ฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงกำลังคุยกันอยู่ในห้องหิน เมื่อได้ยินเสียงประตู ทั้งคู่ก็หันศีรษะไปพร้อมกัน“ฉุยอวี้ ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าของฉุยอวี้ตึงเครียด “ท่านมาทำอะไรที่นี่”ผู้อาวุโสหันหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “นี่คือสำนักของข้า ข้าจะมาไม่ได้หรือ”ฉุยอวี้แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา “ตำหนักเทพกลายเป็นของคนแซ่หันตั้งแต่เมื่อใด”ผู้อาวุโสหันพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ตอนนี้ข้าดูแลตำหนักเทพหอทองคำอยู่ ข้าย่อมมีสิทธิ์ขาดอยู่แล้ว”ฉุยอวี้กล่าวอย่างเหน็บแนม “ดังคำกล่าวที่ว่า บนเขาไม่มีเจ้า ลิงตั้งตนเป็นราชาจริงๆ ตอนนี้เจ้าตำหนักไม่อยู่ที่นี่ ผู้อาวุโสก็ไม่ได้อยู่ในสำนัก ถึงอย่างไรท่านก็มีสิทธิ์ขาดอยู่แล้ว”ผู้อาวุโสหันยังคงมีสีหน้าไม่แยแส“เจ้าพูดเช่นนี้ก็ถูกแล้ว แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ”ฉุยอวี้พูดด้วยความโกรธ “เห็นได้ชัดว่าท่านลงมือทำร้ายคนในสำนักด้วยเหตุผลเห็นแก่ตัว ผู้อาวุโสหลายท่านมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อตำหนักเทพ พวกเขาจะจากไปเองได้อย่างไร ด้วยพลังของพวกเขายิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านวัฏจักรความเป็นความตายเร็วขนาดนี้ หากเจ้าตำหนักออกจากการบำเพ็ญเพียร จะไม่ปล่อยท่านไปอย่างแน่นอน”“งั
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปก่อน พวกเจ้าค่อยๆ คุยกันไป”หลังจากที่ผู้อาวุโสหันพูดจบ เขาก็เปิดประตูออกไป“ท่านเป็นอะไรหรือไม่”อินชิงเสวียนมองไปที่เฟิงเอ้อร์เหนียงอย่างเป็นห่วงเฟิงเอ้อร์เหนียงเช็ดเลือดจากมุมปาก“ข้าไม่เป็นไร ทำไมชิงเสวียนถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ข้าเดาว่าผู้อาวุโสหันอาจต้องการจัดการพวกท่าน จึงมาที่นี่”เมื่อประมาณสิบห้านาทีก่อน ฉางเฮิ่นเทียนบอกว่าเขาจะพานางไปที่หอตำราสะสม อินชิงเสวียนก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเหตุใดจู่ๆ ผู้อาวุโสหันจึงให้ฉางเฮิ่นเทียนพาตัวเองไปที่นั่น ทุกอย่างเกิดขึ้นย่อมมีเหตุผล ผู้อาวุโสหันยิ่งจะไม่แสดงความเมตตาต่อตัวเองโดยไม่มีเหตุผล ความเป็นไปได้เดียวคือ เขาต้องการจัดการกับฉุยเฟิงทั้งสองคนเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็ตรงไปที่พักของพวกนางทันที“โจรเฒ่าคนนี้ หากวันนี้เขาทำไม่สำเร็จ วันหน้าจะไม่ยอมเลิกราแน่ๆ ผู้อาวุโสทั้งสองโปรดไปพักอยู่กับข้าเถอะ”ฉุยอวี้พูดอย่างดื้อรั้น “ไม่ต้อง เราไม่เป็นไร”อินชิงเสวียนตบไหล่นางเบาๆ “เชื่อข้าเถอะ ตอนนี้พวกท่านไม่ใช่ศิษย์ของตำหนักเทพ หรืออาคันตุกะ หากโจรเฒ่าหันอยากมาหาเรื่อ
เมื่อมาถึงบริเวณใกล้เคียง อินชิงเสวียนก็หยิบขลุ่ยดินเผาออกมา แล้วเป่าเป็นเพลงใจหินผาถ้าเย่จั้นเคยได้ยินเพลงนี้ ต้องจำได้อย่างแน่นอนอย่างไรก็ตาม หลังจากเป่าไปถึงสิบห้านาที ก็ไม่มีวี่แววของเย่จั้น หัวใจของอินชิงเสวียนหนักอึ้งหรือว่าเขาถูกพบเข้าแล้ว?นางมองไปรอบๆ จากนั้นใช้วิชาตัวเบาไปที่ถ้ำ แต่ไม่มีใครอยู่ข้างในนางกวาดตาไปทั่วบริเวณ แต่ไม่พบกลไกใดๆ เย่จั้นไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ ชั่วขณะหนึ่ง อินชิงเสวียนรู้สึกสับสนวุ่นวายใจเรื่องในตำหนักเทพยังไม่คลี่คลาย หากเย่จั้นเป็นอะไรไป นางจะอธิบายกับเย่จิ่งอวี้ได้อย่างไรขณะที่กำลังจะออกไปตามหา ทันใดนั้นก็พบว่าดูเหมือนจะมีตัวอักษรเล็กๆ สลักอยู่ในรอยแตกในหินตรงประตูอินชิงเสวียนโน้มตัวไปมอง สีหน้าก็พลันยินดี เป็นลายมือที่เย่จั้นทิ้งไว้จริงๆมีธุระด่วนต้องไป อย่าคิดมาก!ที่แท้ก็เป็นเขาที่จากไปเอง เพียงแต่มีเรื่องอะไรที่สำคัญกว่าอินหลีอินชิงเสวียนขมวดคิ้วเมื่อนางนึกถึงสตรีในชุดขาวซึ่งน่าจะเป็นอาหญิงของนางเมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมของผู้อาวุโสหัน เขาเหมือนจะกังวลเรื่องอินหลีมาก หรือว่าตัวนางมีความลับบางอย่างที่ไม่ทราบ?หากต้องการติดต่อ
อินชิงเสวียนเลิกคิ้ว“นี่คือเมืองเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงงั้นหรือ”ฉุยอวี้ส่ายศีรษะ“ไม่ใช่ นี่คือป่าหมอก ในป่าข้างในถึงจะเป็นเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาเปิดในเวลาเช้า และปิดในเวลาบ่ายคล้อยของทุกวัน ตอนนี้ก็มืดแล้ว ถ้าต้องการแอบเข้าไป ทำได้แค่รอจนถึงวันพรุ่งนี้ พวกเจ้าสองคนคิดว่าอย่างไร”อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ในเมื่อลงเขามาแล้ว งั้นก็ไปดูกันดีกว่า ใกล้ๆ นี้มีเมืองอยู่ หาที่พักค้างคืนกันสักคืนเถอะ”ในเมื่อมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรอินชิงเสวียนก็อยากเห็นว่าผู้ชายรูปงามปานเทพบุตรแบบใดถึงทำร้ายเหมยชิงเกอจนเป็นแบบนี้ฉุยอวี้ย่อมยกมือเห็นด้วยอยู่แล้ว“ได้ ที่นี่อยู่ห่างจากตลาดเพียงห้าหกลี้ ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึง”อินชิงเสวียนพยักหน้าพูดว่า “ดี งั้นเราจะเข้าไปในอิ๋นเฉิงพรุ่งนี้เช้า”ทั้งสามใช้วิชาตัวเบา และภายในสิบห้านาทีพวกนางก็มาถึงตลาดเดิมทีคิดว่าในเวลานี้ปิดประตูไปนานแล้ว แต่ไม่นึกว่าจะเห็นแสงไฟสว่างจ้า สามารถมองเห็นชาวยุทธ์ที่ถือดาบได้ทุกที่เมื่อนั้นอินชิงเสวียนจึงจำตอนที่ผู้คนบุกโจมตีตำหนักเทพหอทองคำได้ เหมือนพวกเขาจะมารวมตัวกันที่นี่เมื่อนึกถึงคำพูดขอ
“คุณชายเฮ่อ ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่”เมื่อเห็นเฮ่อฉางเฟิง อินชิงเสวียนก็รู้สึกประหลาดใจจากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้าเมืองอิ๋นเฉิงก็แซ่เฮ่อ จึงพอเข้าใจขึ้นบ้าง เฮ่อฉางเฟิงไม่ใช่คุณชายธรรมดาจริงๆเฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม “ข้าน้อยได้ยินว่าอิ๋นเฉิงเปิดแล้ว จึงเดินทางมาดู คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับแม่นางอิน เจ้ากับข้ามีชะตาต้องกันจริงๆ!”อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จากกันที่เป่ยไห่มาหลายวันแล้ว ไม่นึกว่าจะได้พบกับคุณชายเฮ่ออีก โลกพบกลมจริงๆ”“ถูกต้อง แม่นางอินมาอิ๋นเฉิงเพราะอาการป่วยงั้นหรือ”เฮ่อฉางเฟิงมีสีหน้าเปื้อนยิ้ม เขามีความสุขมากที่ได้เห็นอินชิงเสวียนเพียงแต่หลอกนางไปตั้งแต่แรกแล้ว จะมาเปิดเผยตัวตนตอนนี้ก็ไม่เหมาะอินชิงเสวียนกลอกตาแล้วพูดว่า “จริงๆ แล้วข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเจ้าเมือง เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าเมืองอิ๋นเฉิงมานานแล้ว พอรู้ว่าอิ๋นเฉิงเปิดเมือง จึงมาชื่นชมความองอาจห้าวหาญของเจ้าเมืองโดยเฉพาะ”เมื่ออินชิงเสวียนพูดถึงตรงนี้ นางก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“น่าเสียดาย ไม่มีใครแนะนำให้ข้าได้”เฮ่อฉางเฟิงโพล่งออกมา “เรื่องนี้ไม่
อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดอย่างสุภาพ “ข้าเกรงว่าจะไม่มีเวลามากขนาดนั้น”จากนั้นเฮ่อฉางเฟิงจึงสังเกตเห็นว่าเย่จิ่งอวี้ไม่อยู่ที่นี่“คุณชายเย่ไม่ได้มากับแม่นางอินหรือ”อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ไม่ได้มา เขามีงานสำคัญ ข้าเดินทางมาคนเดียว”เฮ่อฉางเฟิงตอบว่าอ้อ“เป็นเช่นนี้เอง เมื่อคุณชายเย่มีเวลา ต้องพามานั่งที่นี่แน่นอน”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น แล้วถามว่า “คุณชายเฮ่อคุ้นเคยกับผู้คนในอิ๋นเฉิงหรือไม่”เฮ่อฉางเฟิงไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ข้าน้อยกับฮูหยินค่อนข้างคุ้นเคยกันดี นางจิตใจดีมีเมตตา ถ้าได้พบกับแม่นางอินจะต้องรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกแน่นอน”อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “มีคนบอกว่ามีภรรยาที่ดีครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ไม่น่าแปลกใจที่อิ๋นเฉิง จะเจริญรุ่งเรืองมากเช่นนี้ ข้าบังเอิญนำของเล็กๆ น้อยๆ ติดมือมาให้ผู้หญิงมอบให้ฮูหยินด้วย”“ฮูหยินเจ้าเมืองดีมากจริงๆ แม่นางอินได้พบก็จะรู้เอง”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองก็เข้ามาในลานบ้านแล้วผู้หญิงที่เห็นก่อนหน้านี้กำลังรออยู่ที่ประตูแล้ว“สวัสดีกงซวินฮูหยิน ท่านนี้คือแม่นางอินที่ผู้เยาว์เคยบอกท่าน”เฮ่อฉางเฟิงก้มศีรษะประสานมือคารวะ ทำเหมือนมี
ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างกำยำเดินเข้ามาจากประตู เสื้อคลุมสีเข้มคุณภาพธรรมดาทำให้เขาดูสุขุมเยือกเย็นเก็บอารมณ์ เรียบง่ายไม่โอ้อวด รูปโฉมก็นับว่าดูดีทีเดียวแม้เป็นยุคปัจจุบัน ผู้ชายรุ่นลุงเช่นเขา ยังเป็นที่หมายปองของผู้หญิงหลายคนเกือบจะในทันที ที่อินชิงเสวียนเดาตัวตนของเขาได้นี่เป็นความรู้สึกแปลกมาก แม้จะเป็นการพบกันครั้งแรก แต่ก็รู้ว่าตัวเองมีสายเลือดผูกพันกับคนผู้นี้ ถึงขั้นมีความรู้สึกใกล้ชิดที่อธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำสำหรับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดนี้ อินชิงเสวียนไม่มีความรู้สึกรักมากนัก เดิมทีนางก็ไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม นอกจากนี้นางไม่ได้เติบโตมาด้วยกันและมีเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย นางไม่ควรรู้สึกเช่นนี้เลย สิ่งที่เรียกว่าสายเลือดผูกพันนี้ ค่อนข้างลึกลับเหลือเกิน แม้ว่านางจะเปลี่ยนวิญญาณ แต่ก็ยังคงรู้สึกอยู่ในใจในขณะที่คิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเฮ่อฉางเฟิงพูดตะกุกตะกัก “อา ผู้เยาว์ ผู้เยาว์น้อมคารวะท่านเจ้าเมืองเฮ่อ”เขาโค้งคำนับทักทาย เหงื่อซึมที่ปลายจมูกแล้วพ่อให้เขาฝึกฝนวรยุทธ์ในห้องลับจริงๆ แต่เฮ่อฉางเฟิงอาศัยอยู่ในนั้นมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว เขาทนเหงาไม่ได้ จึงแอบออกไปได้ยินจากแม่ของเข
เนิ่นนานถึงสามอึดใจ กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถึงจะฉีกยิ้มออกมาได้“ท่านพี่ ท่าน...ท่านกลับมาได้อย่างไร”เฮ่อยวนกล่าวว่า “ทำงานเสร็จแล้ว ก็รีบกลับมาที่อิ๋นเฉิงเลย ในเมื่ออาหารพร้อมแล้ว งั้นเราก็รับประทานอาหารด้วยกันเถอะ”เขามองไปที่เฮ่อฉางเฟิง พูดด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ “ในเมื่อคุณชายเฮ่อและข้ามีแซ่เดียวกัน เช่นนั้นก็ไม่ต้องเกรงใจ”จู่ๆ เฮ่อฉางเฟิงก็มีเหงื่อออกยิ่งพ่อของเขาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบมากเท่าใด ความโกรธในใจก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โชคดีที่เขายังไว้หน้าตัวเองหน่อย เดี๋ยวอินชิงเสวียนกลับไป เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอนเฮ่อฉางเฟิงก้มลงขอบคุณเขาทันที“ขอบคุณเจ้าเมืองเฮ่อ”กงซวินฮูหยินถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที“แม่นางอิน รีบนั่งลงเร็ว”อินชิงเสวียนยอบกายคารวะและพูดว่า “นี่...ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ายังมีอย่างอื่นที่ต้องทำ วันนี้ไม่รบกวนแล้ว”เจอกันครั้งแรก ก็มากินข้าวที่บ้านของเขาแล้ว มันจะกะทันหันเกินไปหน่อยกงซวินฮูหยินจับมือของอินชิงเสวียนอย่างรวดเร็ว“แม่นางอินไม่ต้องเกรงใจ ในเมื่อมาแล้วก็อย่ามองว่าเป็นคนนอก นั่งเร็ว ในอิ๋นเฉิงเรามีสวนยา อาหารที่ทำล้วนแต่มีสรรพคุณ