Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1437 พวกเจ้าต้องตายกันหมด

Share

บทที่ 1437 พวกเจ้าต้องตายกันหมด

Author: ม่อเยี่ยน
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวซือจวินแล้ว เฮ่อยวนก็ดูตกตะลึง

เด็กคนนี้รู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไร

เขาจะเป็นพ่อของนางได้อย่างไร

เหมยชิงเกอก็มองหลิวซือจวินอย่างไม่เข้าใจเหมือนกัน หรือว่าเฮ่อยวนยังมีผู้หญิงคนอื่น คำสัญญาต่างๆ นานาก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นคำโกหกนาง?

อย่างไรก็ตามเวลานี้ชีวิตของคนแขวนอยู่บนเส้นด้าย สิ่งที่ไม่เข้าใจและคำถามทั้งหมดจึงได้แต่ฝังไว้ในใจเท่านั้น การช่วยชีวิตหลิวซือจวินเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก

ปราณกระบี่พลังสีม่วงและสีขาวลอยออกไปพร้อมกัน มุ่งหน้าตรงไปยังเย่จิ่งหลาน

เมื่อเย่จิ่งหลานหลบปราณกระบี่ เย่จิ่งอวี้ก็รีบเข้ามาคว้าร่างของหลิวซือจวินไว้ และภายในชั่วพริบตา กรงก็ถูกปิดผนึกอีกครั้ง

เย่จิ่งหลานไม่ได้พยายามจะรีบออกไป เขาแค่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา ถึงกระนั้น เจตนาฆ่าในดวงตาเหล่านั้นก็ยังน่าสะพรึงกลัว

เซี่ยวอิ๋นหวนมองไปที่เย่จิ่งหลานและพูดว่า “ข้าเกรงว่ากรงนี้ไม่สามารถกักขังเด็กคนนี้ได้ เราต้องหาทางแก้ไขโดยเร็ว”

ลูกชายมีน้องชายคนนี้เพียงคนเดียว ดังนั้นเซี่ยวอิ๋นหวนจึงหวังที่จะรักษาเขาให้หายดี ให้พี่น้องทั้งสองได้ร่วมมือกันปกครองบ้านเมืองได้ ทั้งยังมีค
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1438 เหมือนจะตกหลุมพรางแล้ว

    คำพูดไม่กี่คำหลุดออกมาจากปากของเย่จิ่งหลาน น้ำเสียงนั้นราวกับหลุดมาจากขุมนรก ทำให้ทุกคนรู้สึกเย็นยะเยือก เหงื่อกาฬผุดพรายขนลุกขนชันวินาทีต่อมา เขาก็เริ่มลงมือทุกคนไม่ต้องการทำร้ายเขา ต่างถูกจำกัดโดยทำอะไรไม่ได้มาก ทว่าเย่จิ่งหลานกลับโจมตีอย่างหมายเอาชีวิต แต่ละกระบวนท่าล้วนโจมตีไปยังจุดตาย เฮ่ออวิ๋นทงถูกซัดฝ่ามือใส่ เขากระอักเลือดออกมา ถอยหลังไปหลายก้าว ผู้อาวุโสสวีหันหลังไปช่วยประคอง แต่ก็ถูกลมฝ่ามือซัดเข้าใส่ ลมเลือดในอกพลันพลุ่งพล่านสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เจตนาฆ่าในตัวของพวกเขาดูเหมือนจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆคนอื่นๆ ที่ต่อสู้กับเย่จิ่งหลานก็รู้สึกเช่นเดียวกัน“อาอวี้ พวกเราเหมือนจะตกหลุมพรางแล้ว”อินชิงเสวียนเหาะถอยหลัง ถ่ายทอดกำลังภายในเพื่อระงับเจตนาฆ่าในใจชิงฮุยสามารถอดทนมาได้นานขนาดนี้แล้ว จึงไม่ใช่คนที่มีความคิดเรียบง่ายแน่นอน เป็นนางที่คิดว่าเป็นเรื่องง่ายดายเกินไป“อืม”ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้เคร่งขรึม“เสวียนเอ๋อร์พูดถูก บางทีนี่อาจเป็นผลลัพธ์ที่ชิงฮุยต้องการ”“เราควรทำอย่างไรดี”เซี่ยวอิ๋นหวนเริ่มกระสับกระส่ายเจ้าสำนักดาบเดือดกล่าวว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1439 เหยื่อ

    คนหนึ่งยกมือขึ้นคำนับ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่รู้ว่านักพรตมาจากสำนักใด ถึงสั่งสอนศิษย์ที่ชั่วร้ายเช่นนี้มา?”“ในเมื่อเป็นศิษย์ของนักพรต เช่นนั้นก็ควรลงมือกำจัดสิ่งสกปรกให้สะอาด”“ศิษย์จำนวนมากเสียชีวิตอย่างอนาถในหุบเขาเชื่อมเมฆา นักพรตไม่คิดจะให้คำอธิบายหน่อยหรือ?”“นั่นสิ ศิษย์ไม่ดี นับเป็นความผิดของอาจารย์ นักพรตควรทำตัวเป็นแบบอย่าง!”ในช่วงเวลาหนึ่ง ทุกคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และความขัดแย้งก็กระจายเป็นวงกว้างเย่จิ่งอวี้ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า “บุตรชายทั้งเก้าของพญามังกรล้วนแตกต่างกัน แม้ว่าท่านนักพรตจะเป็นอาจารย์ แต่เราไม่สามารถรู้ใจคนอื่นได้อย่างแท้จริง ชิงฮุยมีเจตนาปกปิด ท่านนักพรตจะรู้ได้อย่างไร หรือว่าแต่ละสำนักไม่มีศิษย์กบฏในสำนักกระนั้นหรือ”ทุกคนรู้ว่าเขาคือฮ่องเต้ จึงหุบปากทันทีประชาชนจะกลัวทางการนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด แม้จะอายุน้อย แต่อำนาจบารมีของเขาก็ไม่สามารถดูแคลนได้เมื่อมีความเงียบงัน คนหนึ่งก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา “แม้ว่าเราจะเคารพเจ้าในฐานะฮ่องเต้ แต่การออกศึกที่เป่ยไห่ไม่ใช่กองทัพของราชสำนัก แม้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1440 ทั้งบุตรชายและบุตรสาว

    เมื่อได้ยินสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือดังกึกก้องนางกังวลมาโดยตลอดว่าทุกคนต้องการฆ่าเย่จิ่งหลานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต แต่ฮ่องเต้หนุ่มกลับช่วยชีวิตของเย่จิ่งหลานด้วยคำพูดเพียงคำเดียว และมันก็น่าเชื่อถือและมีเหตุผลน่าฟังมากเมื่อเห็นทุกคนพยักหน้า จิตใจของอินชิงเสวียนก็ผ่อนคลายลงเฮ่อยวนยังประกบมือคำนับทุกคนและพูดว่า “วันนี้ทำให้ทุกคนตกใจเปล่า โชคดีที่ไม่ถือว่าเปล่าประโยชน์ ช่วงนี้เชิญทุกคนไปพักฟื้นและพักผ่อนให้เต็มที่ ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการต่อสู้ที่ยากลำบากเกิดขึ้น”ทุกคนคำนับตามมารยาทและจากไป อินชิงเสวียนก็ถามว่า “ผู้อาวุโสเทียนชิง ไม่ทราบว่าค่ายกลนี้จะมีการจำกัดเวลาหรือไม่”นักพรตเทียนชิงไม่หงุดหงิดโกรธขึ้นเพราะการตั้งคำถามของชาวยุทธ์ ยังคงมีสีหน้าสงบ พูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “เรื่องนั้นไม่มีหรอก แต่ต้องเผื่อไว้ ต้องให้ใครสักคนมาเฝ้าดูแล”เฮ่อยวนกล่าวว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น หากท่านนักพรตไม่รังเกียจ เช่นนั้นก็อาศัยอยู่ที่อิ๋นเฉิงก่อนชั่วคราว จะได้มีคนคอยดูแล”นักพรตเทียนชิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ดีเช่นกัน ในเมืองหลวงยังมีศิษย์อยู่หลายคน อาตมภาพได้ส่งข้อควา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1441 เย่จิ่งหลานหลบหนี

    เฮ่อฉางเฟิงกลับมารายงาน ซึ่งได้ยินคำพูดของเหมยชิงเกอพอดี เขาอบอุ่นในหัวใจ และถอยกลับไปอย่างเงียบๆในเวลานี้ อินชิงเสวียนมาถึงด้านหน้าค่ายกลแล้วเย่จิ่งอวี้และเซี่ยวอิ๋นหวนยืนอยู่ด้านนอกค่ายกล มองดูเย่จิ่งหลานที่ถูกขังอยู่“อาอวี้ ท่านแม่ คิดหาวิธีได้แล้วหรือไม่”เซี่ยวอิ๋นหวนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่มี”“ถ้าอย่างนั้นคงมีแต่ต้องรอเท่านั้น”อินชิงเสวียนมองไปยังเย่จิ่งหลานที่ยืนนิ่งอยู่ข้างในเหมือนรูปปั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเล็กน้อยปกติแล้วเขาเป็นคนช่างพูด หากไม่ได้พูดสักครู่หนึ่ง คงอัดอั้นตันใจมาก ตอนนี้ดูเหมือนเครื่องจักรชืดๆ ดวงตาเย็นชาจนทำให้คนรู้สึกกลัวเซี่ยวอิ๋นหวนถามว่า “ถ้านักพรตเต๋าไม่มาล่ะ? ถ้าเขาสามารถทนได้นานขนาดนั้น เราจะหวังพึ่งแค่สิ่งนี้อย่างเดียวได้อย่างไร ในเมื่อเขาสามารถสร้างจิ่งหลานได้ เช่นนั้นก็สามารถสร้างคนอื่นได้เช่นกัน บางที เขาอาจทอดทิ้งจิ่งหลานแล้วก็ได้เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราก็ทำได้เพียงรวมกำลังกับทุกคน เพื่อดึงพลังชี่แท้ในตัวของจิ่งหลาน ออกมา และทำลายวรยุทธ์ของเขา”แม้ว่านี่จะเป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด แต่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1442 ใบมีดสีดำ

    “เจ้าเดาถูกแล้ว ฮ่องเต้น้อยแห่งราชวงศ์โจว เราพบกันอีกแล้ว!”ชิงฮุยเดินออกจากป่าด้วยท่าทางสงบ เสื้อคลุมนักพรตสีเทาดูโทรมไปเล็กน้อย แต่ก็ซักสะอาดมาก ชายเสื้อปลิวไปตามสายลม เผยให้เห็นเสื้อคลุมสีขาวตัวกลาง อยู่ใต้เสื้อคลุม ที่พัดพลิ้วไหวอินชิงเสวียนตัดสินใจใช้สกิลปากโน้มน้าว เผื่อว่ามันจะทำให้เขาล้มเลิกความคิด และหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้แม้จะไร้ประโยชน์ แต่มันก็ไม่มีอะไรเสียหายนางก้าวไปข้างหน้า ประสานมือคารวะแล้วพูดว่า “นักพรตมีใบหน้าเมตตากรุณา จะต้องเป็นคนที่มีความรักอันยิ่งใหญ่อยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นชาวต้าโจวหรือชาวเฟยเหยา สำหรับนักพรตแล้วพวกเขาล้วนเป็นคนธรรมดาในโลก ไม่แตกต่างกัน เหตุใดนักพรตจึงต้องยืนกรานเช่นนี้ด้วย”มุมปากของชิงฮุยยกขึ้นเล็กน้อย“ตัดสินความดีและความชั่วจากรูปลักษณ์ภายนอกจริงๆ ตั้งแต่สมัยโบราณ มีวีรบุรุษและผู้มีความสามารถจำนวนเท่าใดที่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากใบหน้าที่น่าเกลียดของพวกเขา กลายเป็นการเก็บงำความเกลียดชังไว้ชั่วนิรันดร์ มีอีกกี่คนที่อาศัยความงามของใบหน้า ได้เข้าไปเป็นคนใหญ่คนโต ข้าคิดว่าฮองเฮาต้าโจวจะแตกต่างออกไป คิดไม่ถึงถึงว่าจะความคิดตื้น

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1443 ใบมีดที่คาดไม่ถึง

    ทันทีที่ชิงฮุยก้าวไปข้างหน้า คนก็ถอยหลังไปหลายก้าวแล้ว ในแววตาลึกลับคู่นั้น ปรากฏความเคร่งเครียดที่เกิดขึ้นได้ยากนี่มันวิทยายุทธ์อะไรกันมีเจตนาฆ่าท่วมท้นเช่นนี้ ชั่วครู่หนึ่งก็รู้สึกขนลุกซู่ เสียวสันหลังวาบความกลัวนี้มาจากส่วนลึกของหัวใจ ทำให้ยากจะระงับมันได้!“หากเจ้ามีความสามารถขนาดนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะบ่น”ทันทีที่ชิงฮุยพูดจบ ร่างของเย่จิ่งหลานก็หายวับ และมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว“จิ่งหลาน!”เย่จิ่งอวี้รู้ถึงอานุภาพของใบมีดดำทะมึน ตะโกนลั่นอย่างไรก็ตามเย่จิ่งหลานยังคงไม่ไหวติง ค่อยๆ ยกมือขึ้น แสดงท่าทีที่พร้อมจะโจมตี“ชิงเสวียน! อย่าเพิ่งวู่วาม!”เมื่อมองไปที่ใบมีดดำทะมึนที่กำลังค้นหาทิศทางที่เหมาะสมบนท้องฟ้าไม่หยุด เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก!อินชิงเสวียนย่อมไม่อาจลงมือได้อยู่แล้ว หากไม่นับความสัมพันธ์ที่เป็นคนบ้านเดียวกัน เย่จิ่งหลานก็ช่วยนางไว้มากมาย ถ้าฆ่าเขา ตัวเองจะไม่กลายเป็นคนใจคอเหี้ยมโหดหรอกหรือแต่ใบหน้ายังคงเย็นชา “เพื่อความปลอดภัยของต้าโจว จะเสียสละใครสักคนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าเย่จิ่งหลานที่อยู่ในยมโลกรู้เข้า ก็คงจะยิ้มได้อย่างมีความสุขในห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1444 ชิงฮุยตายแล้วงั้นหรือ

    ชิงฮุยถูกฝ่ามือของเย่จิ่งอวี้บีบให้เบี่ยงตัวหลบไปอีกด้าน แต่เย่จิ่งหลานกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง โอกาสมาถึงแล้ว!อินชิงเสวียนนึกในใจ ใบมีดดำทะมึนแห่งมิติก็ลอยออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า พุ่งฟันใส่ชิงฮุยด้วยพลังที่บ้าคลั่งและแข็งกร้าว!ความเร็วนั้นเร็วมาก ภายในชั่วพริบตา คนที่อยู่ข้างหลังยังมองไม่ทันว่าใบมีดลอยออกไปได้อย่างไร จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องโอดโอยของชิงฮุยเมื่อปราณใบมีดกระจายออกไป ก็ไม่มีร่องรอยของชิงฮุยเลย ผงเถ้าสีดำลอยตกลงบนพื้น ซึ่งดูเหมือนเศษเนื้อและเสื้อผ้าเก่อหงยวนเข้ามาดู ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ตายแล้วหรือ”หรือว่านี่ก็คือคำที่เล่าลือกันว่ากลายเป็นผุยผง?อินชิงเสวียนสั่นศีรษะ นางก็ไม่รู้ระหว่างนางกับใบมีดดำทะมึน ไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นเลยต่งจื่ออวี๋เกาหัว เดินเข้าไปแล้วพูดว่า “กลายเป็นเถ้าถ่านขนาดนี้แล้ว เป็นไปได้มากว่า...ตายแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงกล่าวว่า “ตายซะก็ดี”อินชิงเสวียนหมุนตัวกลับมา ใบมีดทะมึนแห่งมิติก็มุ่งเป้าไปที่เฮ่อฉางเฟิงทันทีเจ้าเมืองน้อยเฮ่อสะดุ้งเฮือก รีบโบกไม้โบกมือเป็นระวิง“นี่ไม่ใช่เรื่องตลก อย่าทำแบบนั้นกับพี่สิ”เก่อหงยวน จู่ๆ ก็หัวเรา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1445 คราวหน้าเจอกัน นางต้องตาย

    ลั่วสุ่ยชิงขมวดคิ้ว“เรื่องนี้ตอนนี้ข้ายังทำไม่ได้”“ในเมมื่อชิงฮุยไม่ใช่เชื้อสายราชวงศ์ เช่นนั้นวิชาอาคมทั้งหมดของเขา เจ้าก็ควรรู้ทั้งหมดสิ?”อินชิงเสวียนรู้สึกสับสนกับสิ่งนี้มากลั่วสุ่ยชิงจิบน้ำพุวิญญาณ“ในทางทฤษฎีก็เป็นจริงเช่นนั้น แต่ในทางปฏิบัติกลับมีความคลาดเคลื่อนบางอย่าง ข้าไม่เคยเห็นวรยุทธ์หลายอย่างของชิงฮุย และมีบางส่วนที่พบได้ในเคล็ดวิชาลับของราชวงศ์เท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าเขาเรียนจากที่ไหน และ...”ลั่วสุ่ยชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เย่จิ่งหลานยังได้เรียนรู้วรยุทธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของบิดาข้าด้วยซ้ำ ซึ่งจุดนี้ทำให้ข้าสงสัยยิ่งนัก”อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ชิงฮุยอาจใช้วิธีการบางอย่างเพื่อถ่ายทอดให้เขา ในเมื่อเขาสามารถควบคุมจิตสำนึกทั้งหมดของเย่จิ่งหลานได้ การถ่ายทอดวรยุทธ์จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก”จากความเข้าใจของอินชิงเสวียน มันก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์สองเครื่องที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน การถ่ายโอนไฟล์ถึงกัน ก็คงค่อนข้างง่าย“แต่เป็นไปไม่ได้ที่ชิงฮุยจะได้รู้วรยุทธ์นี้”ยิ่งลั่วสุ่ยชิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าใด นางก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเท่านั้น นางยังมีความค

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status