หนึ่งในนั้นพูดว่า “ขอสุขสถาพรสถิตชั่วนิรันดร์ ไม่ทราบว่าพี่ชายน้อยมีนามว่าอะไร”เย่จิ่งหลานเอามือไพล่หลังแล้วพูดว่า “พวกเจ้ามาหาข้าที่นี่ แต่กลับถามว่าข้าเป็นใคร ไม่จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังไปหน่อยหรือ”อีกคนมองพินิจไปที่เย่จิ่งหลาน รู้สึกค่อนข้างประหลาดใจคนผู้นี้หล่อเหลาชวนมอง อายุยังไม่มาก มองอย่างไรก็ไม่สามารถเชื่อมโยงเขากับคนบาปนั่นได้เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ขอสุขสถาพรสถิตชั่วนิรันดร์ ไม่ทราบว่าพี่ชายน้อยเคยไปเกาะตงหลิวหรือเปล่า”เย่จิ่งหลานเอามือไพล่หลังแล้วถามว่า “ทำไมถึงถามเช่นนี้ ไปที่นั่นไม่ได้งั้นหรือ”คนที่พูดก่อนหน้านี้กล่าวว่า “ในเมื่อพี่ชายน้อยพูดเช่นนี้ ก็ต้องไปมาแล้ว”เย่จิ่งหลานไม่ปฏิเสธหรือยอมรับ เพียงแค่มองทั้งสองอย่างเย็นชา“แล้วอย่างไร”นักพรตเต๋าร่างผอมกล่าวว่า “ขอสุขสถาพรสถิตชั่วนิรันดร์ พวกอาตมภาพได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้มาทำความดีลงโทษความชั่วร้าย ในเมื่อพี่ชายน้อยเป็นผู้กระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ เช่นนั้นก็จงรับการลงทัณฑ์ เนรเทศไปยังเกาะด้านนอก ไม่สามารถก้าวเข้าสู่จงหยวนได้ชั่วนิรันดร์”“ลงทัณฑ์ เนรเทศ?”เย่จิ่งหลานมองทั้งสองคนราวกับมองลิงก็ไม
ทั้งสองตั้งท่าป้องกันทันทีเย่จิ่งหลานยังคงมองดูนักพรตเต๋าสองคนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม รอยยิ้มเจือแววประชดประชันและไม่อินังขังขอบ เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเย่จิ่งหลานเช่นนี้ ทั้งสองก็ค่อนข้างตื่นตระหนกแม้ว่าพวกเขาจะเป็นลูกศิษย์รุ่นสามที่เป็นผู้ลงทัณฑ์ความชั่วร้าย แต่พวกเขาก็ฝึกฝนอย่างหนักมานานหลายทศวรรษ แต่ตอนนี้กลับประสบพบเจอเรื่องแปลกๆ จึงรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจนี่คือค่ายกลแบบไหนกันแน่ ทำไมมันถึงแปลกประหลาดขนาดนี้“ไม่ต้องพูดไร้สาระกับเขา ลงมือ”พวกเขาทั้งสองฝึกฝนร่วมกันมาเป็นเวลานาน จิตใจเชื่อมโยงถึงกัน ต่างโจมตีไหล่ทั้งสองข้างของเย่จิ่งหลานพร้อมกัน“กลับไป”เย่จิ่งหลานชี้เบาๆ ทั้งสองก็ลอยกลับไปยังที่เดิมทันที“เกิดอะไรขึ้น”นักพรตเต๋าทั้งสองมองหน้ากัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “เจ้าปีศาจ เจ้าใช้เวทมนตร์อะไรกันแน่”เย่จิ่งหลานแค่นเสียงหึเบาๆ “ข้ากลับอยากถามพวกเจ้าเสียอีก ว่าทำไมถึงลงความเห็นว่าข้าเป็นคนบาป”คนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “ศิลาตอบสวรรค์แสดงให้เห็น ภาพทำนายยืนยัน เกาะตงหลิวเป็นสถานที่ซึ่งผู้กระทำความผิดถูกเนรเทศ ในเมื่อเจ้าเคยไปที่เกาะตงหลิว เช่
นักพรตเต๋าร่างผอมกล่าวว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ถ้าฉลาดก็ยอมมอบตัว ไปสถานที่เนรเทศกับเราซะ”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และมาปรากฏตัวต่อหน้านักพรตเต๋าร่างผอม ยกมือขึ้นตบบ้องหูทั้งสองคนเสียงดังฟังชัดดังก้องไปทั่วมิติ ทั้งสองถูกตบหน้าเพียะอย่างแรง“ด้วยความสามารถของพวกเจ้าในตอนนี้ ยังคิดว่าจะพาข้าไปได้รึ โคตรพ่อมันเถอะ นี่เป็นเรื่องตลกที่น่าขันที่สุดที่ข้าเคยได้ยินในชีวิต”นักพรตเต๋าผู้แข็งแกร่งถูกด่าสาดเสียเทเสีย“ไอ้เด็กเวร เจ้ากล้าทำร้ายพวกเรารึ”“แล้วไงล่ะ? พวกเจ้าก็มาหาข้าโดยไม่มีคำอธิบายเหมือนกันไม่ใช่รึ ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าครั้งสุดท้าย พวกเจ้ามาจากไหน ทำไมเจ้าถึงมาหาข้า”เมื่อมองดูสีหน้ากวนบาทาของเย่จิ่งหลาน นักพรตเต๋าทั้งสองก็กัดกรามกรอด“ข้าได้พูดชัดเจนมากแล้ว ศิลาตอบสวรรค์แสดงให้เห็น เราแค่ปฏิบัติตามบัญชาสวรรค์เท่านั้น”เย่จิ่งหลานพูดไม่ออก นักพรตเต๋าสองคนนี้โง่ไปแล้วหรือ ทำไมถึงฟังไม่เข้าใจ พูดไปพูดมาอยู่คำเดียว หรือว่าบำเพ็ญตบะนานเกินไป จนสมองมีปัญหา“ศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่ใด”นักพรตเต๋าอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ที่พักของเรา”เย่จิ่งหลานอยากจะกระอักเลือดออกมาจริงๆ
ฮั่วเทียนเฉิงตกตะลึงเล็กน้อย“ทำไมจู่ๆ คุณชายถึงรับปากล่ะ?”เมื่อเห็นว่าฮั่วเทียนเฉิงไม่ดีใจ เย่จิ่งหลานก็ถามด้วยความสับสน “สีหน้าของท่านฮั่วทำไมถึงเป็นเช่นนี้ หรือว่าท่านไม่ดีใจ?”ฮั่วเทียนเฉิงส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว“จะเป็นไปได้อย่างไร คุณชายน้อยเย่สามารถไปกับข้าได้ ข้ามีแต่จะยินดีด้วยซ้ำ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและถามว่า “เช่นนี้แล้ว ทำไมท่านฮั่วถึงดูกังวล หรือว่าที่ท่านพูดก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหกข้า?”ฮั่วเทียนเฉิงโบกมือโดยเร็ว“ตำหนักเทพให้เกียรติแก่นักปราชญ์ราชบัณฑิตมาแต่ไหนแต่ไร ทุกสิ่งที่พูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องจริง”“งั้นก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่หรือ ช่วงนี้จิตใจของข้าสับสนอยู่พอดี ที่ตำหนักเทพคงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการบำเพ็ญภาวนา”หลังจากได้ยินคำพูดของเย่จิ่งหลาน ฮั่วเทียนเฉิงก็ขมวดคิ้วอีกครั้งหลังจากคบค้าสมาคมกันนานกว่าหนึ่งเดือน เขาก็รู้สึกนิยมชมชอบและเคารพเลื่อมใสเด็กคนนี้มากแม้ว่าเย่จิ่งหลานจะเปลี่ยนใบหน้ามาหล่อเหลาราวกับหยก แต่ฮั่วเทียนเฉิงก็เห็นเป็นเหมือนเดิม ถือว่าเขาเป็นเด็กอายุเจ็ดแปดขวบมาโดยตลอดหลังจากรู้จักกันมานาน เขารู้สึกว่าความเฉลียวฉลาดของเย่จิ่งหลา
ณ ตำหนักเทพหอทองคำวันรุ่งขึ้น ไพรเขียวฟ้าโปร่ง เป็นอีกวันที่อากาศดีมีดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าอินชิงเสวียนบิดเนื้อตัวอย่างเมื่อยขบ และเดินออกจากที่พักหินหลังจากสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดก็รู้สึกเบิกบาน สดชื่นโล่งใจยุคที่ปราศจากมลภาวะนั้นดีมากจริงๆ อินชิงเสวียนมองดูทิวเขาไกลๆ อย่างทอดถอนใจ ทันใดนั้นก็จำได้ว่าเย่จั้นยังคงรอนางอยู่ แต่น่าเสียดายที่นางยังไม่ได้เจออินหลีนางขยับข้อมือและเท้า ตัดสินใจนำข่าวนี้ไปบอกเย่จั้น เมื่อเดินลงมาจากเขาเพียงสองก้าว ก็เห็นผู้อาวุโสหันปีนขึ้นบันไดมา ตามมาด้วยฉางเฮิ่นเทียนที่ก้มหน้าก้มอยู่ ราวกับรู้ว่าอินชิงเสวียนกำลังมองมาที่ตัวเอง ฉางเฮิ่นเทียนเงยหน้าขึ้น ขยิบตากับอินชิงเสวียน อย่างรวดเร็ว และพยักพเยิดไปที่ผู้อาวุโสหัน อินชิงเสวียนเหลือบมอง นางก็เข้าใจอย่างคร่าวๆ ในใจว่าอาจเป็นผู้อาวุโสหันที่มีความคิดชั่วร้ายอย่างใดอย่างหนึ่งผู้อาวุโสหันหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้ามีบางอย่างที่ต้องทำ ทำให้การแจกจ่ายน้ำพุวิญญาณล่าช้า วันนี้ก็นั่งปรึกษาหารือกันอย่างรอบคอบได้”เหตุผลนี้นั่นเองอินชิงเสวียนเลิกคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “สิ่
ผู้อาวุโสหันลูบหนวดเคราสีเทาแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าพบ แต่เจ้าตำหนักเก็บตัวตัวบำเพ็ญเพียรไม่ได้ออกมาหลายปีแล้ว โชคดีที่การต่อสู้ระหว่างทั้งสองสำนักกำลังจะมาถึงในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้น ท่านเจ้าสำนักจะต้องปรากฏตัวอย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ เด็กพวกท่านก็ตามหาไม่พบ เจ้าตำหนักก็ไม่ให้เจอ ทุกการกระทำของผู้อาวุโสหันล้วนไม่น่าเชื่อ แล้วจะให้ข้าเชื่อได้อย่างไร”ผู้อาวุโสหันกล่าวว่า “เรื่องเด็ก ข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่า ข้ามีเป้าหมายอยู่แล้ว หากข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับอิ๋นเฉิง”“โอ้?”อินชิงเสวียนเลิกคิ้วขึ้นผู้อาวุโสหันเอามือไพล่หลังแล้วกล่าวว่า “ดังที่เราทุกคนทราบ เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงปิดประตูเมืองเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้จู่ๆ ก็เปิดออก เป็นที่น่าสงสัยจริงๆ และเด็กก็มาหายตัวไปในเวลานี้พอดีอีก ยังมีผู้ทรยศของตำหนักเทพ ยากที่คนจะไม่คิดมาก แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าได้ส่งคนไปแอบเข้าไปในอิ๋นเฉิงแล้ว หากมีข่าวใดๆ พวกเขาจะแจ้งข้าโดยเร็วที่สุด”“ในเมื่อผู้อาวุโสหันตั้งใจเพียงนี้ งั้นข้าจะรออีกสาม
ฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงกำลังคุยกันอยู่ในห้องหิน เมื่อได้ยินเสียงประตู ทั้งคู่ก็หันศีรษะไปพร้อมกัน“ฉุยอวี้ ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าของฉุยอวี้ตึงเครียด “ท่านมาทำอะไรที่นี่”ผู้อาวุโสหันหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “นี่คือสำนักของข้า ข้าจะมาไม่ได้หรือ”ฉุยอวี้แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา “ตำหนักเทพกลายเป็นของคนแซ่หันตั้งแต่เมื่อใด”ผู้อาวุโสหันพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ตอนนี้ข้าดูแลตำหนักเทพหอทองคำอยู่ ข้าย่อมมีสิทธิ์ขาดอยู่แล้ว”ฉุยอวี้กล่าวอย่างเหน็บแนม “ดังคำกล่าวที่ว่า บนเขาไม่มีเจ้า ลิงตั้งตนเป็นราชาจริงๆ ตอนนี้เจ้าตำหนักไม่อยู่ที่นี่ ผู้อาวุโสก็ไม่ได้อยู่ในสำนัก ถึงอย่างไรท่านก็มีสิทธิ์ขาดอยู่แล้ว”ผู้อาวุโสหันยังคงมีสีหน้าไม่แยแส“เจ้าพูดเช่นนี้ก็ถูกแล้ว แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ”ฉุยอวี้พูดด้วยความโกรธ “เห็นได้ชัดว่าท่านลงมือทำร้ายคนในสำนักด้วยเหตุผลเห็นแก่ตัว ผู้อาวุโสหลายท่านมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อตำหนักเทพ พวกเขาจะจากไปเองได้อย่างไร ด้วยพลังของพวกเขายิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านวัฏจักรความเป็นความตายเร็วขนาดนี้ หากเจ้าตำหนักออกจากการบำเพ็ญเพียร จะไม่ปล่อยท่านไปอย่างแน่นอน”“งั
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปก่อน พวกเจ้าค่อยๆ คุยกันไป”หลังจากที่ผู้อาวุโสหันพูดจบ เขาก็เปิดประตูออกไป“ท่านเป็นอะไรหรือไม่”อินชิงเสวียนมองไปที่เฟิงเอ้อร์เหนียงอย่างเป็นห่วงเฟิงเอ้อร์เหนียงเช็ดเลือดจากมุมปาก“ข้าไม่เป็นไร ทำไมชิงเสวียนถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ข้าเดาว่าผู้อาวุโสหันอาจต้องการจัดการพวกท่าน จึงมาที่นี่”เมื่อประมาณสิบห้านาทีก่อน ฉางเฮิ่นเทียนบอกว่าเขาจะพานางไปที่หอตำราสะสม อินชิงเสวียนก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเหตุใดจู่ๆ ผู้อาวุโสหันจึงให้ฉางเฮิ่นเทียนพาตัวเองไปที่นั่น ทุกอย่างเกิดขึ้นย่อมมีเหตุผล ผู้อาวุโสหันยิ่งจะไม่แสดงความเมตตาต่อตัวเองโดยไม่มีเหตุผล ความเป็นไปได้เดียวคือ เขาต้องการจัดการกับฉุยเฟิงทั้งสองคนเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็ตรงไปที่พักของพวกนางทันที“โจรเฒ่าคนนี้ หากวันนี้เขาทำไม่สำเร็จ วันหน้าจะไม่ยอมเลิกราแน่ๆ ผู้อาวุโสทั้งสองโปรดไปพักอยู่กับข้าเถอะ”ฉุยอวี้พูดอย่างดื้อรั้น “ไม่ต้อง เราไม่เป็นไร”อินชิงเสวียนตบไหล่นางเบาๆ “เชื่อข้าเถอะ ตอนนี้พวกท่านไม่ใช่ศิษย์ของตำหนักเทพ หรืออาคันตุกะ หากโจรเฒ่าหันอยากมาหาเรื่อ