“ไป๋เสวี่ย เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”อินชิงเสวียนแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเองไป๋เสวี่ยยืนตัวตรง วางอุ้งเท้าปุกปุยทั้งสองข้างพาดบนไหล่ของอินชิงเสวียนความตื่นเต้นที่มากเกินไปทำให้เจ้าสุนัขเงยหน้าขึ้นฟ้า แล้วเห่าหอนเสียงดังลั่น“โฮ่ง!”อินชิงเสวียนก็ดีใจมากเช่นกัน นางกอดคอที่มีขนปุกปุยของไป๋เสวี่ย ออกแรงลูบหัวใหญ่ของมัน“เจ้ามาที่นี่ทำไม เจ้ามาเองตัวเดียวหรือ”อินชิงเสวียนมองไปที่ฝูงชน ค้นหาเงาร่างของคนที่นางไม่สามารถลืมอย่างรวดเร็วแต่มองจนปวดกระบอกตา ก็ยังไม่เห็นเย่จิ่งอวี้นางก้มหน้าลงอย่างรู้สึกอ้างว้าง จากนั้นก็ยิ้มเยาะตัวเองนี่คือสิ่งที่ตัวเองคาดหวังไม่ใช่หรือ ยังมาทำตัวไม่มีเหตุผลอะไรอีก?นางปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แล้วดึงไป๋เสวี่ยออกจากไหล่ของนางขนสีขาวของเจ้าสุนัขเริ่มขะมุกขะมอมไปบ้าง เหมือนจะผอมลงไปไม่น้อย หัวใหญ่โตท่าทางซื่อบื้อไร้เดียงสาเริ่มหดเล็กลง ระหว่างทางที่เดินทางมานี้มันคงลำบากมากเมื่อมองดูอุ้งเท้าที่ตกสะเก็ดของมัน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ รีบหยิบอ่างน้ำพุวิญญาณเล็กๆ ออกมาป้อนให้ไป๋เสวี่ย“เจ้าหมาโง่ ทำไมเจ้าถึงมาตามหาข้าไกลขนาดนี้ อยู่ในวังกับเจ้านายของเ
อินชิงเสวียนขมวดคิ้วหนังสือสวรรค์ไร้อักษรนี้จะมีจริงหรือไม่นั้น ก็ยังไม่แน่ใจหากถอยหมื่นก้าวมาใคร่ครวญดู แม้ว่าจะมี แต่ผู้อาวุโสหันจะมอบของมีค่าเช่นนี้ให้กับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงงั้นหรือ?มิตรภาพที่ดีระหว่างทั้งสองสำนัก ยิ่งเป็นเรื่องน่าขัน เกรงว่าโจรเฒ่าหันคนนี้คิดแต่จะสังหารเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงให้ราบคาบมากกว่าถึงอย่างไรขิงแก่ก็ยังเผ็ด กลยุทธ์ชักภัยสู่บูรพานี้ เป็นอุบายที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ชายชราคนที่พูดตอบอ๋อเบาๆ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมข้าถึงได้ยินมาว่าตำหนักเทพหอทองคำกับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเหมือนจะไม่ชอบหน้ากัน หรือว่าข่าวลือไม่เป็นความจริง?”ผู้อาวุโสหันพูดโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน “ข่าวลือมักยุติลงที่ผู้ฉลาดเท่านั้น พวกเราทั้งสองสำนักร่วมกันดูแลทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ จะมีความบาดหมางกันได้อย่างไร ตอนนี้การประลองยุทธ์เพื่อขึ้นสู่วิถีแห่งสวรรค์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น หากสำนักของเราชนะ ก็จะยินดีร่วมศึกษากับทุกคน”มีคนลุกขึ้นถามทันทีว่า “ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์คืออะไร”หลายคนเริ่มกระซิบกระซาบกัน คนเหล่านี้รู้แค่ว่าเสาหลักในยุทธจักรคือหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์และสำนักกระบี่สังหารเท่านั้นก่
ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ก็เกิดความโกลาหลยกใหญ่ขึ้นอีก“หอตำราสะสมของตำหนักเทพ ในนั้นคงจะมีของดีอยู่มากมายแน่ๆ”“ถูกต้อง หอตำราสะสมในสำนักใหญ่เช่นนี้ ไม่มีทางเก็บสะสมวิทยายุทธ์ที่ไม่เข้าขั้นไว้แน่นอน”จากนั้นมีคนถามว่า “เด็กมีลักษณะอย่างไร ผู้อาวุโสช่วยอธิบายให้เราฟังหน่อยได้หรือไม่”ผู้อาวุโสหันเหลือบมองไปทางอินชิงเสวียนอย่างรวดเร็ว “เด็กชื่อเย่จ้าวเอ๋อร์ ชื่อเล่นว่าหนานเฟิง ผิวขาวเกลี้ยงเกลา ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู ดวงตาดำขลับราวกับหยก พูดชัดถ้อยชัดคำ เฉลียวฉลาดมาก หากผู้ใดบอกเบาะแสได้ ข้าจะให้รางวัลตอบแทนมหาศาล”อินชิงเสวียนพยักหน้าให้ผู้อาวุโสหัน แต่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสบถ โจรเฒ่านี่รู้จักฉกฉวยใช้ประโยชน์จริงๆ เดี๋ยวคอยดูกันว่าหลังจากนี้สามวันเขาจะให้คำตอบกับตัวเองว่าอย่างไรเมื่อเห็นว่าเรื่องวุ่นวายจบลงแล้ว อินชิงเสวียนก็หมดความสนใจที่จะดูต่อ นางตบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย แล้วพูดว่า “กินเถอะ เราไปกินของอร่อยๆ กัน”ไป๋เสวี่ยเห่าอย่างดีใจ แล้วเดินตามอินชิงเสวียนไปเมื่อไปใกล้บ้านหิน บังเอิญเห็นฉางเฮิ่นเทียนพอดี จู่ๆ ไป่เสวี่ยก็หยุดเดิน ดวงตาสุนัขคู่นั้นมองเขาอย่างพิจารณาเ
ตามที่คาดไว้ ไม่มีคนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูบ้านหินจริงๆ สันนิษฐานว่าผู้อาวุโสหันคงรู้แล้วว่าคนเหล่านั้นไม่สามารถหยุดตัวเองได้ จึงให้พวกเขาเหล่านั้นแยกย้ายกันกลับเมื่อไม่มีสายตาชั่วร้ายที่คอยจับตาดูตัวเองอย่างใกล้ชิด อินชิงเสวียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นทันที นางโบกมือเรียกอาหารสุนัขและอาหารกระป๋อง ออกมาให้ไป๋เสวี่ยกิน จากนั้นหยิบน้ำพุวิญญาณออกมา และค่อยๆ ล้างทำความสะอาดขนของมันเดิมทีไป๋เสวี่ยก็ประพฤติตนดีอยู่แล้ว ตอนนี้ที่หิวมากกว่าเดิม มันกินเอากินเอา ไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกพอไป๋เสวี่ยกินอิ่มแล้ว อินชิงเสวียนก็ดูแลเส้นขนให้มัน ไป๋เสวี่ยเหมือนจะรู้ว่าอินชิงเสวียนกำลังช่วยทำความสะอาดให้ตัวเอง มันเห่าโฮ่งๆ สองครั้งเพื่อแสดงความขอบคุณอินชิงเสวียนยิ้มและลูบหัวของมันเบาๆ“ข้าต้องเข้าไปในมิติก่อน เจ้าดูต้นทางอยู่หน้าประตูให้ข้าด้วยนะ ถ้าเห็นใครเข้ามา ก็เห่าเลย”ไป๋เสวี่ยเห่าอีกครั้ง จากนั้นกระดิกหางอันใหญ่โตไปมามันสามารถเข้าใจได้จริงๆ อินชิงเสวียนรู้สึกชื่นใจมาก นางเอื้อมมือออกไปปิดประตูหิน จากนั้นก็เข้าไปในมิติเหมยชิงเกอกำลังอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงพร้อมทั้งเล่านิทานไปด้วย เสี่ยวหนานเฟิงฟังด้วยส
ในเวลานั้น เจ้าตำหนักเทพเพิ่งออกจากการบำเพ็ญเพียร เหมยชิงเกอก็ให้กำเนิดทารกธิดาเทพเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของตำหนักเทพ ชั่วชีวิตไม่สามารถแต่งงานมีความรักได้ เจ้าตำหนักไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของสำนักเสียหาย จึงพูดจาหว่านล้อมกึ่งขอร้องให้นางส่งเด็กไปที่อิ๋นเฉิงก่อนเมื่อเด็กอายุครบสี่ห้าขวบ ค่อยไปรับกลับมาในนามลูกศิษย์ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดใดๆ เจ้าตำหนักได้ทิ้งรอยตราของตำหนักเทพไว้บนไหล่ของเด็กโดยเฉพาะ และเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาในอนาคตด้วยเหมยชิงเกออยู่ในตำหนักเทพมาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ถึงความสำคัญของธิดาเทพในตำหนักเทพอยู่แล้ว และนางเป็นคนที่ฝ่าฝืนกฎของตำหนักก่อน แม้จะตัดใจไม่ลง ก็ต้องรับปากว่าจะส่งลูกไปที่อิ๋นเฉิงชั่วคราวโดยที่นึกไม่ถึงว่ายังไปไม่ถึงอิ๋นเฉิงด้วยซ้ำ นางก็ถูกคนของอิ๋นเฉิงไล่สังหาร เพื่อปกป้องลูกแล้ว นางต้องฝ่าอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ยอมใช้ศาสตร์ลับของตำหนักเทพเพื่อเพิ่มพลังของร่างกายให้สูงสุดโดยไม่ลังเล สู้สุดใจจนหลบหนีจากความตายมาได้ ในตอนนั้นทั้งตัวของนางเหลือพลังเพียงหนึ่งถึงสองขั้นเท่านั้น ร่างกายอ่อนแอยิ่งกว่าคนธรรมดานัก ในใจมีเพียงความตั้งใจเดียว น
“ผู้อาวุโส?”เมื่อเห็นเหมยชิงเกอยืนเงียบ อินชิงเสวียนก็เรียกขึ้นเบาๆ เหมยชิงเกอรู้สึกตัวทันที มองไปที่อินชิงเสวียนด้วยสายตาอ่อนโยน“ข้าไม่เป็นไร”แต่สีแดงก่ำในดวงตาคู่นั้น กลับไม่สามารถหลอกใครได้อินชิงเสวียนถอนหายใจเบาๆ “ข้าจะไปหั่นแตงโมให้ผู้อาวุโส พวกเราจะได้กินไปคุยไป”ขณะมองตามแผ่นหลังของอินชิงเสวียน หางตาของเหมยชิงเกอก็มีน้ำตารื้นขึ้นไม่เคยคิดเลยว่าชั่วชีวิตนี้ของนาง จะได้เห็นลูกสาวและหลานชายของตัวเอง สวรรค์เมตตานางมากจริงๆในเมื่อน้ำพุวิญญาณมีพลังในการฟื้นฟู นางก็ต้องรีบฟื้นฟูวรยุทธ์โดยเร็วที่สุด เพื่อหาทางแก้แค้นเฮ่อยวนนางอยากถามเขาต่อหน้าว่า ทำไมเขาถึงใจร้ายขนาดนี้ เหตุใดแม้แต่ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองยังไม่ยอมปล่อยยิ่งกว่านั้งยังฆ่าฉีอวิ๋นจื่อศิษย์น้องรองของนางด้วย ช่างใจดำอำมหิตจริงๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต เหมยชิงเกอก็กำนิ้วแน่น ความเจ็บปวดที่ถูกเล็บจิกเข้าเนื้อ เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดใจของนางด้วยซ้ำ นับตั้งแต่ถูกนำตัวกลับมาที่ตำหนักเทพ หัวใจของนางก็ร่ำร้องหาแต่การแก้แค้นหากชาวยุทธ์เหล่านี้ไปที่อิ๋นเฉิงจริงๆ ก็นับเป็นข่าวดีสำหรับนาง นางอยากเห็นว่าเฮ่อยวน
“ผู้เยาว์ไม่เคยพบกับเจ้าตำหนักเลย ได้ยินจากผู้อาวุโสหันว่า เจ้าตำหนักเก็บตัวบำเพ็ญเพียรมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องน้อยใหญ่ในตำหนัก คือเขาแต่เพียงผู้เดียว”“หลายปีมานี้ เขาไม่เคยออกมาเลยหรือ”เหมยชิงเกอค่อนข้างประหลาดใจอินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “คงเป็นเช่นนั้น”ว่ากันว่าการประลองยุทธ์ครั้งล่าสุดกับอิ๋นเฉิง เจ้าตำหนักได้รับบาดเจ็บ เมื่อก่อนก็เคยเก็บตัวบำเพ็ญเพียรเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยกินเวลานานกว่าสามเดือน หรือว่า...“ผู้อาวุโสเหมยคิดอะไรอยู่หรือเปล่า”อินชิงเสวียนทิ้งเปลือกแตงโม แล้วหยิบชิ้นใหม่ขึ้นมาการได้ทำความรู้จักกับเหมยชิงเกอด้วยวิธีนี้เป็นเรื่องดีทีเดียวแม้ว่านางจะไม่ใช่เหมยชิงเกอ แต่ก็เห็นใจที่นางต้องทนทรมานนานนับสิบปี แค่อยู่ที่ผาเฟิงเริ่นเพียงครู่เดียว ก็หนาวจนแทบทนไม่ได้แล้ว ยิ่งเป็นเหมยชิงเกอที่ถูกขังมานานขนาดนั้น การที่นางพูดคุยกับตัวเองอย่างเป็นปกติได้ขนาดนี้ ไม่เกรี้ยวกราดจนสุดโต่ง ก็ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกขอบคุณฟ้าดินมากแล้วระหว่างตำหนักเทพกับอิ๋นเฉิงก็ซับซ้อนพอแล้ว ถ้าเพิ่มแม่ที่บ้าคลั่งไปอีกคน นางคงจะปวดหัวจนหัวโตยิ่งกว
“แม่นางอิน! แม่นางอิน?”เฟิงเอ้อร์เหนียงก้าวไปข้างหน้า และมีร่างหนึ่งเหาะลงมาจากข้างบนพูดเสียงเรียบ “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ให้นางตายหรอก”เฟิงเอ้อร์เหนียงคุกเข่าลงกับพื้นทันที“ผู้อาวุโสหันได้โปรดรักษาสัญญาด้วย ขอเพียงแม่นางอินส่งมอบน้ำพุวิญญาณ ก็ปล่อยนางกลับไปยังเมืองหลวง นางเป็นเพียงเด็กรุ่นหลัง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่ควรให้นางเข้ามาพัวพันกับความแค้นของคนรุ่นก่อน”ผู้อาวุโสหันแค่นเสียงกล่าวว่า “เรื่องพวกนี้ต้องให้เจ้าสอนด้วยรึ”เฟิงเอ้อร์เหนียงโขกศีรษะคำนับทันที“เฟิงอวิ๋นลี่ไม่กล้า ผู้อาวุโสหันได้โปรดปลดการควบคุมฉุยอวี้ด้วย พวกเราพี่น้องสัญญาว่าจะอยู่ในตำหนักเทพแต่โดยดี จะอุทิศตนเพื่อศึกการแย่งชิงทางสู่วิถีแห่งสวรรค์”ผู้อาวุโสหันไม่ตอบ เพียงโบกมือสั่งการคนที่อยู่ข้างหลัง“พาตัวอินชิงเสวียนไป!”ทันใดนั้นเฟิงเอ้อร์เหนียงก็เริ่มวิตกกังวล นางเอื้อมมือออกไปคว้ากางเกงของผู้อาวุโสหัน แต่ถูกผู้อาวุโสหันเตะออกไป“เฝ้าดูฉุยอวี้ไว้ให้ดี เมื่อเสร็จงานแล้ว จะไปหานางเอง”ยังพูดไม่ทันขาดคำ ตัวเขาก็เหาะออกไปแล้ว“ผู้อาวุโสหัน ผู้อาวุโสหัน!”เฟิงเอ้อร์เหนียงไล่ตามไปหลายก้าว และทันใดนั้