หลังจากอาบน้ำแล้ว ซ่งซีซีก็สั่งให้ทุกคนออกไปแล้วนอนซบบนไหล่ของเซี่ยหลูโม่ราวกับแมวขี้เซาแมว "ข้าได้ยินมาว่าวันนี้ว่าท่านได้ไปที่กรมราชทัณฑ์ ""ใช่ พวกเขากำลังสอบปากคำยี่ฝาง แต่ข้าอ่านคำสารภาพแล้วและมันก็วกไปวนมาอยู่แต่พวกเดิมๆ พวกเขาจะสอบปากคำต่อในคืนนี้""ที่ควรสารภาพต่างก็สารภาพมาหมดแล้ว?""ทั้งหมดที่เรารู้นั้น นางต่างก็สารภาพแล้ว แต่คำสารภาพของนางนั้นไม่เป็นผลดีต่อท่านตา นางกล่าวเป็นเสียงเดียวว่าได้รับคำสั่งจากท่านตาถึงได้ทำการสังหารหมู่ทั้งหมู่บ้าน"ดวงตาของซ่งซีซีนั้นเย็นชา "ดังนั้นตอนนี้ต้องการให้นางกลับคำให้การ แต่ไม่ใช่การให้นางรับสารภาพแล้ว"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ข้าขอร้องให้กรมราชทัณฑ์ให้ความร่วมมือ"ซ่งซีซีกล่าวว่า "เมื่อนางแว้งกัดท่านตา เป็นเพราะทำตามคำสั่ง คนบงการเรื่องนี้ไม่ใช่นาง"เซี่ยหลูโม่กล่าวอย่างเย็นชา "นางคิดว่าตราบใดที่นางไม่ใช่ผู้บงการ นางก็สามารถรอดพ้นจากความตายได้ แต่ไม่ต้องกังวลข้าจะไม่ปล่อยให้นางได้สมปรารถนาอย่างที่นางตั้งใจเสียหรอก คำให้การนางเพียงฝ่ายเดียวไม่สามารถยื่นยันได้ เมื่อพวกเขาเข้าไปยังสนามรบ ชายแดนเฉิงหลิง ท่านตาถูกลธนูโจมตีสองครั้ง ครั้งแร
เมื่อกลับมาถึงจวน เสิ่นว่านจือกับเป่าจูก็ได้รับรุ่ยเอ๋อร์กลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังพูดคุยกับท่านป้าสะใภ้ซ่งซีซีสั่งให้คนเตรียมรถม้า จากนั้นก็สั่งให้คนยกผ้าห่ม เสื้อผ้า ถ่าน เงิน และยารักษาขึ้นไปบนรถม้าแม่นมเหลียงก็ได้ทำขนมหลายชนิด บอกว่าท่านแม่ทัพใหญ่ทำสงครามกลับมาจากชายแดนเฉิงหลิงทุกครั้งก็จะกิน แม่นมเหลียงทำไว้มากมาย ใส่เต็มปิ่นโตอาหารสามชั้นเนื่องจากมีพระราชโองการของไทเฮา นางหนานก็เดินทางไปด้วยกันรถม้าของฝูฉิวอันกับของจวนอ๋องแทบจะมาถึงพร้อมกัน เขาสั่งให้หน่วยฉินหรงขนของเข้าไป เสื้อผ้าบางส่วนในนั้นเป็นของเขาเอง เขาจะอยู่ที่นี่สองสามวันเขาเองก็มีไหวพริบ ไม่มีทางไปรบกวนการเจอกันของพวกเขา แต่เขามาแล้วก็สามารถมีคำอธิบายให้กับฝ่าบาท เพราะยังเขาก็เป็นคนของไทเฮา จับตาอยู่ที่นี่ใครจะกล้าไม่วางใจ?แม่ทัพใหญ่เซียวเห็นรุ่ยเอ๋อร์ก็มีความสุขมาก หลังจากรุ่ยเอ๋อร์คุกเข่าลงทำความเคารพแล้ว เขาก็ก้มลงอุ้มรุ่ยเอ๋อร์ ขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า "หนักมาก เห็นได้ชัดว่ากินเก่งมาก"“รุ่ยเอ๋อร์กินเก่งมาก และสูงขึ้นไม่น้อย” รุ่ยเอ๋อร์แสร้งทำเป็นไร้เดียงสามีความสุข ตอนที่อยู่บนรถม้า ท่านป้าก็ได้บอกเขาใ
เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "คำสารภาพที่ไม่ใช่ความจริงถวายให้กับฝ่าบาททำอะไรกัน? ฝ่าบาททอดพระเนตรแล้วก็ฉีกมันทิ้งเหมือนกัน"หลี่ลี่ถอนหายใจ "แต่ตอนนี้ได้สอบปากคำมาหลายวันแล้ว ทรมานแล้วก็ยังไม่ปริปาก อีกทั้งก็ไม่สามารถใช้เครื่องทรมานรุนแรง กลัวว่าจะอันตรายต่อชีวิตของนาง ดังนั้นหม่อมฉันคิดว่าสืบสวนต่อไปก็เหมือนเดิมพ่ะย่ะค่ะ"เซี่ยหลูโม่พูดขึ้นว่า "ถ้าอย่างนั้นก็สอบสวนต่อไป ใต้เท้าหลี่ก็เข้าใจดี นางต้องเปลี่ยนคำรับสารภาพ แม่ทัพใหญ่เซียวไม่ใช่ผู้รับผิดชอบหลัก นางต่างหากที่ใช่ ถ้าไม่ยอมเปิดปากจริงๆ ก็เชิญจ้านเป่ยว่างมาสอบปากคำสักหน่อย"หลี่ลี่ตกใจมาก "นี่... ฝ่าบาททรงไม่มีพระราชโองการสอบปากคำใต้เท้าจ้าน และฝ่าบาทก็ไม่มีพระประสงค์จะดึงเขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้"“แม่ทัพใหญ่เซียวก็มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ทำไมมันถึงไม่เกี่ยวข้องกับเขาด้วย? ฝ่าบาทไม่มีพระราชโองการให้เจ้าสอบสวน แล้วฝ่าบาทเคยมีพระราชโองการไม่ให้ให้เจ้าสอบสวนไหม? "หลี่ลี่พูดขึ้นว่า "แม้จะไม่มีพระราชโองการไม่ให้สอบสวน แต่ก็ไม่ได้ทรงตรัสว่าจะจับตัวเขา"เซี่ยหลูโม่มองเขา "ไม่ได้ให้เจ้าจับตัว แต่ให้เจ้าไปเชิญ ภารกิจเมืองลู่เปินเอ่อร์เขาเ
ณ ห้องทรงพระอักษรจักรพรรดิ์ซูชิงถือถ้วยชา และใช้ฝาถ้วยชากวาดฟองชาเบาๆ หลังจากจิบคำหนึ่งแล้วจึงจะเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยหลูโม่ "ข้าก็ไม่รู้เลยว่าหอต้าหลี่ก็กำลังสืบสวนคดีนี้ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ด้วย? ข้าราชโองการแบบนี้ด้วยหรือ? หรือว่าคดีกบฏของเซี่ยอวี้น ศาลต้าหลี่ของพวกเจ้าสืบจนไม่มีอะไรจะสืบแล้ว เลยใจดีไปช่วยกรมราชทัณฑ์ทำคดีหรือ? "ในคำพูดก็แฝงไปด้วยการตั้งคำถาม และความไม่พอพระทัยจาก "ความเข้าใจกัน" ระหว่างพี่น้องในอดีต ในเวลานี้เซี่ยหลูโม่ก็ควรสารภาพผิด จากนั้นถอยออกไป แสดงสันติภาพต่อไป รักษาความสามัคคีระหว่างฮ่องเต้กับขุนนางสองพี่น้องไว้ดังนั้นหลังจากจักรพรรดิ์ซูชิงตรัสคำพูดเหล่านี้จบแล้ว ก็ดื่มชาต่ออย่างช้าๆ รอดูเขาคุกเข่าสารภาพผิด ที่จริงแล้วในใจของเขาก็รู้ดีว่าเซี่ยหลูโม่อดทนและหลีกทางให้มาโดยตลอด และเขาก็เคยชินแล้วแต่ครั้งนี้เซี่ยหลูโม่กลับไม่ได้คุกเข่าลงเพื่อสารภาพผิด แต่กลับพูดประโยคหนึ่งขึ้น "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ จ้านเป่ยว่างคือแม่ทัพของเมืองลู่เปินเอ่อร์ เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองลู่เปินเอ่อร์เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้"จักรพรรดิ์ซูชิงตกพระทัยเล็กน้อย และถ้วยชาก็วางลงบนโต๊ะพิจาร
เซี่ยหลูโม่คุกเข่าลงข้างหนึ่ง แต่ท่าทีของเขายังคงแน่วแน่ "เพื่อแสดงความเป็นธรรม ของฝ่าบาทโปรดทรงอนุญาตให้กรมราชทัณฑ์สอบปากคำจ้านเป่ยว่าง ใช้คำสารภาพของเขาเปรียบเทียบกับคำสารภาพของคนอื่น เพื่อมอบความจริงให้กับชาวซีจิง ขอฝ่าบาทโปรดทรงเชื่อว่าที่หม่อมฉันทำไม่ได้มีเจตนาทำเพื่อตัวเองแม้แต่นิดเดียว ชาวซีจิงก็รู้เรื่องเกี่ยวกับการสังหารหมู่ในหมู่บ้านดีกว่าพวกเรา พวกเราวางแผนกำจัดผู้นำปฏิบัติการจ้านเป่ยว่างออกไป ก็จะยิ่งทำให้พวกเขาโกรธมากขึ้นและคิดว่าพวกเราไม่มีความจริงใจในการเจรจาพ่ะย่ะค่ะ"เขาเงยหน้าขึ้น มองตรงไปที่จักรพรรดิ์ซูชิง และพูดขึ้นอย่างอาจเอื้อมว่า "มันจะยิ่งทำให้ทหารและราษฎรชายแดนเฉิงหลิงรู้สึกสิ้นหวัง คิดว่าฝ่าบาททรงมีเจตนาคนของพระองค์เอง และโยนความผิดทั้งหมดไปให้กับเหล่าทหารที่รักษาชายแดนมาตลอดชีวิต""เพล้ง! "แก้วกระแทกกับพื้น หน้าอกของจักรพรรดิ์ซูชิงกระเพื่อมขึ้นลง ในพระเนตรเต็มไปด้วยความมืดมน และทรงตะคอกออกมาอย่างกริ้วจัดว่า "บังอาจ! "อู๋ต้าปั้นตัวสั่น ร้องขอให้ฝ่าบาททรงพระทัยเย็นๆ ทันที และรีบพูดกับเซี่ยหลูโม่ว่า " ท่านอ๋อง โปรดหยุดตรัสเถอะพ่ะย่ะค่ะ อย่าทรงทำให้ฝ่าบาททร
จักรพรรดิ์ซูชิงวางพระหัตถ์ลง และตรัสขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ประโยคนั้นพูดถูก ข้าอยากสร้างแม่ทัพคนใหม่จริงๆ แต่ข้าก็ใช่คนโง่ แม้ข้าจะอยากสร้างคนใหม่ แต่ข้าก็ไม่มีทางทอดทิ้งแม่ทัพคนเก่าคนแก่ที่จงรักรักภักดีต่อประเทศมาตลอดชีวิตแน่นอน""เหตุผลอะไรที่ข้าถึงต้องสร้างแม่ทัพคนใหม่? หรือว่าเขายังไม่รู้ดีอีกหรือ? แม้อำนาจทหารของกองทัพเป่ยหมิงจะไม่ได้อยู่ในมือของเขา แต่บารมีของเขายังคงสามารถสั่งการได้ทุกอย่าง ความสำเร็จยิ่งใหญ่ในการกอบกู้ชายแดนหนานเจียง ก็เป็นเหมือนกับภูเขายิ่งใหญ่ที่ไม่สั่นคลอน ข้าไม่สามารถแตะต้องเขาได้เลย แต่กลับเป็นเขาที่กล้าข่มขู่ข้า"พู่กันในมือของเขาหัก เกิดเสียงแกร๊กดังขึ้น และวางลงบนโต๊ะพิจารณา เขาก้มหน้าลง "ข้าเดิมพันว่าเขาไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ แต่เขามีความทะเยอทะยานมากจริงๆ แล้วถ้าจะทำอะไรกับเขาได้? "อู๋ต้าปั้นแอบรู้สึกร้อนใจ และพูดว่า "ฝ่าบาท ข้าน้อยเชื่อว่าเป่ยหมิงอ๋องไม่มีเจตนาก่อกบฏ เขาเป็นพระอนุชาแท้ๆ ของฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิ์ซูชิงทรงตรัสขึ้นอย่างเย็นชา "ข้ารู้ว่าในระยะสั้นเขาไม่มีทางมีเจตนาก่อกบฏ แต่เมื่อนั่งอยู่บนตำแหน่งสูงๆ นานเข้า ก็หลีกเลี่ยงไม่ไ
หลี่ลี่ตะคอกขึ้นว่า "แม่ทัพใหญ่เซียวกลับมาสอบปากคำที่เมืองหลวง ก็เพราะถูกเจ้าทำให้เดือดร้อน เจ้ายังคิดจะให้เขารับโทษแทนความผิดของพวกเจ้าอีกหรือ? เจ้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง? ""มีคนพูดแก้ตัวให้กับเซียวเฉิง มีคนพูดแก้ตัวให้กับเซียวเฉิง "ยี่ฝางเหมือนสิงโตที่กำลังโกรธจัดอย่างนั้น ถ้าไม่เพราะนางถูกล่ามโซ่ไว้ ก็จะพุ่งออกมาข้างหน้าแล้ว "ไม่ยุติธรรม เขาเป็นผู้บัญชาการของชายแดนเฉิงหลิง เขาควรแบกรับความรับผิดชอบที่ใหญ่ที่สุด พวกเจ้าแต่ละคนคล้อยตามคนมีอำนาจ ประจบเซี่ยหลูโม่กับซ่งซีซี คิดจะฆ่าจ้านเป่ยว่าง เขาไม่มีรู้เรื่องที่ข้าสังหารทั้งหมู่บ้านด้วยซ้ำ เขาถูกใส่ร้าย ""ถ้าจ้านเป่ยว่างไม่รู้ แม่ทัพใหญ่เซียวก็ไม่มีทางรู้แน่นอน "หลี่ลี่ทำเสียงฮึดฮัดออกมา สั่งให้เจ้าหน้าที่บันทึกไว้ "บันทึกไว้ ยี่ฝางสารภาพว่าจ้านเป่ยว่างกับแม่ทัพใหญ่เซียวต่างไม่รู้เรื่องนี้ " "ไม่ ข้าไม่ได้พูด "ยี่ฝางตะโกนขึ้นหลี่ลี่ตะคอกขึ้นว่า "หูของหลายคนก็ได้ยินแล้ว เจ้าจะเถียงอะไรได้อีก? "ยี่ฝางอ้าปาก รู้สถานการณ์ของตัวเองแล้ว นางไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว นางก้มหน้าลงทันที เก็บซ่อนสายตาที่ไม่อยากยอมแพ้ไว้หลี่ลี่มองนนาง
เจ้าหน้าที่บันทึกคำพูดของยี่ฝาง และยืนยันคำพูดของพวกยี่เทียนหมิงอีกครั้งยี่ฝางเสนอให้กลับชายแดนเฉิงหลิงเพื่อกำหนดรายละเอียด แต่ซูลันจีกลับพูดว่าไม่ต้อง เนื่องจากรายละเอียดทั้งสองแคว้นได้ส่งออกมาก่อนแล้ว แต่สองฝ่ายต่างไม่ยอมรับเท่านั้นสำหรับรายละเอียดนี้ ยี่ฝางก็เคยเห็นแล้ว นี่เป็นข้อเรียกร้องของแคว้นซาง ยุติสงคราม ขยับถอยอาณาเขตไปยังสถานที่ที่แบ่งแยกกันตั้งแต่แรก อาศัยเชิงเขานอกเมืองลู่เปินเอ่อร์เป็นขอบเขต“ข้าก็่ขาดสติไปชั่วขณะ ขอเพียงข้าลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพนี้ ผลงานก็ต้องเป็นของข้า ดังนั้นข้าจึงให้ซูลันจีถอยทัพออกไปยี่สิบลี้ เหลือทิ้งไว้เพียงสิบสองคน หนึ่ง เพื่อให้แผนการเผายุ้งฉางของจ้านเป่ยว่างดำเนินการได้อย่างราบรื่น อีกอย่างหนึ่งคือ หลังจากข้าลงนามในสนธิสัญญาแล้ว เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของทหารของข้า"“เดิมทีเขาทิ้งไว้สิบสองคน ข้าก็กังวลว่าจะทิ้งยอดฝีมือไว้ พวกข้าก็จะยังมีอันตรายเช่นเดิม แต่เมื่อรู้ว่าในคนที่เขาทิ้งไว้ คนหนึ่งคือที่ปรึกษาสงคราม อีกสามคนคือหมอทหาร แบบนี้ข้าก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีก การลงนามในสนธิสัญญาราบรื่นกว่าที่ข้าคิดไว้อีก หลังจากลงนามแล้ว เราจับตัวท