ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างกำยำเดินเข้ามาจากประตู เสื้อคลุมสีเข้มคุณภาพธรรมดาทำให้เขาดูสุขุมเยือกเย็นเก็บอารมณ์ เรียบง่ายไม่โอ้อวด รูปโฉมก็นับว่าดูดีทีเดียวแม้เป็นยุคปัจจุบัน ผู้ชายรุ่นลุงเช่นเขา ยังเป็นที่หมายปองของผู้หญิงหลายคนเกือบจะในทันที ที่อินชิงเสวียนเดาตัวตนของเขาได้นี่เป็นความรู้สึกแปลกมาก แม้จะเป็นการพบกันครั้งแรก แต่ก็รู้ว่าตัวเองมีสายเลือดผูกพันกับคนผู้นี้ ถึงขั้นมีความรู้สึกใกล้ชิดที่อธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำสำหรับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดนี้ อินชิงเสวียนไม่มีความรู้สึกรักมากนัก เดิมทีนางก็ไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม นอกจากนี้นางไม่ได้เติบโตมาด้วยกันและมีเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย นางไม่ควรรู้สึกเช่นนี้เลย สิ่งที่เรียกว่าสายเลือดผูกพันนี้ ค่อนข้างลึกลับเหลือเกิน แม้ว่านางจะเปลี่ยนวิญญาณ แต่ก็ยังคงรู้สึกอยู่ในใจในขณะที่คิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเฮ่อฉางเฟิงพูดตะกุกตะกัก “อา ผู้เยาว์ ผู้เยาว์น้อมคารวะท่านเจ้าเมืองเฮ่อ”เขาโค้งคำนับทักทาย เหงื่อซึมที่ปลายจมูกแล้วพ่อให้เขาฝึกฝนวรยุทธ์ในห้องลับจริงๆ แต่เฮ่อฉางเฟิงอาศัยอยู่ในนั้นมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว เขาทนเหงาไม่ได้ จึงแอบออกไปได้ยินจากแม่ของเข
เนิ่นนานถึงสามอึดใจ กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถึงจะฉีกยิ้มออกมาได้“ท่านพี่ ท่าน...ท่านกลับมาได้อย่างไร”เฮ่อยวนกล่าวว่า “ทำงานเสร็จแล้ว ก็รีบกลับมาที่อิ๋นเฉิงเลย ในเมื่ออาหารพร้อมแล้ว งั้นเราก็รับประทานอาหารด้วยกันเถอะ”เขามองไปที่เฮ่อฉางเฟิง พูดด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ “ในเมื่อคุณชายเฮ่อและข้ามีแซ่เดียวกัน เช่นนั้นก็ไม่ต้องเกรงใจ”จู่ๆ เฮ่อฉางเฟิงก็มีเหงื่อออกยิ่งพ่อของเขาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบมากเท่าใด ความโกรธในใจก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โชคดีที่เขายังไว้หน้าตัวเองหน่อย เดี๋ยวอินชิงเสวียนกลับไป เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอนเฮ่อฉางเฟิงก้มลงขอบคุณเขาทันที“ขอบคุณเจ้าเมืองเฮ่อ”กงซวินฮูหยินถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที“แม่นางอิน รีบนั่งลงเร็ว”อินชิงเสวียนยอบกายคารวะและพูดว่า “นี่...ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ายังมีอย่างอื่นที่ต้องทำ วันนี้ไม่รบกวนแล้ว”เจอกันครั้งแรก ก็มากินข้าวที่บ้านของเขาแล้ว มันจะกะทันหันเกินไปหน่อยกงซวินฮูหยินจับมือของอินชิงเสวียนอย่างรวดเร็ว“แม่นางอินไม่ต้องเกรงใจ ในเมื่อมาแล้วก็อย่ามองว่าเป็นคนนอก นั่งเร็ว ในอิ๋นเฉิงเรามีสวนยา อาหารที่ทำล้วนแต่มีสรรพคุณ
ทั้งแขกและเจ้าบ้างต่างก็เพลิดเพลินกับอาหารมื้อนั้น บรรยากาศก็ยอดเยี่ยมมาก เมื่อเห็นครอบครัวทั้งสามพูดคุยและหัวเราะ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาไม่น่าแปลกใจเลยที่เฮ่อฉางเฟิงมีบุคลิกที่ร่าเริงเช่นนี้ ได้เกิดมาในครอบครัวเช่นนี้ เขาต้องมีความสุขมากแน่ๆเมื่อนึกถึงพ่อแม่ของตัวเองที่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้“แม่นางอินมีเรื่องในใจหรือ”เฮ่อฉางเฟิงถามอย่างเป็นห่วงอินชิงเสวียนวางตะเกียบลง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เปล่า ข้าอิ่มแล้ว”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถามอย่างกังวลใจ “ทำไมถึงกินน้อยจัง อาหารไม่ถูกปากแม่นางอินหรือ”อินชิงเสวียนมีสีหน้าสงบ“ฝีมือการทำอาหารของฮูหยินไม่เลวเลย แต่ในตอนเช้าข้ากินมามากแล้ว”“ถ้าอย่างนั้นค่ำๆ ค่อยกินใหม่ ประเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นในสวนยา”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถือว่าอินชิงเสวียนเป็นลูกสะใภ้ของตัวเองแล้ว เมื่อประกอบกับขวดน้ำหอมที่สวยงาม ความรักของนางที่มีต่ออินชิงเสวียนก็พุ่งสูงขึ้นอินชิงเสวียนยอบกายคำนับเล็กน้อย“ขอบคุณฮูหยินมากเจ้าค่ะ”เฮ่อฉางเฟิงพูดว่า “ไม่ทราบว่าข้าน้อยจะโชคดีพอ ได้ไปดูสวนยาของฮูหยินบ้างหรือเปล่
“ขอบคุณแม่นางมาก”หญิงชราเงยหน้าขึ้น ตาข้างที่มองเห็นมองไปยังอินชิงเสวียนดวงตาของทั้งสองคนสบกัน มีสีแปลกๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาข้างเดียวของหญิงชรา แต่มันก็หายไปในพริบตาเดียวในเวลาเดียวกัน เฮ่อฉางเฟิงก็ขยิบตาให้แม่ เขาต้องการคุยกับอินชิงเสวียน ลาจากเป่ยไห่มาหลายวันแล้ว เฮ่อฉางเฟิงก็กังวลกับสถานการณ์ที่นั่นมาโดยตลอดแม่ลูกใจเชื่อมโยงกัน กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเข้าใจทันทีว่าลูกชายหมายถึงอะไร จึงพูดกับหญิงชรา “ข้านึกขึ้นได้ว่าต้องการส่งสมุนไพรไปให้ท่านพ่อ หลานตาน ป้าชุย ตามข้าไปด้วยกันเถอะ”ทั้งสองตอบรับพร้อมกัน เดินตามกงซวินฮูหยินออกไปที่ประตูอินชิงเสวียนรู้แล้วว่าเฮ่อเฮ่อฉางเฟิงเป็นพี่น้องต่างแม่ของตัวเอง เมื่ออยู่ตามลำพังกับเขา นางจึงไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ “แม่นางอิน เรื่องในเป่ยไห่คลี่คลายแล้วหรือยัง”“คลี่คลายไปพอควรแล้ว ชาวตงหลิวทั้งหมดออกไป ชาวบ้านก็กลับมาอยู่ในเป่ยไห่แล้ว ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ”เฮ่อฉางเฟิงกล่าวด้วยอารมณ์ทอดถอนใจ “ราษฎรสามารถกลับบ้านของตนได้ ในที่สุดความพยายามของสำนักใหญ่ก็ไม่ไร้ผล ผู้พลีชีพเหล่านี้ควรค่าแก่การชื่นชม”“ใช่ พวกเขามีคุณธรรมจริงๆ!”เมื่อนึกถึงสุสานวีร
อินชิงเสวียนร้อยพิษไม่อาจกล้ำกราย ดังนั้นนางจึงไม่สลบอยู่แล้ว นางคอยระวังสาวใช้ตาเดียวคนนี้อยู่แล้ว เมื่อสัมผัสได้ว่ากลิ่นนั้นผิดปกติ นางก็แค่อยากดูว่าหญิงชราคิดอะไร “แม่นาง แม่นาง?”หญิงชราตาเดียวก้าวไปข้างหน้า ผลักไหล่ของนางเบาๆ เมื่อเห็นอินชิงเสวียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง หญิงชราก็ขยับตัวมาที่เตียงอินชิงเสวียนโคจรกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือทันที ตราบใดที่นางคิดลงมือ ก็สามารถตอบโต้ได้ทุกเมื่อในขณะที่กำลังคิด มือข้างหนึ่งก็จับคอเสื้อของนางแล้ว ดึงเสื้อผ้าอย่างแรง อินชิงเสวียนก็รู้สึกหนาวที่หลังนี่กำลังทำอะไรหรือว่านางมีรสนิยมพิเศษ?ในเวลานี้ ปลายนิ้วเลื่อนผ่านแผ่นหลัง อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว เข้าใจทันทีนางคงจะตรวจดูรอยตราตำหนักเทพบนไหล่ของนาง หรือว่า...นางเป็นคนของตำหนักเทพ?หญิงชราตาเดียวดึงเสื้อของอินชิงเสวียนขึ้นมา กำลังจะชักมือออก แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าข้อมือถูกบีบรัดแน่นตาดำตัดกับตาขาวคู่หนึ่งมองนางอย่างเย็นชา“ท่านเป็นใครกันแน่ ท่านกับตำหนักเทพเกี่ยวข้องกันอย่างไร”หญิงชราตาเดียวสะดุ้ง นางคิดไม่ถึงว่าอินชิงเสวียน จะไม่กลัวกลิ่นดอกฝิ่น นี่เป็นผลมาจากการวิจัยและพัฒนามา
หญิงชราตาเดียวเงียบไปครู่หนึ่งตัวตนของอินชิงเสวียนตรงตามที่นางคาดเดาไว้ หากเฮ่อยวนรู้ ก็มีแต่จะดีใจ เขาจะทำร้ายนางได้อย่างไรแต่เป็นตัวเอง...หญิงชราตาเดียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร งั้นก็ควรรู้เรื่องแม่ของเจ้าด้วย”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปที่ธรณีประตู แล้วถามอย่างใจเย็น “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ผู้อาวุโสมาที่นี่ล่ะ?”หญิงชราตาเดียวลดเสียงลงแล้วพูดว่า “แน่นอน ข้าอยากจะล้างแค้นแทนศิษย์พี่เหมย ฆ่าเฮ่อยวน ผู้ไร้ความปรานีและไม่ยุติธรรม”อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าฉีอวิ๋นจื่อจะเป็นคนหัวรุนแรงเหมือนกับฉุยอวี้ แต่เฮ่อยวนทำให้นางรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนใจร้ายใจดำเช่นนั้น“เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมท่านถึงไม่ลงมือ ท่านก็อยู่ที่อิ๋นเฉิงได้ระยะหนึ่งแล้ว ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากกงซวินฮูหยิน มีโอกาสมากมายจะตาย”“ข้าจะให้หัวขโมยเฮ่อยวนตายง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้...”ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าแว่วดังมาแต่ไกล หญิงชราตาเดียวรีบปิดปากทันทีกล่าวด้วยความเคารพ “แม่นางอินค่อยๆ กิน บ่าวขอตัวก่อน หากแม่นางอินต้องการอะไร บ่าวจะมารับใช้อีกครั้ง”ในขณะที่กำลั
ห้องหนังสือเฮ่อยวนเอามือไพล่หลัง สายตามองจับไปยังท้องฟ้าเบื้องบนแสงจันทร์สลัว ดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า ทำให้คนรู้สึกเคลิบเคลิ้มอย่างประหลาดเฮ่อยวนคล้ายจะเห็นสตรีผู้หนึ่งอยู่ในความว่างเปล่า แต่ก็คล้ายหลุมศพที่โดดเดี่ยวด้วยนั่นเป็นสุสานที่เขาสร้างขึ้นด้วยมือตัวเอง ภายในนั้นมีปิ่นหยกอันโปรดของนางทุกปีในช่วงเวลานี้ เขาจะนั่งเฝ้าอยู่หน้าหลุมศพของนางเป็นเวลาสามวันเมื่อนึกถึงหญิงสาวผู้กล้าหาญที่แสนงดงามผู้นั้น เฮ่อยวนก็รู้สึกขมขื่นในใจถ้าเขาไม่ออกจากเมืองวันนั้น เขาคงไม่ได้พบนาง และถ้าพวกเขาไม่ได้รักกัน คงไม่ทำให้นางตายความผิดพลาดทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นความผิดของเขา ตอนนี้เมื่อหญิงงามกลายเป็นเพียงควันธูปหอม พูดอะไรก็ไร้ประโยชน์แค่เสียใจที่สวรรค์ไม่ให้โอกาสเขาได้ชดใช้ด้วยซ้ำ หากต้องการแก้แค้น ก็ทำได้เพียงรอช่วงเวลาการประลองยุทธ์ในห้าสิบปีให้หลังเท่านั้นเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เฮ่อยวนก็อดไม่ได้ที่จะกำนิ้วแน่น และทุบโต๊ะอย่างแรง“ท่านเจ้าเมือง ดื่มชาเจ้าค่ะ ดึกแล้ว ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว”หญิงชราตาเดียวถือกาน้ำชาเข้ามาจากข้างนอกเฮ่อยวนระงับความเกลียดชังในดวงตา“เจ้าก็กลับมาเหมือนกั
ซึ่งคนชุดดำสวมหน้ากากขนนกคืออินชิงเสวียน ที่กำลังสำรวจอิ๋นเฉิงในยามวิกาล เดิมทีอยากจะมาหาเบาะแสที่ห้องตำรา แต่บังเอิญมาเจอฉากนี้การที่ลูกสาวแอบฟังพ่อแท้ๆ อยู่ที่ข้างกำแพง ช่างเป็นสถานการณ์น่าอึดอัดวางตัวไม่ถูกมาก จนอินชิงเสวียนต้องรีบชิ่งหนีไปทันทีความประทับใจของนางที่มีต่อเฮ่อยวนเปลี่ยนไปแล้ว แต่คราวนี้กลับตกต่ำลงอีกครั้งฮูหยินของตัวเองอยู่ใกล้ๆ แต่ยังมีคลอเคลียพัวพันอยู่กับหญิงอื่น ไม่ใช่คนดีอะไรเลยจริงๆอินชิงเสวียนถ่มน้ำลายเงียบๆ และเหาะออกจากเรือนหลังเล็กไป อิ๋นเฉิงไม่ตรวจตราเข้มงวดเท่ากับสำนักอื่น เหมือนจะเป็นสำนักที่อยู่กันอย่างสงบสุขอินชิงเสวียนยืนอยู่บนหอคอยที่สูงที่สุดในอิ๋นเฉิง มองลงไปยังดินแดนเบื้องล่าง ครั้นเห็นแสงไฟค่อยๆ หรี่ดับลงทีละดวง ก็รู้สึกเหมือนได้กลับมาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในวัยเด็กที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เจ้าเมืองน่าผิดหวังมากผู้ชายประเภทนี้ ไม่คู่ควรให้เหมยชิงเกอชอบจริงๆ อย่างไรก็ตามเมื่อดูสภาพในตอนนี้ของเหมยชิงเกอ นางก็ดูเหมือนจะไม่ชอบเฮ่อยวนเช่นกัน บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขา ก็ให้พวกเขาคลี่คลายเองก็แล้วกันตอนนี้ยังสืบไม