“เจวี๋ยอิ่ง เข้ามา”สิบห้านาทีต่อมา ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ก็เย็นชาและเคร่งขรึม ลักษณะน่าครั่นคร้ามของผู้อยู่ที่อยู่เบื้องบนกลับคืนดังเดิมร่างหนึ่งปรากฏวับออกมาจากมุมห้อง คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”“ลุกขึ้น”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “รีบส่งคนไปตรวจสอบเบาะแสที่อยู่ของเสด็จอาโดยด่วน”หัวใจของเจวี๋ยอิ่งเต้นรัว แต่ยังคงพูดด้วยความเคารพว่า “กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้หยุดครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าได้ตรวจสอบเอกสารของเมืองซุ่ยหาน พบว่าพ่อลูกตระกูลอินกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น”ครั้นได้ยินดังนี้ เจวี๋ยอิ่งก็รู้สึกทั้งดีใจและกลัดกลุ้มผสมปนเปดีใจที่ฝ่าบาทจำเรื่องที่ฮองเฮาออกจากวังไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้กลุ้มใจคือ เขาจะตอบว่าอย่างไรดี“นี่...”เจวี๋ยอิ่งเหงื่อออกเล็กน้อยเย่จิ่งอวี้เหลือบมองหลี่เต๋อฝูที่ยืนอยู่ข้างประตู“หลี่เต๋อฝู เจ้ามาตอบ”“เอ่อ กระหม่อม...”หลี่เต๋อฝูวิ่งหัวซุกหัวซุนเข้ามา รีบคุกเข่าโขกศีรษะราบลงบนพื้นพูดอย่างจำใจว่า “อันที่จริง...สืบพบกลุ่มกบฏของเจียงวูแล้วพ่ะย่ะค่ะ พ่อลูกตระกูลอิน
เย่จิ่งอวี้สะดุ้ง หันขวับทันทีห่างจากเขาไปสิบก้าว มีชายชราสวมชุดคลุมสีเทายืนอยู่ผู้หนึ่ง ซึ่งเขาคือนักพรตเทียนชิงแห่งอารามซ่างชิงกวนทำไมเขาถึงเจอที่นี่ได้ล่ะในวังมีทหารองครักษ์มากมาย แต่เขาสามารถเข้ามาในตำหนักจินหวูได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น เขาเป็นยอดฝีมือมาจากไหนกันแน่ดวงตาของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็โค้งคำนับทันที“ผู้เยาว์น้อมคำนับผู้อาวุโสเทียนชิง”นักพรตเทียนชิงยิ้มเล็กน้อย“ฝ่าบาทมากพิธีแล้ว ไม่คิดว่าน้องชายที่มักมาฟังเทศน์บ่อยๆ จะกลายเป็นฮ่องเต้บาทผู้สูงศักดิ์ที่สุดในแผ่นดิน อาตมภาพไร้มารยาทแล้ว”นักพรตเทียนชิงมีน้ำเสียงใจดี รอยยิ้มเมตตาเอ็นดูอันทำให้คนรู้สึกเหมือนเป็นสายลมฤดูใบไม้ผลิ“ท่านนักพรตยกย่องเกินไปแล้ว ไม่ทราบว่าท่านมาที่นี่เพราะจะชี้แนะอันใด”เย่จิ่งอวี้โค้งคำนับเล็กน้อย กิริยาไม่ขาดตกบกพร่องนักพรตเทียนชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มิกล้าชี้แนะดอก เดิมทีอาตมภาพมีเรื่องจะถาม แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องถาม คิดว่าฝ่าบาทคงไม่ยินยอม”เย่จิ่งอวี้เลิกคิ้วขึ้น“ไม่ทราบว่าท่านนักพรตมีเรื่องอันใด เชิญกล่าวมาได้เลย”“ข้าสังเกตเห็นว่าฝ่าบาทมีสติปัญญ
“ผู้อาวุโสเป็นผู้วิเศษจริงๆ!”เย่จิ่งอวี้ชื่นชมอย่างจริงใจหากเขาไม่ทราบตัวตนของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้คงจะคิดว่านักพรตเต๋าชรากำลังพูดไร้สาระ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเสวียนเอ๋อร์มาจากโลกอื่น ทุกอย่างจึงลงตัวได้พอดีอินชิงเสวียนคนเดิมตายไปแล้วจริงๆ คนปัจจุบัน ถึงจะเป็นภรรยาของเขา!“หมายความว่าอย่างไร”นักพรตเทียนชิงมองดูภาพทำนาย นัยน์ตาฉายแววสับสนเล็กน้อย“เรื่องนี้ค่อนข้างจะซับซ้อนอยู่บ้าง ขออภัยที่ผู้เยาว์ไม่สามารถอธิบายได้”“เอาล่ะ งั้นเรามาดูภาพทำนายกัน นี่คือภาพเจี่ยน ข้างบนตกตำแหน่งภูเขา ข้างล่างตกตำแหน่งแม่น้ำ ลูกและภรรยาของฝ่าบาทน่าจะอยู่ระหว่างภูเขาและแม่น้ำ หากเดินทางไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ก็จะมีคุณ หากอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือจะไม่ดี เจี่ยนยังหมายถึงการเดินเหินไม่สะดวก ถูกปิดล้อม คิดว่าลูกและภรรยาของเจ้าคงถูกจำกัดการเคลื่อนไหว หากสามารถป้องกันตัวเองอย่างชาญฉลาดได้ ทุกอย่างก็จะราบรื่น”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว“เช่นนั้นชีวิตของพวกนางตกอยู่ในอันตรายหรือไม่”นักพรตเทียนชิงเก็บกระดองเต่าและเงินอีแปะ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “มิได้ ฝ่าบาทวางใจได้ ภรรยาของพระองค์เป็นคนฉลาด แม้จะมีความยากล
เมื่อนึกถึงภาพทำนายที่ฮ่องเต้ขอให้ทำนาย คิ้วของนักพรตเทียนชิงก็ขมวดมุ่นทันทีเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบกระดองเต่าออกมาอีกครั้งภาพทำนายแสดงให้เห็นว่าคนสองคนมีความเชื่อมโยงกันจริงๆ และการลงทัณฑ์บัญชา ยิ่งเป็นสิ่งที่ยุ่งยากมากหรือว่าการโจมตีขั้นสุดยอดของสำนักทั้งสองไม่สามารถรับมือเขาได้?ในขณะที่นักพรตเทียนชิงกำลังคิดถึงเรื่องนี้ เย่จิ่งหลานก็พาทุกคนกลับไปที่เป่ยไห่เพราะเลือดของโมริตะคาวาสึบาเมะหยดนั้น ทำให้เย่จิ่งหลานรู้สึกไม่สบายใจมาโดยตลอดมนุษย์เป็นสัตว์ที่อ่อนไหวจริงๆ เมื่อได้ยินอะไรบางอย่างก็อดไม่ได้ที่จะคิดฟุ้งซ่าน“ท่านมีอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า”หลังจากการรักษาฟื้นฟูมาเป็นนาน อาการบาดเจ็บของหวังซุ่นก็หายดีนานแล้วทุกครั้งที่เขาเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเย่จิ่งหลาน หวังซุ่นก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจเด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบ สามารถเติบโตเป็นร่างนี้ได้ในชั่วข้ามคืน หากไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ถึงเป็นความฝันหวังซุ่นก็คงไม่อยากเชื่อ ว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริงได้เย่จิ่งหลานแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและพูดว่า “บางทีอยู่ในเรือนาน เลยเหนื่อยนิดหน่อย ได้นอนสักพักก็ดีขึ้นแล้ว”หว
หนึ่งในนั้นพูดว่า “ขอสุขสถาพรสถิตชั่วนิรันดร์ ไม่ทราบว่าพี่ชายน้อยมีนามว่าอะไร”เย่จิ่งหลานเอามือไพล่หลังแล้วพูดว่า “พวกเจ้ามาหาข้าที่นี่ แต่กลับถามว่าข้าเป็นใคร ไม่จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังไปหน่อยหรือ”อีกคนมองพินิจไปที่เย่จิ่งหลาน รู้สึกค่อนข้างประหลาดใจคนผู้นี้หล่อเหลาชวนมอง อายุยังไม่มาก มองอย่างไรก็ไม่สามารถเชื่อมโยงเขากับคนบาปนั่นได้เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ขอสุขสถาพรสถิตชั่วนิรันดร์ ไม่ทราบว่าพี่ชายน้อยเคยไปเกาะตงหลิวหรือเปล่า”เย่จิ่งหลานเอามือไพล่หลังแล้วถามว่า “ทำไมถึงถามเช่นนี้ ไปที่นั่นไม่ได้งั้นหรือ”คนที่พูดก่อนหน้านี้กล่าวว่า “ในเมื่อพี่ชายน้อยพูดเช่นนี้ ก็ต้องไปมาแล้ว”เย่จิ่งหลานไม่ปฏิเสธหรือยอมรับ เพียงแค่มองทั้งสองอย่างเย็นชา“แล้วอย่างไร”นักพรตเต๋าร่างผอมกล่าวว่า “ขอสุขสถาพรสถิตชั่วนิรันดร์ พวกอาตมภาพได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้มาทำความดีลงโทษความชั่วร้าย ในเมื่อพี่ชายน้อยเป็นผู้กระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ เช่นนั้นก็จงรับการลงทัณฑ์ เนรเทศไปยังเกาะด้านนอก ไม่สามารถก้าวเข้าสู่จงหยวนได้ชั่วนิรันดร์”“ลงทัณฑ์ เนรเทศ?”เย่จิ่งหลานมองทั้งสองคนราวกับมองลิงก็ไม
ทั้งสองตั้งท่าป้องกันทันทีเย่จิ่งหลานยังคงมองดูนักพรตเต๋าสองคนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม รอยยิ้มเจือแววประชดประชันและไม่อินังขังขอบ เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเย่จิ่งหลานเช่นนี้ ทั้งสองก็ค่อนข้างตื่นตระหนกแม้ว่าพวกเขาจะเป็นลูกศิษย์รุ่นสามที่เป็นผู้ลงทัณฑ์ความชั่วร้าย แต่พวกเขาก็ฝึกฝนอย่างหนักมานานหลายทศวรรษ แต่ตอนนี้กลับประสบพบเจอเรื่องแปลกๆ จึงรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจนี่คือค่ายกลแบบไหนกันแน่ ทำไมมันถึงแปลกประหลาดขนาดนี้“ไม่ต้องพูดไร้สาระกับเขา ลงมือ”พวกเขาทั้งสองฝึกฝนร่วมกันมาเป็นเวลานาน จิตใจเชื่อมโยงถึงกัน ต่างโจมตีไหล่ทั้งสองข้างของเย่จิ่งหลานพร้อมกัน“กลับไป”เย่จิ่งหลานชี้เบาๆ ทั้งสองก็ลอยกลับไปยังที่เดิมทันที“เกิดอะไรขึ้น”นักพรตเต๋าทั้งสองมองหน้ากัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “เจ้าปีศาจ เจ้าใช้เวทมนตร์อะไรกันแน่”เย่จิ่งหลานแค่นเสียงหึเบาๆ “ข้ากลับอยากถามพวกเจ้าเสียอีก ว่าทำไมถึงลงความเห็นว่าข้าเป็นคนบาป”คนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “ศิลาตอบสวรรค์แสดงให้เห็น ภาพทำนายยืนยัน เกาะตงหลิวเป็นสถานที่ซึ่งผู้กระทำความผิดถูกเนรเทศ ในเมื่อเจ้าเคยไปที่เกาะตงหลิว เช่
นักพรตเต๋าร่างผอมกล่าวว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ถ้าฉลาดก็ยอมมอบตัว ไปสถานที่เนรเทศกับเราซะ”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และมาปรากฏตัวต่อหน้านักพรตเต๋าร่างผอม ยกมือขึ้นตบบ้องหูทั้งสองคนเสียงดังฟังชัดดังก้องไปทั่วมิติ ทั้งสองถูกตบหน้าเพียะอย่างแรง“ด้วยความสามารถของพวกเจ้าในตอนนี้ ยังคิดว่าจะพาข้าไปได้รึ โคตรพ่อมันเถอะ นี่เป็นเรื่องตลกที่น่าขันที่สุดที่ข้าเคยได้ยินในชีวิต”นักพรตเต๋าผู้แข็งแกร่งถูกด่าสาดเสียเทเสีย“ไอ้เด็กเวร เจ้ากล้าทำร้ายพวกเรารึ”“แล้วไงล่ะ? พวกเจ้าก็มาหาข้าโดยไม่มีคำอธิบายเหมือนกันไม่ใช่รึ ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าครั้งสุดท้าย พวกเจ้ามาจากไหน ทำไมเจ้าถึงมาหาข้า”เมื่อมองดูสีหน้ากวนบาทาของเย่จิ่งหลาน นักพรตเต๋าทั้งสองก็กัดกรามกรอด“ข้าได้พูดชัดเจนมากแล้ว ศิลาตอบสวรรค์แสดงให้เห็น เราแค่ปฏิบัติตามบัญชาสวรรค์เท่านั้น”เย่จิ่งหลานพูดไม่ออก นักพรตเต๋าสองคนนี้โง่ไปแล้วหรือ ทำไมถึงฟังไม่เข้าใจ พูดไปพูดมาอยู่คำเดียว หรือว่าบำเพ็ญตบะนานเกินไป จนสมองมีปัญหา“ศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่ใด”นักพรตเต๋าอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ที่พักของเรา”เย่จิ่งหลานอยากจะกระอักเลือดออกมาจริงๆ
ฮั่วเทียนเฉิงตกตะลึงเล็กน้อย“ทำไมจู่ๆ คุณชายถึงรับปากล่ะ?”เมื่อเห็นว่าฮั่วเทียนเฉิงไม่ดีใจ เย่จิ่งหลานก็ถามด้วยความสับสน “สีหน้าของท่านฮั่วทำไมถึงเป็นเช่นนี้ หรือว่าท่านไม่ดีใจ?”ฮั่วเทียนเฉิงส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว“จะเป็นไปได้อย่างไร คุณชายน้อยเย่สามารถไปกับข้าได้ ข้ามีแต่จะยินดีด้วยซ้ำ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและถามว่า “เช่นนี้แล้ว ทำไมท่านฮั่วถึงดูกังวล หรือว่าที่ท่านพูดก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหกข้า?”ฮั่วเทียนเฉิงโบกมือโดยเร็ว“ตำหนักเทพให้เกียรติแก่นักปราชญ์ราชบัณฑิตมาแต่ไหนแต่ไร ทุกสิ่งที่พูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องจริง”“งั้นก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่หรือ ช่วงนี้จิตใจของข้าสับสนอยู่พอดี ที่ตำหนักเทพคงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการบำเพ็ญภาวนา”หลังจากได้ยินคำพูดของเย่จิ่งหลาน ฮั่วเทียนเฉิงก็ขมวดคิ้วอีกครั้งหลังจากคบค้าสมาคมกันนานกว่าหนึ่งเดือน เขาก็รู้สึกนิยมชมชอบและเคารพเลื่อมใสเด็กคนนี้มากแม้ว่าเย่จิ่งหลานจะเปลี่ยนใบหน้ามาหล่อเหลาราวกับหยก แต่ฮั่วเทียนเฉิงก็เห็นเป็นเหมือนเดิม ถือว่าเขาเป็นเด็กอายุเจ็ดแปดขวบมาโดยตลอดหลังจากรู้จักกันมานาน เขารู้สึกว่าความเฉลียวฉลาดของเย่จิ่งหลา