อินชิงเสวียนเลิกคิ้ว“นี่คือเมืองเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงงั้นหรือ”ฉุยอวี้ส่ายศีรษะ“ไม่ใช่ นี่คือป่าหมอก ในป่าข้างในถึงจะเป็นเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาเปิดในเวลาเช้า และปิดในเวลาบ่ายคล้อยของทุกวัน ตอนนี้ก็มืดแล้ว ถ้าต้องการแอบเข้าไป ทำได้แค่รอจนถึงวันพรุ่งนี้ พวกเจ้าสองคนคิดว่าอย่างไร”อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ในเมื่อลงเขามาแล้ว งั้นก็ไปดูกันดีกว่า ใกล้ๆ นี้มีเมืองอยู่ หาที่พักค้างคืนกันสักคืนเถอะ”ในเมื่อมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรอินชิงเสวียนก็อยากเห็นว่าผู้ชายรูปงามปานเทพบุตรแบบใดถึงทำร้ายเหมยชิงเกอจนเป็นแบบนี้ฉุยอวี้ย่อมยกมือเห็นด้วยอยู่แล้ว“ได้ ที่นี่อยู่ห่างจากตลาดเพียงห้าหกลี้ ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึง”อินชิงเสวียนพยักหน้าพูดว่า “ดี งั้นเราจะเข้าไปในอิ๋นเฉิงพรุ่งนี้เช้า”ทั้งสามใช้วิชาตัวเบา และภายในสิบห้านาทีพวกนางก็มาถึงตลาดเดิมทีคิดว่าในเวลานี้ปิดประตูไปนานแล้ว แต่ไม่นึกว่าจะเห็นแสงไฟสว่างจ้า สามารถมองเห็นชาวยุทธ์ที่ถือดาบได้ทุกที่เมื่อนั้นอินชิงเสวียนจึงจำตอนที่ผู้คนบุกโจมตีตำหนักเทพหอทองคำได้ เหมือนพวกเขาจะมารวมตัวกันที่นี่เมื่อนึกถึงคำพูดขอ
“คุณชายเฮ่อ ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่”เมื่อเห็นเฮ่อฉางเฟิง อินชิงเสวียนก็รู้สึกประหลาดใจจากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้าเมืองอิ๋นเฉิงก็แซ่เฮ่อ จึงพอเข้าใจขึ้นบ้าง เฮ่อฉางเฟิงไม่ใช่คุณชายธรรมดาจริงๆเฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม “ข้าน้อยได้ยินว่าอิ๋นเฉิงเปิดแล้ว จึงเดินทางมาดู คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับแม่นางอิน เจ้ากับข้ามีชะตาต้องกันจริงๆ!”อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จากกันที่เป่ยไห่มาหลายวันแล้ว ไม่นึกว่าจะได้พบกับคุณชายเฮ่ออีก โลกพบกลมจริงๆ”“ถูกต้อง แม่นางอินมาอิ๋นเฉิงเพราะอาการป่วยงั้นหรือ”เฮ่อฉางเฟิงมีสีหน้าเปื้อนยิ้ม เขามีความสุขมากที่ได้เห็นอินชิงเสวียนเพียงแต่หลอกนางไปตั้งแต่แรกแล้ว จะมาเปิดเผยตัวตนตอนนี้ก็ไม่เหมาะอินชิงเสวียนกลอกตาแล้วพูดว่า “จริงๆ แล้วข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเจ้าเมือง เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าเมืองอิ๋นเฉิงมานานแล้ว พอรู้ว่าอิ๋นเฉิงเปิดเมือง จึงมาชื่นชมความองอาจห้าวหาญของเจ้าเมืองโดยเฉพาะ”เมื่ออินชิงเสวียนพูดถึงตรงนี้ นางก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“น่าเสียดาย ไม่มีใครแนะนำให้ข้าได้”เฮ่อฉางเฟิงโพล่งออกมา “เรื่องนี้ไม่
อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดอย่างสุภาพ “ข้าเกรงว่าจะไม่มีเวลามากขนาดนั้น”จากนั้นเฮ่อฉางเฟิงจึงสังเกตเห็นว่าเย่จิ่งอวี้ไม่อยู่ที่นี่“คุณชายเย่ไม่ได้มากับแม่นางอินหรือ”อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ไม่ได้มา เขามีงานสำคัญ ข้าเดินทางมาคนเดียว”เฮ่อฉางเฟิงตอบว่าอ้อ“เป็นเช่นนี้เอง เมื่อคุณชายเย่มีเวลา ต้องพามานั่งที่นี่แน่นอน”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น แล้วถามว่า “คุณชายเฮ่อคุ้นเคยกับผู้คนในอิ๋นเฉิงหรือไม่”เฮ่อฉางเฟิงไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ข้าน้อยกับฮูหยินค่อนข้างคุ้นเคยกันดี นางจิตใจดีมีเมตตา ถ้าได้พบกับแม่นางอินจะต้องรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกแน่นอน”อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “มีคนบอกว่ามีภรรยาที่ดีครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ไม่น่าแปลกใจที่อิ๋นเฉิง จะเจริญรุ่งเรืองมากเช่นนี้ ข้าบังเอิญนำของเล็กๆ น้อยๆ ติดมือมาให้ผู้หญิงมอบให้ฮูหยินด้วย”“ฮูหยินเจ้าเมืองดีมากจริงๆ แม่นางอินได้พบก็จะรู้เอง”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองก็เข้ามาในลานบ้านแล้วผู้หญิงที่เห็นก่อนหน้านี้กำลังรออยู่ที่ประตูแล้ว“สวัสดีกงซวินฮูหยิน ท่านนี้คือแม่นางอินที่ผู้เยาว์เคยบอกท่าน”เฮ่อฉางเฟิงก้มศีรษะประสานมือคารวะ ทำเหมือนมี
ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างกำยำเดินเข้ามาจากประตู เสื้อคลุมสีเข้มคุณภาพธรรมดาทำให้เขาดูสุขุมเยือกเย็นเก็บอารมณ์ เรียบง่ายไม่โอ้อวด รูปโฉมก็นับว่าดูดีทีเดียวแม้เป็นยุคปัจจุบัน ผู้ชายรุ่นลุงเช่นเขา ยังเป็นที่หมายปองของผู้หญิงหลายคนเกือบจะในทันที ที่อินชิงเสวียนเดาตัวตนของเขาได้นี่เป็นความรู้สึกแปลกมาก แม้จะเป็นการพบกันครั้งแรก แต่ก็รู้ว่าตัวเองมีสายเลือดผูกพันกับคนผู้นี้ ถึงขั้นมีความรู้สึกใกล้ชิดที่อธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำสำหรับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดนี้ อินชิงเสวียนไม่มีความรู้สึกรักมากนัก เดิมทีนางก็ไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม นอกจากนี้นางไม่ได้เติบโตมาด้วยกันและมีเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย นางไม่ควรรู้สึกเช่นนี้เลย สิ่งที่เรียกว่าสายเลือดผูกพันนี้ ค่อนข้างลึกลับเหลือเกิน แม้ว่านางจะเปลี่ยนวิญญาณ แต่ก็ยังคงรู้สึกอยู่ในใจในขณะที่คิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเฮ่อฉางเฟิงพูดตะกุกตะกัก “อา ผู้เยาว์ ผู้เยาว์น้อมคารวะท่านเจ้าเมืองเฮ่อ”เขาโค้งคำนับทักทาย เหงื่อซึมที่ปลายจมูกแล้วพ่อให้เขาฝึกฝนวรยุทธ์ในห้องลับจริงๆ แต่เฮ่อฉางเฟิงอาศัยอยู่ในนั้นมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว เขาทนเหงาไม่ได้ จึงแอบออกไปได้ยินจากแม่ของเข
เนิ่นนานถึงสามอึดใจ กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถึงจะฉีกยิ้มออกมาได้“ท่านพี่ ท่าน...ท่านกลับมาได้อย่างไร”เฮ่อยวนกล่าวว่า “ทำงานเสร็จแล้ว ก็รีบกลับมาที่อิ๋นเฉิงเลย ในเมื่ออาหารพร้อมแล้ว งั้นเราก็รับประทานอาหารด้วยกันเถอะ”เขามองไปที่เฮ่อฉางเฟิง พูดด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ “ในเมื่อคุณชายเฮ่อและข้ามีแซ่เดียวกัน เช่นนั้นก็ไม่ต้องเกรงใจ”จู่ๆ เฮ่อฉางเฟิงก็มีเหงื่อออกยิ่งพ่อของเขาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบมากเท่าใด ความโกรธในใจก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โชคดีที่เขายังไว้หน้าตัวเองหน่อย เดี๋ยวอินชิงเสวียนกลับไป เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอนเฮ่อฉางเฟิงก้มลงขอบคุณเขาทันที“ขอบคุณเจ้าเมืองเฮ่อ”กงซวินฮูหยินถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที“แม่นางอิน รีบนั่งลงเร็ว”อินชิงเสวียนยอบกายคารวะและพูดว่า “นี่...ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ายังมีอย่างอื่นที่ต้องทำ วันนี้ไม่รบกวนแล้ว”เจอกันครั้งแรก ก็มากินข้าวที่บ้านของเขาแล้ว มันจะกะทันหันเกินไปหน่อยกงซวินฮูหยินจับมือของอินชิงเสวียนอย่างรวดเร็ว“แม่นางอินไม่ต้องเกรงใจ ในเมื่อมาแล้วก็อย่ามองว่าเป็นคนนอก นั่งเร็ว ในอิ๋นเฉิงเรามีสวนยา อาหารที่ทำล้วนแต่มีสรรพคุณ
ทั้งแขกและเจ้าบ้างต่างก็เพลิดเพลินกับอาหารมื้อนั้น บรรยากาศก็ยอดเยี่ยมมาก เมื่อเห็นครอบครัวทั้งสามพูดคุยและหัวเราะ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาไม่น่าแปลกใจเลยที่เฮ่อฉางเฟิงมีบุคลิกที่ร่าเริงเช่นนี้ ได้เกิดมาในครอบครัวเช่นนี้ เขาต้องมีความสุขมากแน่ๆเมื่อนึกถึงพ่อแม่ของตัวเองที่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้“แม่นางอินมีเรื่องในใจหรือ”เฮ่อฉางเฟิงถามอย่างเป็นห่วงอินชิงเสวียนวางตะเกียบลง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เปล่า ข้าอิ่มแล้ว”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถามอย่างกังวลใจ “ทำไมถึงกินน้อยจัง อาหารไม่ถูกปากแม่นางอินหรือ”อินชิงเสวียนมีสีหน้าสงบ“ฝีมือการทำอาหารของฮูหยินไม่เลวเลย แต่ในตอนเช้าข้ากินมามากแล้ว”“ถ้าอย่างนั้นค่ำๆ ค่อยกินใหม่ ประเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นในสวนยา”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถือว่าอินชิงเสวียนเป็นลูกสะใภ้ของตัวเองแล้ว เมื่อประกอบกับขวดน้ำหอมที่สวยงาม ความรักของนางที่มีต่ออินชิงเสวียนก็พุ่งสูงขึ้นอินชิงเสวียนยอบกายคำนับเล็กน้อย“ขอบคุณฮูหยินมากเจ้าค่ะ”เฮ่อฉางเฟิงพูดว่า “ไม่ทราบว่าข้าน้อยจะโชคดีพอ ได้ไปดูสวนยาของฮูหยินบ้างหรือเปล่
“ขอบคุณแม่นางมาก”หญิงชราเงยหน้าขึ้น ตาข้างที่มองเห็นมองไปยังอินชิงเสวียนดวงตาของทั้งสองคนสบกัน มีสีแปลกๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาข้างเดียวของหญิงชรา แต่มันก็หายไปในพริบตาเดียวในเวลาเดียวกัน เฮ่อฉางเฟิงก็ขยิบตาให้แม่ เขาต้องการคุยกับอินชิงเสวียน ลาจากเป่ยไห่มาหลายวันแล้ว เฮ่อฉางเฟิงก็กังวลกับสถานการณ์ที่นั่นมาโดยตลอดแม่ลูกใจเชื่อมโยงกัน กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเข้าใจทันทีว่าลูกชายหมายถึงอะไร จึงพูดกับหญิงชรา “ข้านึกขึ้นได้ว่าต้องการส่งสมุนไพรไปให้ท่านพ่อ หลานตาน ป้าชุย ตามข้าไปด้วยกันเถอะ”ทั้งสองตอบรับพร้อมกัน เดินตามกงซวินฮูหยินออกไปที่ประตูอินชิงเสวียนรู้แล้วว่าเฮ่อเฮ่อฉางเฟิงเป็นพี่น้องต่างแม่ของตัวเอง เมื่ออยู่ตามลำพังกับเขา นางจึงไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ “แม่นางอิน เรื่องในเป่ยไห่คลี่คลายแล้วหรือยัง”“คลี่คลายไปพอควรแล้ว ชาวตงหลิวทั้งหมดออกไป ชาวบ้านก็กลับมาอยู่ในเป่ยไห่แล้ว ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ”เฮ่อฉางเฟิงกล่าวด้วยอารมณ์ทอดถอนใจ “ราษฎรสามารถกลับบ้านของตนได้ ในที่สุดความพยายามของสำนักใหญ่ก็ไม่ไร้ผล ผู้พลีชีพเหล่านี้ควรค่าแก่การชื่นชม”“ใช่ พวกเขามีคุณธรรมจริงๆ!”เมื่อนึกถึงสุสานวีร
อินชิงเสวียนร้อยพิษไม่อาจกล้ำกราย ดังนั้นนางจึงไม่สลบอยู่แล้ว นางคอยระวังสาวใช้ตาเดียวคนนี้อยู่แล้ว เมื่อสัมผัสได้ว่ากลิ่นนั้นผิดปกติ นางก็แค่อยากดูว่าหญิงชราคิดอะไร “แม่นาง แม่นาง?”หญิงชราตาเดียวก้าวไปข้างหน้า ผลักไหล่ของนางเบาๆ เมื่อเห็นอินชิงเสวียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง หญิงชราก็ขยับตัวมาที่เตียงอินชิงเสวียนโคจรกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือทันที ตราบใดที่นางคิดลงมือ ก็สามารถตอบโต้ได้ทุกเมื่อในขณะที่กำลังคิด มือข้างหนึ่งก็จับคอเสื้อของนางแล้ว ดึงเสื้อผ้าอย่างแรง อินชิงเสวียนก็รู้สึกหนาวที่หลังนี่กำลังทำอะไรหรือว่านางมีรสนิยมพิเศษ?ในเวลานี้ ปลายนิ้วเลื่อนผ่านแผ่นหลัง อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว เข้าใจทันทีนางคงจะตรวจดูรอยตราตำหนักเทพบนไหล่ของนาง หรือว่า...นางเป็นคนของตำหนักเทพ?หญิงชราตาเดียวดึงเสื้อของอินชิงเสวียนขึ้นมา กำลังจะชักมือออก แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าข้อมือถูกบีบรัดแน่นตาดำตัดกับตาขาวคู่หนึ่งมองนางอย่างเย็นชา“ท่านเป็นใครกันแน่ ท่านกับตำหนักเทพเกี่ยวข้องกันอย่างไร”หญิงชราตาเดียวสะดุ้ง นางคิดไม่ถึงว่าอินชิงเสวียน จะไม่กลัวกลิ่นดอกฝิ่น นี่เป็นผลมาจากการวิจัยและพัฒนามา