Home / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1422 ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ไขสถานการณ์

Share

บทที่ 1422 ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ไขสถานการณ์

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ลั่วสุ่ยชิงส่ายศีรษะ

“ข้าไม่รู้แน่ชัด แต่ต้องเป็นสถานที่ลับสุดยอด”

“อาตมภาพรู้แล้ว เพื่อไม่ให้ราชาถูกทำร้ายจากศิษย์อิ๋นเฉิงโดยไม่ตั้งใจ ให้ข้าไปเชิญฮ่องเต้และฮองเฮาออกมาดีกว่า”

เขาก้าวเท้าหยินหยาง ใช้ปลายนิ้วเท้าวาดเป็นรูปปลาหยินหยางบนพื้น จากนั้นก็ยืนอยู่ตรงกลางกระซิบ “คุณชายเย่เย่ แม่นางอิน ช่วยออกมาพบนอกเมืองได้หรือไม่!”

อินชิงเสวียนกำลังพูดคุยกับเซี่ยวอิ๋นหวนและเหมยชิงเกอ เมื่อเสียงของนักพรตเทียนชิงดังขึ้นข้างหู นางก็ตกใจเล็กน้อย พอมองดูแม่ๆ ก็เห็นว่าทั้งสองไม่มีทางทางผิดปกติ หรือว่ามีนางคนเดียวที่ได้ยิน?

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็เห็นเย่จิ่งอวี้เดินเข้ามาจากประตู และขยิบตาให้ตัวเอง

อินชิงเสวียนรีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ท่านแม่ทั้งสองโปรดรอสักครู่ ข้ามีธุระบางอย่างที่ต้องจัดการ ประเดี๋ยวจะกลับมานะเจ้าคะ”

ทั้งสองคนกำลังดื่มนำชาที่ต้มด้วยน้ำพุวิณญาณ พูดคุยกันไปพลาง ฟื้นฟูกำลังภายในกันไปพลาง

เซี่ยวอิ๋นหวนยิ้มด้วยความรัก

“ไปเถอะ ถ้าต้องการให้เราช่วย ก็บอกมาได้เลย”

เหมยชิงเกอมองดูลูกสาวด้วยความภาคภูมิใจ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ แม่จะดูแลแม่สามีของเจ้าให้เอง!”

“ขอบคุณท่านแม่ทั้งส
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1423 ความเป็นมาของชิงฮุย

    ตอนนี้เหลาสุราเล็กๆ หลายแห่งกลายเป็นที่ร้าง และภายในไม่กี่วัน ฝุ่นก็สะสมเป็นชั้นบางๆอินชิงเสวียนช่วยประคองลั่วสุ่ยชิงไปที่ห้องบนชั้นสอง หยิบผ้าขี้ริ้วออกมาจากมิติ และทำความสะอาดง่ายๆ“เจ้าพักสักหน่อยเถอะ ข้าจะเอาอาหารมาให้เจ้ากิน”เมื่อเห็นอินชิงเสวียนทำนั่นทำนี่ไม่หยุด ลั่วสุ่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะคว้าข้อมือของนาง“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะหลอกเจ้าหรือ เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นราชวงศ์ของแคว้นเฟยเหยา ทำไมเจ้าถึงยังเชื่อในตัวข้ามากขนาดนี้”เมื่อมองดูดวงตาที่ค่อนข้างสับสน อินชิงเสวียนก็เม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม“เจ้าไม่ใช่คนเลว แล้วข้าต้องกลัวอะไรล่ะ ยิ่งกว่านั้น เจ้าในตอนนี้ยังเอาชนะข้าไม่ได้ด้วย!”หลังจากได้ยินประโยคสุดท้าย ดวงตาของลั่วสุ่ยชิงก็หรี่ลงเล็กน้อย“ใช่ ข้าสูญเสียกำลังภายในไปเกือบหมดแล้ว จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าจริงๆ”นางเงยหน้าขึ้นมองอินชิงเสวียน และถามอย่างสงสัย “เหตุใดกำลังภายในของเจ้าจึงถูกดูดออกไปไม่มาก”กำลังภายในที่ถูกดูดซับไปจากตัวของอินชิงเสวียนมาจากกำลังภายในที่ช่วงชิงมา แน่นอนว่าไม่มีการสูญเสียมากนัก แต่นางไม่สามารถบอกลั่วสุ่ยชิงได้“อาจเป็นเพราะกำลังภายในของข้าไม่สูง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1424 การปลดปล่อยของลั่วสุ่ยชิง

    อินชิงเสวียนหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมา บันทึกทุกสิ่งที่ลั่วสุ่ยชิงพูด ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ไม่จำเป็นต้องท่องจำก็ได้เมื่อมองดูจุดสีแดงที่ส่องสว่างอยู่บนเครื่องบันทึก ลั่วสุ่ยชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่นางก็ไม่กล้าที่จะถามคำถามเพิ่มเติม นางพูดต่อไปเกือบสองชั่วยาม ก่อนจะจิบชาผลไม้“ส่วนรายละเอียดบางอย่าง เจ้าต้องคิดได้ด้วยตัวเองเท่านั้น ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่นานเกินไปได้ ข้าจะต้องตามหาชาวเผ่าเหล่านั้นให้เร็วที่สุด เพื่อให้พวกเขาล้มเลิกความคิดในการกอบกู้แคว้น”หลังจากที่ลั่วสุ่ยชิงพูดจบ นางก็ลุกขึ้นยืนอินชิงเสวียนจับไหล่ของนาง“ถึงรีบแค่ไหนแต่เสียเวลาไปสักคืนก็ไม่ต่างกัน ข้าอยากคุยกับเจ้า อยากรู้เกี่ยวกับแคว้นเฟยเหยาให้มากขึ้น ข้าจะไปชงชาผลไม้ให้เจ้าอีก”ลั่วสุ่ยชิงขมวดคิ้ว และนั่งลงในที่สุดอินชิงเสวียนเปิดประตูเดินออกจากห้อง แล้วเคลื่อนไหวไปหยุดที่ห้องโถงเล็กที่ชั้นหนึ่ง“เป็นอย่างไรบ้าง มีข้อคิดใหม่ๆ บ้างไหม”เย่จิ่งอวี้ไม่เข้าใจเรื่องค่ายกล แต่ก็จำทุกสิ่งที่ลั่วสุ่ยชิงพูดได้“ท่านพ่อเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล เราค่อยกลับไปถามเขาก็ได้”ทันใดนั้นเสี่ยวหนานเฟิงก็คลานไปโอบรอบคอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1425 เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำลายทัศนคติเดิมๆ ของผู้ชราในอิ๋นเฉิง

    “ตอนนี้เราจะทำอะไรได้บ้าง”เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้จ้องมองไปยังอินชิงเสวียน“กลับอิ๋นเฉิง แล้วบอกเรื่องเหล่านี้กับท่านพ่อ”ถึงอย่างไรเสี่ยวหนานเฟิงยังเด็กเกินไป แม้ว่าจะเป็นอัจฉริยะ แต่ประสบการณ์ชีวิตยังมีจำกัด มีหลายอย่างที่เขาเข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น ต้องไปหามีผู้มีประสบการณ์เช่นเฮ่อยวน ถึงจะศึกษาค่ายกลอย่างละเอียดได้“ได้”เย่จิ่งอวี้ไม่มีข้อสงสัยเลยทั้งคู่ใช้วิชาตัวเบาเหาะกลับไปที่อิ๋นเฉิง และให้เฮ่อยวนส่งกำลังคนออกไปตามหาเย่จิ่งหลานเมื่อพวกเขาเห็นเครื่องบันทึกของอินชิงเสวียน ผู้อาวุโสหลายคนก็ประหลาดใจยิ่งนัก ต่างเข้ามามุงดูเป็นวงกลม เมื่อได้ยินเสียงพูดที่ดังออกมาจากของสิ่งนั้น ดวงตาแต่ละคู่ก็เบิกโพลง สำหรับพวกเขาแล้ว ของสิ่งนี้วิเศษยิ่งนักเสี่ยวหนานเฟิงก็ปีนขึ้นไปบนโต๊ะเช่นกัน เขายื่นก้นเล็กๆ ออกมา แล้วยกมือป้อมๆ ขึ้นเท้าคาง มองตามกลุ่มผู้ชรามองด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังผู้อาวุโสฉางหยิบมันขึ้น แล้วจดทุกสิ่งที่ลั่วสุ่ยชิงพูดเหมยชิงเกอถามอย่างเป็นกังวล “คำพูดของนางถูกต้องจริงๆ หรือ นางจะจงใจหลอกลวงพวกเราหรือเปล่า”อินชิงเสวียนยิ้มอย่างอ่อนโยน“คงจะไม่เจ้าค่ะ ข้ารู้ส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1426 ธรรมชาติของมนุษย์ก็คือการยุ่งเรื่องคนอื่น

    หลิวซือจวินกล่าวอีกว่า “แม้ว่าลูกจะไม่สามารถยอมรับความเป็นพ่อลูกกับเจ้าเมืองได้ แต่เขาก็สัญญาว่าจะรับข้าเป็นลูกสาวบุญธรรม ถึงกระนั้นก็ตาม ลูกก็มีความสุขมากพอแล้ว ลูกไม่ขอสิ่งอื่นใดมากกว่านี้ หวังเพียงว่าจะมีที่พึ่งพา อยู่ในอิ๋นเฉิงไปตลอดชีวิต ท่านแม่ ท่านไม่โทษลูกใช่ไหม”เมื่อนึกถึงคำพูดก่อนตายของแม่ ที่บอกให้ตัวเองไปหาครอบครัว หลิวซือจวินก็ถอนหายใจเบา ๆในปัจจุบันอิ๋นเฉิงอยู่ในช่วงเวลาที่ลำบาก ทุกคนให้ความสำคัญกับความยุติธรรมเป็นอันดับแรก นางย่อมไม่สามารถปล่อยให้เฮ่อยวนขายหน้าและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเรื่องเล็กๆ ของตัวเองได้สำหรับนาง สถานะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญคือนางสามารถเป็นลูกสาวของท่านพ่อได้ และได้อยู่เคียงข้างพ่อเสมอเดิมทีเฮ่อยวนสัญญาว่าจะรับนางเป็นลูกสาวบุญธรรม แต่เมื่อศัตรูโจมตี ก็ต้องวางเรื่องนี้ไปก่อนบางครั้งนางก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดเฮ่อยวนจึงทอดทิ้งท่านแม่ เขาเป็นจิตใจโลเลทอดทิ้งคนรักได้กระนั้นหรือ แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทีที่เขามีต่อเหมยชิงเกอแล้ว เขาก็แสดงความรักลึกซึ้ง และยังดูรักและเอ็นดูต่อบรรดาศิษย์ในอิ๋นเฉิงมาก ผู้ชายที่โดดเด่นเช่นนี้ มิน่าเล่าก่อนที่ท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1427 การต่อสู้ระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์

    “ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาวิญญาณชั่วร้าย แน่นอนว่าไม่ได้ตามผิดตัว ไม่ทราบว่าคุณชายเย่ยังจำข้าได้หรือไม่”นักพรตเทียนชิงพูดอย่างสงบ มือลูบเคราสีขาวราวกับหิมะ มองไปที่คุณชายน้อยรูปหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าปราศจากสีเลือด ซึ่งทำให้ดูน่ากลัวมาก สีแดงชาดระหว่างคิ้วกลายเป็นสีแดงเข้ม ซึ่งค่อนข้างชัดเจนในภูเขาที่มืดมิดในเวลานี้ เย่จิ่งหลานมีสีหน้าเย็นชาและเคร่งขรึม ท่าทางแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง เขายืนตระหง่านอยู่กลางเขา ชายผ้าพลิ้วไสวไปตามสายลม สีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง ราวกับพญามัจจุราชที่หมายเอาชีวิต เป็นที่น่าสะพรึงกลัวแก่ผู้พบเห็นเขาค่อยๆ ยกมือขึ้น พูดลอดไรฟันคำเดียว“ตาย!”นักพรตเทียนชิงถอนหายใจและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะถูกล่อลวงจริงๆ เจ้ามีวรยุทธ์สูงส่ง หากเข่นฆ่าสังหารอย่างสนุกสนาน ต้องทำให้ผู้คนจำนวนมากสูญเสียชีวิต เดิมทีข้าอยากปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตแห่งสวรรค์ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ตอนนี้มีแต่ต้องพาเจ้ากลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ และใช้ศิลาตอบชำระพลังปีศาจในตัวเจ้าให้บริสุทธิ์”เย่จิ่งหลานไม่ได้ให้โอกาสเขาพูดให้จบ เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้า

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1428 เหนือกว่าหนึ่งขั้น

    เมื่อฝ่ามือตกลงที่หมอกดำ นักพรตเทียนชิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในขณะนั้นก็สัมผัสได้ว่า กำลังภายในกำลังไหลออกจากตัวราวกับกระแสน้ำ ไหลไปสู่หมอดำกลุ่มนั้นนักพรตเทียนชิงฝึกฝนมาหลายทศวรรษแล้ว ไม่เคยพบกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เขาตกใจ ถอนฝ่ามือกลับไปยังตำแหน่งเดิมเย่จิ่งหลานไม่ได้ทำอะไรอีก เขาเป็นเหมือนนกฮูกกลางคืนในความมืดมิด มองดูนักพรตเทียนชิงด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับว่าภารกิจของเขาคือการควบคุมเท่านั้น และทุกสิ่งทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขานักพรตเทียนชิงเหลือบมองเย่จิ่งหลาน พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์มานานหลายทศวรรษ กลับพัฒนานิสัยที่ชั่วร้ายเช่นนี้ออกมา”ชิงฮุยกล่าวว่า “ไม่สามารถพูดได้ว่าชั่วร้ายได้ นี่คือเวทมนตร์ของแคว้นเฟยเหยา ข้าคงไม่อาจยืนนิ่งเฉยรอความตายอยู่ตรงนี้ได้ ดังคำกล่าวที่ว่า แผนอยู่ที่คน ผลอยู่ที่ฟ้า ไม่ว่าจะเป็นประสงค์ของสวรรค์หรือความเป็นมนุษย์ ถึงอย่างไรก็ต้องต่อสู้แย่งชิงอย่างเต็มที่ ถึงจะไม่เสียใจภายหลัง ถ้าสามารถดูดซึมกำลังภายในของอาจารย์ได้ ศิษย์จะใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ให้เสียชื่อของอาจารย์”“ถ้าอย่างนั้นก็มาดูกัน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1429 สู่ความว่างเปล่าสุดขั้ว รักษาความสงบให้อยู่ตัว

    ชิงฮุยถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าที่หล่อเหลาเคร่งขรึมขึ้น เย่จิ่งหลานก็รวดเร็วเช่นกัน มาถึงข้างกายเขาได้ภายในพริบตา ดวงอันแสนเย็นชาคู่นั้น จ้องมองนักพรตเทียนชิงอย่างไม่เป็นมิตรนักพรตเทียนชิงเหยียบอากาศที่ว่างเปล่า แล้วเทศนา “ขอสุขสถาพรสถิตชั่วนิรันดร์! สู่ความว่างเปล่าสุดขั้ว รักษาความสงบให้อยู่ตัว เมื่อไม่ต่อสู้ ก็ไม่มีใครในโลกที่จะสู้ได้ รู้จักพอไม่เสื่อม ย่อมอยู่ยั้งยืนนานเอย ชิงฮุย เจ้าบำเพ็ญหลักปรัชญาเต๋านานหลายปี ควรเข้าใจหลักความจริงนี้”ชิงฮุยพูดเบาๆ “ไม่แย่งชิงแต่บรรลุอิสรภาพ เป็นแค่เพียงสิ่งลวงตา อาจารย์ไม่เคยยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของพลังอำนาจ ย่อมไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างความเป็นจริงและความเพ้อฝัน ส่วนการรู้จักหยุดไม่เสื่อม นั่นเป็นเพียงความคิดของมนุษย์โลก เป็นพวกท่านที่คิดว่าข้าเดินทางผิด แต่ข้ายังเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าเส้นทางนี้ถูกต้อง เพราะครั้งหนึ่งข้าเคยยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของดินแดนนี้ มองดูภูเขา แม่น้ำ ทุกแห่งที่ข้ามองคือดินแดนของราชาแห่งข้า ในเมื่อคนต้าโจวเจ้าสามารถฆ่าคนเฟยเหยาได้ ทำไมเฟยเหยาถึงไม่สามารถเอาคืนได้!”น้ำเสียงของชิงฮุยไม่ดัง น้ำเสียงไม่ได้ดูเร่าร้อนหรือโกร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1430 เหมือนจะทำสิ่งเลวร้ายขึ้น

    นักพรตเทียนชิงขมวดคิ้วยังมีกลุ่มพลังสีดำค้างอยู่ตรงกลางคิ้วของเย่จิ่งหลาน ปิดกั้นกำลังภายในของนักพรตเทียนชิงหรือว่านี่คือข้อห้ามที่ชิงฮุยปลูกฝังไว้?เมื่อจับตัวชิงฮุยไม่ได้ เช่นนั้นก็ถือโอกาสช่วยเย่จิ่งหลานไปเลย เพื่อป้องกันไม่ให้เขาทำสิ่งชั่วร้ายและทำให้เกิดฟ้าผ่าเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ นักพรตเทียนชิงก็จี้จุดที่ไหล่และขาของเย่จิ่งหลานอย่างรวดเร็ว เย่จิ่งหลานเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงบนพื้นทันทีนักพรตเทียนชิงอุ้มเขาขึ้น รีบลงจากภูเขาไปยังบ้านลับแห่งหนึ่งชาวบ้านทั้งหมดในเมืองย้ายไปอยู่ในอิ๋นเฉิงแล้ว มีบ้านว่างมากมาย นักพรตเทียนชิงวางเย่จิ่งหลานไว้บนเตียง และตรวจชีพจรของเขาทันที ลมปราณยังไม่ถูกปิดกั้น เช่นนั้นก็ลองดูหน่อยเขาค่อยๆ ยกนิ้วขึ้น แตะหว่างคิ้วของเย่จิ่งหลานร่างกายของเย่จิ่งหลานสั่นเล็กน้อย ขมวดคิ้วมุ่นนักพรตเทียนชิงกล่าวอย่างกรุณา “ในระหว่างกระบวนการอาจทรมานบ้าง แต่คงใช้เวลาไม่นานนัก คุณชายน้อยเย่ ล่วงเกินแล้ว!”หลังจากจบคำพูด นักพรตเทียนชิงก็ปลดปล่อยพลังชี่แท้ออกมา มันไหลเข้าสู่กลางคิ้วของเย่จิ่งหลานเย่จิ่งหลานดูเหมือนจะเจ็บปวดอย่างมาก ร่างกายสั่นสะท้านและกระตุกอยู่ตลอ

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

DMCA.com Protection Status