“หายไปไหนแล้ว”ถ้ำหินมีขนาดไม่ใหญ่นัก ยืนอยู่ปากทางเข้าถ้ำก็สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนเย่จั้นก็ดูสับสนเช่นกัน“ข้าจี้สกัดจุดนางไว้แล้ว ตอนที่ข้าจากไปนางก็ยังอยู่ที่นี่”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว“หรือว่านางคลายจุดได้เองและจากไปแล้ว?”เย่จั้นส่ายศีรษะ เขาเองก็ไม่รู้อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามทันที “นางสวมเสื้อผ้าแบบไหน”ในตำหนักเทพมีศิษย์หญิงไม่มาก จนถึงตอนนี้ศิษย์หญิงที่อินชิงเสวียนเคยเห็น ก็มีไม่เกินห้าคนเท่านั้น“นางสวมชุดสีขาว สวมผ้าคลุมหน้าผืนยาว”อินชิงเสวียนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ“หรือว่า เป็นธิดาเทพจากตำหนักเทพหอทองคำ?”“ธิดาเทพ? เจ้าหมายความว่าอย่างไร”เย่จั้นดูตกใจอินชิงเสวียนกล่าวว่า “ครั้งหนึ่งข้าเคยเห็นธิดาเทพชุดขาวในตำหนักเทพ เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าก็เห็นนางอีกครั้งที่ริมลำธาร นางดูค่อนข้างแปลกจริงๆ แต่เสด็จอาจะแน่ใจได้อย่างไรว่านางคืออาหญิงของข้า อินหลี?”เย่จั้นกระแอมไอแห้งๆ “ข้าบังเอิญเห็นหน้านางน่ะ ดวงตาคู่นั้น คล้ายกับดวงตาของเจ้ามาก”ภาพดวงตากลมโตสุดใสดุจธาราคู่นั้นผุดขึ้นในหัวของอินชิงเสวียน ลักษณะของดวงตาคู่นั้นค่อนข้างคล้ายกับของนางจริงๆ อย
อีกคนพูดอย่างเย็นชา “พวกเราทำตามคำสั่ง กลับไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยม”“พวกเจ้านี่บังอาจกันจริงๆ!”อินชิงเสวียนตั้งพิณการเวกบนพื้น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าพวกเจ้ามีความสามารถแค่ไหน”“แม่นางอิน นี่เป็นเรื่องภายในของสำนักของเรา เจ้าไม่ควรเข้ามาก้าวก่ายจะดีกว่า”อินชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “สองคนนี้เป็นเพื่อนของข้า วันนี้ข้าจะปกป้องพวกนางให้ได้”มือเรียวของนางดึงสายเบาๆ เสียงพิณดังชัดเจนทำให้ทุกคนเลือดลมพลุ่งพล่านศิษย์หลายคนก้าวถอยหลังอีกคิดไม่ถึงว่าอินชิงเสวียนที่อายุยังน้อย แต่ทักษะวรยุทธ์กลับสูงส่งถึงเพียงนี้“ในเมื่อแม่นางอินยืนกรานดื้อดึง งั้นพวกเราก็มีแต่ต้องบอกผู้อาวุโสหันให้มาจัดการเท่านั้น”อินชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “ตามสะดวก”ทั้งหมดมองดูพวกนางทั้งสามอย่างเกลียดชัง และจากไปอย่างรวดเร็วอินชิงเสวียนเก็บพิณการเวก แล้วหันกลับมาถามว่า “ผู้อาวุโสทั้งสองจะไปที่ใด”เฟิงเอ้อร์เหนียงกล่าวว่า “พวกเรากำลังจะไปพบผู้อาวุโสคุมกฎ แต่ถูกศิษย์ที่ลาดตระเวนเหล่านี้พบเข้า”นางหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “หากผู้อาวุโสหันรู้ว่าศิษย์พี่ฉุยฟื้นคืนสติแล้ว จะทำอ
ศิษย์กล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม “ฟื้นคืนสติจริงขอรับ แถมยังออกมาจากที่พักหินพร้อมกับเฟิงเอ้อร์เหนียง ดูจากทิศทางที่พวกนางกำลังจะเดินทางไปแล้ว เหมือนจะมุ่งหน้าไปยังโถงคุมกฎ”“โอ้?”ผู้อาวุโสหันลูบเคราแล้วยืนขึ้น“อินชิงเสวียนก็อยู่กับพวกนางด้วยหรือ”“ใช่แล้ว รวมถึงสุนัขสีขาวตัวสูงใหญ่แข็งแรงนั่นด้วย”ผู้อาวุโสหันหัวเราะเยาะ“อินชิงเสวียนมีความสามารถที่คาดไม่ถึงจริงๆ พวกเจ้าออกไปก่อน หากพวกนางอยากไป ก็ปล่อยให้พวกนางไป ไม่ต้องสนใจ”“ขอรับ”ศิษย์หลายคนโค้งคำนับและจากไปผู้อาวุโสหันยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในห้องโถง สายตาปรากฏแววเหยียดหยามอยู่หลายส่วน ต้องการร่วมมือกับตาแก่หัวทึ่มทั้งสามคนนั้นเพื่อมาจัดการกับเขางั้นหรือ ดีดลูกคิดคำนวณได้ไม่เลว แต่น่าเสียดาย ที่พวกนางจะไม่มีวันเจอไอ้โง่พวกนั้นอีก!ผู้อาวุโสหันเยาะเย้ย จากนั้นขมวดคิ้วและเริ่มคิดเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนในการต่อสู้กับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง ตัวเองควรมุ่งความสนใจไปที่การฝังโลหิตดี หรือควรแสวงหาการเลื่อนขั้นส่วนรวมจากน้ำพุวิญญาณดี?หากเป็นอย่างหลัง จนป่านนี้เขายังไม่มีข่าวคราวของเด็กเปรตนั่น อินชิงเสวียนจะถวายให้โดยไม่ค
ฉางเฮิ่นเทียนพูดด้วยน้ำเสียงทื่อตรง “ไม่ทราบแน่ชัด ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องฝังโลหิตมาก่อน”“ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ หรือ”อินชิงเสวียนถามขณะขมวดคิ้วฉางเฮิ่นเทียนกล่าวว่า “จริง”อินชิงเสวียนหรี่ตาลงและถามอีกครั้ง “แล้วเรื่องระหว่างเจ้าเมืองอิ๋นเฉิงกับธิดาเทพแห่งตำหนักเทพล่ะ เจ้าเคยได้ยินมาก่อนหรือไม่”ฉางเฮิ่นเทียนก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “รู้ ทั้งสองรักใคร่กันมาก และมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ความรักที่เขามีต่อธิดาเทพแห่งตำหนักเทพเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นความรักผูกพัน”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว“กล่าวจริงหรือ”“จริงแท้”ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็พูดว่า “เจ้าเงยหน้าขึ้น”ฉางเฮิ่นเทียนเงยหน้าขึ้น ดวงตาทื่อตรงอินชิงเสวียนมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติจริงๆ ใบหน้ามืดมนอยู่มิวายคิดไม่ถึงว่าเจ้าเมืองอิ๋นเฉิงจะเป็นคนเช่นนี้ เหมยชิงเกอตาบอดจริงๆ นางยื่นมือออกไปดีดนิ้ว ทำให้ฉางเฮิ่นเทียนรู้สึกตัวขึ้นทันที“หืม? ข้า หลับไปหรือ”อินชิงเสวียนพูดเรียบๆ “เปล่า เจ้าแค่เหม่อลอยนิดหน่อย นี่ก็ดึกแล้ว กลับไปเถอะ”“ขอบคุณแม่นางอิน”ฉางเฮิ่นเทียนประกบมือคำนับแล้วจากไป เมื่อไปถึงที่ประตู อิน
ผู้อาวุโสหันลูบหนวดเคราพลางถามว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร กำลังข่มขู่ข้าอยู่งั้นหรือ”อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “หากผู้อาวุโสหันยืนกรานที่จะคิดแบบนี้ ข้าไม่มีอะไรจะพูด ตอนนี้ก็เลยเวลาเที่ยงคืนแล้ว ไม่มีข่าวของเด็ก ข้าจะลงเขาไปตามหา ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ”ผู้อาวุโสหันกล่าวว่า “ศิษย์ของตำหนักเทพได้ขยายพื้นที่ค้นหาเป็นรัศมีหนึ่งร้อยลี้แล้ว หรือว่าพวกเขามีความสามารถเทียบกับเจ้าคนเดียวไม่ได้งั้นรึ”“จะทำอย่างตั้งใจจริง หรือทำแค่พอเป็นพิธี ก็ยากที่จะบอกได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดของผู้อาวุโสหัน”“พูดอะไรเช่นนั้น เด็กข้าก็เป็นคนพาจากเมืองหลวงมาที่ตำหนักเทพเอง เกิดความรู้สึกเอ็นดูนานแล้ว หลายวันนี้ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ ถึงทำวิธีเช่นนั้นได้”ผู้อาวุโสหันเปลี่ยนหัวข้อ ถามอีกว่า “หรือว่าเจ้าไปล่วงเกินผู้ใดเข้า?”อินชิงเสวียนถามกลับ “ข้าอาศัยอยู่ในวังหลังมานาน จะไปล่วงเกินใครได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหันที่อยู่ในตำหนักเทพมีศัตรูที่แข็งแกร่งหรือไม่”ผู้อาวุโสหันหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ตำหนักเทพเป็นสถานที่เงียบสงบ ทุกคนมุ่งเน้นไปที่การบำเพ็ญเพียรฝึกฌ
ฉุยอวี้พูดเสียงหนักอึ้ง “ตอนนี้ดูเหมือน จะเป็นเช่นนั้น”อินชิงเสวียนขมวดคิ้วพูดว่า “ผู้อาวุโสมีวรยุทธ์สูงส่ง บอกว่าตายก็ตายได้อย่างไร อีกคนอยู่ดีๆ ก็ลงจากเขายิ่งน่าแปลก หรือว่าพวกท่านไม่สงสัยเลย?”เฟิงเอ้อร์เหนียงกล่าวว่า “ย่อมมีข้อสงสัยอยู่แล้ว เราถามลูกศิษย์หลายคนแล้ว แต่ถามไม่ได้ความอะไรเลย หากเรื่องนี้เกิดจากผู้อาวุโสหันจริงๆ เกรงว่าเจ้าตำหนักก็อาจจะ...”ฉุยอวี้พยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลขณะที่เหมยชิงเกอถูกจองจำ ฉุยอวี้ก็เคยคิดถึงปัญหานี้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นลูกศิษย์คนโปรดของเจ้าตำหนัก ต้องทนทุกข์ทรมานในผาเฟิงเริ่นมานานกว่าสิบปี แต่เจ้าตำหนักก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้น ซึ่งนับว่าผิดปกติเป็นอย่างมาก บัดนี้ศึกใหญ่กับอิ๋นเฉิงก็ใกล้เข้ามาแล้ว แต่เจ้าตำหนักยังคงไม่ยอมปรากฏตัว หากเขาไม่ได้อยู่ในตำหนักเทพ ก็น่าถูกผู้อาวุโสหันกำจัดไปแล้ว“หรือว่า ผู้อาวุโสหันฆ่าเขาแล้ว?”อินชิงเสวียนถามด้วยความหวาดกลัวทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร แต่ก็เท่ากับเป็นการยอมรับกลายๆอินชิงเสวียนกำหมัดแน่นอย่างอดไม่ได้“ถ้าโจรเฒ่าหันผู้นี้โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ นั่นยิ่งไม่ควรปล่อยเขาไป ตอนนี้ต้องหาหลักฐานก่อน ถึง
อินชิงเสวียนพยักหน้าอย่างยินดี ถามว่าอีก “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสฟื้นฟูวรยุทธ์เป็นอย่างไรบ้าง”เหมยชิงเกอกล่าวว่า “น่าจะฟื้นฟูได้ครึ่งหนึ่งแล้ว”“ระหว่างผู้อาวุโสกับผู้อาวุโสหัน ถ้าเทียบกันแล้วผู้ใดอยู่ในระดับสูงต่ำกว่ากันเจ้าคะ”หลังจากได้ยินคำพูดของอินชิงเสวียน ดวงตาของเหมยชิงเกอก็ฉายแววหวาดกลัว“ผู้อาวุโสหันเป็นผู้นำของผู้อาวุโสทั้งสี่ของตำหนักเทพ ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนก็บรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับเขาแล้ว ข้าย่อมเทียบไม่ติดอยู่แล้ว”“แล้วถ้าเปรียบเทียบระหว่างเจ้าตำหนักกับผู้อาวุโสหันล่ะ?”อินชิงเสวียนถามอีกเหมยชิงเกอใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คงจะสูสีกันกระมัง เพียงแต่เจ้าตำหนักได้รับบาดเจ็บสาหัสในการประลองเมื่อห้าสิบปีก่อน หลายปีที่ผ่านมาก็็็ เก็บตัวบำเพ็ญเพียรมาโดยตลอด ไม่รู้ฟื้นคืนแล้วหรือยัง”เหมยชิงเกอไม่ได้เกลียดเจ้าตำหนัก เส้นทางในวันนี้ เป็นนางที่เลือกทางเอง ไม่สามารถตำหนิผู้อื่นได้“ผู้อาวุโสอยู่ที่ผาเฟิงเริ่นมาหลายปีขนาดนี้ ไม่เคยเห็นเจ้าตำหนักเลยหรือ”“ไม่เคย”น้ำเสียงของเหมยชิงเกอโดดเดี่ยวท่านอาจารย์คงต้องเกลียดนางมากแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่หล
ขณะที่คิดถึงเรื่องนี้ อินชิงเสวียนก็กลับมาพร้อมถุงอาหารแล้วนางบอกวิธีการทำอาหารกับเหมยชิงเกอ ส่วนใหญ่เป็นอาหารจานด่วนแบบกึ่งสุก นอกจากนี้ ยังมีหม้อแอลกอฮอล์ที่สามารถนำไปหุงต้มอาหารได้อีกด้วย เนื้อไก่เนื้อหมู่ต่างๆ ก็แลกเปลี่ยนมาบ้างด้วย ถึงอย่างไรในมิติก็มีฟังก์ชันการเก็บรักษาของให้สดใหม่ นางจึงไม่ต้องกังวลว่ามันจะเน่าเสีย ส่วนพวกผักผลไม้ อยากกินตอนไหนก็เก็บตอนนั้นก็พอเหมยชิงเกอรู้สึกทึ่งมาก ที่มีสิ่งของแปลกๆ มากมายในบ้านเล็กหลังไม่ใหญ่นี้“ขอบใจแม่นางอินมาก ข้าไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร ผลไม้ป่าก็ช่วยแก้หิวได้ เพียงแต่เด็กยังเล็ก จะทำแค่พอถูไถไม่ได้”เหมยชิงเกอมองไปยังเสี่ยวหนานเฟิงที่หลับใหลด้วยสีหน้าเปี่ยมรัก ในช่วงสองวันที่ผ่านมานางได้ทุ่มเทความพยายามและความอ่อนโยนทั้งหมดให้กับหลานชาย ด้วยหวังว่าจะใช้สิ่งนี้ชดเชยความเสียใจที่นางมีต่อลูกสาว“ไม่ต้องกังวล พวกท่านจะขาดใครไปไม่ได้ อ้อจริงสิ ฟังจากที่ผู้อาวุโสพูด คงเคยติดต่อกับอิ๋นเฉิงมาก่อน เคยได้ยินเกี่ยวกับวิชายุทธ์การฝังโลหิตบ้างไหมเจ้าคะ”อินชิงเสวียนคิดถึงเย่จิ่งอวี้มาโดยตลอด แม้ว่านางจะตัดสินใจที่จะไม่กลับไป แต่ภาพของเขาย