ราชาแห่งสงครามมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วต้าโจว แม้แต่ในสำนักแม่ชี อินหลีก็เคยได้ยินเรื่องนี้เมื่อใดก็ตามที่เหล่าแม่ชีน้อยเอ่ยถึงคำว่า “ราชาแห่งสงคราม” หัวใจก็เต็มไปด้วยความหวั่นไหว ดวงตาเป็นประกาย ในสายตาของพวกนาง ราชาสงครามนั้นไม่มีวันพ่ายแพ้ ชนะทุกการต่อสู้ มีอำนาจทุกอย่าง มีภาพลักษณ์ที่สูงส่งราวกับเทพเจ้าอินหลีได้ฟังจนเบื่อหน่าย เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ตัวเองเป็นเพียงเศษฝุ่นเล็กๆ ที่ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงจริงนางกัดมุมปากแล้วกระซิบ “บุคคลเช่นเขา ข้าจะคู่ควรได้อย่างไร”ถ้าเป็นคุณชายจากครอบครัวธรรมดา อินหลีคงจะกล้าคิดเรื่องนี้ ตอนนี้เมื่อเขารู้ว่าเขาเป็นราชาแห่งสงครามของต้าโจว อินหลีก็ไม่มีความมั่นใจ“ทำไมจะไม่คู่ควร นอกจากเจ้าแล้ว ในโลกนี้ก็ไม่มีผู้ใดคู่ควรกับข้า!”กระแสเสียงทุ้มต่ำและเด็ดเดี่ยวดังขึ้นที่ประตู อินหลีรู้สึกตกใจเล็กน้อย หันขวับทันทีเย่จั้นสวมชุดสีขาวเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู น้ำเสียงหนักแน่นเป็นจังหวะน่าเชื่อถือเย่จิ่งอวี้ยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งนี้และพูดว่า “ข้าได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการแต่งงานครั้งนี้แล้ว เมื่อกลับเมืองหลวง ข้าจะจัดพิธีแต่งงานให้พวกท่าน”เย่จั้นฉุดข
เมื่อราตรีกาลมาเยือน อินชิงเสวียนปล่อยให้เสด็จอาและอาหญิงพักอยู่ในห้องหินชั่วคราว ในขณะที่เย่จิ่งหลานพาเสี่ยวหนานเฟิงเข้าไปอยู่ในมิติหลังมื้ออาหารนางได้ทดลองดูแล้ว แต่อินหลีก็ยังไม่สามารถเข้าไปในมิติได้ ไม่อย่างนั้น ทุกคนก็สามารถพักผ่อนในมิติด้วยกันได้แล้วหลังจากปักหลักจัดแจงด้านนี้เสร็จ นางก็เดินช้าๆ ไปยังห้องโถงจื่อชี่ตงไหลลมยามค่ำคืนพัดมา ดวงจันทร์เยือกเย็นราวกับน้ำแม้ว่าจะเป็นเดือนเจ็ดแล้ว แต่บนภูเขาก็ไม่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะตอนกลางคืนที่เย็นสบายมากลมพัดผสมกับกลิ่นหอมสดชื่นของพืชพรรณ อันทำให้คนรู้สึกสบายตัวสบายใจแต่ทุกครั้งที่นึกถึงเย่จิ่งหลาน มักจะกังวลเรื่องนี้เสมอ ความกังวลประเภทนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง แม้ว่าทั้งสองจะเป็นเพื่อนกัน แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ยังเป็นญาติกันในโลกนี้ ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูด และเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการแสดงออกมา หากไม่มีเรือยักษ์เดินทางไกลที่สร้างโดยเย่จิ่งหลาน การเดินทางไปยังตงหลิวก็จะเป็นเพียงการพูดคุยบนกระดาษเท่านั้นเครื่องมือนำทางขั้นสูงดังกล่าว ยังเปิดโลกการค้นพบใหม่ๆ แก่ต้าโจว ได้ยินม
อินชิงเสวียนหันหลังกลับ และมองไปที่เหมยชิงเกอเมื่อใดที่คนเราแปดเปื้อนไปด้วยอำนาจและความเกลียดชัง จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอย่างแน่นอนเหมยชิงเกอที่อยู่ตรงหน้านางแตกต่างจากผู้หญิงที่เล่นกับเสี่ยวหนานเฟิงในมิติอย่างสิ้นเชิง ราวกับคนละคน อินชิงเสวียนได้กลิ่นอายแห่งแข็งกร้าวเผด็จการและความหยิ่งผยองจากตัวนางนี่เป็นสิ่งที่อันตรายมาก สาเหตุที่ผู้อาวุโสหันถูกทำลาย ก็เพราะเขาหลงใหลในลาภยศเกินไปอินชิงเสวียนสามารถเข้าใจความเกลียดชังของเหมยชิงเกอได้ แต่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของนาง เพียงแต่มีบางสิ่งที่นางไม่ได้พูดให้ชัดเจน อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากนางยิ้มอย่างสงบและพูดว่า “มีน้ำใจของผู้อาวุโสชิงเสวียนขอรับไว้ด้วยใจ ข้าแค่หวังว่าลูกของข้าจะเติบโตอย่างมีความสุข ส่วนสิ่งที่เขาอยากทำในอนาคต ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งมากเกินไป ถ้าเขาไม่ต้องการเป็นฮ่องเต้ ข้าก็สามารถไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกับเขาได้ จะไม่บังคับเขามากเกินไป”นางยืนขึ้นอย่างช้าๆ เดินไปหาเหมยชิงเกอ และพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ทุกคนมีอิสระและมีสิทธิ์ในการเลือกอนาคตของตนเอง แม้แต่พ่อแม่ ก็ไม่สามารถอาศัยศีลธรรมไปบังคับลูกหล
“ไม่ได้”เหมยชิงเกอปฏิเสธทันที นางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “นางและข้าแยกทางกันมาตั้งแต่เด็ก ถ้ายอมรับความเป็นแม่ลูกกันอย่างกะทันหัน นางจะไม่สามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน และตัวการสำคัญทั้งหมดนี้ก็คือเฮ่อยวนเท่านั้น มีเพียงการฆ่าเฮ่อยวน ข้าถึงจะให้คำอธิบายกับนางได้ฉุยอวี้กล่าวว่า “ชิงเสวียนมีจิตใจแข็งแกร่งมาก ถ้าเราไม่ใช้เหตุผลนี้ เกรงว่าคงยากที่จะรั้งนางไว้ได้”เหมยชิงเกอขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้ากับอวิ๋นลี่ช่วยข้าคิดหาทางเข้า ไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้นางลงจากภูเขาเด็ดขาด”“นี่มัน...”เรื่องนี้ค่อนข้างยากจริงๆเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่ฮ่องเต้จะอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน อินชิงเสวียนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับฮ่องเต้หนุ่ม ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้เขากลับไปเพียงลำพังทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในใจของฉุยอวี้“ถ้าศิษย์พี่ใหญ่เต็มใจที่จะโน้มน้าวเย่จิ่งอวี้ อาจมีความหวังอยู่บ้าง”เหมยชิงเกอแค่นเสียงหึและพูดว่า “ผู้ชายไม่มีใครดี ต่อให้เขาจะเป็นฮ่องเต้แล้วอย่างไร วันนี้เขาไม่แต่งตั้งนางสนม ก็ไม่ได้หมายความว่าวันหน้าเขาจะไม่แต่งตั้งนางสนมอีก ในฐานะฮ่องเต้ เขาถูกชะตาลิขิตให้เป็นคนใจร้ายไร้
“ท่านพี่พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”กงซวินอวิ๋นเฟิงถามอย่างไม่เข้าใจเฮ่อยวนยิ้มอย่างขมขื่น“ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ เป็นแค่ความสับสนล้วนๆ”กงซวินอวิ๋นเฟิงพูดอย่างอ่อนโยน “หากท่านพี่ไม่ต้องการเป็นศัตรูของตำหนักเทพ เราก็สามารถมอบทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ให้พวกเขาก็ได้ ผู้คนในอิ๋นเฉิงชอบความสงบมาโดยตลอด ยกเว้นรองเจ้าเมืองตู้แล้ว ก็ไม่มีใครหมกมุ่นอยู่กับวรยุทธ์ ทุกคนต่างเป็นเพียงหนุ่มทำไร่สาวทอผ้า ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ดำเนินชีวิตแบบสบายๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”เฮ่อยวนเหลือบมองไปด้านข้างแล้วถามว่า “เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ”กงซวินอวิ๋นเฟิงถามกลับ “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกหรือ ท่านดูสิว่าใครเต็มใจที่จะต่อสู้อย่างกล้าหาญ ครองยุทธจักรอย่างเผด็จการ ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่ชีวิตเล็กๆ ของตัวเอง อย่างสงบเรียบง่าย นั่นแหละถึงจะเป็นชีวิตของมนุษย์อย่างแท้จริง”เฮ่อยวนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย“ฮูหยินกล่าวถูกต้อง แม้ว่าอิ๋นเฉิงจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดในยุทธจักร แต่ทุกคนต่างพิถีพิถันเรื่องอาหาร ล้วนปรารถนาชีวิตที่สงบสุข เช่นนี้แล้ว ข้าจะเรียกรวมพลผู้อาวุโสหลักทุกคนในวันพรุ่งนี้ คราวนี้ข้าจะมอบทางสู่วิถี
และในยามเที่ยงวันเดียวกัน ห้องโถงจื่อชี่ตงไหล เหมยชิงเกอประกอบพิธีสืบทอดตำแหน่งศิษย์ทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าห้องโถง ทุกคนแต่งกายด้วยชุดคลุมสีฟ้าอ่อน ให้อารมณ์เหมือนคนมารวมตัวกันเต้นแอโรบิกตอนเย็น นอกจากนี้ ยังมีอาคันตุกะหลายคนจากตำหนักเทพ คนเหล่านี้ยืนรวมกลุ่มพูดคุยกัน รอการมาถึงของเหมยชิงเกออินชิงเสวียนมาถึงด้านนอกห้องโถง ยืนในที่คนน้อยๆ นางสวมชุดกระโปรงแพรไหมสีเหลืองนวลเนื้อนิ่มพลิ้วไหว ทำให้ดูสง่างามและเรียบง่าย ผมของนางประดับด้วยดอกไม้เล็กๆ เพียงไม่กี่ดอก แต่ก็ยังคงความงามบริสุทธิ์และโดดเด่น เย่จิ่งอวี้อุ้มจ้าวเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขน เดินอยู่เคียงข้างนาง ชุดคลุมสีเขียวเข้มทำให้เห็นถึงรูปร่างที่สมส่วน ไหล่กว้าง เอวคอด สูงยาว แม้เขาจะแค่ยืนนิ่งๆ ก็ยังดูสง่างามและมีชาติตระกูลส่วนข้างหลังพวกเขาคือเย่จั้นและอินหลี ซึ่งทั้งคู่แต่งกายด้วยชุดสีขาว หนุ่มหล่อสาวงาม เรียกได้ว่าเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบเหมือนเทพเซียนเมื่อถึงเวลาเที่ยง ระฆังใหญ่บนยอดห้องโถงก็ดังก้องเหล่าศิษย์แหวกทางออกเป็นสองฝ่ายทันที เหมยชิงเกอพร้อมด้วยฉุยอวี้และเฟิงอวิ๋นลี่ เดินเข้าไปในห้องโถงอย่างช้าๆนางแต่งกายด้วย
“เจ้าตำหนักเหมย!”อินชิงเสวียนรีบพุ่งไปข้างหน้า ปราดเข้าไปประคองเหมยชิงเกอลิ่นเซียวยืนมองดูนางอยู่ที่เดิม“นางเป็นเจ้าตำหนักจริงๆ หรือ”อินชิงเสวียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เป็นเรื่องจริง ท่านอาจารย์ไม่สนใจเรื่องทางโลก จึงไม่รู้ว่าวันนี้เป็นพิธีสืบทอดตำแหน่งเจ้าตำหนักคนใหม่ ผู้อาวุโสเหมยผู้นี้เป็นศิษย์ของเจ้าตำหนักคนเก่า”ลิ่นเซียวร้องอ้อ และพูดว่า “ที่แท้ข้าก็ถูกคนบ้าหลอก ข้าจะไปทวงความยุติธรรมจากเขา”ทันทีที่ร่างหายวับ เขาก็ไล่ตามหันเจิงหมิงไปแล้วเหมยชิงเกอคว้ามือของอินชิงเสวียนทันที พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ชิงเสวียนได้โปรดส่งข้ากลับไปที่พักของข้าด้วย ห้ามให้เหล่าศิษย์เห็นข้าเด็ดขาด”ทันทีที่พูดจบ เย่จิ่งอวี้ก็อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงตามมาถึงแล้ว“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”อินชิงเสวียนหันกลับมาแล้วพูดว่า “ข้าสบายดี ผู้อาวุโสเหมยได้รับบาดเจ็บ เราไปส่งนางกลับก่อนเถอะ”เมื่อเห็นมิตรภาพอันลึกซึ้งในแววตาของทั้งสองคน เหมยชิงเกอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยนี่คือลูกสาวของนาง ทำไมถึงต้องเสียนางไปให้ผู้ชายคนอื่น ลูกสาวของนางฉลาดหลักแหลมโดดเด่นมากขนาดนี้ ยังมีทักษะวรยุทธ์ที่ยอ
ทั้งสามคนตอบรับและค่อยๆ เดินออกไปถึงอย่างไรอินชิงเสวียนก็เป็นคนนอก ธุระกงการของผู้อื่นนั้น นางย่อมไม่สะดวกพูดมากอยู่แล้วแต่สำหรับคำพูดของฉุยอวี้นั้น นางกลับไม่รู้สึกแปลกใจมากนักที่ฉุยอวี้สามารถดำรงในตำแหน่งเจ้าสำนักเซียวเหยาได้นั้น สิ่งที่ต้องพึ่งพาไม่แค่ความงามอย่าง่ายๆ เช่นนั้น สำหรับการรับมือกับสำนักชั่วร้ายเหล่านั้น หากไม่โหดเหี้ยมมากพอ เกรงว่าแม้แต่ศิษย์ในสำนักก็ไม่อาจทำให้หวาดกลัวได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลยเหมยชิงเกอถอนหายใจเบาๆ“ชิงเสวียน เจ้าจะหัวเราะเยาะข้าไหม”อินชิงเสวียนยิ้มบางๆ“มีอะไรให้หัวเราะ คนที่ให้ความรัก ก็มักจะได้รับความรักตอบแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสเหมยที่เป็นคนโดดเด่นขนาดนี้”เมื่อได้ยินคำชมของลูกสาว ดวงตาของ เหมยชิงเกอก็เป็นประกายสว่างขึ้นทันที“เจ้า...คิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ”“แน่นอนเจ้าค่ะ”“ขอบคุณนะชิงเสวียน แต่ข้าไม่ดีพอ ไม่สามารถปกป้องคนที่ข้ารักที่สุดได้”เหมยชิงเกอก้มศีรษะลงในขณะนี้ ดูเหมือนว่านางจะถอดชุดเกราะที่มีหนามออก ร่างกายก็เปล่งแสงอันนุ่มนวลของมารดาออกมาอินชิงเสวียนรู้ว่านางกำลังพูดถึงใคร แต่ไม่ง่ายเลยที่จะตอบ ถ้านางพูด