เย่จิ่งหลานหงุดหงิด แต่ก็ยังพูดอย่างอดทน “ข้าเองก็ไม่รู้ สิ่งเดียวที่ผิดแปลกก็มีแค่เรื่องนี้ ส่วนเรื่องอื่น ข้าไม่รู้อะไรเลย”อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนว่า “ตามสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ย่อมมีสาเหตุบางอย่าง ในเมื่อโมริตะคาวาสึบาเมะเป็นคนที่ถูกเนรเทศ เช่นนั้นจึงต้องเป็นคนชั่วช้าสามานย์อย่างที่สุด เขาสามารถซ่อนตัวอยู่ในเกาะตงหลิวมานานหลายปี กระทำความชั่วร้ายนับไม่ถ้วน แต่กลับไม่กระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ เขาต้องมีวิธีการบางอย่างเป็นแน่ ตอนนี้เกาะตงหลิวถูกทำลายไปแล้ว เขาจะเกลียดแค้นเย่จิ่งหลานก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้” เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและกล่าวว่า “เสวียนเอ๋อร์วิเคราะห์สมเหตุสมผล ท่านนักพรตโปรดตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย”ชิงหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เรื่องนี้อาตมภาพไม่สามารถตัดสินใจได้ จะส่งจดหมายถึงอาจารย์เพื่อให้ท่านตัดสินใจ หากมีความจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากโยม ก็โปรดอย่าหลบเลี่ยง”เย่จิ่งหลานได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ ขณะที่กำลังจะอ้าปาก อินชิงเสวียนก็ห้ามเขาไว้“หากท่านนักพรตปฏิบัติด้วยความยุติธรรม เราจะให้ความร่วมมือเป็นแน่ หากเจ้ามี
ฉุยอวี้หันไปมองฉางเฮิ่นเทียน“คนเช่นเจ้า คาดเดาได้ยาก เจ้าเคยทรยศข้ามาแล้วหนหนึ่ง จะให้ข้าเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร”ฉางเฮิ่นเทียนคุกเข่าลงและพูดว่า “ทุกอย่างล้วนทำไปเพราะความจำเป็น เจ้าสำนักฉุยโปรดยกโทษให้ด้วย ข้าน้อยไม่ขอให้เจ้าสำนักฉุยดูแลแต่อย่างใด แค่อยากให้รับข้าน้อยให้อยู่ที่นี่ ก็พึงพอใจมากแล้ว”ฉุยอวี้มีสีหน้าเคลือบแคลงสงสัย“เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ”ฉางเฮิ่นเทียนก้มหัวแล้วพูดว่า “ข้าน้อยออกมาจากอิ๋นเฉิง ต้องถูกจับกุมแน่ๆ ตอนนี้ไม่มีที่อยู่แล้ว มีเพียงตำหนักเทพหอทองคำเท่านั้นที่ทัดเทียมกับอิ๋นเฉิง ถึงจะรับรองความปลอดภัยของข้าได้”ฉุยอวี้พยักหน้า คำพูดนี้สมเหตุสมผล“ถ้าแค่อยากอยู่ที่นี่ ก็ไม่ใช่ปัญหา”“ขอบพระคุณเจ้าสำนักฉุย ขอบพระคุณเจ้าสำนักฉุย”ฉางเฮิ่นเทียนก้มหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก ท่าทางตื้นตันใจมากฉุยอวี้พูดเบาๆ “ลุกขึ้นเถอะ ข้ารับรองได้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ได้ แต่เจ้าควรสำรวมตัวไว้ให้ดี หากกล้าก่อปัญหา อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีกับเจ้า”“ข้าน้อยไม่กล้า สิ่งเดียวที่ต้องการคือที่อยู่อาศัย”“อยากพักที่ไหน เจ้าก็บอกมาได้”“สถานที่เงียบสงบก็พอ ข้าน้อยไม่กล้าจู้จี้จุกจิก”“เช่นน
“ฉะนั้น ข้าถึงได้บอกว่าคนผู้นี้น่าสงสัยมาก ถ้าเขารู้วิชาฝังโลหิตจริงๆ อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ว่า ความจริงแล้วเขาเป็นคนอื่น?”หลังจากได้ยินคำพูดของอินชิงเสวียน หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็เต้นรัว“เป็นไปได้ไหม...ว่าเขาคือตู้เยี่ยน?”อินชิงเสวียนหันหน้ามอง ดวงตาทั้งสองคู่มองสบตากัน และทั้งคู่ก็พยักหน้าพร้อมกัน“เป็นไปได้”น้ำเสียงของเย่จิ่งอวี้เย็นชาเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ต้องหาวิธีทดสอบเขา ถ้าเขาคือตู้เยี่ยนจริงๆ เราควรแก้ไขโดยเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา”อินชิงเสวียนพยักหน้า“อื้ม แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ตู้เยี่ยน แต่เขาไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน”“คืนนี้ข้าจะลองทดสอบเขาดู”อินชิงเสวียนส่ายหัว“ไม่ได้ ในตำหนักเทพหอทองคำ ฉางเฮิ่นเทียนไม่มีความสำคัญ หากท่านลงมือ จะดึงดูดความสนใจจากเขาอย่างแน่นอน”เย่จิ่งอวี้เลิกคิ้วขึ้น“แล้วจะทำอย่างไรล่ะ”“ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย ถึงอย่างไรเราก็ยังไม่จากเร็วๆ นี้ ค่อยๆ คิดก็ได้”เย่จิ่งอวี้ถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “ผู้อาวุโสเหมยดูเหมือนจะไม่ต้อนรับข้า”อินชิงเสวียนจับมือของเขา แล้วพูดด้วยสีหน้ารักลึกซึ้ง “ไม่หรอก ถ้านางไม่ต้อนรับท่าน ข้าก็จะไม่อยู่
“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป”เย่จิ่งอวี้ผุดลุกขึ้นทันควัน ปราดเข้ามาอยู่ข้างๆ อินชิงเสวียนแล้วอินชิงเสวียนหายใจเข้าลึกๆ ระงับอาการปั่นป่วนในอก เงยหน้าขึ้นยิ้มละไม“ไม่เป็นไร บางทีช่วงนี้อาจกินข้าวไม่ตรงเวลา ทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง”เย่จิ่งอวี้มีสีหน้าเคลือบแคลงสงสัยวรยุทธ์ของอินชิงเสวียนไม่ได้อ่อนแออีกแล้ว ด้วยระดับการฝึกฝนในปัจจุบันของนาง เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบจากการบาดเจ็บและความเจ็บป่วยเล็กน้อย“หรือว่าเจ้า...”เขาคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่างอินชิงเสวียนหันหลังกลับและวิ่งหนีไปแล้ว“อย่าคิดฟุ้งซ่าน ข้าจะไปเตรียมอาหารก่อนล่ะ”เย่จิ่งอวี้มองไปที่ร่างของอินชิงเสวียน ครั้นแล้วหัวใจก็เต้นตึกตัก หรือว่าเสวียนเอ๋อร์?เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ก็เปล่งประกายด้วยความดีใจ“เสวียนเอ๋อร์!”เขารีบวิ่งตามนางไป“หืม?”อินชิงเสวียนหันกลับมาด้วยสายตาสดใส ยิ้มเห็นฟันขาว นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความสุข“เจ้า...ตั้งครรภ์ใช่หรือไม่”เย่จิ่งอวี้ก้มศีรษะมองไปที่ท้องน้อยของอินชิงเสวียนใบหน้าของอินชิงเสวียนเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย“ไม่มีทาง”ครั้นเห็นท่า
มื้อนี้เป็นมื้ออาหารที่หรูหรามาก อินชิงเสวียนได้รังสรรค์รายการอาหารที่นางชอบกินในยุคปัจจุบันออกมาทั้งปิ้งย่าง หม้อไฟ เบอร์เกอร์ พิซซ่า ซูชิ และเค้กชิ้นเล็กหลากหลายรสชาติ นอกจากนี้ ยังแลกเปลี่ยนกาแฟ สาคูมะม่วงนมสดหน้าส้มโอและเครื่องดื่มอื่นๆ อีกด้วยเย่จิ่งอวี้ไม่ใช่ผู้ที่ชอบร่ำสุรา แต่เขาสนใจเครื่องดื่มเหล่านี้มาก เมื่อเห็นอาหารมากมาย ดวงตาของเสี่ยวหนานเฟิงเบิกกว้าง ท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกถึงเย่จิ่งหลานทันทีเขาไม่ได้ทำการผ่าตัดบ่อยนัก คงมีคะแนนสะสมในมิติไม่มาก ของที่มาจากสมัยใหม่เหล่านี้เข้าต้องชอบมากแน่ๆ“อาอวี้ ทำไมเราไม่เอาสิ่งเหล่านี้ออกไป แล้วเรียกจิ่งหลานกับเสด็จอามากินข้าวด้วยกัน!”เย่จิ่งอวี้ย่อมเห็นด้วยอยู่แล้ว“จะให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่”“ไม่ต้อง ข้าสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งเหล่านี้ออกไปได้”อินชิงเสวียนนึกในใจ และทุกสิ่งก็ปรากฏขึ้นในห้องหินเย่จั้นกำลังพูดคุยกับอินหลี เมื่อเห็นสิ่งของและคนปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน นางก็รู้สึกตกใจไปชั่วขณะเย่จั้นพูดขึ้นโดยเร็ว “นี่คือของวิเศษของฮองเฮา อาหลีอย่ากังวลไป”อินหลีพูดว่าโอ้ แต่ก็ยังไม่เข้าใจโลกขอ
อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว“บอกเจ้าตำหนักเหมย ว่าข้ายังมีเรื่องต้องทำที่นี่ ประเดี๋ยวจะไปที่นั่นในภายหลัง”“ขอรับ”ลูกศิษย์ประกบมือคำนับ แล้วเดินไปตามทางเดินเล็กๆอินชิงเสวียนยังคงมองลงไปที่ภูเขา รู้สึกไม่สบายใจเย่จิ่งอวี้กล่าวปลอบใจ “คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ กลับยิ่งทำให้กังวล เจวี๋ยอิ่งพวกเขาอยู่ที่เชิงเขา ประเดี๋ยวข้าจะวาดภาพจิ่งหลานแล้วส่งลงไปที่ข้างล่าง”อินชิงเสวียนถอนหายใจ“ก็มีแต่ต้องทำเช่นนี้แล้ว”เย่จิ่งอวี้ถามอีกครั้ง “ไม่ไปดูทางด้านเจ้าตำหนักเหมยหรือ”อินชิงเสวียนส่ายหัว“ไว้ค่อยไปทีหลังก็ได้ หายากที่เราจะรวมตัวกัน เรากลับไปกินข้าวกันก่อนเถอะ!”ในแง่ของความรู้สึก ร่างกายนี้คือลูกสาวที่พลัดพรากไปนานของเหมยชิงเกอ หากนางใส่ใจจริงๆ ย่อมมาหานางเองในแง่ของเหตุผล เป็นนางที่พาเหมยชิงเกอออกจากผาเฟิงเริ่น และใช้น้ำพุวิญญาณเพื่อช่วยนางฟื้นฟูรูปลักษณ์และทักษะวรยุทธ์ดังเดิม ด้วยบุญคุณนี้ หรือว่านี่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้นางลดตัวลงมาพบกับตัวเองสักครั้ง?ในเมื่อนางไม่มีความตั้งใจเช่นนั้น ตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องรีบไปหาถึงที่ตอนนี้เย่จิ่งหลานออกจากตำหนักเทพแล้ว อินชิงเสวียนก็ยิ่งไม่
ราชาแห่งสงครามมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วต้าโจว แม้แต่ในสำนักแม่ชี อินหลีก็เคยได้ยินเรื่องนี้เมื่อใดก็ตามที่เหล่าแม่ชีน้อยเอ่ยถึงคำว่า “ราชาแห่งสงคราม” หัวใจก็เต็มไปด้วยความหวั่นไหว ดวงตาเป็นประกาย ในสายตาของพวกนาง ราชาสงครามนั้นไม่มีวันพ่ายแพ้ ชนะทุกการต่อสู้ มีอำนาจทุกอย่าง มีภาพลักษณ์ที่สูงส่งราวกับเทพเจ้าอินหลีได้ฟังจนเบื่อหน่าย เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ตัวเองเป็นเพียงเศษฝุ่นเล็กๆ ที่ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงจริงนางกัดมุมปากแล้วกระซิบ “บุคคลเช่นเขา ข้าจะคู่ควรได้อย่างไร”ถ้าเป็นคุณชายจากครอบครัวธรรมดา อินหลีคงจะกล้าคิดเรื่องนี้ ตอนนี้เมื่อเขารู้ว่าเขาเป็นราชาแห่งสงครามของต้าโจว อินหลีก็ไม่มีความมั่นใจ“ทำไมจะไม่คู่ควร นอกจากเจ้าแล้ว ในโลกนี้ก็ไม่มีผู้ใดคู่ควรกับข้า!”กระแสเสียงทุ้มต่ำและเด็ดเดี่ยวดังขึ้นที่ประตู อินหลีรู้สึกตกใจเล็กน้อย หันขวับทันทีเย่จั้นสวมชุดสีขาวเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู น้ำเสียงหนักแน่นเป็นจังหวะน่าเชื่อถือเย่จิ่งอวี้ยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งนี้และพูดว่า “ข้าได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการแต่งงานครั้งนี้แล้ว เมื่อกลับเมืองหลวง ข้าจะจัดพิธีแต่งงานให้พวกท่าน”เย่จั้นฉุดข
เมื่อราตรีกาลมาเยือน อินชิงเสวียนปล่อยให้เสด็จอาและอาหญิงพักอยู่ในห้องหินชั่วคราว ในขณะที่เย่จิ่งหลานพาเสี่ยวหนานเฟิงเข้าไปอยู่ในมิติหลังมื้ออาหารนางได้ทดลองดูแล้ว แต่อินหลีก็ยังไม่สามารถเข้าไปในมิติได้ ไม่อย่างนั้น ทุกคนก็สามารถพักผ่อนในมิติด้วยกันได้แล้วหลังจากปักหลักจัดแจงด้านนี้เสร็จ นางก็เดินช้าๆ ไปยังห้องโถงจื่อชี่ตงไหลลมยามค่ำคืนพัดมา ดวงจันทร์เยือกเย็นราวกับน้ำแม้ว่าจะเป็นเดือนเจ็ดแล้ว แต่บนภูเขาก็ไม่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะตอนกลางคืนที่เย็นสบายมากลมพัดผสมกับกลิ่นหอมสดชื่นของพืชพรรณ อันทำให้คนรู้สึกสบายตัวสบายใจแต่ทุกครั้งที่นึกถึงเย่จิ่งหลาน มักจะกังวลเรื่องนี้เสมอ ความกังวลประเภทนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง แม้ว่าทั้งสองจะเป็นเพื่อนกัน แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ยังเป็นญาติกันในโลกนี้ ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูด และเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการแสดงออกมา หากไม่มีเรือยักษ์เดินทางไกลที่สร้างโดยเย่จิ่งหลาน การเดินทางไปยังตงหลิวก็จะเป็นเพียงการพูดคุยบนกระดาษเท่านั้นเครื่องมือนำทางขั้นสูงดังกล่าว ยังเปิดโลกการค้นพบใหม่ๆ แก่ต้าโจว ได้ยินม