แชร์

บทที่ 927

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-08-26 18:00:01
หลังจากอาบน้ำแล้ว ซ่งซีซีก็สั่งให้ทุกคนออกไปแล้วนอนซบบนไหล่ของเซี่ยหลูโม่ราวกับแมวขี้เซาแมว "ข้าได้ยินมาว่าวันนี้ว่าท่านได้ไปที่กรมราชทัณฑ์ "

"ใช่ พวกเขากำลังสอบปากคำยี่ฝาง แต่ข้าอ่านคำสารภาพแล้วและมันก็วกไปวนมาอยู่แต่พวกเดิมๆ พวกเขาจะสอบปากคำต่อในคืนนี้"

"ที่ควรสารภาพต่างก็สารภาพมาหมดแล้ว?"

"ทั้งหมดที่เรารู้นั้น นางต่างก็สารภาพแล้ว แต่คำสารภาพของนางนั้นไม่เป็นผลดีต่อท่านตา นางกล่าวเป็นเสียงเดียวว่าได้รับคำสั่งจากท่านตาถึงได้ทำการสังหารหมู่ทั้งหมู่บ้าน"

ดวงตาของซ่งซีซีนั้นเย็นชา "ดังนั้นตอนนี้ต้องการให้นางกลับคำให้การ แต่ไม่ใช่การให้นางรับสารภาพแล้ว"

เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ข้าขอร้องให้กรมราชทัณฑ์ให้ความร่วมมือ"

ซ่งซีซีกล่าวว่า "เมื่อนางแว้งกัดท่านตา เป็นเพราะทำตามคำสั่ง คนบงการเรื่องนี้ไม่ใช่นาง"

เซี่ยหลูโม่กล่าวอย่างเย็นชา "นางคิดว่าตราบใดที่นางไม่ใช่ผู้บงการ นางก็สามารถรอดพ้นจากความตายได้ แต่ไม่ต้องกังวลข้าจะไม่ปล่อยให้นางได้สมปรารถนาอย่างที่นางตั้งใจเสียหรอก คำให้การนางเพียงฝ่ายเดียวไม่สามารถยื่นยันได้ เมื่อพวกเขาเข้าไปยังสนามรบ ชายแดนเฉิงหลิง ท่านตาถูกลธนูโจมตีสองครั้ง ครั้งแร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 928

    เมื่อกลับมาถึงจวน เสิ่นว่านจือกับเป่าจูก็ได้รับรุ่ยเอ๋อร์กลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังพูดคุยกับท่านป้าสะใภ้ซ่งซีซีสั่งให้คนเตรียมรถม้า จากนั้นก็สั่งให้คนยกผ้าห่ม เสื้อผ้า ถ่าน เงิน และยารักษาขึ้นไปบนรถม้าแม่นมเหลียงก็ได้ทำขนมหลายชนิด บอกว่าท่านแม่ทัพใหญ่ทำสงครามกลับมาจากชายแดนเฉิงหลิงทุกครั้งก็จะกิน แม่นมเหลียงทำไว้มากมาย ใส่เต็มปิ่นโตอาหารสามชั้นเนื่องจากมีพระราชโองการของไทเฮา นางหนานก็เดินทางไปด้วยกันรถม้าของฝูฉิวอันกับของจวนอ๋องแทบจะมาถึงพร้อมกัน เขาสั่งให้หน่วยฉินหรงขนของเข้าไป เสื้อผ้าบางส่วนในนั้นเป็นของเขาเอง เขาจะอยู่ที่นี่สองสามวันเขาเองก็มีไหวพริบ ไม่มีทางไปรบกวนการเจอกันของพวกเขา แต่เขามาแล้วก็สามารถมีคำอธิบายให้กับฝ่าบาท เพราะยังเขาก็เป็นคนของไทเฮา จับตาอยู่ที่นี่ใครจะกล้าไม่วางใจ?แม่ทัพใหญ่เซียวเห็นรุ่ยเอ๋อร์ก็มีความสุขมาก หลังจากรุ่ยเอ๋อร์คุกเข่าลงทำความเคารพแล้ว เขาก็ก้มลงอุ้มรุ่ยเอ๋อร์ ขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า "หนักมาก เห็นได้ชัดว่ากินเก่งมาก"“รุ่ยเอ๋อร์กินเก่งมาก และสูงขึ้นไม่น้อย” รุ่ยเอ๋อร์แสร้งทำเป็นไร้เดียงสามีความสุข ตอนที่อยู่บนรถม้า ท่านป้าก็ได้บอกเขาใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-26
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 929

    เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "คำสารภาพที่ไม่ใช่ความจริงถวายให้กับฝ่าบาททำอะไรกัน? ฝ่าบาททอดพระเนตรแล้วก็ฉีกมันทิ้งเหมือนกัน"หลี่ลี่ถอนหายใจ "แต่ตอนนี้ได้สอบปากคำมาหลายวันแล้ว ทรมานแล้วก็ยังไม่ปริปาก อีกทั้งก็ไม่สามารถใช้เครื่องทรมานรุนแรง กลัวว่าจะอันตรายต่อชีวิตของนาง ดังนั้นหม่อมฉันคิดว่าสืบสวนต่อไปก็เหมือนเดิมพ่ะย่ะค่ะ"เซี่ยหลูโม่พูดขึ้นว่า "ถ้าอย่างนั้นก็สอบสวนต่อไป ใต้เท้าหลี่ก็เข้าใจดี นางต้องเปลี่ยนคำรับสารภาพ แม่ทัพใหญ่เซียวไม่ใช่ผู้รับผิดชอบหลัก นางต่างหากที่ใช่ ถ้าไม่ยอมเปิดปากจริงๆ ก็เชิญจ้านเป่ยว่างมาสอบปากคำสักหน่อย"หลี่ลี่ตกใจมาก "นี่... ฝ่าบาททรงไม่มีพระราชโองการสอบปากคำใต้เท้าจ้าน และฝ่าบาทก็ไม่มีพระประสงค์จะดึงเขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้"“แม่ทัพใหญ่เซียวก็มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ทำไมมันถึงไม่เกี่ยวข้องกับเขาด้วย? ฝ่าบาทไม่มีพระราชโองการให้เจ้าสอบสวน แล้วฝ่าบาทเคยมีพระราชโองการไม่ให้ให้เจ้าสอบสวนไหม? "หลี่ลี่พูดขึ้นว่า "แม้จะไม่มีพระราชโองการไม่ให้สอบสวน แต่ก็ไม่ได้ทรงตรัสว่าจะจับตัวเขา"เซี่ยหลูโม่มองเขา "ไม่ได้ให้เจ้าจับตัว แต่ให้เจ้าไปเชิญ ภารกิจเมืองลู่เปินเอ่อร์เขาเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-26
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 930

    ณ ห้องทรงพระอักษรจักรพรรดิ์ซูชิงถือถ้วยชา และใช้ฝาถ้วยชากวาดฟองชาเบาๆ หลังจากจิบคำหนึ่งแล้วจึงจะเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยหลูโม่ "ข้าก็ไม่รู้เลยว่าหอต้าหลี่ก็กำลังสืบสวนคดีนี้ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ด้วย? ข้าราชโองการแบบนี้ด้วยหรือ? หรือว่าคดีกบฏของเซี่ยอวี้น ศาลต้าหลี่ของพวกเจ้าสืบจนไม่มีอะไรจะสืบแล้ว เลยใจดีไปช่วยกรมราชทัณฑ์ทำคดีหรือ? "ในคำพูดก็แฝงไปด้วยการตั้งคำถาม และความไม่พอพระทัยจาก "ความเข้าใจกัน" ระหว่างพี่น้องในอดีต ในเวลานี้เซี่ยหลูโม่ก็ควรสารภาพผิด จากนั้นถอยออกไป แสดงสันติภาพต่อไป รักษาความสามัคคีระหว่างฮ่องเต้กับขุนนางสองพี่น้องไว้ดังนั้นหลังจากจักรพรรดิ์ซูชิงตรัสคำพูดเหล่านี้จบแล้ว ก็ดื่มชาต่ออย่างช้าๆ รอดูเขาคุกเข่าสารภาพผิด ที่จริงแล้วในใจของเขาก็รู้ดีว่าเซี่ยหลูโม่อดทนและหลีกทางให้มาโดยตลอด และเขาก็เคยชินแล้วแต่ครั้งนี้เซี่ยหลูโม่กลับไม่ได้คุกเข่าลงเพื่อสารภาพผิด แต่กลับพูดประโยคหนึ่งขึ้น "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ จ้านเป่ยว่างคือแม่ทัพของเมืองลู่เปินเอ่อร์ เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองลู่เปินเอ่อร์เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้"จักรพรรดิ์ซูชิงตกพระทัยเล็กน้อย และถ้วยชาก็วางลงบนโต๊ะพิจาร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 931

    เซี่ยหลูโม่คุกเข่าลงข้างหนึ่ง แต่ท่าทีของเขายังคงแน่วแน่ "เพื่อแสดงความเป็นธรรม ของฝ่าบาทโปรดทรงอนุญาตให้กรมราชทัณฑ์สอบปากคำจ้านเป่ยว่าง ใช้คำสารภาพของเขาเปรียบเทียบกับคำสารภาพของคนอื่น เพื่อมอบความจริงให้กับชาวซีจิง ขอฝ่าบาทโปรดทรงเชื่อว่าที่หม่อมฉันทำไม่ได้มีเจตนาทำเพื่อตัวเองแม้แต่นิดเดียว ชาวซีจิงก็รู้เรื่องเกี่ยวกับการสังหารหมู่ในหมู่บ้านดีกว่าพวกเรา พวกเราวางแผนกำจัดผู้นำปฏิบัติการจ้านเป่ยว่างออกไป ก็จะยิ่งทำให้พวกเขาโกรธมากขึ้นและคิดว่าพวกเราไม่มีความจริงใจในการเจรจาพ่ะย่ะค่ะ"เขาเงยหน้าขึ้น มองตรงไปที่จักรพรรดิ์ซูชิง และพูดขึ้นอย่างอาจเอื้อมว่า "มันจะยิ่งทำให้ทหารและราษฎรชายแดนเฉิงหลิงรู้สึกสิ้นหวัง คิดว่าฝ่าบาททรงมีเจตนาคนของพระองค์เอง และโยนความผิดทั้งหมดไปให้กับเหล่าทหารที่รักษาชายแดนมาตลอดชีวิต""เพล้ง! "แก้วกระแทกกับพื้น หน้าอกของจักรพรรดิ์ซูชิงกระเพื่อมขึ้นลง ในพระเนตรเต็มไปด้วยความมืดมน และทรงตะคอกออกมาอย่างกริ้วจัดว่า "บังอาจ! "อู๋ต้าปั้นตัวสั่น ร้องขอให้ฝ่าบาททรงพระทัยเย็นๆ ทันที และรีบพูดกับเซี่ยหลูโม่ว่า " ท่านอ๋อง โปรดหยุดตรัสเถอะพ่ะย่ะค่ะ อย่าทรงทำให้ฝ่าบาททร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 932

    จักรพรรดิ์ซูชิงวางพระหัตถ์ลง และตรัสขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ประโยคนั้นพูดถูก ข้าอยากสร้างแม่ทัพคนใหม่จริงๆ แต่ข้าก็ใช่คนโง่ แม้ข้าจะอยากสร้างคนใหม่ แต่ข้าก็ไม่มีทางทอดทิ้งแม่ทัพคนเก่าคนแก่ที่จงรักรักภักดีต่อประเทศมาตลอดชีวิตแน่นอน""เหตุผลอะไรที่ข้าถึงต้องสร้างแม่ทัพคนใหม่? หรือว่าเขายังไม่รู้ดีอีกหรือ? แม้อำนาจทหารของกองทัพเป่ยหมิงจะไม่ได้อยู่ในมือของเขา แต่บารมีของเขายังคงสามารถสั่งการได้ทุกอย่าง ความสำเร็จยิ่งใหญ่ในการกอบกู้ชายแดนหนานเจียง ก็เป็นเหมือนกับภูเขายิ่งใหญ่ที่ไม่สั่นคลอน ข้าไม่สามารถแตะต้องเขาได้เลย แต่กลับเป็นเขาที่กล้าข่มขู่ข้า"พู่กันในมือของเขาหัก เกิดเสียงแกร๊กดังขึ้น และวางลงบนโต๊ะพิจารณา เขาก้มหน้าลง "ข้าเดิมพันว่าเขาไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ แต่เขามีความทะเยอทะยานมากจริงๆ แล้วถ้าจะทำอะไรกับเขาได้? "อู๋ต้าปั้นแอบรู้สึกร้อนใจ และพูดว่า "ฝ่าบาท ข้าน้อยเชื่อว่าเป่ยหมิงอ๋องไม่มีเจตนาก่อกบฏ เขาเป็นพระอนุชาแท้ๆ ของฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิ์ซูชิงทรงตรัสขึ้นอย่างเย็นชา "ข้ารู้ว่าในระยะสั้นเขาไม่มีทางมีเจตนาก่อกบฏ แต่เมื่อนั่งอยู่บนตำแหน่งสูงๆ นานเข้า ก็หลีกเลี่ยงไม่ไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 933

    หลี่ลี่ตะคอกขึ้นว่า "แม่ทัพใหญ่เซียวกลับมาสอบปากคำที่เมืองหลวง ก็เพราะถูกเจ้าทำให้เดือดร้อน เจ้ายังคิดจะให้เขารับโทษแทนความผิดของพวกเจ้าอีกหรือ? เจ้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง? ""มีคนพูดแก้ตัวให้กับเซียวเฉิง มีคนพูดแก้ตัวให้กับเซียวเฉิง "ยี่ฝางเหมือนสิงโตที่กำลังโกรธจัดอย่างนั้น ถ้าไม่เพราะนางถูกล่ามโซ่ไว้ ก็จะพุ่งออกมาข้างหน้าแล้ว "ไม่ยุติธรรม เขาเป็นผู้บัญชาการของชายแดนเฉิงหลิง เขาควรแบกรับความรับผิดชอบที่ใหญ่ที่สุด พวกเจ้าแต่ละคนคล้อยตามคนมีอำนาจ ประจบเซี่ยหลูโม่กับซ่งซีซี คิดจะฆ่าจ้านเป่ยว่าง เขาไม่มีรู้เรื่องที่ข้าสังหารทั้งหมู่บ้านด้วยซ้ำ เขาถูกใส่ร้าย ""ถ้าจ้านเป่ยว่างไม่รู้ แม่ทัพใหญ่เซียวก็ไม่มีทางรู้แน่นอน "หลี่ลี่ทำเสียงฮึดฮัดออกมา สั่งให้เจ้าหน้าที่บันทึกไว้ "บันทึกไว้ ยี่ฝางสารภาพว่าจ้านเป่ยว่างกับแม่ทัพใหญ่เซียวต่างไม่รู้เรื่องนี้ " "ไม่ ข้าไม่ได้พูด "ยี่ฝางตะโกนขึ้นหลี่ลี่ตะคอกขึ้นว่า "หูของหลายคนก็ได้ยินแล้ว เจ้าจะเถียงอะไรได้อีก? "ยี่ฝางอ้าปาก รู้สถานการณ์ของตัวเองแล้ว นางไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว นางก้มหน้าลงทันที เก็บซ่อนสายตาที่ไม่อยากยอมแพ้ไว้หลี่ลี่มองนนาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-28
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 934

    เจ้าหน้าที่บันทึกคำพูดของยี่ฝาง และยืนยันคำพูดของพวกยี่เทียนหมิงอีกครั้งยี่ฝางเสนอให้กลับชายแดนเฉิงหลิงเพื่อกำหนดรายละเอียด แต่ซูลันจีกลับพูดว่าไม่ต้อง เนื่องจากรายละเอียดทั้งสองแคว้นได้ส่งออกมาก่อนแล้ว แต่สองฝ่ายต่างไม่ยอมรับเท่านั้นสำหรับรายละเอียดนี้ ยี่ฝางก็เคยเห็นแล้ว นี่เป็นข้อเรียกร้องของแคว้นซาง ยุติสงคราม ขยับถอยอาณาเขตไปยังสถานที่ที่แบ่งแยกกันตั้งแต่แรก อาศัยเชิงเขานอกเมืองลู่เปินเอ่อร์เป็นขอบเขต“ข้าก็่ขาดสติไปชั่วขณะ ขอเพียงข้าลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพนี้ ผลงานก็ต้องเป็นของข้า ดังนั้นข้าจึงให้ซูลันจีถอยทัพออกไปยี่สิบลี้ เหลือทิ้งไว้เพียงสิบสองคน หนึ่ง เพื่อให้แผนการเผายุ้งฉางของจ้านเป่ยว่างดำเนินการได้อย่างราบรื่น อีกอย่างหนึ่งคือ หลังจากข้าลงนามในสนธิสัญญาแล้ว เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของทหารของข้า"“เดิมทีเขาทิ้งไว้สิบสองคน ข้าก็กังวลว่าจะทิ้งยอดฝีมือไว้ พวกข้าก็จะยังมีอันตรายเช่นเดิม แต่เมื่อรู้ว่าในคนที่เขาทิ้งไว้ คนหนึ่งคือที่ปรึกษาสงคราม อีกสามคนคือหมอทหาร แบบนี้ข้าก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีก การลงนามในสนธิสัญญาราบรื่นกว่าที่ข้าคิดไว้อีก หลังจากลงนามแล้ว เราจับตัวท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-28
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 935

    คำสารภาพถูกส่งยังต่อหน้าพระพักตร์ฝ่ายบาท หลังจากจักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรแล้ว ก็ฟังรายละเอียดตอนที่ยี่ฝางรับสารภาพจากหลี่ลี่ เขาก็ขมวดคิ้วทันทีเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองลู่เปินเอ่อร์ทั้งหมด สังหารหมู่ทั้งหมู่บ้านและผู้ถูกจับ คำเหล่านี้ ทุกคำเต็มไปด้วยเลือดแต่รายละเอียดเขาไม่รู้ ในคำรับสารภาพก็ไม่ได้บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการสังหารหมู่ในหมู่บ้าน แต่มีคำอธิบายของหลี่ลี่ รายละเอียดนองเลือดเช่นนี้อยู่ในหู แม้จักรพรรดิ์ซูชิงจะยังจำได้ว่าตัวเองเป็นฮ่องเต้ของแคว้นซาง ก็อดไม่ได้ที่จะตบโต๊ะดุด่ายี่ฝางด้วยความโกรธหลี่ลี่สามารถเข้าใจความโกรธของฝ่าบาท แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกเสียวสันหลัง โชคดีที่คนแบบนี้ขอพระราชทานอภิเษกสมรสด้วยผลงานด้านสงคราม ไม่อย่างนั้นเช่นเดียวกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ไม่ว่าจะเป็นขุนนางในราชสำนักหรือเป็นแม่ทัพในกองทัพ ก็เป็นอันตรายอย่างยิ่ง“เป่ยหมิงอ๋องดูคำสารภาพนี้หรือยัง? ” หลังจากจักรพรรดิ์ซูชิงทรงดุด่าแล้ว ก็ถามหลี่ลี่ขึ้นหลี่ลี่รู้ว่าเป่ยหมิงอ๋องได้ส่งคนไปเรียกตัวจ้านเป่ยว่างก่อน ฝ่าบาทถึงจะมีพระราชโองการ ดังนั้นตรงนี้เขาจึงตอบอย่างระมัดระวังมาก "ทันทีที่ยี่ฝางสารภ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-28

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1388

    นางไม่ได้ไปหา หวังเยว่จาง ในอดีตนางอาจหน้าหนาพอที่จะคิดว่า เขาอย่างไรก็เป็นสายเลือดของจวนป๋อผิงซี เมื่อครอบครัวหรือญาติเกิดปัญหา การช่วยเหลือย่อมเป็นหน้าที่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ตอนนี้นางจะไม่ทำเช่นนั้นอีก นางเข้าใจความจริงบางประการว่า ในวันที่จวนป๋อผิงซีรุ่งเรือง เขาไม่เคยได้สัมผัสแม้เศษเสี้ยวของเกียรติยศนั้น แต่พอถึงวันที่ล่มจม กลับต้องการให้เขายื่นมือช่วยเหลือ นางทำเช่นนั้นไม่ได้ ส่วนเรื่องว่าจะไปหาพี่สะใภ้ใหญ่เพื่อพูดเรื่องนี้หรือไม่ นางลังเลใจยิ่งนัก เพราะอย่างไรเสีย นางก็ไม่อยากให้พี่ใหญ่ตาย นางนั่งอยู่ใต้ต้นไหว มองเหม่อลอยอยู่นาน พอดีศิษย์พี่ซือโซยกตะกร้าไหมเดินผ่านมา เมื่อเห็นนางก็รีบเลี้ยวหลบไปทางอื่น ท่าทางเหมือนไม่อยากเผชิญหน้ากับนาง หวังชิงหรูนึกถึงเรื่องเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ รีบเรียกนางไว้ “ศิษย์พี่ซือโซ ขอโทษเรื่องเมื่อครู่นี้ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ศิษย์พี่ซือโซเหลือบมองนางแวบหนึ่ง “อืม” พูดจบ นางก็เตรียมเดินจากไป หวังชิงหรูคิดถึงนิสัยของหญิงสาวในยุทธภพเหล่านี้ ที่มักซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ไม่คิดอะไรซับซ้อน จึงถามว่า “ศิษย์พี่ซือโซ ข้าขอพูดคุย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1387

    หวังชิงหรูรู้ว่าศิษย์พี่ซือโซเข้าใจผิด แต่ก็ไม่ได้รีบอธิบาย เพราะในใจยังว้าวุ่น นางปิดประตู ยกยาเข้าไปแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ ดื่มยาก่อนเถอะ เรื่องอื่นค่อยคิดหาวิธีแก้ทีหลัง” ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหน้า มองหน้านางพลางกล่าวว่า “ชิงเอ๋อร์ เจ้าลองถามใจตัวเองดูว่าพี่ชายของเจ้าเคยปฏิบัติกับเจ้าอย่างไร?” หวังชิงหรูขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านแม่ พวกเราไม่มีความสามารถจะช่วยเขาได้ พวกเรายังอาศัยอยู่ในโรงงาน เงินที่ใช้ซื้อยาของท่านยังเป็นของแม่นางเสิ่นเลย” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่า “เจ้าคิดผิด เงินเหล่านี้ล้วนเป็นของเยว่จาง เขาแม้จะไม่ได้ยอมรับพวกเรา แต่ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้หยุดช่วยเหลือเราเลย” หวังชิงหรูกล่าวว่า “แม้ว่าเงินจะเป็นของเขา พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์จะขอให้เขาเอาเงินไปช่วยพี่ใหญ่ของเรา” “เงินเหล่านั้น” ฮูหยินผู้เฒ่ากัดฟัน กล่าวความจริงออกมาว่า “ไม่ใช่ของเขา ในตอนนั้นที่เขากลับมา พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าแนะนำให้ชดเชยเขา จึงโอนที่ดินและร้านค้าให้เขาบางส่วน” “ในเมื่อโอนให้เขาไปแล้ว และเขาก็ช่วยเหลือพวกเราอย่างลับๆ เสมอมา ยังจะให้เขาคืนกลับมาอีกหรือ? ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลย” ฮู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1386

    จีซูเซิ่นไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหรู ในวันรุ่งขึ้นขณะที่พวกนางออกไปตรวจที่ร้านขายยาเย่าหวัง นางแปลงตัวเป็นชาวนาและแอบตามไป เพียงแต่ตลอดทางจากไปจนกลับ ไม่มีใครเข้ามาใกล้รถลาของพวกนาง และระหว่างทางรถลานั้นก็ไม่ได้หยุดเลย หลังจากกลับมาถึงโรงงาน หวังชิงหรูก็เริ่มต้มยา ในโรงงานไม่มีใครคอยรับใช้ ทุกคนต้องผลัดกันทำอาหาร ตอนแรกหวังชิงหรูทำอะไรไม่เป็นเลย แม้แต่การก่อไฟยังต้องใช้เวลาฝึกถึงสามวัน อาหารมื้อแรกที่นางทำถึงกับกินไม่ได้เลย คนในโรงงานช่วยเหลือกัน แต่ก็ล้อกันด้วย พวกเขาหัวเราะเยาะว่านางมีร่างกายเหมือนฮูหยิน แต่โชคชะตาไม่ใช่ฮูหยินตอนแรกนางโกรธและรู้สึกน้อยใจ คิดว่าทำไมต้องมาเจอกับความลำบากเช่นนี้ นางถึงขั้นคิดว่าพวกเขาตั้งใจกลั่นแกล้ง จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเจียอี้มาที่โรงงานเพื่อเยี่ยม นางลงมือทำอาหารเอง มันอาจจะไม่เลิศรส แต่ก็รสชาติกลมกล่อมพอดี นางนิ่งเงียบไป หวังชิงหรูรู้ดีว่าเจียอี้เคยเป็นคนอย่างไร อดีตท่านหญิงที่หยิ่งยโส แต่หลังจากถูกหย่าแล้วได้รับการพากลับมา นางยังสามารถลดตัวเองลงและลงมือทำอาหารให้กลุ่มสตรีที่ถูกทอดทิ้งเหล่านี้ได้ ที่สำค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1385

    สถานการณ์ของหวังเบียวทำให้ซ่งซีซีแปลกใจไม่น้อย นางคิดว่าเขาจะพาคนสนิทหนีไปซ่อนได้อย่างน้อยสองสามปี ใครจะคาดคิดว่า ระหว่างทางเขาจะถูกปล้นทรัพย์สิน แม้แต่อนุที่รักก็ยังทอดทิ้งเขา ไม่รู้ว่าในเวลานั้น เขาเคยเสียใจต่อความโง่เขลาของตัวเองบ้างหรือไม่ คนวัยกลางคน กลับยังหลงเชื่อในความรักแท้ คิดจะทิ้งภรรยาที่อยู่เคียงข้างและดูแลเขามากว่าสิบปี สุดท้ายกลับถูกคนอื่นทิ้งเสียเอง นับว่าเป็นกรรมที่ตามสนอง แต่กรรมที่เขาได้รับยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ด้วยนิสัยของกู้ชิงหวู่ ตอนที่จากไปนางต้องเคยดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่นางเคยดูถูกเหลียงเส้า กู้ชิงหวู่ใช้ความงามของตัวเองเป็นเครื่องมือ แต่ในขณะเดียวกันก็เกลียดชังชายที่หลงใหลในความงามของนางอย่างยุติธรรม ในความเป็นจริง ซ่งซีซีคิดว่าหวังเบียวอาจไม่ได้อยู่ที่อำเภอหยง เพราะด้วยสถานะของเขาในฐานะผู้หลบหนี เขาไม่สามารถปรากฏตัวด้วยหน้าตาที่แท้จริง และไม่กล้าพำนักในที่ใดที่หนึ่งนานเกินไป ได้แต่หนีซุกซ่อน เขายังพาลูกไปด้วยอีก ซ่งซีซีคิดว่า หากเขาจนตรอก เขาอาจจะแอบกลับเมืองหลวงหรือไม่?แม้เขาจะโง่ แต่ก็ไม่ถึงกับโง่สิ้นดี เขารู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1384

    กู้ชิงหวู่กำหมัดแน่น ดวงตาเปล่งประกายแห่งความโกรธ "ดังนั้นข้าถึงบอกว่า สวรรค์ไม่ยุติธรรม ไยต้องเป็นเช่นนี้?" "เจ้าพูดเอง ด้วยชาติกำเนิดที่ดีของข้า รวมถึงสตรีหน้าเหลืองที่เจ้ากล่าวถึง นางก็เป็นสตรีผู้สูงศักดิ์" ซ่งซีซีตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่เต็มไปด้วยท่าทีเหนือกว่า กู้ชิงหวู่เกลียดชังท่าทางเช่นนี้ที่สุด มันเหมือนกับอดีตองค์หญิงใหญ่ที่อยู่บนหอคอยสูง ในขณะที่ตนต้องก้มต่ำอยู่ในโคลนตม นางโกรธจัด หน้าอกสะท้อนขึ้นลง "ถึงจะเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์แล้วอย่างไร? ก็ยังถูกสามีรังเกียจอยู่ดีมิใช่หรือ?" "หวังเบียวหรือ? นางไม่เคยใส่ใจเขาเลย มีแต่เจ้าที่มองเขาเหมือนสมบัติ" ซ่งซีซีตอบอย่างไม่ใส่ใจ "สำหรับข้า เขาก็ไม่ใช่สมบัติอะไร แค่ขยะชิ้นหนึ่ง" กู้ชิงหวู่ตอบด้วยแววตาดุดัน ซ่งซีซีหัวเราะเยาะ "ข้ารู้ว่าไม่ใช่เช่นนั้น เจ้าถึงกับให้กำเนิดบุตรให้เขา ทั้งที่รู้ว่าการหนีจากสนามรบเป็นความผิดร้ายแรง เจ้ากลับไม่สนใจและหนีตามเขาไป ข้าเคยเจอคนปากไม่ตรงกับใจเช่นเจ้ามานักต่อนัก" "ไร้สาระ!" กู้ชิงหวู่ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ใบหน้าแดงก่ำ แต่ไม่นานก็หัวเราะเยาะ "ฮะ คิดจะหลอกข้าหรือ? ใช่ ข้ารักเขาจนถ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1383

    สถานที่อันเป็นมงคลนี้ถูกเลือกโดยสำนักโหรหลวง เป็นสถานที่ที่งดงามด้วยภูเขาและสายน้ำ มีหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆ สองแห่ง แม้จะเรียกว่าด้านข้างพระราชสุสาน แต่ความจริงแล้วห่างจากพระราชสุสานถึงสามสิบลี้ หลังจากงานศพ กู้ชิงหยิงมาพบซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเพื่อกล่าวลา บอกว่าจะไปสร้างกระท่อมเล็กๆ อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อเฝ้าสุสานของบิดาบุญธรรม เสิ่นว่านจือถามว่านางต้องการความช่วยเหลือเรื่องเงินหรือไม่ นางตอบว่าไม่จำเป็น เพราะนางจะขายเครื่องประดับที่เคยซื้อไว้ ก็เพียงพอจะกลายเป็นคนมีฐานะเล็กๆ ได้ วันที่นางจากไปพอดีกับวันที่เจ้าสิบเอ็ดฝางคุมตัวอ๋องเยี่ยนและคนอื่นๆ กลับเมืองหลวง นางยืนอยู่ที่ประตูเมือง มองเข้าไปในรถนักโทษที่มีอ๋องเยี่ยนและอ๋องฮวย ความเกลียดชังพลันผุดขึ้นในใจ แต่เมื่อเห็นชาวบ้านต่างด่าทอและโยนใบไม้เน่าใส่พวกเขา นางก็รู้สึกคลายความโกรธ เพราะคิดว่าคนชั่วได้กรรมของตนเองแล้ว สำหรับนาง นับจากนี้ก็เป็นอิสระแล้ว ไม่มีใครหรือสิ่งใดมาผูกมัดนางได้อีก ในการคุมตัวครั้งนี้ ยังมีข้าราชการของหนิงโจวและชิวเหมิงถูกนำตัวกลับมาด้วย สิ่งที่ทำให้ซ่งซีซีประหลาดใจคือ นางยังเห็นกู้ชิงหวู่ด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1382

    ใช้เวลาห้าวันกว่าจะกวาดล้างเศษซากกบฏได้หมดสิ้น เจ้าสิบเอ็ดฝางและมู่ฉงกุยส่งข่าวชัยชนะมาว่าได้จับชิวเหมิงกบฏตัวสำคัญเป็นเชลย พร้อมนำตัวอ๋องเยี่ยน อ๋องหวย และอู๋เซียงผู้ทรยศกลับมายังเมืองหลวง ซึ่งอีกไม่นานจะมาถึง ยกเว้นเพียงหวังเบียวที่ยังคงหลบหนี นอกนั้นกบฏส่วนใหญ่ล้วนถูกจับกุมได้หมดแล้ว วันที่ 25 เดือนเจ็ด สำนักราชวังจัดพิธีศพให้ท่านอ๋องฮุย เพราะเหตุการณ์กบฏของเซี่ยทิงเหยียน พิธีศพจึงจัดอย่างเรียบง่าย และจักรพรรดิ์ซูชิงทรงเรียกขุนนางมาหารือว่าท่านอ๋องฮุยควรได้ฝังในสุสานอ๋องหรือไม่ แม้ว่าท่านอ๋องฮุยจะบริสุทธิ์ แต่ความผิดของเซี่ยทิงเหยียนเป็นโทษที่เกี่ยวพันถึงทั้งตระกูล ซ่งซีซีไม่ได้รับการเรียกตัวให้เข้าร่วมพิธี นางจึงพาผู้คนจากจวนเป่ยหมิงอ๋องมาร่วมงานศพของอ๋องฮุย พิธีศพจัดอย่างเรียบง่าย ไม่มีขุนนางมาร่วมงาน นอกจากจักรพรรดิ์จะทรงอนุญาตให้อ๋องฮุยฝังในสุสานอ๋อง มิฉะนั้นจะไม่มีใครกล้าเข้าร่วม กู้ชิงหยิงสวมชุดไว้ทุกข์คุกเข่าเผากระดาษหน้าโลงศพ ศพของอ๋องฮุยถูกบรรจุในโลงแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดฝา เมื่อซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือมาถึง ยังสามารถไปดูหน้าศพครั้งสุดท้ายได้ มีโลงศพสา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1381

    เมื่อได้ยินว่าอ๋องฮุยปลิดชีพตนเอง เซี่ยทิงเหยียนถึงกับอึ้งไป ก่อนจะร้องไห้เสียงดังว่า “เสด็จพ่อ ทำไมต้องกลัวโทษจนถึงกับฆ่าตัวตาย? ลูกสัญญาไว้ว่าจะรับโทษแทนท่านแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กู้ชิงหยิงที่ไม่ได้หวังจะมีชีวิตรอดอยู่แล้วก็พุ่งเข้าไปชกหัวเขาอย่างแรง หมัดของกู้ชิงหยิงใหญ่โตนัก ฟาดเข้าที่กระหม่อมของเซี่ยทิงเหยียนจนเขารู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า หูอื้ออยู่นานก่อนจะเงยหน้ามองนางด้วยสายตาเย็นเยียบดุจอสรพิษ กู้ชิงหยิงถ่มน้ำลายใส่เขาแล้วกล่าวว่า “เจ้าสัตว์เดรัจฉาน เจ้าใช้อำนาจข่มขู่ชีวิตชาวเมืองหนิงโจวและคนเก่าของวังให้ท่านอ๋องต้องรับผิดแทนเจ้า ท่านอ๋องไม่เคยมีจิตคิดกบฏ แม้แต่ตอนที่ถูกเจ้าจับตาอย่างใกล้ชิด ท่านยังพยายามส่งข่าวให้ใต้เท้าซ่ง เจ้าจงหยุดทำลายชื่อเสียงของท่านอ๋องหลังจากตายเถิด” นางพูดจบก็รีบคุกเข่าลง น้ำตาไหลอาบหน้า “ฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงโปรดพิจารณา ท่านอ๋องไม่ได้ก่อกบฏ แต่เป็นเซี่ยทิงเหยียนที่พูดเองว่า หากเขาสำเร็จ ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่หากล้มเหลว ลูกน้องของเขาจะสังหารชาวเมืองหนิงโจว เขาข่มขู่ท่านอ๋องเช่นนี้มาตลอด คนเก่าของวังที่อยู่ข้างกายท่านอ๋องถูกเขาฆ่าจนแทบไม่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1380

    จักรพรรดิ์ซูชิงมองลงมาจากที่สูง ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง “อย่างนั้นหรือ? แม้เจ้าจะยอมรับโทษแทนบิดา แต่ข้าไม่อาจกล่าวโทษผู้บริสุทธิ์โดยไร้เหตุผลได้ ใครกันที่เป็นกบฏวางแผนชิงบัลลังก์ ข้าจะสืบสวนให้กระจ่างเอง” “ฝ่าบาท” เซี่ยทิงเหยียนน้ำตาคลอ ดวงหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง “ไม่ต้องสืบสวนแล้ว ขอพระองค์ทรงตัดสินโทษกระหม่อมเถิด เสด็จพ่อเพียงหลงผิดชั่วขณะ” จักรพรรดิ์ซูชิงหัวเราะเยาะ “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก เหตุใดถึงไร้เกียรติเช่นนี้? ไหนล่ะความตระหนักของผู้แพ้ในสงคราม เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นยอดคนผู้ห้าวหาญ ผู้เช่นเจ้ากล้าหมายปองบัลลังก์ คิดจะเป็นประมุขของแผ่นดินหรือ? เซี่ยทิงเหยียน อย่าให้ผู้ติดตามเจ้าเขาต้องผิดหวังนัก” “กระหม่อมยินดีรับโทษแทนเสด็จพ่อ! ขอพระองค์โปรดเมตตาไว้ชีวิตเสด็จพ่อด้วย” เซี่ยทิงเหยียนไม่สนว่าจักรพรรดิ์ซูชิงจะตรัสสิ่งใด เขาก็ยังคงกล่าวแต่คำนี้ด้วยความปวดร้าวและความกตัญญู ขุนนางที่อยู่ในที่นั้นย่อมไม่เชื่อ ต่างตำหนิเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงถึงความทะเยอทะยานราวหมาป่า แต่หากคนใดหน้าหนาเพียงพอ ย่อมไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าว่า เขายังคงแสดงสีหน้าเจ็บปวดและกล่าวว่า

DMCA.com Protection Status