หน้าผาสูงหลายพันจั้ง สายลมหนาวพัดหวีดหวิวดังเข้าหูทั้งสองคนเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับสูง หลังจากผ่านไปสิบห้านาทีก็ตกลงไปในหุบเขาลึกที่นี่ไม่มีป่าไม้หรือลำธารไหลผ่าน มีภูเขาหินทั้งสองด้าน ซึ่งเพียงชำเลืองมองก็สามารถแลเห็นได้ชัดเจน“ถ้านางตกลงมาที่ก้นหุบลึกจริงๆ ถึงไม่ตายก็ต้องพิการ แต่ตอนนี้ไม่มีวี่แววของนางเลย หรือว่านางจะสามารถหนีไปได้?”อินชิงเสวียนมองไปรอบๆ ก็ไม่พบใครเลย นึกก่นด่าอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้ว่า ตัวหายนะตายยากจริงๆเย่จิ่งอวี้มองไปที่ยอดเขาด้านหลัง“ไม่หรอก ฉีอวิ๋นจื่อเป็นคนของตำหนักเทพ ต้องคุ้นเคยกับภูมิประเทศที่นี่เป็นอย่างยิ่ง ข้าคิดว่านางอาจซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพื่อรอโอกาสที่จะหลบหนี”ครั้นมองตามสายตาของเย่จิ่งอวี้ ก็เห็นว่ามีหินขรุขระอยู่บนยอดเขา ดูเหมือนว่าจะมีหลุมชะง่อนหินอยู่มากมาย การจะซ่อนคนสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก“งั้น...เราแยกย้ายกันไปหาดีไหม”เย่จิ่งอวี้ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น หากต้องการตามหาคน ข้าสามารถทำได้อยู่แล้ว”เขาเอามือไพล่หลัง แยกขาออกจากกันเล็กน้อย ท่าทางดูสบายๆ มาก ทว่าเรียวตาหงส์ทั้งคู่ปิดลงเบาๆทันใดนั้นอินช
หันเจิงหมิงไม่ได้ยินฉีอวิ๋นจื่อบอกว่าเกมจบลงแล้ว คิดว่ายังเล่นอยู่ จึงกลั้นหายใจไม่พูดอะไรอยู่ตลอดอินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้อาวุโสหันไม่ใช่คนดีอะไร แต่เมื่อพิจารณาจากความตั้งใจของท่านแม่แล้ว หันเจิงหมิงก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนเลว นอกจากนี้ตอนนี้เขายังดูบ้าๆ บอๆ จนทนลงมือไม่ได้จริงๆเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยืนนิ่ง ฉีอวิ๋นจื่อก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย พูดต่อว่า “คนบ้าที่อยู่ตรงหน้าเจ้าก็เป็นหนึ่งในราษฎรใต้หล้าเช่นกัน หรือพวกเจ้าที่เป็นผู้ที่อยู่เหนือหัว จะไม่สนใจชีวิตมนุษย์รากหญ้าเช่นนั้นหรือ”เมื่อได้ฉีอวิ๋นจื่อพูดว่าตัวเองเป็นคนบ้า หันเจิงหมิงก็รู้ว่ามันไม่ใช่คำพูดที่ดี ดวงตาเบิกกว้างในทันใดเย่จิ่งอวี้เหลือบมองอย่างเย็นชา แล้วพูดเรียบๆ “ปล่อยเขาไป แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“ข้าไม่เชื่อพวกเจ้า เขาต้องมากับข้า”ฉีอวิ๋นจื่อผลักหันเจิงหมิงให้เดินไปข้างหน้าสองก้าว วางฝ่ามือขวาไว้ที่ด้านหลังหัวใจของเขา และผลักกำลังภายในออกมา“ขืนพวกเจ้ากล้าวู่วาม ข้าจะฆ่าเขาทันที”อินชิงเสวียนก้าวถอยหลัง“ฉีอวิ๋นจื่อ เจ้าโปรดคิดให้ดี ตอนนี้ทั้งอิ๋นเฉิงและตำหนักเทพรู้ตัวตนของเจ้าหมดแล้ว ต่อให้เจ้าจะหนีจา
คนชุดดำตัวสูงใหญ่มากเกินไปจริงๆ รูปร่างอันใหญ่โตนี้เมื่อปรากฏอยู่เหนือหัว ก็เหมือนกับเนินเขาสูงใหญ่ แค่ความกดดันเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้ฉีอวิ๋นจื่อเหงื่อชุ่มโชกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เห็นมือเหล็กประหลาดนี้ นางยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะมีความคิดเพียงเล็กน้อยในการตอบโต้“ผู้มีพระคุณโปรดไว้ชีวิตด้วย!”ดวงตาของนางเหลือกโพลง พูดด้วยความยากลำบากทันใดนั้นมือเหล็กก็ถูกดึงกลับ คนชุดดำใช้แขนเพียงข้างเดียวก็กระแทกนางให้ล้มลงกับพื้นพูดอย่างเย็นชา “เศษสวะเช่นเจ้า สมควรที่จะตั้งคำถามกงซวินฮูหยินงั้นรึ”ปากของฉีอวิ๋นจื่อเลือดออก ล้มลงกับพื้น เอาแต่พูดว่า “ข้าผิดไปแล้ว คราวหน้าจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว”คนชุดดำแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา และมองไปที่หันเจิงหมิง“ถ้าข้าสามารถรักษาคนผู้นี้ได้ จะมีประโยชน์กับเจ้าและข้าหรือไม่”ฉีอวิ๋นจื่อรู้ว่าทุกคนในอิ๋นเฉิงมีทักษะด้านการแพทย์ นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าหันเจิงหมิงได้สติ เขาต้องล้างแค้นแทนผู้อาวุโสหันอย่างแน่นอน หากเขาโชคดีพอที่จะฆ่าเย่จิ่งอวี้ หรืออินชิงเสวียนได้ ก็สามารถกำจัดตัวช่วยของเหมยชิงเกอได้ แม้ว่าจะทำไม่ได้ แต่เขาก็สามารถเป็นพันธ
ฉีอวิ๋นจื่อมองไปที่หันเจิงหมิง ไม่คาดคิดว่าทักษะทางการแพทย์ของผู้มีพระคุณจะล้ำเลิศขนาดนี้ แค่ฝังเข็มเพียงครั้งเดียว ก็สามารถฟื้นคืนสติของเขาได้ ฉีอวิ๋นจื่อยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเขามากบุคคลนี้ต้องเป็นศัตรูกับเฮ่อยวน และเกลียดเหมยชิงเกอจนเข้าไส้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ จู่ๆ ฉีอวิ๋นจื่อก็นึกถึงบุคคลผู้หนึ่งเจ้าของสวนกงซวินเขามีทักษะด้านวรยุทธ์สูง และทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม อยู่ในอิ๋นเฉิงยังได้รับความไว้วางใจจากเฮ่อยวนอีกด้วย กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเป็นลูกสาวของเขา เขาย่อมไม่อยากเห็นลูกเขยใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่นแน่นอน จึงหลอกใช้ให้ตัวเองลงมือฆ่าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าฉีอวิ๋นจื่อยิ่งคิดว่าเป็นเช่นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะถูกเขาหลอกใช้ก็ดี หรือได้สมรู้ร่วมคิดกับเขาก็ช่าง ตราบใดที่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ มันก็คุ้มค่ากับความพยายามแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีนางต้องการฆ่าเหมยชิงเกอให้ตายอยู่แล้ว เรียกได้ว่าประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ง่ายหลังจากมองไปที่หันเจิงหมิงที่ยังนอนอยู่ที่พื้น ฉีอวิ๋นจื่อก็เดินไปที่กำแพงหินที่แท้ที่นี่คือทางสู่วิถีแห่
หันเจิงหมิงตกตะลึงทันที“เจ้า เจ้าว่าอะไรนะ ท่านพ่อข้า...ตายแล้ว?”น้ำตาของฉีอวิ๋นจื่อไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง“ศิษย์พี่หัน ท่านไม่หลงเหลือความทรงจำเลยหรือ ตอนนั้นท่านเป็นคนพาผู้อาวุโสหันหนีไป คนที่ฆ่าเขาก็คือลูกสาวกับลูกเขยของเหมยชิงเกอ!”ขณะมองไปที่ดวงตาอันแดงก่ำของฉีอวิ๋นจื่อ ในดวงตาของหันเจิงหมิงก็ปรากฏเส้นเลือดสีแดงเขาเห็นท่านพ่อกระอักเลือด ขอให้เขาล้างแค้นแทนตัวเอง...เขาก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัว กุมหัวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ท่านพ่อของข้ามีวรยุทธ์สูงส่งขนาดนี้ จะถูกคนรุ่นหลังสองคนฆ่าตายได้อย่างไร”ฉีอวิ๋นจื่อกล่าวอย่างดุดันว่า “ศิษย์พี่หัน แม้ว่าท่านจะไม่ต้องการเผชิญกับความจริง แต่นี่ก็ยังคงเป็นความจริง เหล่าศิษย์ของตำหนักเทพล้วนมองเห็นอย่างชัดเจน ว่าคนที่ฆ่าเขาคือเย่จิ่งอวี้”“เย่จิ่งอวี้...เย่จิ่งอวี้?”หันเจิงหมิงก้าวถอยหลัง ภาพของพ่อที่ถูกชายหนุ่มทำร้ายจนกระอักเลือดก็แวบขึ้นมาในใจของเขานี่ไม่ใช่ความฝันหรอกหรือทั้งหมดนี้เป็นความจริงงั้นหรือ“ไม่ เหมยชิงเกอตายแล้วไม่ใช่หรือ นางจะมีลูกสาวและลูกเขยได้อย่างไร”หันเจิงหมิงกุมศีรษะของเขาอีกครั้ง ความคิดตกอยู่ในความ
“ศิษย์พี่หันอย่าเพิ่งเร่งร้อน ตอนนี้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องรักษาที่นี่ก่อน จึงจะแข็งแรงพอที่จะต่อสู้ได้”ฉีอวิ๋นจื่อบอกว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บจากเหมยชิงเกอ เพราะไปช่วยเขา ขณะนี้หัวสมองของหันเจิงหมิงประเดี๋ยวก็มีสติประเดี๋ยวก็เลอะเลือน ยังไม่สามารถแยกแยะเรื่องจริงเรื่องเท็จได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจำได้แม่นยำคือ คนที่ฆ่าพ่อของเขา ต้องเป็นชายหนุ่มที่มีทักษะวรยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมคนนั้นอย่างแน่นอนเขาจะไม่ฆ่าเหมยชิงเกอก็ได้ แต่เขาต้องฆ่าบุคคลผู้นั้น เพื่อล้างแค้นให้กับพ่อของเขา!“ให้ข้าช่วยรักษาหรือไม่”“ไม่ต้องหรอก ข้าจัดการเองได้ ศิษย์พี่เพิ่งฟื้นคืนสติ ลมปราณยังติดขัด เมื่อกำลังภายในในร่างกายราบรื่น จะเลื่อนขั้นวรยุทธ์จนถึงจุดสูงสุดได้”หันเจิงหมิงพยักหน้า แล้วนั่งลงบนพื้นเมื่อจิตใจสงบลง ก็ได้ยินเสียงของตัวเอง“หันเจิงหมิง เหมยชิงเกอมีผู้ช่วยมากมาย เจ้าจะฆ่านางได้จริงหรือ เจ้าจะแก้แค้นได้จริงหรือ เจ้าต้องการยืมพลังของข้าหรือไม่”หันเจิงหมิงสะดุ้งเล็กน้อยหรือจะเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ฝังอยู่ในจิตใจ?เลือดลมขัดข้องอย่างฉับพลัน เกือบจะเป็นโดนธาตุไฟเข้าแทรกอีกครั้งอดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า
เหมยชิงเกอเงียบงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า “คำพูดของท่านจริงใจใช่ไหม”“แน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นล้วนเป็นความผิดพลาดจริงๆ หากข้ารู้ว่าเจ้ายังอยู่ในตำหนักเทพ แม้ต้องทำลายสถานที่นี้จนพังทลาย ข้าคงจะพาเจ้าออกไปจากยอดเขาบรรจบสวรรค์นี้ให้ได้”เมื่อคิดถึงความทุกข์ทรมานที่เหมยชิงเกอต้องทนมานานกว่าสิบปี เฮ่อยวนก็ตาแดงก่ำอย่างอดไม่ได้“ชิงเกอ หากเจ้าเต็มใจที่จะเชื่อข้าสักครั้ง ข้าจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลือชดเชยความสุขที่เราสูญเสียไปอย่างแน่นอน”เมื่อมองไปที่เส้นผมสีเทาของเฮ่อยวน แววตาของเหมยชิงเกอก็เริ่มไหวหวั่นนางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าท่านมีความตั้งใจเช่นนี้จริงๆ เช่นนั้นเราก็สามารถร่วมกันบริหารต่อ เพียงแต่ว่าทั้งสองสำนักต่างตั้งตารอการประลองยุทธ์ที่จะเกิดขึ้นทุกๆ ห้าสิบปี หากพูดออกไปตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้ศิษย์รับไม่ได้ เช่นนั้นก็ให้ดำเนินการประลองยุทธ์ครั้งนี้ตามปกติ เมื่อประลองจบแล้ว ค่อยหาโอกาสพูดคุยเรื่องการบริหารต่อ ก็ถือว่ามีช่วงเวลาให้ปรับตัว”เฮ่อยวนกล่าวชมอย่างความสุขว่า “ชิงเกอคิดได้รอบคอบที่สุด เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าพูด”เหมยชิงเกอพยักหน้า แล้วสีหน้า
เย่จิ่งอวี้พูดอย่างมีความสุขว่า “ถ้าท่านพ่อสั่ง จิ่งอวี้ย่อมเชื่อฟัง”เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้เรียกอย่างกับใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะกระแอมไอ หากนางไม่เห็นเขาสวมมงกุฎฮ่องเต้ ท่วงท่าสง่างาม ใครจะคิดว่าชายหนุ่มที่ปากหวานปานน้ำผึ้งคนนี้จะเป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแม้ว่าเหมยชิงเกอจะรู้ตัวตนของเย่จิ่งอวี้แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่ามีอะไรที่ไม่ถูกต้อง นางเติบโตขึ้นมาในยุทธภพ ปฏิบัติตามกฎมารยาทของยุทธภพ ไม่มีความรู้ในเรื่องราชสำนักนางอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงไว้ในอ้อมแขน พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อยู่ที่นี่ก็ดีเช่นกัน การประลองยุทธ์กำลังใกล้เข้ามาแล้ว นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญของทั้งสองสำนัก อยู่ดูก่อนแล้วค่อยกลับก็ยังไม่สาย”อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเหมยชิงเกอ นางไม่ได้วางแผนที่จะบังคับให้นางอยู่ต่อแล้วอย่างนั้นหรือเวลาแค่เพียงคืนเดียว ก็ทำให้นางเปลี่ยนใจได้แล้ว พลังแห่งความรักนี้ ไม่อาจมองข้ามได้จริงๆเมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองของอินชิงเสวียน เหมยชิงเกอก็หันกลับมา ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และถามเป็นเชิงสัพยอกว่า “หรือว่าเจ้าชอบยอดเขาบรรจบสวรรค์เข้าแล้ว จึงไม่อยากจากไป?”ใบหน้าของอิ