ในเวลานั้น เจ้าตำหนักเทพเพิ่งออกจากการบำเพ็ญเพียร เหมยชิงเกอก็ให้กำเนิดทารกธิดาเทพเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของตำหนักเทพ ชั่วชีวิตไม่สามารถแต่งงานมีความรักได้ เจ้าตำหนักไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของสำนักเสียหาย จึงพูดจาหว่านล้อมกึ่งขอร้องให้นางส่งเด็กไปที่อิ๋นเฉิงก่อนเมื่อเด็กอายุครบสี่ห้าขวบ ค่อยไปรับกลับมาในนามลูกศิษย์ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดใดๆ เจ้าตำหนักได้ทิ้งรอยตราของตำหนักเทพไว้บนไหล่ของเด็กโดยเฉพาะ และเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาในอนาคตด้วยเหมยชิงเกออยู่ในตำหนักเทพมาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ถึงความสำคัญของธิดาเทพในตำหนักเทพอยู่แล้ว และนางเป็นคนที่ฝ่าฝืนกฎของตำหนักก่อน แม้จะตัดใจไม่ลง ก็ต้องรับปากว่าจะส่งลูกไปที่อิ๋นเฉิงชั่วคราวโดยที่นึกไม่ถึงว่ายังไปไม่ถึงอิ๋นเฉิงด้วยซ้ำ นางก็ถูกคนของอิ๋นเฉิงไล่สังหาร เพื่อปกป้องลูกแล้ว นางต้องฝ่าอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ยอมใช้ศาสตร์ลับของตำหนักเทพเพื่อเพิ่มพลังของร่างกายให้สูงสุดโดยไม่ลังเล สู้สุดใจจนหลบหนีจากความตายมาได้ ในตอนนั้นทั้งตัวของนางเหลือพลังเพียงหนึ่งถึงสองขั้นเท่านั้น ร่างกายอ่อนแอยิ่งกว่าคนธรรมดานัก ในใจมีเพียงความตั้งใจเดียว น
“ผู้อาวุโส?”เมื่อเห็นเหมยชิงเกอยืนเงียบ อินชิงเสวียนก็เรียกขึ้นเบาๆ เหมยชิงเกอรู้สึกตัวทันที มองไปที่อินชิงเสวียนด้วยสายตาอ่อนโยน“ข้าไม่เป็นไร”แต่สีแดงก่ำในดวงตาคู่นั้น กลับไม่สามารถหลอกใครได้อินชิงเสวียนถอนหายใจเบาๆ “ข้าจะไปหั่นแตงโมให้ผู้อาวุโส พวกเราจะได้กินไปคุยไป”ขณะมองตามแผ่นหลังของอินชิงเสวียน หางตาของเหมยชิงเกอก็มีน้ำตารื้นขึ้นไม่เคยคิดเลยว่าชั่วชีวิตนี้ของนาง จะได้เห็นลูกสาวและหลานชายของตัวเอง สวรรค์เมตตานางมากจริงๆในเมื่อน้ำพุวิญญาณมีพลังในการฟื้นฟู นางก็ต้องรีบฟื้นฟูวรยุทธ์โดยเร็วที่สุด เพื่อหาทางแก้แค้นเฮ่อยวนนางอยากถามเขาต่อหน้าว่า ทำไมเขาถึงใจร้ายขนาดนี้ เหตุใดแม้แต่ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองยังไม่ยอมปล่อยยิ่งกว่านั้งยังฆ่าฉีอวิ๋นจื่อศิษย์น้องรองของนางด้วย ช่างใจดำอำมหิตจริงๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต เหมยชิงเกอก็กำนิ้วแน่น ความเจ็บปวดที่ถูกเล็บจิกเข้าเนื้อ เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดใจของนางด้วยซ้ำ นับตั้งแต่ถูกนำตัวกลับมาที่ตำหนักเทพ หัวใจของนางก็ร่ำร้องหาแต่การแก้แค้นหากชาวยุทธ์เหล่านี้ไปที่อิ๋นเฉิงจริงๆ ก็นับเป็นข่าวดีสำหรับนาง นางอยากเห็นว่าเฮ่อยวน
“ผู้เยาว์ไม่เคยพบกับเจ้าตำหนักเลย ได้ยินจากผู้อาวุโสหันว่า เจ้าตำหนักเก็บตัวบำเพ็ญเพียรมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องน้อยใหญ่ในตำหนัก คือเขาแต่เพียงผู้เดียว”“หลายปีมานี้ เขาไม่เคยออกมาเลยหรือ”เหมยชิงเกอค่อนข้างประหลาดใจอินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “คงเป็นเช่นนั้น”ว่ากันว่าการประลองยุทธ์ครั้งล่าสุดกับอิ๋นเฉิง เจ้าตำหนักได้รับบาดเจ็บ เมื่อก่อนก็เคยเก็บตัวบำเพ็ญเพียรเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยกินเวลานานกว่าสามเดือน หรือว่า...“ผู้อาวุโสเหมยคิดอะไรอยู่หรือเปล่า”อินชิงเสวียนทิ้งเปลือกแตงโม แล้วหยิบชิ้นใหม่ขึ้นมาการได้ทำความรู้จักกับเหมยชิงเกอด้วยวิธีนี้เป็นเรื่องดีทีเดียวแม้ว่านางจะไม่ใช่เหมยชิงเกอ แต่ก็เห็นใจที่นางต้องทนทรมานนานนับสิบปี แค่อยู่ที่ผาเฟิงเริ่นเพียงครู่เดียว ก็หนาวจนแทบทนไม่ได้แล้ว ยิ่งเป็นเหมยชิงเกอที่ถูกขังมานานขนาดนั้น การที่นางพูดคุยกับตัวเองอย่างเป็นปกติได้ขนาดนี้ ไม่เกรี้ยวกราดจนสุดโต่ง ก็ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกขอบคุณฟ้าดินมากแล้วระหว่างตำหนักเทพกับอิ๋นเฉิงก็ซับซ้อนพอแล้ว ถ้าเพิ่มแม่ที่บ้าคลั่งไปอีกคน นางคงจะปวดหัวจนหัวโตยิ่งกว
“แม่นางอิน! แม่นางอิน?”เฟิงเอ้อร์เหนียงก้าวไปข้างหน้า และมีร่างหนึ่งเหาะลงมาจากข้างบนพูดเสียงเรียบ “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ให้นางตายหรอก”เฟิงเอ้อร์เหนียงคุกเข่าลงกับพื้นทันที“ผู้อาวุโสหันได้โปรดรักษาสัญญาด้วย ขอเพียงแม่นางอินส่งมอบน้ำพุวิญญาณ ก็ปล่อยนางกลับไปยังเมืองหลวง นางเป็นเพียงเด็กรุ่นหลัง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่ควรให้นางเข้ามาพัวพันกับความแค้นของคนรุ่นก่อน”ผู้อาวุโสหันแค่นเสียงกล่าวว่า “เรื่องพวกนี้ต้องให้เจ้าสอนด้วยรึ”เฟิงเอ้อร์เหนียงโขกศีรษะคำนับทันที“เฟิงอวิ๋นลี่ไม่กล้า ผู้อาวุโสหันได้โปรดปลดการควบคุมฉุยอวี้ด้วย พวกเราพี่น้องสัญญาว่าจะอยู่ในตำหนักเทพแต่โดยดี จะอุทิศตนเพื่อศึกการแย่งชิงทางสู่วิถีแห่งสวรรค์”ผู้อาวุโสหันไม่ตอบ เพียงโบกมือสั่งการคนที่อยู่ข้างหลัง“พาตัวอินชิงเสวียนไป!”ทันใดนั้นเฟิงเอ้อร์เหนียงก็เริ่มวิตกกังวล นางเอื้อมมือออกไปคว้ากางเกงของผู้อาวุโสหัน แต่ถูกผู้อาวุโสหันเตะออกไป“เฝ้าดูฉุยอวี้ไว้ให้ดี เมื่อเสร็จงานแล้ว จะไปหานางเอง”ยังพูดไม่ทันขาดคำ ตัวเขาก็เหาะออกไปแล้ว“ผู้อาวุโสหัน ผู้อาวุโสหัน!”เฟิงเอ้อร์เหนียงไล่ตามไปหลายก้าว และทันใดนั้
อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ย่อมต่างอยู่แล้ว อย่างไรข้าก็ต้องรู้จำนวนคนก่อน จึงจะสามารถเอาน้ำออกมาได้ ถึงอย่างไรน้ำก็มีจำกัด ใช่ว่าจะไม่มีวันหมด”ผู้อาวุโสหันขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอย่างรอบคอบ คงจะขัดกฎสวรรค์เกินไป หากสามารถนำสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ได้ออกมาได้อย่างไม่จำกัดเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เจ้าเอาออกมาได้เท่าไหร่”อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ห้าสิบถัง”ทันใดนั้นดวงตาของผู้อาวุโสหันก็สว่างขึ้นด้วยความดีใจ นี่ค่อนข้างมากแล้ว“งั้นข้าจะไปเตรียมถังไม้เดี๋ยวนี้”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“ตอนนี้ยังไม่ได้ ถ้าผู้อาวุโสหันต้องการน้ำพุวิญญาณ ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”ผู้อาวุโสหันกล่าวทันที “เรื่องเย่หนานเฟิง ข้าได้แจ้งให้เหล่าชาวยุทธ์ทราบแล้ว ขอเพียงได้รับข่าว พวกเขาจะมาขอรับผลตอบแทนแน่นอน”อินชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว ข้ากำลังพูดถึงอีกเรื่องหนึ่ง สิ่งนี้ล้ำค่ามาก ข้าต้องการรู้ว่าใครจะเป็นคนดื่ม”“นอกจากศิษย์ไม่กี่คนแล้ว ส่วนที่เหลือจะเป็นของอาคันตุกะของตำหนักเทพ”แม้ว่าผู้อาวุโสหันไม่เต็มใจที่จะมอบน้ำพุวิญญาณเหล่านี้ให้กับบุคคลภายนอก แต่ความสามารถของพวกเขานั้
ศิษย์เดินออกมาปลดโซ่ทันที แล้วอินชิงเสวียนก็ขยับข้อมือเล็กน้อย“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสหันตั้งใจจะเรียกรวมพลอาคันตุกะเหล่านี้เมื่อใด”ผู้อาวุโสหันหรี่ตา รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง“แม่นางอินดูเหมือนจะกระตือรือร้นกับข้ามาก?”อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เฟิงเอ้อร์เหนียงบอกว่าเฮ่อยวนฆ่าแม่ของข้า ในฐานะลูกสาวการจะแก้แค้นแทนแม่ย่อมเป็นเรื่องปกติ ข้ารู้ว่าด้วยความสามารถของข้านั้นไม่สามารถเอาชนะเฮ่อยวนได้ จำต้องรับความช่วยเหลือจากตำหนักเทพ หากผู้อาวุโสหันเต็มใจที่จะช่วยข้า บุญคุณความแค้นระหว่างท่านกับข้าก็สามารถถูกลบล้างได้เช่นกัน”ผู้อาวุโสหันหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น เดิมทีแม่ของเจ้าก็เป็นคนของตำหนักเทพ ที่ข้าเร่งร้อนจะเลื่อนขั้นกำลังภายในของทุกคน ก็เพื่อต้องการทวงความยุติธรรมให้กับแม่ของเจ้า”“งั้นก็ต้องขอบคุณมาก”อินชิงเสวียนโบกมือ บนพื้นก็ปรากฏถังพลาสติกที่บรรจุน้ำพุวิญญาณสองถัง ซึ่งในนั้นนางเพิ่มส่วนผสมพิเศษลงไป“ส่วนของผู้อาวุโสหันข้าจะเอาให้ท่านก่อน หวังว่าผู้อาวุโสหันจะระดมพลได้โดยเร็ว อย่าปล่อยให้เสียเวลา”ผู้อาวุโสหันไม่เคยเห็นพลาสติกมาก่อน เมื่อเห็นวัต
หลังจากได้ยินสิ่งที่อินชิงเสวียนพูด ลิ่นเซียวก็ค่อนข้างประหลาดใจ เขาไม่ได้ถามอินชิงเสวียน แต่สายตากลับเคลือบแคลงสงสัยอย่างมาก“ชิงเสวียนไม่กล้าโกหกอาจารย์ อาจารย์เป็นถึงปรมาจารย์กระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ระดับความรู้ลึกซึ้งในด้านกำลังภายในใช่ว่าคนรุ่นหลังจะเทียบเคียงได้ ชิงเสวียนโกหกหรือไม่ อาจารย์ลองดูก็ย่อมรู้เอง”อินชิงเสวียนยื่นมือออกมา ทันใดนั้นแจกันลายครามอันงดงามก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนางลิ่นเซียวรับไว้อย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เปิดจุกขวด และแน่นอนว่าได้กลิ่นพลังวิญญาณจริงๆเขากระดกขวบขึ้นจิบ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงกระแสน้ำใสไหลลงคอของเขา ทันใดนั้นก็ระดมกำลังภายในไปที่จุดตันเถียน และหลอมรวมเข้าด้วยกันนความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลิ่นเซียวอีกครั้ง เขาดื่มน้ำพุวิญญาณทั้งหมดในอึกเดียว จากนั้นนั่งขัดสมาธิ และทำการโคจรพลังลมปราณอินชิงเสวียนไม่รีบร้อน นางยืนรออยู่ข้างๆ อย่างอดทน จนกระทั่งลิ่นเซียวลุกขึ้นยืนด้วยจิตวิญญาณอันสูงส่ง“คิดไม่ถึงว่าในโลกจะมีของวิเศษเช่นนี้!”ลิ่นเซียวมีสีหน้าปลงอนิจจัง“โลกใหญ่ไพศาล ครอบคลุมสรรพสิ่ง ทุกสิ่งไม่เป็นที่รู้จัก ผู้เยาว์ก็มีโอกาสโ
อินชิงเสวียนเพ่งมองอยู่นาน แต่แล้วก็พบว่ามันเป็นผ้าไหมธรรมดาจริงๆ “ดูท่าทาง ตำหนักเทพต้องการชักภัยไปสู่ไปเมืองเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงจริงๆ ต่ำช้ามาก”เย่จั้นพยักหน้าและกล่าวว่า “เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเปิดเมืองแล้ว ข้าเคยไปที่นั่นเมื่อไม่กี่วันก่อน ค่อนข้างแตกต่างจากการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดของตำหนักเทพมาก”“เสด็จอาคิดว่าที่ไหนดีกว่ากัน”อินชิงเสวียนถามเย่จั้นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “อิ๋นเฉิงมีความเป็นเมืองมนุษย์มากกว่า ทั้งยังมีมนุษยธรรมมากกว่า พวกเขาสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของชาวบ้านโดยไม่คิดเงิน ซึ่งทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ”จากนั้นเขาก็ถามอีกครั้ง “จ้าวเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ทำไมถึงไม่เห็นอยู่กับฮองเฮา”อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “จ้าวเอ๋อร์อยู่ในมิติของข้าแล้ว เสด็จอาไม่ต้องกังวล”เย่จั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ดีแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฮองเฮาก็รีบลงเขาเถิด ไม่เห็นหน้ากันนาน ฝ่าบาทจะต้องคิดถึงมากแน่นอน”อินชิงเสวียนยิ้มอย่างขมขื่น“ข้าไม่รู้วิธีแก้เพลงลืมกลุ้ม ที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีการบันทึกวิธีแก้ไขเพลงนี้ เกรงว่าชั่วชีวิตนี้ของเขาคงจะไม่มีวันจำข้ากับเสี่ยว