ธิดาเทพแห่งตำหนักเทพ!นางสวมชุดสีขาวโพลนทั้งตัว ซึ่งเป็นที่จดจำได้ง่ายมากอินชิงเสวียนสนใจสตรีผู้นี้มาก ในบรรดาศิษย์ที่บ้าคลั่งเกือบทั้งหมดนี้ การดำรงอยู่ของนาง ทำให้คนรู้สึกสดชื่นไร้มลทิน “แม่นาง”อินชิงเสวียนลดเสียงลง เรียกนางเบาๆ สตรีในชุดขาวยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับไม่ได้ยินเสียงใดรองเท้าของนางเปียกจากธารน้ำ ชายเสื้อก็เปียกเช่นกัน แต่ดูเหมือนไม่รับรู้ เสมือนยืนอยู่ตรงนั้นชั่วนิจนิรันดร์ “แม่นาง?”อินชิงเสวียนเดินเข้าไปหานาง แพขนตายาวปรากฏสู่คลองจักษุทันทีธิดาเทพในชุดขาวผู้นี้ กลับทำเหมือนไม่ได้ยิน สายตามองตรงไปยังเขาสูงที่อยู่ไกลออกไป“ที่นั่นมีอะไรงั้นหรือ”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมองตาม ยอดเขาเขียวขจี หมอกหนาทึบ ทิวทัศน์ดูดีทีเดียว แต่ไม่มีอะไรพิเศษเมื่อเห็นว่าสตรีผู้นั้นยังคงไม่ปริปาก อินชิงเสวียนจึงเดินไปที่ฝั่งตรงข้ามของนางภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีขาว เผยให้เห็นลูกตาดำตัดกับตาขาวชัดเจนคู่หนึ่ง ดวงตานั้นสุกใสราวกับน้ำพุ ใสสะอาดยิ่งกว่าลำธารที่ไหลผ่านเท้าของนางแต่ดวงตาคู่นั้นกลับเหมือนมองไม่เห็นคน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะยืนอยู่เบื้องหน้าของนาง แต่นางก็ยังคงรักษ
สีหน้าของผู้อาวุโสหันเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงมืดมน “คนพวกนี้เคลื่อนไหวเร็วดีนี่ สั่งการลงไป ให้ทุกคนไปต้านรับศัตรูที่ประตูทางใต้โดยด่วน”ยังพูดไม่ทันขาดคำ เขาก็จากไปแล้วอินชิงเสวียนก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน ค่ายกลแนวป้องกันเขาเร้นลับเพียงนี้ ไม่นึกว่าจะถูกทำลายง่ายดายขนาดนี้ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเย่จั้นอาจอยู่ในหมู่พวกเขา จึงแลกความเร็วของมิติ และพุ่งทะยานไปทางทิศใต้...ส่วนสถานการณ์ในมิติ เหมยชิงเกอตื่นขึ้นมาแล้วพอลืมตาขึ้นมาก็รู้สึกว่าร่างกายฟื้นตัวขึ้นมาก“เหมยเหนียงเหนียง ท่านตื่นแล้วหรือ”มีเสียงเด็กดังมาจากข้างๆ พอเหมยชิงเกอหันกลับมา ทันใดนั้นก็เห็นเด็กชายผิวขาวจ้ำม่ำยืนอยู่ข้างอ่างอาบน้ำเขาวางเท้าเล็กๆ บนเบาะรอง มือน้อยทั้งสองข้างจับขอบอ่างไว้แน่น ดวงตากลมโตสีดำเบิกกว้าง กำลังมองมาที่นาง“อื้ม แล้วแม่เจ้าล่ะ?”เหมยชิงเกอยืนขึ้นจากอ่าง ร่างทั้งร่างดูอรชร เสี่ยวหนานเฟิงรักสะอาด เขากลัวว่าน้ำบนเสื้อผ้าของเหมยชิงเกอจะกระเด็นใส่ตัวเอง จึงรีบถอยหลังไปหลายก้าวทันที“เด็จแม่ไปแล้ว นี่คือเสื้อผ้าที่นางเตรียมไว้ให้เหมยเหนียงเหนียง”เหมยชิงเกอรับไว้ด้วยความซาบ
“เหมยเหนียงเหนียง ท่านร้องไห้ทำไม ข้าทำให้ท่านโกรธหรือเปล่า”เสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาคู่โตสีดำขลับ มองดูเหมยชิงเกอด้วยสีหน้างุนงงเหมยชิงเกอรีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา“จะเป็นไปได้อย่างไร จ้าวเอ๋อร์เป็นเด็กดีขนาดนี้ เหมยเหนียงเหนียงต้องชอบเจ้าอยู่แล้ว เป็นเพราะเหนียงเหนียงสุขภาพดีขึ้น ในใจมีความสุขมาก”จู่ๆ เสี่ยวหนานเฟิงก็แสดงท่าทีเข้าใจ ยกมือเล็กๆ ขึ้นแล้วพูดว่า “ข้ารู้แล้ว เหนียงเหนียงร้องไห้ด้วยความดีใจ!”เหมยชิงเกอมองไปที่เสี่ยวหนานเฟิงด้วยความประหลาดใจ“เรื่องนี้แม่ของเจ้าก็สอนเจ้าหรือ”เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้า พูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “เด็จแม่รู้เรื่องตั้งหลายอย่าง รอให้เด็จแม่ว่างก่อน ค่อยให้นางสอนเหมยเหนียงเหนียงนะ”เหมยชิงเกอสูดจมูกพูดว่า “ได้จ้ะ เหมยเหนียงเหนียงจะต้องตั้งใจเรียนอย่างแน่นอน”“อื้ม งั้นท่านก็กินสาลี่นี้ก่อน พวกเรายังมีผลไม้อร่อยๆ อีกเยอะเลย”เสี่ยวหนานเฟิงวาดมือเล็กๆ ออกมา ทำท่าทางจริงจังเหมยชิงเกอหยิบสาลี่ขึ้นมากัดอีกครั้ง มันหอมหวานมากจริงๆขณะที่ก้มศีรษะลง ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นหน้าจอขนาดใหญ่แสดงอยู่หน้าเตียง บนหน้าจอมีผู้หญิงคนหนึ่งสวมกระโปรงคาดอกสี
“ไป๋เสวี่ย เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”อินชิงเสวียนแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเองไป๋เสวี่ยยืนตัวตรง วางอุ้งเท้าปุกปุยทั้งสองข้างพาดบนไหล่ของอินชิงเสวียนความตื่นเต้นที่มากเกินไปทำให้เจ้าสุนัขเงยหน้าขึ้นฟ้า แล้วเห่าหอนเสียงดังลั่น“โฮ่ง!”อินชิงเสวียนก็ดีใจมากเช่นกัน นางกอดคอที่มีขนปุกปุยของไป๋เสวี่ย ออกแรงลูบหัวใหญ่ของมัน“เจ้ามาที่นี่ทำไม เจ้ามาเองตัวเดียวหรือ”อินชิงเสวียนมองไปที่ฝูงชน ค้นหาเงาร่างของคนที่นางไม่สามารถลืมอย่างรวดเร็วแต่มองจนปวดกระบอกตา ก็ยังไม่เห็นเย่จิ่งอวี้นางก้มหน้าลงอย่างรู้สึกอ้างว้าง จากนั้นก็ยิ้มเยาะตัวเองนี่คือสิ่งที่ตัวเองคาดหวังไม่ใช่หรือ ยังมาทำตัวไม่มีเหตุผลอะไรอีก?นางปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แล้วดึงไป๋เสวี่ยออกจากไหล่ของนางขนสีขาวของเจ้าสุนัขเริ่มขะมุกขะมอมไปบ้าง เหมือนจะผอมลงไปไม่น้อย หัวใหญ่โตท่าทางซื่อบื้อไร้เดียงสาเริ่มหดเล็กลง ระหว่างทางที่เดินทางมานี้มันคงลำบากมากเมื่อมองดูอุ้งเท้าที่ตกสะเก็ดของมัน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ รีบหยิบอ่างน้ำพุวิญญาณเล็กๆ ออกมาป้อนให้ไป๋เสวี่ย“เจ้าหมาโง่ ทำไมเจ้าถึงมาตามหาข้าไกลขนาดนี้ อยู่ในวังกับเจ้านายของเ
อินชิงเสวียนขมวดคิ้วหนังสือสวรรค์ไร้อักษรนี้จะมีจริงหรือไม่นั้น ก็ยังไม่แน่ใจหากถอยหมื่นก้าวมาใคร่ครวญดู แม้ว่าจะมี แต่ผู้อาวุโสหันจะมอบของมีค่าเช่นนี้ให้กับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงงั้นหรือ?มิตรภาพที่ดีระหว่างทั้งสองสำนัก ยิ่งเป็นเรื่องน่าขัน เกรงว่าโจรเฒ่าหันคนนี้คิดแต่จะสังหารเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงให้ราบคาบมากกว่าถึงอย่างไรขิงแก่ก็ยังเผ็ด กลยุทธ์ชักภัยสู่บูรพานี้ เป็นอุบายที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ชายชราคนที่พูดตอบอ๋อเบาๆ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมข้าถึงได้ยินมาว่าตำหนักเทพหอทองคำกับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเหมือนจะไม่ชอบหน้ากัน หรือว่าข่าวลือไม่เป็นความจริง?”ผู้อาวุโสหันพูดโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน “ข่าวลือมักยุติลงที่ผู้ฉลาดเท่านั้น พวกเราทั้งสองสำนักร่วมกันดูแลทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ จะมีความบาดหมางกันได้อย่างไร ตอนนี้การประลองยุทธ์เพื่อขึ้นสู่วิถีแห่งสวรรค์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น หากสำนักของเราชนะ ก็จะยินดีร่วมศึกษากับทุกคน”มีคนลุกขึ้นถามทันทีว่า “ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์คืออะไร”หลายคนเริ่มกระซิบกระซาบกัน คนเหล่านี้รู้แค่ว่าเสาหลักในยุทธจักรคือหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์และสำนักกระบี่สังหารเท่านั้นก่
ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ก็เกิดความโกลาหลยกใหญ่ขึ้นอีก“หอตำราสะสมของตำหนักเทพ ในนั้นคงจะมีของดีอยู่มากมายแน่ๆ”“ถูกต้อง หอตำราสะสมในสำนักใหญ่เช่นนี้ ไม่มีทางเก็บสะสมวิทยายุทธ์ที่ไม่เข้าขั้นไว้แน่นอน”จากนั้นมีคนถามว่า “เด็กมีลักษณะอย่างไร ผู้อาวุโสช่วยอธิบายให้เราฟังหน่อยได้หรือไม่”ผู้อาวุโสหันเหลือบมองไปทางอินชิงเสวียนอย่างรวดเร็ว “เด็กชื่อเย่จ้าวเอ๋อร์ ชื่อเล่นว่าหนานเฟิง ผิวขาวเกลี้ยงเกลา ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู ดวงตาดำขลับราวกับหยก พูดชัดถ้อยชัดคำ เฉลียวฉลาดมาก หากผู้ใดบอกเบาะแสได้ ข้าจะให้รางวัลตอบแทนมหาศาล”อินชิงเสวียนพยักหน้าให้ผู้อาวุโสหัน แต่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสบถ โจรเฒ่านี่รู้จักฉกฉวยใช้ประโยชน์จริงๆ เดี๋ยวคอยดูกันว่าหลังจากนี้สามวันเขาจะให้คำตอบกับตัวเองว่าอย่างไรเมื่อเห็นว่าเรื่องวุ่นวายจบลงแล้ว อินชิงเสวียนก็หมดความสนใจที่จะดูต่อ นางตบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย แล้วพูดว่า “กินเถอะ เราไปกินของอร่อยๆ กัน”ไป๋เสวี่ยเห่าอย่างดีใจ แล้วเดินตามอินชิงเสวียนไปเมื่อไปใกล้บ้านหิน บังเอิญเห็นฉางเฮิ่นเทียนพอดี จู่ๆ ไป่เสวี่ยก็หยุดเดิน ดวงตาสุนัขคู่นั้นมองเขาอย่างพิจารณาเ
ตามที่คาดไว้ ไม่มีคนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูบ้านหินจริงๆ สันนิษฐานว่าผู้อาวุโสหันคงรู้แล้วว่าคนเหล่านั้นไม่สามารถหยุดตัวเองได้ จึงให้พวกเขาเหล่านั้นแยกย้ายกันกลับเมื่อไม่มีสายตาชั่วร้ายที่คอยจับตาดูตัวเองอย่างใกล้ชิด อินชิงเสวียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นทันที นางโบกมือเรียกอาหารสุนัขและอาหารกระป๋อง ออกมาให้ไป๋เสวี่ยกิน จากนั้นหยิบน้ำพุวิญญาณออกมา และค่อยๆ ล้างทำความสะอาดขนของมันเดิมทีไป๋เสวี่ยก็ประพฤติตนดีอยู่แล้ว ตอนนี้ที่หิวมากกว่าเดิม มันกินเอากินเอา ไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกพอไป๋เสวี่ยกินอิ่มแล้ว อินชิงเสวียนก็ดูแลเส้นขนให้มัน ไป๋เสวี่ยเหมือนจะรู้ว่าอินชิงเสวียนกำลังช่วยทำความสะอาดให้ตัวเอง มันเห่าโฮ่งๆ สองครั้งเพื่อแสดงความขอบคุณอินชิงเสวียนยิ้มและลูบหัวของมันเบาๆ“ข้าต้องเข้าไปในมิติก่อน เจ้าดูต้นทางอยู่หน้าประตูให้ข้าด้วยนะ ถ้าเห็นใครเข้ามา ก็เห่าเลย”ไป๋เสวี่ยเห่าอีกครั้ง จากนั้นกระดิกหางอันใหญ่โตไปมามันสามารถเข้าใจได้จริงๆ อินชิงเสวียนรู้สึกชื่นใจมาก นางเอื้อมมือออกไปปิดประตูหิน จากนั้นก็เข้าไปในมิติเหมยชิงเกอกำลังอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงพร้อมทั้งเล่านิทานไปด้วย เสี่ยวหนานเฟิงฟังด้วยส
ในเวลานั้น เจ้าตำหนักเทพเพิ่งออกจากการบำเพ็ญเพียร เหมยชิงเกอก็ให้กำเนิดทารกธิดาเทพเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของตำหนักเทพ ชั่วชีวิตไม่สามารถแต่งงานมีความรักได้ เจ้าตำหนักไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของสำนักเสียหาย จึงพูดจาหว่านล้อมกึ่งขอร้องให้นางส่งเด็กไปที่อิ๋นเฉิงก่อนเมื่อเด็กอายุครบสี่ห้าขวบ ค่อยไปรับกลับมาในนามลูกศิษย์ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดใดๆ เจ้าตำหนักได้ทิ้งรอยตราของตำหนักเทพไว้บนไหล่ของเด็กโดยเฉพาะ และเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาในอนาคตด้วยเหมยชิงเกออยู่ในตำหนักเทพมาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ถึงความสำคัญของธิดาเทพในตำหนักเทพอยู่แล้ว และนางเป็นคนที่ฝ่าฝืนกฎของตำหนักก่อน แม้จะตัดใจไม่ลง ก็ต้องรับปากว่าจะส่งลูกไปที่อิ๋นเฉิงชั่วคราวโดยที่นึกไม่ถึงว่ายังไปไม่ถึงอิ๋นเฉิงด้วยซ้ำ นางก็ถูกคนของอิ๋นเฉิงไล่สังหาร เพื่อปกป้องลูกแล้ว นางต้องฝ่าอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ยอมใช้ศาสตร์ลับของตำหนักเทพเพื่อเพิ่มพลังของร่างกายให้สูงสุดโดยไม่ลังเล สู้สุดใจจนหลบหนีจากความตายมาได้ ในตอนนั้นทั้งตัวของนางเหลือพลังเพียงหนึ่งถึงสองขั้นเท่านั้น ร่างกายอ่อนแอยิ่งกว่าคนธรรมดานัก ในใจมีเพียงความตั้งใจเดียว น