียนชิงก็ปลดปล่อยพลังชี่แท้ออกมา มันไหลเข้าสู่กลางคิ้วของเย่จิ่งหลานเย่จิ่งหลานดูเหมือนจะเจ็บปวดอย่างมาก ร่างกายสั่นสะท้านและกระตุกอยู่ตลอ

    Last Updated : 2024-10-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1431 หากผู้ใดกล้าขวาง ฆ่าไม่เว้น

    เย่จิ่งหลานยกฝ่ามือขึ้นโจมตี โดยไม่ให้ลั่วสุ่ยชิงได้มีโอกาสถามอีกลั่วสุ่ยชิงก็รู้ว่าเย่จิ่งหลานถูกมนต์สะกด นางเหาะถอยหลัง หลบหลีกสองกระบวนท่าติดต่อกันเมื่อมองดูหมอกสีดำที่ล้อมรอบฝ่ามือ ลั่วสุ่ยชิงก็ตกตะลึงแน่นอนว่ามันเป็นวิทยายุทธ์ของเฟยเหยา ชิงฮุยใช้วิชาอะไรกันแน่ ถึงทำให้เขาสามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์กำลังภายในอันบริสุทธิ์ภายในเวลาไม่กี่วัน?ลั่วสุ่ยชิงขบคิดในใจ มุ่งเน้นไปที่การหลบหลีก แต่เย่จิ่งหลานบีบทุกก้าวย่าง ลงมือแต่ละครั้งล้วนหมายเอาชีวิตทันใดนั้น ลั่วสุ่ยชิงรู้สึกว่าพลังปราณมีบางอย่างผิดปกติ นางชี้นิ้วออกไป พลังที่มองไม่เห็นก็เข้าไปในร่างกายของเย่จิ่งหลาน จากนั้นนางก็ใช้วิชาตัวเบาหลบหนีอย่างรวดเร็วทันทีที่ร่างของนางงหายไป ชิงฮุยก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเย่จิ่งหลาน“ประสาทรับกลิ่นไวดีนี่”ชิงฮุยแค่นเสียงหึในลำคอเบาๆ พูดกับเย่จิ่งหลาน “ไปจับตัวนางมา หากผู้ใดกล้าขวาง ฆ่าไม่เว้น!”เย่จิ่งหลานพยักหน้า และร่างของเขาก็หายไปในทันทีจากนั้น ร่างหลายร่างก็เดินออกมาจากความมืด กล่าวด้วยความเคารพ “น้อมคำนับคุณชาย”“ตามสบาย ตอนนี้พวกเจ้าฝึกฌานตบะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”ชิงฮุยถามไปด้าน

    Last Updated : 2024-10-31
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1432 ตกใจ

    เมื่อทุกคนได้รับคำสั่งให้ออกไป ลั่วสุ่ยชิงก็วิ่งมุ่งหน้าไปยังอิ๋นเฉิง แต่กลับรู้สึกว่ามีเงาดำแวบขึ้นมาต่อหน้าต่อตา และเย่จิ่งหลานก็มาหยุดไว้เขายืนยิ่งเงียบอยู่เบื้องหน้าของลั่วสุ่ยชิง ราวกับพญามัจจุราชในนรก มืดมนและน่าสะพรึงกลัวลั่วสุ่ยชิงยืนนิ่ง นางเพิ่มจิตสำนึกทางจิตวิญญาณให้สูงสุด และไม่รู้สึกถึงลมปราณของชิงฮุยชิงฮุยไว้วางใจคุณชายน้อยเย่คนนี้ และนั่นคือสิ่งที่นางต้องการจริงๆ“เย่จิ่งหลาน เจ้าเป็นคนต้าโจว แต่กลับสมคบคิดศัตรู ทำงานช่วยเหลือเสือเลว ไม่รู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษของเจ้ากระนั้นหรือ”เย่จิ่งหลานโจมตีลั่วสุ่ยชิงอีกครั้ง โดยไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำลั่วสุ่ยชิงก้าวไปข้างหน้า ร่างของนางลอยอยู่ในอากาศแล้ว หมอกสีดำพุ่งออกมาจากฝ่ามือ ปกคลุมเย่จิ่งหลานไว้ในม่านหมอกนางอยากจะทดสอบดูว่าเย่จิ่งหลานสามารถฝึกฝนวิชาเทียนเสวียนได้ถึงขั้นไหนแล้วเย่จิ่งหลานไม่เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ ฟาดฝ่ามือกลับไปฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน ส่งเสียงสะท้านเย่จิ่งหลานสับขาหลอก หมุนตัวและกระโดดขึ้นไปในอากาศ“ตายซะ!”ลั่วสุ่ยชิงหัวเราะเบาๆ“อย่างเจ้าน่ะ ไม่มีความสามารถขนาดนั้น!”นิ้วเรียวขาวชี้ออกไป และจี้จ

    Last Updated : 2024-10-31
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1433 มีแผนอื่น

    ดวงตาของเย่จิ่งหลานเฉียบคม ชี้นิ้วมาอีกครั้งลั่วสุ่ยชิงรู้สึกเพียงว่าพลังชี่แท้จริงในร่างกายกระจัดกระจาย อดไม่ได้ที่จะตกใจ นางเหาะกลับไปอย่างรวดเร็ว และเย่จิ่งหลานก็เร็วขึ้นราวกับภูตผี มาหยุดอยู่เบื้องหน้าของลั่วสุ่ยชิง ชี้นิ้วไปที่ลำคอของนาง และไม่นานก็มาถึงตัวลั่วสุ่ยชิง หิ้วร่างนั้นขึ้นทันที หลังจากกระโดดขึ้นลงหลายครั้งก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยคนสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดถอนหายใจด้วยความโล่งอก“คิดว่าคุณชายรู้มานานแล้วว่าท่านราชาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่จิ่งหลาน”“คุณชายมีความสามารถในการทำนายสิ่งต่างๆ ราวกับเทพ”“แต่...ทำไมเย่จิ่งหลานถึงรู้พลังยุทธ์ของแคว้นเฟยเหยาเรา?”“ใช่ ดูเหมือนจะเรียนรู้ได้ละเอียดลึกซึ้งกว่าเรา”ทั้งสองมองหน้ากัน แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ดังนั้นจึงใช้วิชาตัวเบาจากไปในอิ๋นเฉิงอินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้กำลังพูดคุยกับนักพรตเทียนชิง เมื่อรู้ว่ามีสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้นกับเย่จิ่งหลาน ทั้งคู่ก็รู้สึกถึงลางร้าย“เสวียนเอ๋อร์พูดมานานแล้วว่า พวกโมริตะอาจเป็นเบี้ยหมากที่ชิงฮุยวางไว้ หากเป็นเรื่องจริง ที่เขาให้เย่จิ่งหลานไปหานักพรต ก็อาจมีแผนอื่น”นักพรตเทียนชิงขมวดค

    Last Updated : 2024-11-01

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1511 กระหม่อมคิดถึงท่าน

    เช้าวันรุ่งขึ้นอินชิงเสวียนออกจากตระกูลอินภายใต้สายตาที่ไม่เต็มใจของทุกคน และผู้ที่คุ้มกันนางกลับวังหลวง ก็คืออินสิงอวิ๋นพี่ชายคนโตเขายังคงหล่อเหลา ทว่านิสัยสุขุมเยือกเย็นมากกว่าปีที่แล้วอินชิงเสวียนเปิดม่านเกี้ยว“พี่ใหญ่ได้เชิญหมอหลวงมาตรวจอาการพี่สะใภ้บ้างหรือยัง”อินสิงอวิ๋นยิ้มอย่างอบอุ่น มองอินชิงเสวียนด้วยสายตาแบบเดียวกับเมื่อก่อน มีความเอาใจใส่เล็กน้อย“หาแล้ว คราวนี้ก็ค่อนข้างดี น้ำพุวิญญาณของเจ้า แทบจะให้พี่สะใภ้ดื่มหมด”อินชิงเสวียนพยักหน้า“ควรเป็นเช่นนี้แล้ว พี่สะใภ้อยู่ไกลบ้าน รอนแรมมาไกลกว่าจะถึงตระกูลอินของเรา เราต้องดูแลนางให้ดีที่สุด อย่าปล่อยให้นางอุดอู้อยู่บ้านทั้งวัน ถ้าท่านมีเวลาว่าง ควรพานางไปเดินเล่นบ่อยๆ คนท้องจะรู้สึกหดหู่โดยไม่รู้ตัว ถ้ามีท่านอยู่ข้างๆ บางทีนางอาจรู้สึกดีขึ้นบ้าง”“อืม คราวนี้แหละ ข้าควรจะหาเวลาได้แล้วจริงๆ”อินสิงอวิ๋นถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก มีหรือที่เขาไม่ต้องการใช้เวลากับเป่าเล่อเอ่อร์ให้มากๆ แต่ในวังหลวงมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย จนเขาไม่กล้าที่จะหย่อนยานตอนนี้ฝ่าบาทและน้องสาวกลับเมืองหลวงแล้ว ก็เหมือนมีกระดูกสันหลัง ทายาทเฟย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1510 อาหารมื้อครอบครัว

    อินชิงเสวียนคำนับทั้งสองคน นางไม่ได้มาจากรัชสมัยนี้ ไม่เห็นความสำคัญของมารยาทระหว่างกษัตริย์และขุนนาง แต่กลับให้ความสำคัญกับจริยธรรมของมนุษย์แม้ว่านางจะยอมรับเหมยชิงเกอ แต่บุญคุณที่ตระกูลอินเลี้ยงดูเจ้าของร่างเดิมมานานกว่าสิบปี ก็ไม่สามารถลืมได้ หากนางไม่รู้สึกขอบคุณผู้มีพระคุณของตัวเอง แล้วจะพูดถึงการมีใจกว้างใหญ่ไพศาลได้อย่างไร“เป็นพ่อหนึ่งวัน ย่อมเป็นพ่อตลอดไป แม่เลี้ยงก็คือแม่แท้ๆ พวกท่านเหมาะสมแล้ว”อินชิงเสวียนมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่น้ำเสียงกลับไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยความรู้สึกห่างเหินเล็กน้อยของอินจ้งนั้นหายไปในทันที จับมือนางแน่นๆ“ดี ดี ลูกสาวคนดี!”ซูหมิงหลานก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน แม้ว่านางจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวแล้ว แต่หากไม่มีอินชิงเสวียน สถานะนี้ก็ไม่สมบูรณ์ อินหลีที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวโน้มน้าวเบาๆ “ท่านพี่พี่สะใภ้ไม่ต้องร้อง หากมีเรื่องอะไรไว้ค่อยกลับไปพูดที่บ้านเถิด เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิดกันไปใหญ่โต”อินจ้งรู้สึกตัวเพราะคำพูดนี้ เห็นผู้คนที่เอาแต่ยืดคอมองมาทางนี้ เขาก็พยักหน้าโดยเร็ว“ถูกต้อง เรากลับไปคุยกันที่บ้านนะ”อินชิงเสวียนดึงเป่าเล่อเอ่อร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1509 เข้าสู่เมือง

    ทหารที่อยู่ข้างหน้าเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ครั้นแล้วก็มองเห็นชุดเกราะสีแดงรางๆเฉิงเฟิ่งโหลวสะดุ้งเล็กน้อย นี่...อาจเป็นทหารเปลวเพลิงสีชาดของราชาสงครามอาภรณ์ขาวกระมัง?ถ้ามารับเสด็จฮ่องเต้ เหตุใดจึงสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก?หรือว่าว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวง อ๋องสิบสาม...ก่อกบฏ?มือที่กุมกระบี่ของเฉิงเฟิ่งโหลวสั่นเทา เขาดึงสายบังเหียนออกทันที แม้ว่าเจ้านายกับนายหญิงจะมีทักษะวรยุทธ์สูง แต่มือเดียวสู้มือหลายไม่ได้ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาดูสิ้นหวัง “ฝ่าบาท เสด็จขึ้นรถม้าเร็วเข้า”เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แม้ว่าทั่วทั้งโลกจะทรยศเขา แต่เสด็จอาจะไม่มีวันทรยศเขา นี่คือความมั่นใจของเขา การสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก ถือเป็นมารยาทสูงสุดของค่ายเปลวเพลิงสีชาดในชั่วพริบตา ทหารม้าขบวนนั้นก็มาถึงเบื้องหน้า พวกเขาควบม้าและเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นแยกออกจากกันเป็นสองทาง เผยให้เห็นร่างที่สวมชุดคลุมสีขาวชายผู้นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ท่วงท่าไม่ธรรมดาสามัญ แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดราวกับหิมะ และเสื้อผ้าพลิ้วไหวดุจดั่งเทพเซียนเขาพลิกตัวลงจากม้า เดินเร็วๆ ไปที่รถม้า สะบัดเสื้อคล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1508 กลับสู่เมืองหลวง

    ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองหลวงอินชิงเสวียนไม่สามารถทนต่อการโคลงเคลงสั่นสะเทือนได้ นางจึงอยู่ในมิติกับเสี่ยวหนานเฟิงเกือบตลอดเวลาในช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันนี้ นางพบว่าเสี่ยวหนานเฟิงไม่เพียงแต่ฉลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนวรยุทธ์อีกด้วยอายุยังน้อยไม่เพียงแต่เรียนรู้บทกวีในสมัยถังและซ่ง ยังมีกำลังภายในลึกล้ำน่าประหลาดใจ มือซ้ายสามารถใช้เคล็ดวิชาใจเพียวเหมี่ยวได้ มือขวาใช้เคล็ดวิชาใจตำหนักเทพได้ แม้กระทั่งเรียนรู้วิชาขลุ่ยลวงใจของเจ้าสำนักเซี่ยว อินชิงเสวียนนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าช่วงที่นางไม่ได้อยู่กับเสี่ยวหนานเฟิงนั้น เขาได้เรียนรู้วิชามาจากทุกคนรอบตัวเขา“แค่กๆ เจ้า...ชอบฝึกวรยุทธ์หรือเปล่า?”จากมุมมองที่เห็นแก่ตัว อินชิงเสวียนไม่ต้องการให้เสี่ยวหนานเฟิงมีฝีมมือสูงส่งเกินไป ท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งมีความสามารถสูง ความรับผิดชอบก็ยิ่งสูงตาม ศาสตร์แห่งราชาต่างหาก คือสิ่งที่เขาควรต้องศึกษาเสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาโตแล้วพูดว่า “ชอบสิ รู้วรยุทธ์ ก็สามารถปกป้องท่านแม่ได้”อินชิงเสวียนกอดลูกชายตัวนุ่มนิ่มและมีกลิ่นหอม แล้วพูดอย่างจริงจัง “ต่อจากนี้ไปสิ่งที่เจ้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1507 ขอบคุณศิษย์พี่ลิ่น

    ระหว่างเจ้าสำนักเซี่ยวและเจ้าสำนักเฮ่อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ทว่าระหว่างเซี่ยวอิ่นหวนและลิ่นเซียวนั้นอยู่ในระดับปานกลาง จนแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลยบัดนี้เห็นเขาขวางทาง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการตายของศิษย์น้องเฟิ่งอี๋ ทำให้กลายเป็นคนสติเลอะเลือน กระทำการสิ่งใดล้วนไม่ผ่านการใช้ความคิด เป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจทันทีว่าเขามีเจตนาอะไรลิ่นเซียวรู้จักนาง พยักหน้าเบาๆ“เฟิ่งอี๋ตายแล้ว ข้ารู้แล้ว”เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เดิมก็เจ็บปวดจากการพลัดพรากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดถึงศิษย์น้องที่รักดุจน้องสาว หางตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีริมฝีปากของนางสั่นเทา ลดเสียงลง กดซ่อนความเศร้าไว้ในใจ“ศิษย์พี่ลิ่นควรจะออกมาสู่ความจริงได้แล้ว ถ้าศิษย์น้องอยู่บนสวรรค์มีญาณรับรู้ คงไม่อยากเห็นท่านจมปลักอยู่ที่นี่เพราะนางแน่นอน...”ลิ่นเซียวไม่ต่อคำ แต่พูดต่อว่า “ตาเฒ่าเซี่ยวก็จากไปแล้วเช่นกัน”หัวใจของเซี่ยวอิ่นหวนเจ็บปวดรวดร้าวอีกครั้ง ก้มหน้าสะอื้น“พ่อบุญธรรมเสียชีวิตเพื่อผดุงความยุติธรรมในยุทธจักร ไม่ผิดต่อปณิธานที่ก่อตั้งหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์”ลิ่นเซียวย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1506 เส้นทางที่แตกต่างกัน

    อินชิงเสวียนมอบตั๋วเงินเงินอีกหนึ่งพันตำลึงให้แก่ทั้งสามคน กำชับพวกเขาว่าอย่าใช้ฟุ่มเฟือย หากไม่เจอตัวคน ก็สามารถไปพำนักที่เมืองหลวงได้ทั้งสามพยักหน้าซ้ำๆ ขนของทั้งหมดขึ้นรถม้า และจากไปอย่างมีความสุขอินชิงเสวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้“นิสัยแบบนี้นี่เข้ากับเย่จิ่งหลานได้เป็นอย่างดี”เย่จิ่งอวี้ก็มองไปที่ทั้งสามคน พูดด้วยรอยยิ้ม “ชาวยุทธ์ ก็ควรจะเป็นอิสระไม่ยึดติดอย่างชาวยุทธ์ นี่แหละคือความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริง!”“เช่นนั้นพวกเราก็ควรจากไปอย่างไม่ยึดติดใช่ไหม”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น มองไปยังเย่จิ่งอวี้ ทั้งสองตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ว่าแทนที่จะรอให้พวกเขาสร่างเมา พลัดพรากจากกันด้วยความเป็นความตาย มิสู้จากไปอย่างเงียบๆ “ข้าเชื่อเมียข้าอยู่แล้ว”เย่จิ่งอวี้ผิวปาก เงาสีขาวสองเงาพุ่งออกมาจากระยะไกล ตามมาด้วยรถม้าอินชิงเสวียนตะโกนอย่างมีความสุข“ไป๋เสวี่ย เสี่ยวไป๋!”ไป๋เสวี่ยกางอุ้งเท้าใหญ่ แล้วกอดเอวของอินชิงเสวียนอย่างเสน่หาเสี่ยวไป๋ก็กลิ้งหน้าถูขาของอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นการแสดงความใกล้ชิดกับคนที่หาได้ยากอินชิงเสวียนลูบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย จากนั้นลูบหัวของเสี่ยวไป๋

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1505 ความรู้สึกที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้

    เฮ่อซือจวินออกแรงดึงอินชิงเสวียนขึ้นมา แล้วกอดนางไว้ พูดเสียงสะอื้น “เจ้ายอมรับข้า ข้ารู้สึกขอบคุณยิ่งนัก ชั่วชีวิตนี้จะพยายามดูแลสุขภาพของท่านพ่อและน้าเหมยอย่างเต็มที่”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของนาง แล้วพูดเสียงอ่อนหวาน “ท่านเป็นพี่สาวต่างแม่ของข้า จะแตกต่างจากพี่สาวแท้ๆ ได้อย่างไร หากท่านอยู่ในอิ๋นเฉิงแล้วรู้สึกเหนื่อยล้า ก็ไปหาข้าที่เมืองหลวงได้ ข้าจะพาท่านท่องเที่ยวให้สำราญใจแน่นอน”เฮ่อซือจวินพยักหน้าโดยเร็ว“ได้ ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน”“สนใจแต่พี่สาวของเจ้าเท่านั้น ไม่ต้องการพี่ชายแล้วหรือ”เฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาจากประตู สวมเสื้อคลุมใบไผ่สีเขียวที่ขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลา สง่า และเป็นวีรบุรุษไม่ธรรมดา“ชิงเสวียนคำนับพี่ใหญ่”อินชิงเสวียนโค้งคำนับ เฮ่อฉางเฟิงก็รีบเอื้อมมือไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้อง ไม่ต้องมากพิธี ตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือ”อินชิงเสวียนถอนหายใจ“พรุ่งนี้น่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่กี่วันก็ต้องไปอยู่ดี ฮ่องเต้จากเมืองหลวงมานานเกินไปแล้ว ในใจพะวงถึงอยู่ตลอด ถึงเวลาต้องกลับไปดูแลแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงก็ตัดใจจากน้องสาวไม่ได้ และยังไม่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1504 เศร้าโศกเพราะการจากลา

    ในวันที่สอง สำนักในยุทธ์จักรที่นำโดยเฮ่ออวิ๋นทง ต่างกล่าวคำอำลากับเฮ่อยวนเฮ่อยวนนำลูกศิษย์อิ๋นเฉิงส่งกันไปไกลถึงสิบสิบลี้ ในอิ๋นเฉิง เซี่ยวอิ่นหวนจับมือของอินชิงเสวียน“กลับภูเขาคราวนี้ เกรงว่าจะต้องจัดระเบียบยกใหญ่ ไม่รู้จะได้เจอพวกเจ้าอีกเมื่อไร พวกเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ปรึกษาหารือกันทุกเรื่อง หากเผชิญหน้ากับเรื่องใด ต้องพูดมันออกไป อย่าเก็บมันไว้ในใจตัวเอง จะได้ไม่เกิดความขุ่นเคืองสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ”นางถอนหายใจแล้วพูดว่า “แม้ว่าแม่จะเคยเป็นกุ้ยเฟย แต่ไม่รู้หลักการปกครองบ้านเมือง ความรุ่งเรืองและความเสื่อมของต้าโจวล้วนขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ด้วยความสามารถและการเรียนรู้ของเจ้าทั้งสอง เชื่อว่าในอีกไม่กี่ปี ก็จะสามารถนำความรุ่งเรืองมาสู่ต้าโจวได้ ถ้าแม่มีเวลาว่าง จะไปหาพวกเจ้ากับจ้าวเอ๋อร์ที่เมืองหลวงย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนจับมือเย่จิ่งอวี้ แล้วพูดอ่อนโยน “ท่านแม่วางใจ ข้ากับอาอวี้จะรักษาตัวให้ดีอย่างแน่นอน”อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหนานเฟิงดึงชายเสื้อของเซี่ยวอิ่นหวนอย่างไม่เต็มใจ“ท่านย่าจะไปแล้วหรือ”เซี่ยวอิ่นหวนกอดเสี่ยวหนานเฟิง จูบใบหน้ากลมจ้ำม่ำของเขา แล้วพูดด้วยความรัก “ใช

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1503 เรื่องราวจบลง

    ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่เป็นฮ่องเต้ข้ายังไม่สนใจด้วยซ้ำ จะสนใจพระชายาอ๋องได้อย่างไร”“พูดมาก็มีเหตุผล งั้นข้ายังมีที่อื่นที่อยากไป”เย่จิ่งหลานค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่ง หยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ“ตอนที่ข้ากำลังเดินทางไปตงหลิว พบว่ามีหลายแคว้นอยู่ใกล้เคียง ทำไมเจ้ากับข้าไม่พยายามพิชิตพวกเขาทั้งหมดล่ะ”ลั่วสุ่ยชิงสาดน้ำเย็นใส่เขาทันที“ตอนนี้เจ้ายังมีความสามารถนั้นอยู่รึ?”“หากเจ้าเต็มใจที่จะบ่มเพาะร่างกายและจิตวิญญาณกับข้า บางทีวรยุทธ์ของข้าอาจจะกลับคืน”ลั่วสุ่ยชิงถูกเขาทำให้โกรธจนกำลังภายในพุ่งสูงขึ้น กระทั่งจุดที่ถูกจี้สกัดได้คลายออก นางตบศีรษะเย่จิ่งหลานทันที“ไร้ยางอาย”“เจ้าหายแล้ว?”เย่จิ่งหลานมีความสุขมาก เขาพยายามคุกเข่า ฝืนยืนขึ้น ร่างกายโงนเงน ล้มลงตรงหน้าลั่วสุ่ยชิง ฉวยโอกาสกอดเอวของนาง“จอมยุทธ์หญิงลั่ว ข้ายืนไม่ไหว โปรดช่วยพยุงข้าด้วย”ใบหน้าของลั่วสุ่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง ยกมือขึ้นผลักเขาลงไปที่พื้น เย่จิ่งหลานล้มหงายหลัง เหมือนกับเต่าที่นอนหงายลั่วสุ่ยชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะงอหาย เมื่อนางหัวเราะมากพอแล้ว ก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเงียบๆ และบ่นว่า “เสด็จ

DMCA.com Protection Status