แชร์

บทที่ 1092 กลับสู่เป่ยไห่

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-08-10 16:00:00
เมื่อนึกถึงภาพทำนายที่ฮ่องเต้ขอให้ทำนาย คิ้วของนักพรตเทียนชิงก็ขมวดมุ่นทันที

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบกระดองเต่าออกมาอีกครั้ง

ภาพทำนายแสดงให้เห็นว่าคนสองคนมีความเชื่อมโยงกันจริงๆ และการลงทัณฑ์บัญชา ยิ่งเป็นสิ่งที่ยุ่งยากมาก

หรือว่าการโจมตีขั้นสุดยอดของสำนักทั้งสองไม่สามารถรับมือเขาได้?

ในขณะที่นักพรตเทียนชิงกำลังคิดถึงเรื่องนี้ เย่จิ่งหลานก็พาทุกคนกลับไปที่เป่ยไห่

เพราะเลือดของโมริตะคาวาสึบาเมะหยดนั้น ทำให้เย่จิ่งหลานรู้สึกไม่สบายใจมาโดยตลอด

มนุษย์เป็นสัตว์ที่อ่อนไหวจริงๆ เมื่อได้ยินอะไรบางอย่างก็อดไม่ได้ที่จะคิดฟุ้งซ่าน

“ท่านมีอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า”

หลังจากการรักษาฟื้นฟูมาเป็นนาน อาการบาดเจ็บของหวังซุ่นก็หายดีนานแล้ว

ทุกครั้งที่เขาเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเย่จิ่งหลาน หวังซุ่นก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจ

เด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบ สามารถเติบโตเป็นร่างนี้ได้ในชั่วข้ามคืน หากไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ถึงเป็นความฝันหวังซุ่นก็คงไม่อยากเชื่อ ว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริงได้

เย่จิ่งหลานแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและพูดว่า “บางทีอยู่ในเรือนาน เลยเหนื่อยนิดหน่อย ได้นอนสักพักก็ดีขึ้นแล้ว”

หว
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Kanokporn Areyapipat
แพงมากจ้า บทสั้นจู๋
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1093 คนอวดดี

    หนึ่งในนั้นพูดว่า “ขอสุขสถาพรสถิตชั่วนิรันดร์ ไม่ทราบว่าพี่ชายน้อยมีนามว่าอะไร”เย่จิ่งหลานเอามือไพล่หลังแล้วพูดว่า “พวกเจ้ามาหาข้าที่นี่ แต่กลับถามว่าข้าเป็นใคร ไม่จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังไปหน่อยหรือ”อีกคนมองพินิจไปที่เย่จิ่งหลาน รู้สึกค่อนข้างประหลาดใจคนผู้นี้หล่อเหลาชวนมอง อายุยังไม่มาก มองอย่างไรก็ไม่สามารถเชื่อมโยงเขากับคนบาปนั่นได้เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ขอสุขสถาพรสถิตชั่วนิรันดร์ ไม่ทราบว่าพี่ชายน้อยเคยไปเกาะตงหลิวหรือเปล่า”เย่จิ่งหลานเอามือไพล่หลังแล้วถามว่า “ทำไมถึงถามเช่นนี้ ไปที่นั่นไม่ได้งั้นหรือ”คนที่พูดก่อนหน้านี้กล่าวว่า “ในเมื่อพี่ชายน้อยพูดเช่นนี้ ก็ต้องไปมาแล้ว”เย่จิ่งหลานไม่ปฏิเสธหรือยอมรับ เพียงแค่มองทั้งสองอย่างเย็นชา“แล้วอย่างไร”นักพรตเต๋าร่างผอมกล่าวว่า “ขอสุขสถาพรสถิตชั่วนิรันดร์ พวกอาตมภาพได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้มาทำความดีลงโทษความชั่วร้าย ในเมื่อพี่ชายน้อยเป็นผู้กระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ เช่นนั้นก็จงรับการลงทัณฑ์ เนรเทศไปยังเกาะด้านนอก ไม่สามารถก้าวเข้าสู่จงหยวนได้ชั่วนิรันดร์”“ลงทัณฑ์ เนรเทศ?”เย่จิ่งหลานมองทั้งสองคนราวกับมองลิงก็ไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-10
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1094 ชีวิตของข้าขึ้นอยู่กับข้ามิใช่ชะตาฟ้าลิขิต

    ทั้งสองตั้งท่าป้องกันทันทีเย่จิ่งหลานยังคงมองดูนักพรตเต๋าสองคนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม รอยยิ้มเจือแววประชดประชันและไม่อินังขังขอบ เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเย่จิ่งหลานเช่นนี้ ทั้งสองก็ค่อนข้างตื่นตระหนกแม้ว่าพวกเขาจะเป็นลูกศิษย์รุ่นสามที่เป็นผู้ลงทัณฑ์ความชั่วร้าย แต่พวกเขาก็ฝึกฝนอย่างหนักมานานหลายทศวรรษ แต่ตอนนี้กลับประสบพบเจอเรื่องแปลกๆ จึงรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจนี่คือค่ายกลแบบไหนกันแน่ ทำไมมันถึงแปลกประหลาดขนาดนี้“ไม่ต้องพูดไร้สาระกับเขา ลงมือ”พวกเขาทั้งสองฝึกฝนร่วมกันมาเป็นเวลานาน จิตใจเชื่อมโยงถึงกัน ต่างโจมตีไหล่ทั้งสองข้างของเย่จิ่งหลานพร้อมกัน“กลับไป”เย่จิ่งหลานชี้เบาๆ ทั้งสองก็ลอยกลับไปยังที่เดิมทันที“เกิดอะไรขึ้น”นักพรตเต๋าทั้งสองมองหน้ากัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “เจ้าปีศาจ เจ้าใช้เวทมนตร์อะไรกันแน่”เย่จิ่งหลานแค่นเสียงหึเบาๆ “ข้ากลับอยากถามพวกเจ้าเสียอีก ว่าทำไมถึงลงความเห็นว่าข้าเป็นคนบาป”คนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “ศิลาตอบสวรรค์แสดงให้เห็น ภาพทำนายยืนยัน เกาะตงหลิวเป็นสถานที่ซึ่งผู้กระทำความผิดถูกเนรเทศ ในเมื่อเจ้าเคยไปที่เกาะตงหลิว เช่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-10
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1095 คนเซ่อซ่า

    นักพรตเต๋าร่างผอมกล่าวว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ถ้าฉลาดก็ยอมมอบตัว ไปสถานที่เนรเทศกับเราซะ”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และมาปรากฏตัวต่อหน้านักพรตเต๋าร่างผอม ยกมือขึ้นตบบ้องหูทั้งสองคนเสียงดังฟังชัดดังก้องไปทั่วมิติ ทั้งสองถูกตบหน้าเพียะอย่างแรง“ด้วยความสามารถของพวกเจ้าในตอนนี้ ยังคิดว่าจะพาข้าไปได้รึ โคตรพ่อมันเถอะ นี่เป็นเรื่องตลกที่น่าขันที่สุดที่ข้าเคยได้ยินในชีวิต”นักพรตเต๋าผู้แข็งแกร่งถูกด่าสาดเสียเทเสีย“ไอ้เด็กเวร เจ้ากล้าทำร้ายพวกเรารึ”“แล้วไงล่ะ? พวกเจ้าก็มาหาข้าโดยไม่มีคำอธิบายเหมือนกันไม่ใช่รึ ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าครั้งสุดท้าย พวกเจ้ามาจากไหน ทำไมเจ้าถึงมาหาข้า”เมื่อมองดูสีหน้ากวนบาทาของเย่จิ่งหลาน นักพรตเต๋าทั้งสองก็กัดกรามกรอด“ข้าได้พูดชัดเจนมากแล้ว ศิลาตอบสวรรค์แสดงให้เห็น เราแค่ปฏิบัติตามบัญชาสวรรค์เท่านั้น”เย่จิ่งหลานพูดไม่ออก นักพรตเต๋าสองคนนี้โง่ไปแล้วหรือ ทำไมถึงฟังไม่เข้าใจ พูดไปพูดมาอยู่คำเดียว หรือว่าบำเพ็ญตบะนานเกินไป จนสมองมีปัญหา“ศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่ใด”นักพรตเต๋าอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ที่พักของเรา”เย่จิ่งหลานอยากจะกระอักเลือดออกมาจริงๆ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-10
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1096 ความคิดเปลี่ยนแปลง

    ฮั่วเทียนเฉิงตกตะลึงเล็กน้อย“ทำไมจู่ๆ คุณชายถึงรับปากล่ะ?”เมื่อเห็นว่าฮั่วเทียนเฉิงไม่ดีใจ เย่จิ่งหลานก็ถามด้วยความสับสน “สีหน้าของท่านฮั่วทำไมถึงเป็นเช่นนี้ หรือว่าท่านไม่ดีใจ?”ฮั่วเทียนเฉิงส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว“จะเป็นไปได้อย่างไร คุณชายน้อยเย่สามารถไปกับข้าได้ ข้ามีแต่จะยินดีด้วยซ้ำ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและถามว่า “เช่นนี้แล้ว ทำไมท่านฮั่วถึงดูกังวล หรือว่าที่ท่านพูดก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหกข้า?”ฮั่วเทียนเฉิงโบกมือโดยเร็ว“ตำหนักเทพให้เกียรติแก่นักปราชญ์ราชบัณฑิตมาแต่ไหนแต่ไร ทุกสิ่งที่พูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องจริง”“งั้นก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่หรือ ช่วงนี้จิตใจของข้าสับสนอยู่พอดี ที่ตำหนักเทพคงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการบำเพ็ญภาวนา”หลังจากได้ยินคำพูดของเย่จิ่งหลาน ฮั่วเทียนเฉิงก็ขมวดคิ้วอีกครั้งหลังจากคบค้าสมาคมกันนานกว่าหนึ่งเดือน เขาก็รู้สึกนิยมชมชอบและเคารพเลื่อมใสเด็กคนนี้มากแม้ว่าเย่จิ่งหลานจะเปลี่ยนใบหน้ามาหล่อเหลาราวกับหยก แต่ฮั่วเทียนเฉิงก็เห็นเป็นเหมือนเดิม ถือว่าเขาเป็นเด็กอายุเจ็ดแปดขวบมาโดยตลอดหลังจากรู้จักกันมานาน เขารู้สึกว่าความเฉลียวฉลาดของเย่จิ่งหลา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-11
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1097 เอ่ยถึงเรื่องเก่า

    ณ ตำหนักเทพหอทองคำวันรุ่งขึ้น ไพรเขียวฟ้าโปร่ง เป็นอีกวันที่อากาศดีมีดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าอินชิงเสวียนบิดเนื้อตัวอย่างเมื่อยขบ และเดินออกจากที่พักหินหลังจากสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดก็รู้สึกเบิกบาน สดชื่นโล่งใจยุคที่ปราศจากมลภาวะนั้นดีมากจริงๆ อินชิงเสวียนมองดูทิวเขาไกลๆ อย่างทอดถอนใจ ทันใดนั้นก็จำได้ว่าเย่จั้นยังคงรอนางอยู่ แต่น่าเสียดายที่นางยังไม่ได้เจออินหลีนางขยับข้อมือและเท้า ตัดสินใจนำข่าวนี้ไปบอกเย่จั้น เมื่อเดินลงมาจากเขาเพียงสองก้าว ก็เห็นผู้อาวุโสหันปีนขึ้นบันไดมา ตามมาด้วยฉางเฮิ่นเทียนที่ก้มหน้าก้มอยู่ ราวกับรู้ว่าอินชิงเสวียนกำลังมองมาที่ตัวเอง ฉางเฮิ่นเทียนเงยหน้าขึ้น ขยิบตากับอินชิงเสวียน อย่างรวดเร็ว และพยักพเยิดไปที่ผู้อาวุโสหัน อินชิงเสวียนเหลือบมอง นางก็เข้าใจอย่างคร่าวๆ ในใจว่าอาจเป็นผู้อาวุโสหันที่มีความคิดชั่วร้ายอย่างใดอย่างหนึ่งผู้อาวุโสหันหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้ามีบางอย่างที่ต้องทำ ทำให้การแจกจ่ายน้ำพุวิญญาณล่าช้า วันนี้ก็นั่งปรึกษาหารือกันอย่างรอบคอบได้”เหตุผลนี้นั่นเองอินชิงเสวียนเลิกคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “สิ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-11
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1098 แผนสกปรก

    ผู้อาวุโสหันลูบหนวดเคราสีเทาแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าพบ แต่เจ้าตำหนักเก็บตัวตัวบำเพ็ญเพียรไม่ได้ออกมาหลายปีแล้ว โชคดีที่การต่อสู้ระหว่างทั้งสองสำนักกำลังจะมาถึงในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้น ท่านเจ้าสำนักจะต้องปรากฏตัวอย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ เด็กพวกท่านก็ตามหาไม่พบ เจ้าตำหนักก็ไม่ให้เจอ ทุกการกระทำของผู้อาวุโสหันล้วนไม่น่าเชื่อ แล้วจะให้ข้าเชื่อได้อย่างไร”ผู้อาวุโสหันกล่าวว่า “เรื่องเด็ก ข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่า ข้ามีเป้าหมายอยู่แล้ว หากข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับอิ๋นเฉิง”“โอ้?”อินชิงเสวียนเลิกคิ้วขึ้นผู้อาวุโสหันเอามือไพล่หลังแล้วกล่าวว่า “ดังที่เราทุกคนทราบ เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงปิดประตูเมืองเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้จู่ๆ ก็เปิดออก เป็นที่น่าสงสัยจริงๆ และเด็กก็มาหายตัวไปในเวลานี้พอดีอีก ยังมีผู้ทรยศของตำหนักเทพ ยากที่คนจะไม่คิดมาก แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าได้ส่งคนไปแอบเข้าไปในอิ๋นเฉิงแล้ว หากมีข่าวใดๆ พวกเขาจะแจ้งข้าโดยเร็วที่สุด”“ในเมื่อผู้อาวุโสหันตั้งใจเพียงนี้ งั้นข้าจะรออีกสาม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-11
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1099 ตกใจ

    ฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงกำลังคุยกันอยู่ในห้องหิน เมื่อได้ยินเสียงประตู ทั้งคู่ก็หันศีรษะไปพร้อมกัน“ฉุยอวี้ ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าของฉุยอวี้ตึงเครียด “ท่านมาทำอะไรที่นี่”ผู้อาวุโสหันหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “นี่คือสำนักของข้า ข้าจะมาไม่ได้หรือ”ฉุยอวี้แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา “ตำหนักเทพกลายเป็นของคนแซ่หันตั้งแต่เมื่อใด”ผู้อาวุโสหันพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ตอนนี้ข้าดูแลตำหนักเทพหอทองคำอยู่ ข้าย่อมมีสิทธิ์ขาดอยู่แล้ว”ฉุยอวี้กล่าวอย่างเหน็บแนม “ดังคำกล่าวที่ว่า บนเขาไม่มีเจ้า ลิงตั้งตนเป็นราชาจริงๆ ตอนนี้เจ้าตำหนักไม่อยู่ที่นี่ ผู้อาวุโสก็ไม่ได้อยู่ในสำนัก ถึงอย่างไรท่านก็มีสิทธิ์ขาดอยู่แล้ว”ผู้อาวุโสหันยังคงมีสีหน้าไม่แยแส“เจ้าพูดเช่นนี้ก็ถูกแล้ว แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ”ฉุยอวี้พูดด้วยความโกรธ “เห็นได้ชัดว่าท่านลงมือทำร้ายคนในสำนักด้วยเหตุผลเห็นแก่ตัว ผู้อาวุโสหลายท่านมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อตำหนักเทพ พวกเขาจะจากไปเองได้อย่างไร ด้วยพลังของพวกเขายิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านวัฏจักรความเป็นความตายเร็วขนาดนี้ หากเจ้าตำหนักออกจากการบำเพ็ญเพียร จะไม่ปล่อยท่านไปอย่างแน่นอน”“งั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-11
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1100 แยกย้ายกันทำงาน

    “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปก่อน พวกเจ้าค่อยๆ คุยกันไป”หลังจากที่ผู้อาวุโสหันพูดจบ เขาก็เปิดประตูออกไป“ท่านเป็นอะไรหรือไม่”อินชิงเสวียนมองไปที่เฟิงเอ้อร์เหนียงอย่างเป็นห่วงเฟิงเอ้อร์เหนียงเช็ดเลือดจากมุมปาก“ข้าไม่เป็นไร ทำไมชิงเสวียนถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ข้าเดาว่าผู้อาวุโสหันอาจต้องการจัดการพวกท่าน จึงมาที่นี่”เมื่อประมาณสิบห้านาทีก่อน ฉางเฮิ่นเทียนบอกว่าเขาจะพานางไปที่หอตำราสะสม อินชิงเสวียนก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเหตุใดจู่ๆ ผู้อาวุโสหันจึงให้ฉางเฮิ่นเทียนพาตัวเองไปที่นั่น ทุกอย่างเกิดขึ้นย่อมมีเหตุผล ผู้อาวุโสหันยิ่งจะไม่แสดงความเมตตาต่อตัวเองโดยไม่มีเหตุผล ความเป็นไปได้เดียวคือ เขาต้องการจัดการกับฉุยเฟิงทั้งสองคนเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็ตรงไปที่พักของพวกนางทันที“โจรเฒ่าคนนี้ หากวันนี้เขาทำไม่สำเร็จ วันหน้าจะไม่ยอมเลิกราแน่ๆ ผู้อาวุโสทั้งสองโปรดไปพักอยู่กับข้าเถอะ”ฉุยอวี้พูดอย่างดื้อรั้น “ไม่ต้อง เราไม่เป็นไร”อินชิงเสวียนตบไหล่นางเบาๆ “เชื่อข้าเถอะ ตอนนี้พวกท่านไม่ใช่ศิษย์ของตำหนักเทพ หรืออาคันตุกะ หากโจรเฒ่าหันอยากมาหาเรื่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-12

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status