ชิงฮุยถูกฝ่ามือของเย่จิ่งอวี้บีบให้เบี่ยงตัวหลบไปอีกด้าน แต่เย่จิ่งหลานกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง โอกาสมาถึงแล้ว!อินชิงเสวียนนึกในใจ ใบมีดดำทะมึนแห่งมิติก็ลอยออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า พุ่งฟันใส่ชิงฮุยด้วยพลังที่บ้าคลั่งและแข็งกร้าว!ความเร็วนั้นเร็วมาก ภายในชั่วพริบตา คนที่อยู่ข้างหลังยังมองไม่ทันว่าใบมีดลอยออกไปได้อย่างไร จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องโอดโอยของชิงฮุยเมื่อปราณใบมีดกระจายออกไป ก็ไม่มีร่องรอยของชิงฮุยเลย ผงเถ้าสีดำลอยตกลงบนพื้น ซึ่งดูเหมือนเศษเนื้อและเสื้อผ้าเก่อหงยวนเข้ามาดู ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ตายแล้วหรือ”หรือว่านี่ก็คือคำที่เล่าลือกันว่ากลายเป็นผุยผง?อินชิงเสวียนสั่นศีรษะ นางก็ไม่รู้ระหว่างนางกับใบมีดดำทะมึน ไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นเลยต่งจื่ออวี๋เกาหัว เดินเข้าไปแล้วพูดว่า “กลายเป็นเถ้าถ่านขนาดนี้แล้ว เป็นไปได้มากว่า...ตายแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงกล่าวว่า “ตายซะก็ดี”อินชิงเสวียนหมุนตัวกลับมา ใบมีดทะมึนแห่งมิติก็มุ่งเป้าไปที่เฮ่อฉางเฟิงทันทีเจ้าเมืองน้อยเฮ่อสะดุ้งเฮือก รีบโบกไม้โบกมือเป็นระวิง“นี่ไม่ใช่เรื่องตลก อย่าทำแบบนั้นกับพี่สิ”เก่อหงยวน จู่ๆ ก็หัวเรา
ลั่วสุ่ยชิงขมวดคิ้ว“เรื่องนี้ตอนนี้ข้ายังทำไม่ได้”“ในเมมื่อชิงฮุยไม่ใช่เชื้อสายราชวงศ์ เช่นนั้นวิชาอาคมทั้งหมดของเขา เจ้าก็ควรรู้ทั้งหมดสิ?”อินชิงเสวียนรู้สึกสับสนกับสิ่งนี้มากลั่วสุ่ยชิงจิบน้ำพุวิญญาณ“ในทางทฤษฎีก็เป็นจริงเช่นนั้น แต่ในทางปฏิบัติกลับมีความคลาดเคลื่อนบางอย่าง ข้าไม่เคยเห็นวรยุทธ์หลายอย่างของชิงฮุย และมีบางส่วนที่พบได้ในเคล็ดวิชาลับของราชวงศ์เท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าเขาเรียนจากที่ไหน และ...”ลั่วสุ่ยชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เย่จิ่งหลานยังได้เรียนรู้วรยุทธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของบิดาข้าด้วยซ้ำ ซึ่งจุดนี้ทำให้ข้าสงสัยยิ่งนัก”อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ชิงฮุยอาจใช้วิธีการบางอย่างเพื่อถ่ายทอดให้เขา ในเมื่อเขาสามารถควบคุมจิตสำนึกทั้งหมดของเย่จิ่งหลานได้ การถ่ายทอดวรยุทธ์จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก”จากความเข้าใจของอินชิงเสวียน มันก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์สองเครื่องที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน การถ่ายโอนไฟล์ถึงกัน ก็คงค่อนข้างง่าย“แต่เป็นไปไม่ได้ที่ชิงฮุยจะได้รู้วรยุทธ์นี้”ยิ่งลั่วสุ่ยชิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าใด นางก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเท่านั้น นางยังมีความค
ชิงฮุยระงับความคิดที่วุ่นวาย หลับตาโคจรลมปราณชั่วพริบตา พระจันทร์ก็เคลื่อนมาถึงยอดไม้แล้วเย่จิ่งหลานยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างๆ ราวกับเป็นศพที่ไร้ชีวิต แม้แต่การสะท้อนขึ้นลงของหน้าอก ยังเนิบช้ายิ่งนักการใช้กำลังภายในระงับ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของชิงฮุยได้เล็กน้อย จากนั้นก็มุ่งความสนใจไปที่เย่จิ่งหลานทันทีตอนนี้เย่จิ่งหลานถูกชิงฮุยควบคุมอย่างสมบูรณ์ จิตสำนึกถูกบังคับให้เข้าสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของห้วงทะเลแห่งจิต หากสามารถยึดครองจิตวิญญาณได้ในเวลานี้ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาบรรพบุรุษของแคว้นเฟยเหยาเดิมทีมีพลังยิ่งใหญ่ในการบำเพ็ญตบะ ถ้าไม่เช่นนั้น พวกเขาคงไม่สามารถถ่ายทอดเล่ห์กลมนต์คาถามากมายขนาดนี้ได้ ลั่วสุ่ยชิงสามารถปลงสังขาร ฝึกฝนแก่นวิญญาณได้ และชิงฮุยก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันอย่างไรก็ตาม ทันทีที่จิตสำนึกสัมผัสร่างกายของเย่จิ่งหลาน ก็ถูกพลังชนิดหนึ่งทำให้เด้งกลับออกมาชิงฮุยสะดุ้งเล็กน้อย หรือว่าเขาตื่นแล้ว?ครั้นจึงออกคำสั่งในใจกับเย่จิ่งหลานทันทีเย่จิ่งหลานเดินเคลื่อนไหวไปครู่หนึ่ง แล้วหยุดลงสีหน้าของชิงฮุยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่สามารถควบคุมเย่จิ่งหลานได้อย่างสมบูรณ์
เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงลั่วสุ่ยชิงก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก และล้มตัวลงบนเตียงกระโปรงเปียกโชกราวกับถูกล้างด้วยน้ำ“ลั่วสุ่ยชิง!”อินชิงเสวียนคุ้มครองนางอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นเช่นนี้ก็รีบถ่ายทอดลมปราณไปช่วย หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดลั่วสุ่ยชิงก็ลืมตาขึ้นมาศาสตร์เข้าฝันเป็นวิธีการที่ทำให้แก่นวิญญาณออกจากร่างกาย เว้นแต่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญที่ยอดเยี่ยม หรือเก่งในวิธีนี้โดยธรรมชาติ ไม่เช่นนั้นก็จะต้องเสียแรงอย่างมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านางที่ลงมือกับชิงฮุยขณะที่อยู่ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน นี่เป็นความตั้งใจของนางเช่นกัน เมื่อรู้ว่าใบมีดดำทะมึนของอินชิงเสวียนไม่สามารถรักษาบาดแผลได้ ลั่วสุ่ยชิงก็มั่นใจว่าชิงฮุยจะใช้ศาสตร์การช่วงชิงร่างอย่างแน่นอนและผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่อยู่ใกล้ตัวเขา ก็มีเพียงเย่จิ่งหลาน ดังนั้นนางจึงทุ่มพลังทั้งหมด ซุ่มซ่อนอยู่ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน และเนื่องจากทักษะของนางมาจากแหล่งเดียวกันกับหมอกสีดำของชิงฮุย เขาจึงไม่ค้นพบนาง“ข้าสบายดี”ลั่วสุ่ยชิงนั่งเอนหลังบนเตียง เหงื่อเย็นยังคงไหลออกมาอินชิงเสวียนรีบหยิบน้ำพุวิญญาณที่ใช้ได้โดยไม่เสียเงินออก
เย่จิ่งอวี้รู้สึกสับสน“นี่หมายความว่าอะไร หรือว่าจิ่งหลานกลับเมืองหลวงแล้ว?”อินชิงเสวียนนึกได้พลัน หรือว่า...นักพรตเทียนชิงสั่นศีรษะ“ถ้าเป็นเมืองหลวง ก็จะปรากฏทิศทางเดินชัด แต่ตอนนี้ไม่มีเลย เขา...อาจจะไม่อยู่ในผืนแผ่นดินของโลกนี้”เย่จิ่งอวี้ดูประหลาดใจ“แล้วเขาจะไปไหนล่ะ? หรือว่า เขาตายแล้ว?”นักพรตเทียนชิงกล่าวอย่างแน่วแน่ “ยังไม่ตาย แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ ดังนั้นอาตมภาพจึงไม่กล้าพูดพูดแน่ชัด พวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวลไป วันนี้เวลานี้ อาตมภาพจะลองทำนายอีกครั้ง บางทีอาจจะทราบอะไรเพิ่มเติม”“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนท่านนักพรตแล้ว”เย่จิ่งอวี้โค้งคำนับและออกจากเรือนเล็ก เมื่อเห็นใบหน้าของอินชิงเสวียนที่ดูครุ่นคิด จึงหลุบตาลงแล้วถามว่า “เสวียนเอ๋อร์ คิดอะไรอยู่หรือ”“ข้าสงสัยว่า เขากลับไปที่เดิมแล้วหรือเปล่า”“หืม?”อินชิงเสวียนดึงเย่จิ่งอวี้ไปที่ลำธารข้างๆ แล้วถอนหายใจ“มีเรื่องหนึ่งที่ข้าปิดบังอาอวี้ไว้ตลอด ที่จริงแล้ว...จิ่งหลานและข้ามาจากที่เดียวกัน”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เย่จิ่งอวี้ก็ตกใจสักพักเขาก็สงบลงอีกครั้งวันนั้นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในเมืองหลวง ได้รับการช่วยเ
“เป็นฝีมือของผู้ใด”เจ้าสำนักดาบเดือดก้าวอาดๆ ออกมา คว้าคอเสื้อลูกศิษย์ด้วยอารมณ์ที่ร้อนรุ่มเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนมองหน้ากัน แล้วเดินไปหาเจ้าสำนักดาบเดือดอย่างรวดเร็วศิษย์คนนั้นพูดด้วยใบหน้าโศกเศร้า “พวกเขาเป็นกลุ่มคนชุดดำ ข้าเห็นพวกเขาใช้วรยุทธ์ของหอเทียนอวิ๋น”“อะไรนะ?”เจ้าสำนักดาบเดือดเบิกตากว้าง โคจรพลังลมปราณไปยังจุดตันเถียน และตะโกนว่า “คนจากหอเทียนอวิ๋น ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ”“เจ้าสำนักอย่าเพิ่งใจร้อน ในบรรดาศิษย์ของแต่ละสำนักล้วนมีทายาทจากแคว้นเฟยเหยา พวกเขาที่จะใช้วรยุทธ์ของสำนักอื่น ย่อมเป็นเรื่องปกติ ในเวลานี้ เราต้องไม่มีความขัดแย้งภายใน เพราะจะทำให้ศัตรูมีโอกาสเข้ามาทำลายได้”กระแสเสียงของอินชิงเสวียนอ่อนโยนราวกับน้ำ ซึ่งทำให้หัวใจอันวิตกกังวลของเจ้าสำนักดาบเดือดสงบลงในทันที“ถูกต้อง พวกกากเดนเฟยเหยาเหล่านี้ ก็จะใช้วิธีการที่ต่ำช้าเลวทรามแบบนี้และ”ในขณะที่กำลังพูด เจ้าสำนักของหอเทียนอวิ๋นก็เหาะออกจากที่พัก สีหน้าดูมีอาการมึนเมาเล็กน้อย การก้าวเดินโซเซเล็กน้อย“เหล่าเลี่ยเตา เจ้าเอะอะโวยวายอะไร”“รังเก่าถูกคนบุกยึดไปแล้ว เจ้ายังดื่มสุราได้อีกนะ ใจกว้างจริ
ในห้องสวีทของโรงแรมหรูระดับห้าดาวชายในชุดคลุมสีดำล้มลงบนเตียงเหมือนปลาที่ตายแล้ว ชายผู้นั้นมีใบหน้าหล่อเหลา มีไฝสีแดงบนคิ้ว ดูลึกลับน่าค้นหาเด็กชายตัวเล็กอายุเจ็ดแปดขวบนอนอยู่ข้างเตียง มองดูใบหน้าของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น“พี่ชิงเสวียน ทำไมเขาถึงสวมเสื้อผ้าในยุคของเรา”เด็กน้อยกะพริบตาโต มองดูชายหนุ่มรูปงามอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีอย่างพิจารณาหญิงสาวคนหนึ่งสวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ขากว้าง เดินเข้ามาจากประตู กระซิบว่า “ชู่ว์ อย่าพูดถึงยุคของเราอีก นายเป็นลูกของคนอื่นแล้ว ถ้าพูดถึงอดีต จะถูกคนอื่นมองเหมือนเป็นสัตว์ประหลาด”เด็กน้อยพยักหน้าอย่างจริงจัง“ผมรู้แล้ว”ถ้าเย่จิ่งอวี้อยู่ที่นี่ ก็คงจะจำได้ทันทีว่าเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้านี้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเย่จิ่งหลานตอนที่ยังเป็นเด็กตอนนี้เขาเป็นลูกชายของประธานบริหารแห่งเทียนเซิ่งเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด และอินชิงเสวียนในตอนนี้ เนื่องจากความนิยมในการถ่ายทอดสด ถูกเทียนเซิ่งเอ็นเตอร์เทนเมนท์เล็งเห็น ได้กลายเป็นดาราหญิงชื่อดังของบริษัท เป็นเป็นที่ชื่นชอบของภรรยาประธานบริษัทนอกจากหน้าตาดีและทักษะการแสดง
“พี่ชิงเสวียน นี่…”เสี่ยวหลานหลานถือป้ายตราสัญลักษณ์ไว้ในมือ ใบหน้าเล็กๆ เปลี่ยนเป็นสีคล้ำอินชิงเสวียนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าผู้ชายคนนี้อาจกำลังแต่งคอสเพลย์เหมือนที่นิยมในยุคนี้ แต่ป้ายตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งของของต้าโจวจริงๆเสี่ยวหลานหลานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็พูดด้วยสีหน้าสยดสยอง “เขาคงไม่ใช่นักฆ่าที่พี่ใหญ่ส่งมา เพื่อฆ่าเราสองคนใช่ไหม”ในเมื่อพวกเขาสามารถข้ามภพมาที่นี่ได้ คนจากต้าโจวจะมาที่นี่บ้างก็ไม่น่าแปลกอะไรอินชิงเสวียนสั่นศีรษะ กระซิบ “คงไม่หรอก ฝ่าบาท...ถึงแม้จะต้องการฆ่าฉัน แต่ก็จะไม่มีทางฆ่านาย”“ผมจำได้ว่าตอนที่เสด็จพี่ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ทรงกำจัดฝ่ายกบฏไปมากมาย แม้แต่โอรสที่ชอบด้วยกฎหมายของไทเฮาก็ยังถูกไล่ไปเฝ้าสุสานหลวง ตอนนี้เหลือผมคนเดียวแล้ว พี่ชิงเสวียน ผมกลัวจัง ดูคนนี้สิ แค่ดูก็รู้ว่าต่อสู้เก่ง”ใบหน้าของเสี่ยวหลานหลานขาวซีดขึ้นเล็กน้อยเขารู้ว่าเย่จิ่งอวี้ฝึกฝนองครักษ์ลับไว้มากมายในวัง และทุกคนก็เก่งวรยุทธ์อินชิงเสวียนลูบศีรษะของเขา“ไม่หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์ ฝ่าบาทคงไม่ใช้วิธีรุนแรงเช่