ค่ำคืนนั้นเยือกเย็นดุจธารา สรรพสิ่งเงียบวังเวงเฮ่อยวนยืนอยู่ที่ลานบ้าน ใบหน้าเคร่งเครียดราวกับน้ำนิ่งองครักษ์เดนตายของอิ๋นเฉิงต่างคุกเข่าอย่างนอบน้อมเบื้องหน้าเขา“เรียนท่านเจ้าเมือง ข้าน้อยได้ค้นหาจนทั่วเมืองอิ๋นเฉิงแล้ว แต่ก็ไม่พบร่องรอยของฉีอวิ๋นจื่อหรือป้าชุยเลย”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถามว่า “ตรวจค้นชาวบ้านในเมืองด้วยหรือไม่”หัวหน้าทหารองครักษ์ตอบด้วยความเคารพว่า “ข้าน้อยได้ทำตามคำที่ฮูหยินสั่งแล้ว ตรวจค้นชาวเมืองตั้งแต่ทารกแรกเกิดทุกคนที่พักอาศัยอยู่ในเมือง ตราบใดที่มีกลิ่นอายของบุคคลภายนอก พวกเราจะพบได้ทันที”“หรือว่านางหลบหนีออกจากอิ๋นเฉิงไปแล้ว?”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งพึมพำกับตัวเอง และถามว่า “แล้วที่ค่ายกลนี้ในป่าหมอก มีร่องรอยความเสียหายบ้างหรือไม่”“ตอบฮูหยิน ไม่มีขอรับ”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งคว้าแขนเสื้อของเฮ่อยวนอย่างอดไม่ได้ แล้วพูดอย่างกังวลว่า “ท่านพี่ แล้วนี่ควรทำอย่างไรดี ถ้าฉีอวิ๋นจื่อซุ่มซ่อนอยู่ในเมืองมาหลายปีขนาดนี้ ต้องมีเจตนาชั่วร้ายและแผนการร้ายอยู่แน่นอน อีกทั้งตอนนี้วรยุทธ์ก็ยอดเยี่ยมขึ้นมาก หากทำร้ายผู้อื่นทำร้ายคนของเรา แล้วเราควรทำอย่างไรดี”“อิ๋นเฉิงนับว่าไม่ใ
เฮ่อฉางเฟิงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนสง่างาม“ไม่ต้องมากพิธี”จากนั้นเขาก็หันความสนใจไปที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่ง“ท่านแม่จะออกจากจวนหรือ”“ดึกดื่นขนาดนี้ แม่จะออกไปทำไมน่ะหรือ แม่แค่ออกไปลาดตระเวนเมือง คิดว่าเจ้าคงได้ยินเรื่องป้าชุยแล้ว แม่กลัวว่าพ่อของเจ้าไม่อยู่ที่นี่ นางจะทำร้ายชาวบ้าน”ท่าทางของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งนั้นอ่อนโยน มองลูกชายคนโตด้วยสายตารักใคร่เอาใจใส่คนเลี้ยงม้าอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถ้าคุณชายใหญ่ไม่วางใจ เช่นนั้นก็ไปกับฮูหยินได้”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบมองคนเลี้ยงม้าด้วยสายตาเย็นชาพูดด้วยความรักเมตตาว่า “ไม่ต้องหรอก เจ้ากลับไปฝึกวรยุทธ์เสีย ถ้าเกิดท่านพ่อเห็นเจ้าเดินเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกอีก เขาจะไม่พอใจเอา”เฮ่อฉางเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรขอรับ ช่วงนี้ท่านพ่ออารมณ์ดีมาก ไม่ตำหนิหรอก ช่วงนี้ลูกก็ไม่ได้อยู่กับท่านแม่มาหลายวันแล้ว วันนี้อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การออกไปเดินเล่นพอดี”เขายื่นมือออกจับบังเหียน แล้วพูดกับคนเลี้ยงม้าว่า “เจ้าออกไปก่อนเถอะ”คนเลี้ยงม้ายืนนิ่ง ตอนแรกกงซวินอวิ๋นเฟิ่งคิดจะดุเขา แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด จู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนใจ“ให้เขาตามไป
เมื่อเห็นฉีอวิ๋นจื่อพูดจาอย่างหนักแน่นและน่าเชื่อถือ เหมยชิงเกอก็หยุดกะทันหัน“เฮ่อยวน เกิดอะไรขึ้น”นางสามารถยอมรับเฮ่อยวนกับกงซวินอวิ๋นเฟิ่งได้ แต่นางไม่สามารถยอมรับเฮ่อยวนกับฉีอวิ๋นจื่อได้การแต่งงานระหว่างกงซวินอวิ๋นเฟิ่งและเฮ่อยวนถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ตอนที่เจ้าเมืองคนเดิมยังมีชีวิตอยู่ หากเขาไม่ได้พบตัวเอง ทั้งสองคงแต่งงานกันนานแล้ว ส่วนฉีอวิ๋นจื่อไม่สำคัญอะไรเลยเฮ่อยวนพูดอย่างกังวลว่า “ชิงเกอ อย่าไปฟังนางพูดเหลวไหล เป็นชิงเสวียนเองที่บอกข้าว่า คนผู้นี้ปลอมตัวเป็นหญิงชราตาเดียวปะปนอยู่ในอิ๋นเฉิง ข้าจะมีอะไรกับนางได้อย่างไร”ฉีอวิ๋นจื่อพูดด้วยดวงตาแดงก่ำว่า “เฮ่อยวน ท่านยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า ลืมความสุขสมตอนที่นอนกับข้าไปหมดแล้วหรือ ท่านกล้าที่จะรอข้าท้องสิบเดือน พอคลอดแล้วมาตรวจเลือดพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกหรือเปล่าล่ะ”เฮ่อยวนหน้าซีดด้วยความโกรธ ตวาดลั่นว่า “หุบปาก ขืนเจ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ข้าจะทำให้เลือดของเจ้าสาดกระเซ็นเดี๋ยวนี้”ฉีอวิ๋นจื่อซัดออกไปสองฝ่ามือราวกับสายฟ้า แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะเยาะเย้ย “ดูสิ เหมยชิงเกอ ดูให้ชัดว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าเป็นคนแบบไหน เว
“ชิงเกอ!”เหมยชิงเกอได้ลงมือนำไปก่อนแล้ว เฮ่อยวนจึงทำได้เพียงลงมือตามเท่านั้นเมื่อฝ่ามือทั้งสี่ข้างปะทะกัน ทั้งสามต่างก้าวถอยหลังพร้อมกันในระยะไกล มีร่างสองร่างซ่อนอยู่ในความมืด เฝ้าดูสถานการณ์การต่อสู้ที่นี่สองคนนี้คืออินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้“อาอวี้ ทำไมเรายังไม่ลงมืออีก นี่เป็นวิชาต้องห้ามของอิ๋นเฉิงเชียวนะ”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างสงบไม่ตื่นตระหนก “ไม่จำเป็น เสวียนเอ๋อร์คงเคยได้ยินคำที่ว่าในความทุกข์ยาก จะเห็นความจริงใจ ขอเพียงท่านพ่อท่านแม่ร่วมมือกันเอาชนะศัตรูได้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน”“นี่...ไม่อันตรายจริงหรือ”อินชิงเสวียนมีสีหน้าเป็นกังวลเย่จิ่งอวี้ยื่นนิ้วออกมา แล้วเกาสันจมูกของนางเบาๆ“เจ้าคิดว่าเจ้าสำนักหลักทั้งสองในยุทธจักรล้วนเป็นคนขายผักในตลาดงั้นหรือ พวกเขาไม่ได้แย่อย่างที่เจ้าคิดหรอก”อินชิงเสวียนมองไปข้างหน้าอย่างกังวล“แต่ท่านแม่ข้าเพิ่งโดนวรยุทธ์นั้นมา ถ้าไม่โดดเด่นจริงๆ แล้วจะเรียกว่าวิชาต้องห้ามได้อย่างไร”เย่จิ่งอวี้กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชัดเจน “อย่ากังวล แม้ว่าวิชาต้องห้ามจะร้ายกาจ แต่เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมจึงเป็นวิชาต้องห
หน้าผาสูงหลายพันจั้ง สายลมหนาวพัดหวีดหวิวดังเข้าหูทั้งสองคนเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับสูง หลังจากผ่านไปสิบห้านาทีก็ตกลงไปในหุบเขาลึกที่นี่ไม่มีป่าไม้หรือลำธารไหลผ่าน มีภูเขาหินทั้งสองด้าน ซึ่งเพียงชำเลืองมองก็สามารถแลเห็นได้ชัดเจน“ถ้านางตกลงมาที่ก้นหุบลึกจริงๆ ถึงไม่ตายก็ต้องพิการ แต่ตอนนี้ไม่มีวี่แววของนางเลย หรือว่านางจะสามารถหนีไปได้?”อินชิงเสวียนมองไปรอบๆ ก็ไม่พบใครเลย นึกก่นด่าอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้ว่า ตัวหายนะตายยากจริงๆเย่จิ่งอวี้มองไปที่ยอดเขาด้านหลัง“ไม่หรอก ฉีอวิ๋นจื่อเป็นคนของตำหนักเทพ ต้องคุ้นเคยกับภูมิประเทศที่นี่เป็นอย่างยิ่ง ข้าคิดว่านางอาจซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพื่อรอโอกาสที่จะหลบหนี”ครั้นมองตามสายตาของเย่จิ่งอวี้ ก็เห็นว่ามีหินขรุขระอยู่บนยอดเขา ดูเหมือนว่าจะมีหลุมชะง่อนหินอยู่มากมาย การจะซ่อนคนสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก“งั้น...เราแยกย้ายกันไปหาดีไหม”เย่จิ่งอวี้ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น หากต้องการตามหาคน ข้าสามารถทำได้อยู่แล้ว”เขาเอามือไพล่หลัง แยกขาออกจากกันเล็กน้อย ท่าทางดูสบายๆ มาก ทว่าเรียวตาหงส์ทั้งคู่ปิดลงเบาๆทันใดนั้นอินช
หันเจิงหมิงไม่ได้ยินฉีอวิ๋นจื่อบอกว่าเกมจบลงแล้ว คิดว่ายังเล่นอยู่ จึงกลั้นหายใจไม่พูดอะไรอยู่ตลอดอินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้อาวุโสหันไม่ใช่คนดีอะไร แต่เมื่อพิจารณาจากความตั้งใจของท่านแม่แล้ว หันเจิงหมิงก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนเลว นอกจากนี้ตอนนี้เขายังดูบ้าๆ บอๆ จนทนลงมือไม่ได้จริงๆเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยืนนิ่ง ฉีอวิ๋นจื่อก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย พูดต่อว่า “คนบ้าที่อยู่ตรงหน้าเจ้าก็เป็นหนึ่งในราษฎรใต้หล้าเช่นกัน หรือพวกเจ้าที่เป็นผู้ที่อยู่เหนือหัว จะไม่สนใจชีวิตมนุษย์รากหญ้าเช่นนั้นหรือ”เมื่อได้ฉีอวิ๋นจื่อพูดว่าตัวเองเป็นคนบ้า หันเจิงหมิงก็รู้ว่ามันไม่ใช่คำพูดที่ดี ดวงตาเบิกกว้างในทันใดเย่จิ่งอวี้เหลือบมองอย่างเย็นชา แล้วพูดเรียบๆ “ปล่อยเขาไป แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“ข้าไม่เชื่อพวกเจ้า เขาต้องมากับข้า”ฉีอวิ๋นจื่อผลักหันเจิงหมิงให้เดินไปข้างหน้าสองก้าว วางฝ่ามือขวาไว้ที่ด้านหลังหัวใจของเขา และผลักกำลังภายในออกมา“ขืนพวกเจ้ากล้าวู่วาม ข้าจะฆ่าเขาทันที”อินชิงเสวียนก้าวถอยหลัง“ฉีอวิ๋นจื่อ เจ้าโปรดคิดให้ดี ตอนนี้ทั้งอิ๋นเฉิงและตำหนักเทพรู้ตัวตนของเจ้าหมดแล้ว ต่อให้เจ้าจะหนีจา
คนชุดดำตัวสูงใหญ่มากเกินไปจริงๆ รูปร่างอันใหญ่โตนี้เมื่อปรากฏอยู่เหนือหัว ก็เหมือนกับเนินเขาสูงใหญ่ แค่ความกดดันเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้ฉีอวิ๋นจื่อเหงื่อชุ่มโชกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เห็นมือเหล็กประหลาดนี้ นางยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะมีความคิดเพียงเล็กน้อยในการตอบโต้“ผู้มีพระคุณโปรดไว้ชีวิตด้วย!”ดวงตาของนางเหลือกโพลง พูดด้วยความยากลำบากทันใดนั้นมือเหล็กก็ถูกดึงกลับ คนชุดดำใช้แขนเพียงข้างเดียวก็กระแทกนางให้ล้มลงกับพื้นพูดอย่างเย็นชา “เศษสวะเช่นเจ้า สมควรที่จะตั้งคำถามกงซวินฮูหยินงั้นรึ”ปากของฉีอวิ๋นจื่อเลือดออก ล้มลงกับพื้น เอาแต่พูดว่า “ข้าผิดไปแล้ว คราวหน้าจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว”คนชุดดำแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา และมองไปที่หันเจิงหมิง“ถ้าข้าสามารถรักษาคนผู้นี้ได้ จะมีประโยชน์กับเจ้าและข้าหรือไม่”ฉีอวิ๋นจื่อรู้ว่าทุกคนในอิ๋นเฉิงมีทักษะด้านการแพทย์ นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าหันเจิงหมิงได้สติ เขาต้องล้างแค้นแทนผู้อาวุโสหันอย่างแน่นอน หากเขาโชคดีพอที่จะฆ่าเย่จิ่งอวี้ หรืออินชิงเสวียนได้ ก็สามารถกำจัดตัวช่วยของเหมยชิงเกอได้ แม้ว่าจะทำไม่ได้ แต่เขาก็สามารถเป็นพันธ
ฉีอวิ๋นจื่อมองไปที่หันเจิงหมิง ไม่คาดคิดว่าทักษะทางการแพทย์ของผู้มีพระคุณจะล้ำเลิศขนาดนี้ แค่ฝังเข็มเพียงครั้งเดียว ก็สามารถฟื้นคืนสติของเขาได้ ฉีอวิ๋นจื่อยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเขามากบุคคลนี้ต้องเป็นศัตรูกับเฮ่อยวน และเกลียดเหมยชิงเกอจนเข้าไส้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ จู่ๆ ฉีอวิ๋นจื่อก็นึกถึงบุคคลผู้หนึ่งเจ้าของสวนกงซวินเขามีทักษะด้านวรยุทธ์สูง และทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม อยู่ในอิ๋นเฉิงยังได้รับความไว้วางใจจากเฮ่อยวนอีกด้วย กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเป็นลูกสาวของเขา เขาย่อมไม่อยากเห็นลูกเขยใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่นแน่นอน จึงหลอกใช้ให้ตัวเองลงมือฆ่าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าฉีอวิ๋นจื่อยิ่งคิดว่าเป็นเช่นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะถูกเขาหลอกใช้ก็ดี หรือได้สมรู้ร่วมคิดกับเขาก็ช่าง ตราบใดที่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ มันก็คุ้มค่ากับความพยายามแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีนางต้องการฆ่าเหมยชิงเกอให้ตายอยู่แล้ว เรียกได้ว่าประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ง่ายหลังจากมองไปที่หันเจิงหมิงที่ยังนอนอยู่ที่พื้น ฉีอวิ๋นจื่อก็เดินไปที่กำแพงหินที่แท้ที่นี่คือทางสู่วิถีแห่