ทุกคนต่างพยักหน้าพร้อมๆ กัน รู้สึกว่านี่มีเหตุผล วรยุทธ์ของเย่จิ่งหลานไม่ได้อ่อนแอ ถ้าเขารู้สึกตัวขึ้นมาได้ มันจะเป็นความช่วยเหลือที่ทรงพลังอย่างยิ่งทั้งหมดมาถึงสถานที่ที่เย่จิ่งหลานถูกควบคุมตัวไว้ เห็นเขาเบิกตากว้าง นั่งขัดสมาธิอยู่ในกรงเหล็ก สีหน้าเย็นชาประดุจเหมันต์ แววตาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง“จิ่งหลาน เจ้าจำพี่ชายเจ้าไม่ได้แล้วจริงๆ หรือ”เย่จิ่งอวี้มองน้องชายผ่านลูกกรงเหล็ก เมื่อออกจากเมืองหลวง คิดถึงเขาที่ดูสดใสร่าเริงไร้เดียงสา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจอินชิงเสวียนก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน แต่มุมมองแตกต่างจากเย่จิ่งอวี้คนที่อยู่ในกรงเป็นคนเดียวในยุคนี้ที่สามารถเข้าใจนางได้อย่างแท้จริง และยังเป็นเพื่อนจากเมืองเดียวกันเพียงคนเดียวด้วย ไม่เพียงเพราะทั้งคู่มาจากประเทศเดียวกันยุคเดียวกันเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะทั้งคู่มาจากภาคเหนือของประเทศเช่นกันนางถอนหายใจเบาๆไม่ว่าต้องใช้วิธีใดก็ตาม ไม่ว่านางจะจ่ายเท่าไหร่ นางก็ต้องรักษาเย่จิ่งหลานให้ได้“คุณชายหลิว เจ้าเห็นต้นตอของอาการไหม”หลิวซือจวินเข้ามาดูครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัว นางยื่นแขนเข้าไปในกรง ต้องการจะตรวจชีพจรของเย่จิ่ง
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวซือจวินแล้ว เฮ่อยวนก็ดูตกตะลึงเด็กคนนี้รู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรเขาจะเป็นพ่อของนางได้อย่างไรเหมยชิงเกอก็มองหลิวซือจวินอย่างไม่เข้าใจเหมือนกัน หรือว่าเฮ่อยวนยังมีผู้หญิงคนอื่น คำสัญญาต่างๆ นานาก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นคำโกหกนาง?อย่างไรก็ตามเวลานี้ชีวิตของคนแขวนอยู่บนเส้นด้าย สิ่งที่ไม่เข้าใจและคำถามทั้งหมดจึงได้แต่ฝังไว้ในใจเท่านั้น การช่วยชีวิตหลิวซือจวินเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกปราณกระบี่พลังสีม่วงและสีขาวลอยออกไปพร้อมกัน มุ่งหน้าตรงไปยังเย่จิ่งหลานเมื่อเย่จิ่งหลานหลบปราณกระบี่ เย่จิ่งอวี้ก็รีบเข้ามาคว้าร่างของหลิวซือจวินไว้ และภายในชั่วพริบตา กรงก็ถูกปิดผนึกอีกครั้งเย่จิ่งหลานไม่ได้พยายามจะรีบออกไป เขาแค่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา ถึงกระนั้น เจตนาฆ่าในดวงตาเหล่านั้นก็ยังน่าสะพรึงกลัวเซี่ยวอิ๋นหวนมองไปที่เย่จิ่งหลานและพูดว่า “ข้าเกรงว่ากรงนี้ไม่สามารถกักขังเด็กคนนี้ได้ เราต้องหาทางแก้ไขโดยเร็ว”ลูกชายมีน้องชายคนนี้เพียงคนเดียว ดังนั้นเซี่ยวอิ๋นหวนจึงหวังที่จะรักษาเขาให้หายดี ให้พี่น้องทั้งสองได้ร่วมมือกันปกครองบ้านเมืองได้ ทั้งยังมีค
คำพูดไม่กี่คำหลุดออกมาจากปากของเย่จิ่งหลาน น้ำเสียงนั้นราวกับหลุดมาจากขุมนรก ทำให้ทุกคนรู้สึกเย็นยะเยือก เหงื่อกาฬผุดพรายขนลุกขนชันวินาทีต่อมา เขาก็เริ่มลงมือทุกคนไม่ต้องการทำร้ายเขา ต่างถูกจำกัดโดยทำอะไรไม่ได้มาก ทว่าเย่จิ่งหลานกลับโจมตีอย่างหมายเอาชีวิต แต่ละกระบวนท่าล้วนโจมตีไปยังจุดตาย เฮ่ออวิ๋นทงถูกซัดฝ่ามือใส่ เขากระอักเลือดออกมา ถอยหลังไปหลายก้าว ผู้อาวุโสสวีหันหลังไปช่วยประคอง แต่ก็ถูกลมฝ่ามือซัดเข้าใส่ ลมเลือดในอกพลันพลุ่งพล่านสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เจตนาฆ่าในตัวของพวกเขาดูเหมือนจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆคนอื่นๆ ที่ต่อสู้กับเย่จิ่งหลานก็รู้สึกเช่นเดียวกัน“อาอวี้ พวกเราเหมือนจะตกหลุมพรางแล้ว”อินชิงเสวียนเหาะถอยหลัง ถ่ายทอดกำลังภายในเพื่อระงับเจตนาฆ่าในใจชิงฮุยสามารถอดทนมาได้นานขนาดนี้แล้ว จึงไม่ใช่คนที่มีความคิดเรียบง่ายแน่นอน เป็นนางที่คิดว่าเป็นเรื่องง่ายดายเกินไป“อืม”ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้เคร่งขรึม“เสวียนเอ๋อร์พูดถูก บางทีนี่อาจเป็นผลลัพธ์ที่ชิงฮุยต้องการ”“เราควรทำอย่างไรดี”เซี่ยวอิ๋นหวนเริ่มกระสับกระส่ายเจ้าสำนักดาบเดือดกล่าวว
คนหนึ่งยกมือขึ้นคำนับ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่รู้ว่านักพรตมาจากสำนักใด ถึงสั่งสอนศิษย์ที่ชั่วร้ายเช่นนี้มา?”“ในเมื่อเป็นศิษย์ของนักพรต เช่นนั้นก็ควรลงมือกำจัดสิ่งสกปรกให้สะอาด”“ศิษย์จำนวนมากเสียชีวิตอย่างอนาถในหุบเขาเชื่อมเมฆา นักพรตไม่คิดจะให้คำอธิบายหน่อยหรือ?”“นั่นสิ ศิษย์ไม่ดี นับเป็นความผิดของอาจารย์ นักพรตควรทำตัวเป็นแบบอย่าง!”ในช่วงเวลาหนึ่ง ทุกคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และความขัดแย้งก็กระจายเป็นวงกว้างเย่จิ่งอวี้ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า “บุตรชายทั้งเก้าของพญามังกรล้วนแตกต่างกัน แม้ว่าท่านนักพรตจะเป็นอาจารย์ แต่เราไม่สามารถรู้ใจคนอื่นได้อย่างแท้จริง ชิงฮุยมีเจตนาปกปิด ท่านนักพรตจะรู้ได้อย่างไร หรือว่าแต่ละสำนักไม่มีศิษย์กบฏในสำนักกระนั้นหรือ”ทุกคนรู้ว่าเขาคือฮ่องเต้ จึงหุบปากทันทีประชาชนจะกลัวทางการนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด แม้จะอายุน้อย แต่อำนาจบารมีของเขาก็ไม่สามารถดูแคลนได้เมื่อมีความเงียบงัน คนหนึ่งก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา “แม้ว่าเราจะเคารพเจ้าในฐานะฮ่องเต้ แต่การออกศึกที่เป่ยไห่ไม่ใช่กองทัพของราชสำนัก แม้
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือดังกึกก้องนางกังวลมาโดยตลอดว่าทุกคนต้องการฆ่าเย่จิ่งหลานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต แต่ฮ่องเต้หนุ่มกลับช่วยชีวิตของเย่จิ่งหลานด้วยคำพูดเพียงคำเดียว และมันก็น่าเชื่อถือและมีเหตุผลน่าฟังมากเมื่อเห็นทุกคนพยักหน้า จิตใจของอินชิงเสวียนก็ผ่อนคลายลงเฮ่อยวนยังประกบมือคำนับทุกคนและพูดว่า “วันนี้ทำให้ทุกคนตกใจเปล่า โชคดีที่ไม่ถือว่าเปล่าประโยชน์ ช่วงนี้เชิญทุกคนไปพักฟื้นและพักผ่อนให้เต็มที่ ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการต่อสู้ที่ยากลำบากเกิดขึ้น”ทุกคนคำนับตามมารยาทและจากไป อินชิงเสวียนก็ถามว่า “ผู้อาวุโสเทียนชิง ไม่ทราบว่าค่ายกลนี้จะมีการจำกัดเวลาหรือไม่”นักพรตเทียนชิงไม่หงุดหงิดโกรธขึ้นเพราะการตั้งคำถามของชาวยุทธ์ ยังคงมีสีหน้าสงบ พูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “เรื่องนั้นไม่มีหรอก แต่ต้องเผื่อไว้ ต้องให้ใครสักคนมาเฝ้าดูแล”เฮ่อยวนกล่าวว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น หากท่านนักพรตไม่รังเกียจ เช่นนั้นก็อาศัยอยู่ที่อิ๋นเฉิงก่อนชั่วคราว จะได้มีคนคอยดูแล”นักพรตเทียนชิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ดีเช่นกัน ในเมืองหลวงยังมีศิษย์อยู่หลายคน อาตมภาพได้ส่งข้อควา
เฮ่อฉางเฟิงกลับมารายงาน ซึ่งได้ยินคำพูดของเหมยชิงเกอพอดี เขาอบอุ่นในหัวใจ และถอยกลับไปอย่างเงียบๆในเวลานี้ อินชิงเสวียนมาถึงด้านหน้าค่ายกลแล้วเย่จิ่งอวี้และเซี่ยวอิ๋นหวนยืนอยู่ด้านนอกค่ายกล มองดูเย่จิ่งหลานที่ถูกขังอยู่“อาอวี้ ท่านแม่ คิดหาวิธีได้แล้วหรือไม่”เซี่ยวอิ๋นหวนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่มี”“ถ้าอย่างนั้นคงมีแต่ต้องรอเท่านั้น”อินชิงเสวียนมองไปยังเย่จิ่งหลานที่ยืนนิ่งอยู่ข้างในเหมือนรูปปั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเล็กน้อยปกติแล้วเขาเป็นคนช่างพูด หากไม่ได้พูดสักครู่หนึ่ง คงอัดอั้นตันใจมาก ตอนนี้ดูเหมือนเครื่องจักรชืดๆ ดวงตาเย็นชาจนทำให้คนรู้สึกกลัวเซี่ยวอิ๋นหวนถามว่า “ถ้านักพรตเต๋าไม่มาล่ะ? ถ้าเขาสามารถทนได้นานขนาดนั้น เราจะหวังพึ่งแค่สิ่งนี้อย่างเดียวได้อย่างไร ในเมื่อเขาสามารถสร้างจิ่งหลานได้ เช่นนั้นก็สามารถสร้างคนอื่นได้เช่นกัน บางที เขาอาจทอดทิ้งจิ่งหลานแล้วก็ได้เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราก็ทำได้เพียงรวมกำลังกับทุกคน เพื่อดึงพลังชี่แท้ในตัวของจิ่งหลาน ออกมา และทำลายวรยุทธ์ของเขา”แม้ว่านี่จะเป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด แต่
“เจ้าเดาถูกแล้ว ฮ่องเต้น้อยแห่งราชวงศ์โจว เราพบกันอีกแล้ว!”ชิงฮุยเดินออกจากป่าด้วยท่าทางสงบ เสื้อคลุมนักพรตสีเทาดูโทรมไปเล็กน้อย แต่ก็ซักสะอาดมาก ชายเสื้อปลิวไปตามสายลม เผยให้เห็นเสื้อคลุมสีขาวตัวกลาง อยู่ใต้เสื้อคลุม ที่พัดพลิ้วไหวอินชิงเสวียนตัดสินใจใช้สกิลปากโน้มน้าว เผื่อว่ามันจะทำให้เขาล้มเลิกความคิด และหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้แม้จะไร้ประโยชน์ แต่มันก็ไม่มีอะไรเสียหายนางก้าวไปข้างหน้า ประสานมือคารวะแล้วพูดว่า “นักพรตมีใบหน้าเมตตากรุณา จะต้องเป็นคนที่มีความรักอันยิ่งใหญ่อยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นชาวต้าโจวหรือชาวเฟยเหยา สำหรับนักพรตแล้วพวกเขาล้วนเป็นคนธรรมดาในโลก ไม่แตกต่างกัน เหตุใดนักพรตจึงต้องยืนกรานเช่นนี้ด้วย”มุมปากของชิงฮุยยกขึ้นเล็กน้อย“ตัดสินความดีและความชั่วจากรูปลักษณ์ภายนอกจริงๆ ตั้งแต่สมัยโบราณ มีวีรบุรุษและผู้มีความสามารถจำนวนเท่าใดที่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากใบหน้าที่น่าเกลียดของพวกเขา กลายเป็นการเก็บงำความเกลียดชังไว้ชั่วนิรันดร์ มีอีกกี่คนที่อาศัยความงามของใบหน้า ได้เข้าไปเป็นคนใหญ่คนโต ข้าคิดว่าฮองเฮาต้าโจวจะแตกต่างออกไป คิดไม่ถึงถึงว่าจะความคิดตื้น
เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่ม มาพร้อมอัศนีที่เล่นโลดบนผืนนภาพายุฝนกระหน่ำสาดไปทั่วทั้งตำหนักวังเย็น ประตูไม้ที่แต่เดิมก็ปิดไม่สนิทอยู่แล้ว ชนกระแทกกันอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น สาวใช้ในชุดเสื้อผ้าขาดเก่าๆ ใช้ร่างกายตนเองดันประตูไว้อย่างสุดชีวิต พร้อมกับน้ำตาที่ไหลหลั่งอย่างห้ามไม่อยู่เจ้านายใกล้จะคลอดเต็มที ทว่าสภาพอากาศตอนนี้กลับทั้งลมแรงทั้งฝนตกไฉนสวรรค์จึงใจร้ายเฉกเช่นนี้ยายเฒ่าที่ยืนอยู่ข้างขอบเตียงก็ดวงตาแดงก่ำเช่นกันพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “พระสนม ศรีษะทารกใกล้ออกมาแล้ว ขอเพียงพระองค์ออกแรงอีกนิด ทารกก็จะออกมาแล้ว”บนเตียงมีหญิงสาวใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษผู้หนึ่งนอนราบอยู่ ใบหน้าสวยได้รูปเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ และท้องที่กลมโตก็เด่นสะดุดตาเป็นอย่างมากเธอใช้กัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง นิ้วมือจิกกับขอบเตียงจนเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เส้นเลือดบนหน้าผากก็ปูดโปนชัดเจนทว่าเพียงเสี้ยววินาทีหญิงสาวก็หมดแรงยายหลี่รีบจับมือเธอเอาไว้ และพูดอย่างยากเย็น “พระสนม โปรดพยายามอีกหน่อยเพคะ ขอเพียงคลอดพระโอรส บางทีพวกเราอาจจะได้ย้ายออกจากวังเย็นก็ได้ ใต้เท้าเองก็จะสามารถกลับเมืองหลวงได้แล้ว”หญิงสาว