Beranda / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1431 หากผู้ใดกล้าขวาง ฆ่าไม่เว้น

Share

บทที่ 1431 หากผู้ใดกล้าขวาง ฆ่าไม่เว้น

Penulis: ม่อเยี่ยน
เย่จิ่งหลานยกฝ่ามือขึ้นโจมตี โดยไม่ให้ลั่วสุ่ยชิงได้มีโอกาสถามอีก

ลั่วสุ่ยชิงก็รู้ว่าเย่จิ่งหลานถูกมนต์สะกด นางเหาะถอยหลัง หลบหลีกสองกระบวนท่าติดต่อกัน

เมื่อมองดูหมอกสีดำที่ล้อมรอบฝ่ามือ ลั่วสุ่ยชิงก็ตกตะลึง

แน่นอนว่ามันเป็นวิทยายุทธ์ของเฟยเหยา ชิงฮุยใช้วิชาอะไรกันแน่ ถึงทำให้เขาสามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์กำลังภายในอันบริสุทธิ์ภายในเวลาไม่กี่วัน?

ลั่วสุ่ยชิงขบคิดในใจ มุ่งเน้นไปที่การหลบหลีก แต่เย่จิ่งหลานบีบทุกก้าวย่าง ลงมือแต่ละครั้งล้วนหมายเอาชีวิต

ทันใดนั้น ลั่วสุ่ยชิงรู้สึกว่าพลังปราณมีบางอย่างผิดปกติ นางชี้นิ้วออกไป พลังที่มองไม่เห็นก็เข้าไปในร่างกายของเย่จิ่งหลาน จากนั้นนางก็ใช้วิชาตัวเบาหลบหนีอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่ร่างของนางงหายไป ชิงฮุยก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเย่จิ่งหลาน

“ประสาทรับกลิ่นไวดีนี่”

ชิงฮุยแค่นเสียงหึในลำคอเบาๆ พูดกับเย่จิ่งหลาน “ไปจับตัวนางมา หากผู้ใดกล้าขวาง ฆ่าไม่เว้น!”

เย่จิ่งหลานพยักหน้า และร่างของเขาก็หายไปในทันที

จากนั้น ร่างหลายร่างก็เดินออกมาจากความมืด กล่าวด้วยความเคารพ “น้อมคำนับคุณชาย”

“ตามสบาย ตอนนี้พวกเจ้าฝึกฌานตบะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

ชิงฮุยถามไปด้าน
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1432 ตกใจ

    เมื่อทุกคนได้รับคำสั่งให้ออกไป ลั่วสุ่ยชิงก็วิ่งมุ่งหน้าไปยังอิ๋นเฉิง แต่กลับรู้สึกว่ามีเงาดำแวบขึ้นมาต่อหน้าต่อตา และเย่จิ่งหลานก็มาหยุดไว้เขายืนยิ่งเงียบอยู่เบื้องหน้าของลั่วสุ่ยชิง ราวกับพญามัจจุราชในนรก มืดมนและน่าสะพรึงกลัวลั่วสุ่ยชิงยืนนิ่ง นางเพิ่มจิตสำนึกทางจิตวิญญาณให้สูงสุด และไม่รู้สึกถึงลมปราณของชิงฮุยชิงฮุยไว้วางใจคุณชายน้อยเย่คนนี้ และนั่นคือสิ่งที่นางต้องการจริงๆ“เย่จิ่งหลาน เจ้าเป็นคนต้าโจว แต่กลับสมคบคิดศัตรู ทำงานช่วยเหลือเสือเลว ไม่รู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษของเจ้ากระนั้นหรือ”เย่จิ่งหลานโจมตีลั่วสุ่ยชิงอีกครั้ง โดยไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำลั่วสุ่ยชิงก้าวไปข้างหน้า ร่างของนางลอยอยู่ในอากาศแล้ว หมอกสีดำพุ่งออกมาจากฝ่ามือ ปกคลุมเย่จิ่งหลานไว้ในม่านหมอกนางอยากจะทดสอบดูว่าเย่จิ่งหลานสามารถฝึกฝนวิชาเทียนเสวียนได้ถึงขั้นไหนแล้วเย่จิ่งหลานไม่เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ ฟาดฝ่ามือกลับไปฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน ส่งเสียงสะท้านเย่จิ่งหลานสับขาหลอก หมุนตัวและกระโดดขึ้นไปในอากาศ“ตายซะ!”ลั่วสุ่ยชิงหัวเราะเบาๆ“อย่างเจ้าน่ะ ไม่มีความสามารถขนาดนั้น!”นิ้วเรียวขาวชี้ออกไป และจี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1433 มีแผนอื่น

    ดวงตาของเย่จิ่งหลานเฉียบคม ชี้นิ้วมาอีกครั้งลั่วสุ่ยชิงรู้สึกเพียงว่าพลังชี่แท้จริงในร่างกายกระจัดกระจาย อดไม่ได้ที่จะตกใจ นางเหาะกลับไปอย่างรวดเร็ว และเย่จิ่งหลานก็เร็วขึ้นราวกับภูตผี มาหยุดอยู่เบื้องหน้าของลั่วสุ่ยชิง ชี้นิ้วไปที่ลำคอของนาง และไม่นานก็มาถึงตัวลั่วสุ่ยชิง หิ้วร่างนั้นขึ้นทันที หลังจากกระโดดขึ้นลงหลายครั้งก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยคนสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดถอนหายใจด้วยความโล่งอก“คิดว่าคุณชายรู้มานานแล้วว่าท่านราชาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่จิ่งหลาน”“คุณชายมีความสามารถในการทำนายสิ่งต่างๆ ราวกับเทพ”“แต่...ทำไมเย่จิ่งหลานถึงรู้พลังยุทธ์ของแคว้นเฟยเหยาเรา?”“ใช่ ดูเหมือนจะเรียนรู้ได้ละเอียดลึกซึ้งกว่าเรา”ทั้งสองมองหน้ากัน แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ดังนั้นจึงใช้วิชาตัวเบาจากไปในอิ๋นเฉิงอินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้กำลังพูดคุยกับนักพรตเทียนชิง เมื่อรู้ว่ามีสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้นกับเย่จิ่งหลาน ทั้งคู่ก็รู้สึกถึงลางร้าย“เสวียนเอ๋อร์พูดมานานแล้วว่า พวกโมริตะอาจเป็นเบี้ยหมากที่ชิงฮุยวางไว้ หากเป็นเรื่องจริง ที่เขาให้เย่จิ่งหลานไปหานักพรต ก็อาจมีแผนอื่น”นักพรตเทียนชิงขมวดค

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1434 ล่องูออกจากรู

    “วิธีอะไร”เย่จิ่งอวี้มองไปยังอินชิงเสวียน หญิงสาวเป็นคนฉลาดหลักแหลม มีความคิดประหลาดแสนกลมากมาย“วิธีการของข้าต้องได้ผลแน่นอน แต่ก็ค่อนข้างอันตราย จุดประสงค์ของชิงฮุยคือการแบ่งแยกยุทธจักร เขาต้องโจมตีชาวยุทธ์อย่างแน่นอน เรารวบรวมกลุ่มยอดฝีมือ และแกล้งทำเป็นว่าออกไปตามหาเย่จิ่งหลานข้างนอก......หากชิงฮุยหวังจะประสบความสำเร็จด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว เขาจะส่งเย่จิ่งหลานไปแน่นอน หรืออาจลงมือเอง นี่เป็นโอกาสเหมาะ ประจวบเหมาะกับมีหวังซุ่นอยู่ด้วย ให้เขาสร้างใบหน้าของกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์ให้เรา เหลือผู้อาวุโสไว้เพียงหนึ่งหรือสองคนก็พอ หากทั้งหมดมีแต่ศิษย์รุ่นเยาว์ เกรงว่าพวกเขาอาจไม่ปรากฏตัว”นักพรตเทียนชิงกล่าวอย่างเห็นด้วย “แม่นางอินคิดได้รอบคอบ เช่นนี้แล้ว เราก็รีบหารือกันเถอะ ว่าจะจัดสรรกำลังคนอย่างไร”พวกเขาทั้งสามกลับไปที่อิ๋นเฉิงและแจ้งให้เฮ่อยวนทราบถึงเรื่องนี้ ซึ่งข้อเสนอนี้นั้น เฮ่อยวนและคนอื่นๆ ก็เห็นชอบด้วยนอกจากการล่องูออกจากรูแล้ว ก็ไม่มีวิธีใดที่ดีไปกว่านี้อีกหวังซุ่นเป็นห่วงเย่จิ่งหลานตลอดเวลา แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อคำพูดของเขาไร้น้ำหนัก ทักษะวรยุทธ์ก็แย่ จึงทำได้เ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1435 จับเย่จิ่งหลาน

    ที่ตีนเขา คนกลุ่มหนึ่งกำลังค้นหาเบาะแสทุกที่ บางครั้งก็ได้ยินคนเรียกชื่อเย่จิ่งหลานในป่าทึบ ทายาทชาวเฟยเหยามากกว่าสามสิบคนกำลังจับจ้องคนกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด“คนอายุมากสองคนที่อยู่ข้างหน้าคงจะแข็งแกร่งมาก ส่วนคนที่อยู่ข้างหลังล้วนเป็นศิษย์ที่อายุน้อย ไม่มีอะไรต้องกลัว”คนที่ดูมีอายุกระซิบขึ้น “งั้นก็ยกสองคนนั้นให้กับเย่จิ่งหลาน ส่วนเราฝึกฝีมือกับคนที่เหลือ”ทันทีที่พูดจบ เย่จิ่งหลานก็เหาะออกจากป่า และมุ่งหน้าตรงไปหาเฮ่ออวิ๋นทง“คุณชายเย่!”เฮ่ออวิ๋นทงรู้สึกประหลาดใจระคนยินดี แต่ดวงตาของเย่จิ่งหลานกลับเย็นชา การเคลื่อนไหวล้วนหมายเอาชีวิตเซี่ยวอิ๋นหวนก้าวไปช่วยทันที ในเวลาเดียวกัน ชาวเฟยเหยากลุ่มหนึ่งก็เหาะออกจากป่า โอบล้อมเหล่าศิษย์ที่อยู่ข้างหลังไว้“เป็นคนจากแคว้นเฟยเหยา!”“ ทุกคนระวัง!”“คนพวกนี้เชี่ยวชาญกลวิธีชั่วร้าย เราอย่าแยกจากกันเด็ดขาด”เมื่อเห็นศิษย์ของสำนักต่างๆ ชักกระบี่ทีละคน กลายเป็นความยุ่งเหยิง ทายาทชาวเฟยเหยาก็ผ่อนคลายลงทันทีพวกเขาไม่ได้เก่งกาจเหมือนคุณชาย ที่สามารถสร้างค่ายกลที่สามารถทำร้ายผู้คนที่มองไม่เห็นได้ในชั่วขณะหนึ่ง แต่ฝีมือเท่านี้ก็มากเกินพอที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1436 ตายอย่างคุ้มค่า

    ทุกคนต่างพยักหน้าพร้อมๆ กัน รู้สึกว่านี่มีเหตุผล วรยุทธ์ของเย่จิ่งหลานไม่ได้อ่อนแอ ถ้าเขารู้สึกตัวขึ้นมาได้ มันจะเป็นความช่วยเหลือที่ทรงพลังอย่างยิ่งทั้งหมดมาถึงสถานที่ที่เย่จิ่งหลานถูกควบคุมตัวไว้ เห็นเขาเบิกตากว้าง นั่งขัดสมาธิอยู่ในกรงเหล็ก สีหน้าเย็นชาประดุจเหมันต์ แววตาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง“จิ่งหลาน เจ้าจำพี่ชายเจ้าไม่ได้แล้วจริงๆ หรือ”เย่จิ่งอวี้มองน้องชายผ่านลูกกรงเหล็ก เมื่อออกจากเมืองหลวง คิดถึงเขาที่ดูสดใสร่าเริงไร้เดียงสา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจอินชิงเสวียนก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน แต่มุมมองแตกต่างจากเย่จิ่งอวี้คนที่อยู่ในกรงเป็นคนเดียวในยุคนี้ที่สามารถเข้าใจนางได้อย่างแท้จริง และยังเป็นเพื่อนจากเมืองเดียวกันเพียงคนเดียวด้วย ไม่เพียงเพราะทั้งคู่มาจากประเทศเดียวกันยุคเดียวกันเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะทั้งคู่มาจากภาคเหนือของประเทศเช่นกันนางถอนหายใจเบาๆไม่ว่าต้องใช้วิธีใดก็ตาม ไม่ว่านางจะจ่ายเท่าไหร่ นางก็ต้องรักษาเย่จิ่งหลานให้ได้“คุณชายหลิว เจ้าเห็นต้นตอของอาการไหม”หลิวซือจวินเข้ามาดูครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัว นางยื่นแขนเข้าไปในกรง ต้องการจะตรวจชีพจรของเย่จิ่ง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1437 พวกเจ้าต้องตายกันหมด

    หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวซือจวินแล้ว เฮ่อยวนก็ดูตกตะลึงเด็กคนนี้รู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรเขาจะเป็นพ่อของนางได้อย่างไรเหมยชิงเกอก็มองหลิวซือจวินอย่างไม่เข้าใจเหมือนกัน หรือว่าเฮ่อยวนยังมีผู้หญิงคนอื่น คำสัญญาต่างๆ นานาก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นคำโกหกนาง?อย่างไรก็ตามเวลานี้ชีวิตของคนแขวนอยู่บนเส้นด้าย สิ่งที่ไม่เข้าใจและคำถามทั้งหมดจึงได้แต่ฝังไว้ในใจเท่านั้น การช่วยชีวิตหลิวซือจวินเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกปราณกระบี่พลังสีม่วงและสีขาวลอยออกไปพร้อมกัน มุ่งหน้าตรงไปยังเย่จิ่งหลานเมื่อเย่จิ่งหลานหลบปราณกระบี่ เย่จิ่งอวี้ก็รีบเข้ามาคว้าร่างของหลิวซือจวินไว้ และภายในชั่วพริบตา กรงก็ถูกปิดผนึกอีกครั้งเย่จิ่งหลานไม่ได้พยายามจะรีบออกไป เขาแค่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา ถึงกระนั้น เจตนาฆ่าในดวงตาเหล่านั้นก็ยังน่าสะพรึงกลัวเซี่ยวอิ๋นหวนมองไปที่เย่จิ่งหลานและพูดว่า “ข้าเกรงว่ากรงนี้ไม่สามารถกักขังเด็กคนนี้ได้ เราต้องหาทางแก้ไขโดยเร็ว”ลูกชายมีน้องชายคนนี้เพียงคนเดียว ดังนั้นเซี่ยวอิ๋นหวนจึงหวังที่จะรักษาเขาให้หายดี ให้พี่น้องทั้งสองได้ร่วมมือกันปกครองบ้านเมืองได้ ทั้งยังมีค

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1438 เหมือนจะตกหลุมพรางแล้ว

    คำพูดไม่กี่คำหลุดออกมาจากปากของเย่จิ่งหลาน น้ำเสียงนั้นราวกับหลุดมาจากขุมนรก ทำให้ทุกคนรู้สึกเย็นยะเยือก เหงื่อกาฬผุดพรายขนลุกขนชันวินาทีต่อมา เขาก็เริ่มลงมือทุกคนไม่ต้องการทำร้ายเขา ต่างถูกจำกัดโดยทำอะไรไม่ได้มาก ทว่าเย่จิ่งหลานกลับโจมตีอย่างหมายเอาชีวิต แต่ละกระบวนท่าล้วนโจมตีไปยังจุดตาย เฮ่ออวิ๋นทงถูกซัดฝ่ามือใส่ เขากระอักเลือดออกมา ถอยหลังไปหลายก้าว ผู้อาวุโสสวีหันหลังไปช่วยประคอง แต่ก็ถูกลมฝ่ามือซัดเข้าใส่ ลมเลือดในอกพลันพลุ่งพล่านสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เจตนาฆ่าในตัวของพวกเขาดูเหมือนจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆคนอื่นๆ ที่ต่อสู้กับเย่จิ่งหลานก็รู้สึกเช่นเดียวกัน“อาอวี้ พวกเราเหมือนจะตกหลุมพรางแล้ว”อินชิงเสวียนเหาะถอยหลัง ถ่ายทอดกำลังภายในเพื่อระงับเจตนาฆ่าในใจชิงฮุยสามารถอดทนมาได้นานขนาดนี้แล้ว จึงไม่ใช่คนที่มีความคิดเรียบง่ายแน่นอน เป็นนางที่คิดว่าเป็นเรื่องง่ายดายเกินไป“อืม”ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้เคร่งขรึม“เสวียนเอ๋อร์พูดถูก บางทีนี่อาจเป็นผลลัพธ์ที่ชิงฮุยต้องการ”“เราควรทำอย่างไรดี”เซี่ยวอิ๋นหวนเริ่มกระสับกระส่ายเจ้าสำนักดาบเดือดกล่าวว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1439 เหยื่อ

    คนหนึ่งยกมือขึ้นคำนับ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่รู้ว่านักพรตมาจากสำนักใด ถึงสั่งสอนศิษย์ที่ชั่วร้ายเช่นนี้มา?”“ในเมื่อเป็นศิษย์ของนักพรต เช่นนั้นก็ควรลงมือกำจัดสิ่งสกปรกให้สะอาด”“ศิษย์จำนวนมากเสียชีวิตอย่างอนาถในหุบเขาเชื่อมเมฆา นักพรตไม่คิดจะให้คำอธิบายหน่อยหรือ?”“นั่นสิ ศิษย์ไม่ดี นับเป็นความผิดของอาจารย์ นักพรตควรทำตัวเป็นแบบอย่าง!”ในช่วงเวลาหนึ่ง ทุกคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และความขัดแย้งก็กระจายเป็นวงกว้างเย่จิ่งอวี้ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า “บุตรชายทั้งเก้าของพญามังกรล้วนแตกต่างกัน แม้ว่าท่านนักพรตจะเป็นอาจารย์ แต่เราไม่สามารถรู้ใจคนอื่นได้อย่างแท้จริง ชิงฮุยมีเจตนาปกปิด ท่านนักพรตจะรู้ได้อย่างไร หรือว่าแต่ละสำนักไม่มีศิษย์กบฏในสำนักกระนั้นหรือ”ทุกคนรู้ว่าเขาคือฮ่องเต้ จึงหุบปากทันทีประชาชนจะกลัวทางการนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด แม้จะอายุน้อย แต่อำนาจบารมีของเขาก็ไม่สามารถดูแคลนได้เมื่อมีความเงียบงัน คนหนึ่งก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา “แม้ว่าเราจะเคารพเจ้าในฐานะฮ่องเต้ แต่การออกศึกที่เป่ยไห่ไม่ใช่กองทัพของราชสำนัก แม้

Bab terbaru

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status