อินชิงเสวียนร้อยพิษไม่อาจกล้ำกราย ดังนั้นนางจึงไม่สลบอยู่แล้ว นางคอยระวังสาวใช้ตาเดียวคนนี้อยู่แล้ว เมื่อสัมผัสได้ว่ากลิ่นนั้นผิดปกติ นางก็แค่อยากดูว่าหญิงชราคิดอะไร “แม่นาง แม่นาง?”หญิงชราตาเดียวก้าวไปข้างหน้า ผลักไหล่ของนางเบาๆ เมื่อเห็นอินชิงเสวียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง หญิงชราก็ขยับตัวมาที่เตียงอินชิงเสวียนโคจรกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือทันที ตราบใดที่นางคิดลงมือ ก็สามารถตอบโต้ได้ทุกเมื่อในขณะที่กำลังคิด มือข้างหนึ่งก็จับคอเสื้อของนางแล้ว ดึงเสื้อผ้าอย่างแรง อินชิงเสวียนก็รู้สึกหนาวที่หลังนี่กำลังทำอะไรหรือว่านางมีรสนิยมพิเศษ?ในเวลานี้ ปลายนิ้วเลื่อนผ่านแผ่นหลัง อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว เข้าใจทันทีนางคงจะตรวจดูรอยตราตำหนักเทพบนไหล่ของนาง หรือว่า...นางเป็นคนของตำหนักเทพ?หญิงชราตาเดียวดึงเสื้อของอินชิงเสวียนขึ้นมา กำลังจะชักมือออก แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าข้อมือถูกบีบรัดแน่นตาดำตัดกับตาขาวคู่หนึ่งมองนางอย่างเย็นชา“ท่านเป็นใครกันแน่ ท่านกับตำหนักเทพเกี่ยวข้องกันอย่างไร”หญิงชราตาเดียวสะดุ้ง นางคิดไม่ถึงว่าอินชิงเสวียน จะไม่กลัวกลิ่นดอกฝิ่น นี่เป็นผลมาจากการวิจัยและพัฒนามา
หญิงชราตาเดียวเงียบไปครู่หนึ่งตัวตนของอินชิงเสวียนตรงตามที่นางคาดเดาไว้ หากเฮ่อยวนรู้ ก็มีแต่จะดีใจ เขาจะทำร้ายนางได้อย่างไรแต่เป็นตัวเอง...หญิงชราตาเดียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร งั้นก็ควรรู้เรื่องแม่ของเจ้าด้วย”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปที่ธรณีประตู แล้วถามอย่างใจเย็น “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ผู้อาวุโสมาที่นี่ล่ะ?”หญิงชราตาเดียวลดเสียงลงแล้วพูดว่า “แน่นอน ข้าอยากจะล้างแค้นแทนศิษย์พี่เหมย ฆ่าเฮ่อยวน ผู้ไร้ความปรานีและไม่ยุติธรรม”อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าฉีอวิ๋นจื่อจะเป็นคนหัวรุนแรงเหมือนกับฉุยอวี้ แต่เฮ่อยวนทำให้นางรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนใจร้ายใจดำเช่นนั้น“เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมท่านถึงไม่ลงมือ ท่านก็อยู่ที่อิ๋นเฉิงได้ระยะหนึ่งแล้ว ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากกงซวินฮูหยิน มีโอกาสมากมายจะตาย”“ข้าจะให้หัวขโมยเฮ่อยวนตายง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้...”ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าแว่วดังมาแต่ไกล หญิงชราตาเดียวรีบปิดปากทันทีกล่าวด้วยความเคารพ “แม่นางอินค่อยๆ กิน บ่าวขอตัวก่อน หากแม่นางอินต้องการอะไร บ่าวจะมารับใช้อีกครั้ง”ในขณะที่กำลั
ห้องหนังสือเฮ่อยวนเอามือไพล่หลัง สายตามองจับไปยังท้องฟ้าเบื้องบนแสงจันทร์สลัว ดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า ทำให้คนรู้สึกเคลิบเคลิ้มอย่างประหลาดเฮ่อยวนคล้ายจะเห็นสตรีผู้หนึ่งอยู่ในความว่างเปล่า แต่ก็คล้ายหลุมศพที่โดดเดี่ยวด้วยนั่นเป็นสุสานที่เขาสร้างขึ้นด้วยมือตัวเอง ภายในนั้นมีปิ่นหยกอันโปรดของนางทุกปีในช่วงเวลานี้ เขาจะนั่งเฝ้าอยู่หน้าหลุมศพของนางเป็นเวลาสามวันเมื่อนึกถึงหญิงสาวผู้กล้าหาญที่แสนงดงามผู้นั้น เฮ่อยวนก็รู้สึกขมขื่นในใจถ้าเขาไม่ออกจากเมืองวันนั้น เขาคงไม่ได้พบนาง และถ้าพวกเขาไม่ได้รักกัน คงไม่ทำให้นางตายความผิดพลาดทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นความผิดของเขา ตอนนี้เมื่อหญิงงามกลายเป็นเพียงควันธูปหอม พูดอะไรก็ไร้ประโยชน์แค่เสียใจที่สวรรค์ไม่ให้โอกาสเขาได้ชดใช้ด้วยซ้ำ หากต้องการแก้แค้น ก็ทำได้เพียงรอช่วงเวลาการประลองยุทธ์ในห้าสิบปีให้หลังเท่านั้นเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เฮ่อยวนก็อดไม่ได้ที่จะกำนิ้วแน่น และทุบโต๊ะอย่างแรง“ท่านเจ้าเมือง ดื่มชาเจ้าค่ะ ดึกแล้ว ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว”หญิงชราตาเดียวถือกาน้ำชาเข้ามาจากข้างนอกเฮ่อยวนระงับความเกลียดชังในดวงตา“เจ้าก็กลับมาเหมือนกั
ซึ่งคนชุดดำสวมหน้ากากขนนกคืออินชิงเสวียน ที่กำลังสำรวจอิ๋นเฉิงในยามวิกาล เดิมทีอยากจะมาหาเบาะแสที่ห้องตำรา แต่บังเอิญมาเจอฉากนี้การที่ลูกสาวแอบฟังพ่อแท้ๆ อยู่ที่ข้างกำแพง ช่างเป็นสถานการณ์น่าอึดอัดวางตัวไม่ถูกมาก จนอินชิงเสวียนต้องรีบชิ่งหนีไปทันทีความประทับใจของนางที่มีต่อเฮ่อยวนเปลี่ยนไปแล้ว แต่คราวนี้กลับตกต่ำลงอีกครั้งฮูหยินของตัวเองอยู่ใกล้ๆ แต่ยังมีคลอเคลียพัวพันอยู่กับหญิงอื่น ไม่ใช่คนดีอะไรเลยจริงๆอินชิงเสวียนถ่มน้ำลายเงียบๆ และเหาะออกจากเรือนหลังเล็กไป อิ๋นเฉิงไม่ตรวจตราเข้มงวดเท่ากับสำนักอื่น เหมือนจะเป็นสำนักที่อยู่กันอย่างสงบสุขอินชิงเสวียนยืนอยู่บนหอคอยที่สูงที่สุดในอิ๋นเฉิง มองลงไปยังดินแดนเบื้องล่าง ครั้นเห็นแสงไฟค่อยๆ หรี่ดับลงทีละดวง ก็รู้สึกเหมือนได้กลับมาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในวัยเด็กที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เจ้าเมืองน่าผิดหวังมากผู้ชายประเภทนี้ ไม่คู่ควรให้เหมยชิงเกอชอบจริงๆ อย่างไรก็ตามเมื่อดูสภาพในตอนนี้ของเหมยชิงเกอ นางก็ดูเหมือนจะไม่ชอบเฮ่อยวนเช่นกัน บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขา ก็ให้พวกเขาคลี่คลายเองก็แล้วกันตอนนี้ยังสืบไม
ดวงตาของฉีอวิ๋นจื่อเป็นประกายไหววูบอีกครั้ง“ข้าออกมาจากตำหนักเทพนานแล้ว รู้ไม่มากนัก รู้แค่ว่าเขาเก่งในการบงการจิตใจคน ไม่ใช่คนมีเมตตา”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“เรื่องเหล่านี้ยังไม่พอ ต้องมีหลักฐานเพียงพอที่จะโค่นล้มเขาลงได้”“ข้าอยากช่วยแต่ก็จนปัญญา ที่ข้ามาที่นี่ก็แค่เพื่อบอกเจ้าว่า ถ้าต้องการฆ่าเฮ่อยวน ช่วงนี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุด ประเดี๋ยวคนอื่นจะมาพบเข้า ข้าอยู่นานไม่ได้ ต้องกลับไปก่อนแล้ว”หลังจากพูดจบฉีอวิ๋นจื่อก็เปิดประตูเดินออกไปอินชิงเสวียนไตร่ตรองถึงสีหน้าท่าทางที่หลากหลายของนางอย่างระมัดระวัง ฉีอวิ๋นจื่อน่าจะมีเรื่องปิดบังซ่อนเร้นมากมายคนผู้นี้ไม่น่าเชื่อถือเท่ากับฉุยอวี้กับเฟิงเอ้อร์เหนียง และนอกจากนี้ ตัวเองก็ไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม อินชิงเสวียนแค่นึกดูหมิ่นถิ่นแคลนพฤติกรรมของเฮ่อยวนเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นเกลียดชัง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือฆ่าเขาแม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะยืนอยู่ที่นี่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าพ่อของตัวเอง ตอนนี้กำลังรอข่าวจากฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงเท่านั้นในขณะที่อินชิงเสวียนกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉีอวิ๋นจื่อก็ออกจากเรือนหลังเล็กโดยไม่มีใครสังเ
อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว คิดในใจว่า ไอ้บ้าตัณหาที่ไหนกัน ในที่สาธารณะแบบนี้ ยังกล้ามาพูดจากะลิ้มกะเหลี่ยในใจคิดอยากจะสั่งสอนเขาสักสองสามคำ แต่ร้อนใจอยากตามหาฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงเร็วๆ เพราะไม่อยากสร้างปัญหาแทรกซ้อนที่ไม่จำเป็นจริงๆจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เตรียมจะหลีกเลี่ยงคนผู้นี้ไป๋เสวี่ยเดินตามอยู่ข้างหลังอินชิงเสวียน ดวงตาสีเหลืองอำพันจ้องมองไปที่ชายตรงหน้าตลอดเวลา จมูกฟุดฟิดตลอดเวลา ดมกลิ่นบนเสื้อคลุมของเขาขึ้นๆ ลงๆดวงตาแจ่มใสของเจ้าสุนัขค่อยๆ ฉายแววประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ และเห่าขึ้นอย่างอดไม่ได้เจ้าสุนัขมีรูปร่างใหญ่โตท่าทางดุดัน เมื่อเดินบนถนนก็ดึงดูดความสนใจเป็นพิเศษ อินชิงเสวียนไม่อยากให้มันทำให้คนอื่นตกใจกลัว จึงดุมันทันที“อย่าทำให้คนเขากลัว ไปกันเถอะ”คนผู้นั้นก้าวไปข้างหน้า ขวางหน้าอินชิงเสวียนไว้เขาพูดด้วยรอยยิ้มแต่ตาไม่ยิ้ม “ผู้คนมักบอกว่าการพบกันคือโชคชะตา ข้าได้พบกับแม่นางท่ามกลางผู้คนมากล้น ย่อมมีวาสนาต่อกันไม่เบา ไยไม่หยุดมาดื่มชาพูดคุยเรื่องราวชีวิตของเรากันเล่า”ใบหน้าของอินชิงเสวียนมืดมนลง“ข้าเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว ขืนคุณชายยังกล่าววาจาเช่นนี้ อย
ขณะที่ลงมือ อินชิงเสวียนยังใช้ทักษะช่วงชิงโชคลาภกับคนผู้นั้นในหัวพลันปรากฏหลายสิ่งหลายอย่าง เมื่อเห็นท่าวรยุทธ์เหล่านั้น อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจวรยุทธ์ของคนตงหลิว หรือว่าเขาเป็นคนตงหลิว?คิดไม่ถึงว่าในเทือกเขาเชื่อมเมฆา จะยังหลงเหลือชาวตงหลิว ในเมื่อถูกนางพบเข้าแล้ว งั้นก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของเขาแล้ว“สามารถพูดภาษาต้าโจวได้อย่างคล่องแคล่วเช่นนี้ เจ้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากสินะ น่าเสียดายที่มาเจอกับข้า วันนี้ในปีหน้า จะเป็นวันเซ่นไหว้เจ้า”ดวงตาของอินชิงเสวียนคมกริบราวกับมีด การขับเคลื่อนของชี่รอบตัวเปลี่ยนไป เจตนาฆ่าอันรุนแรงพุ่งออกมาจากร่างผอมเพรียวนั้น ชุดกระโปรงสั่นพลิ้วเองโดยไม่ได้เกิดจากลม ส่งเป็นเสียงพึ่บพั่บรุนแรง คนผู้นั้นอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไป“อย่า เราอย่าจริงจังกันนักเลย”“เลิกพล่ามซะ”อินชิงเสวียนตวาด มือทั้งสองข้างซัดใส่โจมตีไปยังคนผู้นั้น“โธ่เอ๊ย เป็นข้าเอง!”คนผู้นั้นเหาะถอยหลังอย่างรวดเร็ว พลางโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใคร”การเคลื่อนไหวของอินชิงเสวียนรวดเร็วราวกับสายฟ้า นางก็มาถึงหน้าคนผู้นั้นแล้วคนผู้นั้นทำท่าฝ่ามือแบบ
อินชิงเสวียนปฏิเสธทันควัน“เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในมิติ ข้าก็สามารถออกจากตำหนักเทพได้ตลอดเวลา น้ำโคลนนี้เจ้าอย่าเข้ามาแปดเปื้อนดีกว่า หากไม่มีธุระอะไรแล้ว เจ้ารีบกลับเมืองหลวงไปดีกว่า”เย่จิ่งหลานสั่นศีรษะราวกับสั่นกลองป๋องแป๋ง“ทำแบบนั้นได้อย่างไร อุตส่าห์ได้ออกมาทั้งที มีแต่คนโง่เท่านั้นถึงจะกลับไป”อินชิงเสวียนขมวดคิ้วและพูดว่า “ตำหนักเทพหอทองคำนั้นไม่เรียบง่ายอย่างที่คิด อย่าไปเลย”“ทำแบบนั้นไม่ได้ ข้าจะให้เจ้าต่อสู้คนเดียวได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นอันตกลงตามนี้แหละ ที่จริงถึงแม้ไม่มีเจ้า ข้าก็ยังต้องไปที่ตำหนักเทพหอทองคำดูหน่อย ถึงอย่างไรก็ต้องให้ฮั่วเทียนเฉิงมีคำตอบไปรายงาน”เย่จิ่งหลานถือถ้วยชาในมือ สีหน้าท่าทางไม่กริ่งเกรงแม้แต่น้อยอินชิงเสวียนพูดอย่างจนปัญญา “ในเมื่อเจ้าได้ดูดซับกำลังภายในทั้งหมดของโมริตะคาวาสึบาเมะแล้ว แม้แต่ฮั่วเทียนเฉิงก็ไม่สามารถหยุดเจ้าไว้ได้ แล้วทำไมต้องทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย”“ข้ายังมีเรื่องส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องทำให้กระจ่าง สรุปแล้วก็คือ ข้าจำเป็นต้องไปตำหนักเทพ”เย่จิ่งหลานเหยียดนิ้วออกวาด น้ำเสียงหนักแน่นยิ่งนักได้รู้จักเขามาเป็นนานขนาด