ในห้องโถงดอกไม้ จ้านเป่ยว่างและหวังชิงหลูนั่งตรงข้ามกันหวังชิงหลูปาดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้า และไม่ได้มองดวงตาที่ผิดหวังของจ้านเป่ยว่าง นางแค่แก้ต่างให้ตนเองด้วยเสียงสะอื้น "วันนั้นข้าโกรธมากจริงๆ เพิ่งกลับมาจากบ้านพ่อแม่และเห็นรถม้าของพระชายาเป่ยหมิงอ๋องเดินผ่านหน้าประตูของเรา ท่านสามี ข้าแค่โกรธนะ ข้าสงสัยว่าคนที่ขว้างอุจจาระพวกนั้นเป็นนางหามา เพียงแต่เราไม่มีหลักฐาน ดังนั้นข้าจึงพูดกับนาง เพียงไม่กี่คำโดยไม่คาดคิดว่าโดนนางด่าทอยกใหญ่ พอกลับมาจวนก็เห็นคนใช้จับตัวคนที่ขว้างอุจจาระได้ ตอนนั้นอารมณ์เสียเลยสั่งให้คนหักมือเขา ข้าคิดไม่ถึงว่าคนใช้จะออกมือรุนแรงเข่นนั้น ขนาดหักทั้งมือและขาด้วย"จ้านเป่ยว่างจับประเด็นหนึ่งจากคำพูดของนาง "เจ้าบอกว่าเมื่อวานซ่งซีซีมาที่จวนแม่ทัพเหรอ?""นางไม่ได้เข้าจวนแม่ทัพหรอก แต่เดินผ่านซอยของเรา แล้วคนขว้างอุจจาระคนนั้นก็ถูกจับตัวได้ ถ้ามีหลักฐานข้าจะให้การเป็นพยานไปเอาผิดนางทันที แต่น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐาน""เจ้าทะเลาะกับนางหรือ นางพูดอะไร?" จ้านเป่ยว่างจับที่วางแขนของเก้าอี้ด้วยมือทั้งสองข้าง เล็บของเขาเกือบจะทิ่มแทงเข้าไปในไม้อยู่แล้วหวังชิงหลูตกตะ
เมื่อฟังดูคำสารภาพรักของนาง จ้านเป่ยว่างไม่ได้รู้สึกมีความสุขแม้แต่น้อยเลยดูเหมือนเขาจะไม่เคยเข้าใจหวังชิงหลูเลยจริงๆเพียงแต่ว่าตอนนั้นที่ตระกูลฝางยอมปล่อยให้นางกลับบ้านโดยไม่ต้องเป็นให้นางเป็นแม่ม่าย คิดว่าอาจเป็นเพราะนิสัยที่อ่อนโยนและใจดีของนาง...เขาไม่ค่อยเข้าใจนางแล้วพ่อบ้านไม่ได้กลับมาและองรักษ์ที่ไปด้วยนั้นก็ไม่ได้กลับเช่นกัน คนนั้นไม่ต้องการจัดการเป็นการส่วนตัว ขอแค่คนที่ทำร้ายเขาถูกลงโทษตามกฏก็เท่านั้นพ่อบ้านยอมรับว่าเขาเป็นคนออกคำสั่งเองเพื่อปกป้องหวังชิงหลูเอาไว้สำนักเขตจิงจ้าวเอาพวกเขาทั้งหมดจำคุก ในความผิดทางอาชญากรถือว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากชายคนนั้นแขนขาหักแล้ว และจำเป็นต้องได้รับการรักษา เขาจึงยังสามารถเรียกร้องค่ารักษาได้หวังชิงหลูต้องการยุติเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด และไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับเขาอีก ดังนั้นเขาจึงสั่งคนไปส่งเงินหนึ่งพันตำลึงให้เขาเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้เรื่องนี้ นางก็ดุหวังชิงหลู "ทำไมไม่ส่งคนไปตรวจดูว่าแขนขาของเขาหักจริงๆ หรือไม่ บางทีเขามาหลอกลวงคนก็ได้ เขามาขว้างอุจจาระใส่หน้าบ้านจวนแม่ทัพของเรายังเป็นฝ่ายได้เปรียบเสียอีกหรือ""น
จ้านเป่ยว่างพายี่ฝางไปที่จวนโหวเจี้ยนคังอีกครั้ง คราวนี้เขานำของขวัญมากมายมาด้วย จ้านเป่ยว่างถึงขนาดคุกเข่าที่หน้าประตูเพื่อขอพบเขาถือว่าเขาโชคดีด้วย โหวเจี้ยนคังไม่ได้อยู่ในจวน หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่องนี้แล้ว นางก็เชิญพวกเขาเข้าไปยี่ฝางมีสีหน้าเย็นชตลอดเวลา โดยไม่มีความตั้งใจที่จะกล่าวขอโทษเลยแต่ฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังดูเหมือนจะไม่สนใจ และยังสั่งให้เติมน้ำชาให้พวกเขาด้วยลูกสะใภ้ หลานสะใภ้และหลนสะใภ้ต่างยืนอยู่ข้างๆ ล้วนจ้องมองไปที่ยี่ฝางด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรจ้านเป่ยว่างคุกเข่าลงและพูดว่า "จ้านเป่ยว่างมาคารวะฮูหยินผู้เฒ่า ขอให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีสุขภาพแข็งแรง"ยี่ฝางก็คุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจแต่ไม่ได้พูดอะไรเลย ใช้ผ้าปิดหน้าไว้ ราวกับปากของนางถูกอะไรปิดกั้นเอาไว้อย่างไรอย่างนั้นฮูหยินผู้เฒ่าให้พวกเขาไม่ต้องมากพิธี และเชิญให้พวกเขานั่งลงจ้านเป่ยว่างพูดด้วยความกังวลมากว่า "ฮูหยินผู้เฒ่า วันนั้นภรรยาของข้าพูดหยาบคาย ไปก้าวร้าวฮูหยินผู้เฒ่าเข้า หวังว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะยกโทษให้ด้วย""มันแค่หยาบคายเหรอ? นางสาปแช่งต่างหาก" นางเฉิน หลานสะใภ้ของฮูหยินผู้เฒ่าพูดด้วยความโกรธ
สีหน้าของยี่ฝางเปลี่ยนไปอย่างมาก คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่านี้มันจี้ใจดำของนางชัดๆพูดถูกทุกประการเลยนางกำลังมองหาโอกาสที่จะเอาชนะซ่งซีซี เพื่อพิสูจน์ว่านางเก่งกว่าซ่งซีซีความคิดนี้ทรมานนางอยู่ทั้งวันทั้งคืน นางนอนไม่หลับ กินไม่ลง และมีความโกรธดันอยู่ในใจทุกวันคนที่นางแค้นขนาดนั้น ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เห็นนางอยู่ในสายตา?นางไม่เชื่อ!นางกำหมัดแน่นแล้วพูดว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าเคยเจอคนมามากมาย แต่เคยเจอคนหน้าซื่อใจคดจนชินเป็นนิสัยไหม ท่านเคยเห็นคนที่เหยียบย่ำผลงานทางทหารของคนอื่นเพื่อปีนขึ้นไปที่สูงหรือไม่ ท่านเคยเห็นคนประเภทที่ใช้ผลงานของท่านพ่อพี่ชายตนเองถึงที่สุดแต่ยังไม่พอใจหรือไม่ เคยเจอคนที่ไม่สนใจการตายร้ายดีของสหายร่วมรบและปล่อยให้พวกเขาถูกศัตรูจับตัวไป คนแบบนี้ กลับสามารถเป็นพระชายา ฮูหยินผู้เฒ่าคิดว่าพระเจ้ายุติธรรมไหม?"ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม แต่รอยย่นบนคิ้วของนางทำให้นางดูเป็นมิตรเป็นพิเศษ "คนแบบนี้มีแต่อยู่ในจินตนาการของเจ้าเท่านั้น ข้าจะเจอคนแบบนั้นได้อย่างไร"สีหน้าของยี่ฝางดูแย่มาก แม้จะมีผ้าคลุมปิดหน้าอยู่ แต่สามารถมองเห็นความโกรธของนางในตอนนี้ "ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เชื่อในสิ่งที่ข
ในท้ายที่สุดข่าวเรื่องจ้านเป่ยว่างถูกลดตำแหน่งเป็นองครักษ์ระดับเก้าของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงก็ไม่สามารถปกปิดจากฮูหยินผู้เฒ่าได้ หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่องนี้ นางก็ทุบหน้าอกของตนเองและร้องไห้อย่างขมขื่นนางสาปแช่งเสียงดัง โดยบอกว่าเป็นเพราะแต่งยี่ฝางผู้นำโชคร้ายเข้าจวน เลยทำให้จ้านเป่ยว่างหมดอนาคตเลยนางส่งคนไปตามหายี่ฝาง แต่ยี่ฝางไม่สนใจนางเลย และไล่ยายแก่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าออกไปโดยตรงสิ่งนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นางทุบขอบข้างเตียงแล้วพูดกับจ้านเป่ยว่างว่า "ทำไมตอนแรกจะหาคนที่ไม่เอาไหนคนนี้มา เป็นความโชคร้ายของตระกูงจริงๆ!"นางร้องห่นร้องไห้อย่างรุนแรง "ตอนที่นางมาเยี่ยมข้าก่อนที่นางจะแต่งเข้ามา นางกล่อมให้ข้าปลื้มอกปลื้มใจ เอาแต่พูดว่าต่อไปไม่ต้องห่วงใยเรื่องอนาคตของพวกเจ้าสองคน จวนแม่ทัพมีพวกเจ้าสองคนจะเจริญรุ่งเรือง แต่แล้วล่ะ ตอนนี้เจ้าเป็นแค่ข้าราชการระดับชั้นเก้า เป็นองครักษ์ลาดตระเวน แล้วจะมีอนาคตสดใสอะไรกัน?"การถูกลดตำแหน่งก็หาใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นที่ราชสำนักมาก่อน แต่ถูกลดมาถึงระดับชั้นเก้าในชั่วพริบตา ในเมืองหลวง มีขุนนางระดับชั้นเก
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ชาวบ้านชาวเมืองเริ่มลือกันเรื่องที่ยี่ฝางถูกชาวซีจิงจับตัวไปและถูกข่มขืนในสนามรบเดิมทีหลังจากกลับจากเขตหนานเจียง ก็มีเสียงเช่นนี้แพร่ออกมา แต่ในเวลานั้นแค่ลือกันว่าถูกชาวแคว้นซาจับตัวไป แล้วข้าวลือก็เงียบหายไปในไม่ช้าแต่คราวนี้ หลังจากกลับมาจากฮูหยินโหวเจี้ยนคังกลังจากกล่าวขอโทษเสร็จ ก็ไม่มีใครโยนอุจจาระไปใส่หน้าประตูจวนแม่ทัพ อีก แต่เรื่องที่ยี่ฝางถูกจับตัวไปและโดนข่มขืนนั้นกลับเป็นข่าวร้อนแรงอีกข่าวแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงในเวลาเพียงไม่กี่วัน และจะต้องถูกกระจายออกนอกเมืองอย่างแน่นอนทุกคนในจวนเป่ยหมิงอ๋องต่างก็พูดถึงเรื่องนี้เช่นกันแม้แต่ซ่งซีซีก็รู้สึกว่ามันแปลก เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงถูกเอามาลืนกันอีก ยังร้อนแรงเช่นนี้ด้วย หรือว่ากองทัพทหารมีคนเปิดเผยข่าวหรือ เรื่องนี้กองทัพซวนเจียรู้อย่างชัดเจน แต่กองทัพซวนเจียฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด เรื่องแบบนี้คงไม่ถูกแพร่ออกไปได้เมื่อรอเซี่ยหลูโม่กลับมาจากหอต้าหลี่ ซ่งซีซีก็ถามเขาเซี่ยหลูโม่นั่งลง และจิบน้ำชาพลางขมวดคิ้วก่อนพูดว่า "มีคนจงใจเผยแพร่เรื่องนี้ เพิ่งได้รับข่าวเมื่อวานนี้ว่า องค์ชายสามข
ภายในไม่กี่วันข่าวลือของยี่ฝางก็ไม่มีคนลือกันอีกอย่างที่คาดไว้นักเล่าเรื่องที่โรงเตี๊ยมต่างเปลี่ยนเนื้อเรื่องของพวกเขา โดยกล่าวว่าที่สงครามเขตหนานเจียงมีทหารถูกจับไปก็จริง แต่ฝ่ายเราก็จับทหารแคว้นซามาไม่น้อยเช่นกัน สุดท้ายทั้งสองประเทศได้แลกผู้ถูกจับกันและกัน เลยไม่มีทางเกิดเหตุการณ์ที่ว่าทรมานผู้ถูกจับของศัตรูหรือทหารแคว้นซาถูกทรมานหรือข่มขืนในสายตาของคนนอก นี่อาจเป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง แต่สำหรับคนที่อ่อนไหวต่อสถานการณ์ก็สังเกตเห็นบรรยากาศที่ไม่ปกติได้ประชาชนไม่รู้ว่าทหารจากเมืองซีจิงก็เข้าสู่สนามรบเขตหนานเจียงเพื่อช่วยเหลือแคว้นซา กิจการทางทหารที่สำคัญเช่นนี้จะต้องถูกเก็บเป็นความลับแม้ว่าจะมีคนที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็มีน้อยมาก และไม่สามารถแพร่กระจายได้อย่างกว้างขวางเช่นนี้ เว้นแต่จะมีคนที่จงใจเผยแพร่ทหารประจำจวนของจวนเป่ยหมิงอ๋องได้รับการจัดตั้งขึ้น บรรดาทหารนั้นมีมากกว่าสองร้อยคนเป็นคนจากกองทัพเป่ยหมิง เซี่ยหลูโม่ไปขอกับฮ่องเต้นำพวกเขากลับมา เดิมทีคนเหล่านี้เป็นทหารของจวนอ๋องอยู่แล้ว ไม่ได้รับเงินเดือนจากราชสำนักฮ่องเต้ได้อนุญาต ถึงยังไงกองทัพเป่ยหมิงสอ
นี่เป็นงานเลี้ยงแรกที่จัดโดยซ่งซีซี หลังจากที่นางแต่งเข้าจวนอ๋องหากจัดได้ไม่ดีก็จะทำให้คนอื่นหัวเราะได้ โดยเฉพราะที่สนมฮุ่ยไทเฟยให้ความสำคัญกับงานวันเกิดของตนเองมากนัก นางย่อมไม่อยากให้งานวันเกิดของตนเองเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอนดังนั้น นางจึงต้องถามสนมฮุ่ยไทเฟยด้วยตนเองว่ามีผู้ใดบ้างที่นางต้องเชิญหรือไม่?สนมฮุ่ยไทเฟยแสร้งคิดอยู่นานและกล่าวว่า "เต๋อกุ้ยไทเฟย ฉีกุ้ยไทเฟย หากพวกนางสามารถออกจากวังก็เชิญมาเลย ส่วนคนอื่นๆ นั้นเจ้าตัดสินใจเอง"ซ่งซีซีรู้ดีว่าพวกนางต้องได้รับเชิญแน่ๆ โดยเฉพาะเต๋อกุ้ยไทเฟยซ่งซีซีรู้สึกแปลกใจ ที่จริงแล้วคนโปรดของฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ใช่พวกนาง แต่เป็นพระสนมซูไทเฟยและพระสนมหวั้นกุ้ยไทเฟยที่ตายไปแล้วทำไมนางถึงไม่ลงรอยกันกับเต๋อกุ้ยไทเฟยและฉีกุ้ยไทเฟยตลอดล่ะ?ตอนนี้เนื่องจากการเกี่ยวดองกับตระกูลฉี ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับฉีกุ้ยไทเฟยจึงดีขึ้นมาหน่อย แต่สำหรับเต๋อกุ้ยไทเฟยแล้วยังคงต่อสู้ไปมาและไม่ลงรอยกันซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย "เต๋อกุ้ยไทเฟยเคยทำให้ท่านขุ่นเคืองใจหรือ"สนมฮุ่ยไทเฟยสบถขึ้นมาเบา "อย่าถูกหลอกด้วยรูปร่างหน้าตาภายนอกของนาง คนๆ นี้ดูจ
แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ
ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่
บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า
ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที
นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด
ตอนนี้เองที่ข้าพึ่งเข้าใจเจตนาของซีซี เส้าฮูหยินนำคนไปก่อเรื่องถึงตระกูลหวังจนเสียหน้า เช่นนั้นก็ต้องไปขอขมาถึงที่นั่นด้วย และใช้เรื่องที่เส้าซื่อจื่อประพฤติตัวต่ำทรามมาจับจุดอ่อนตระกูลเส้า ต่อจากนี้ ต่อให้จืออวี่แต่งเข้ามา พวกเขาก็จะไม่กล้ารังแกอีกทั้งมีคนหนุนหลัง ทั้งมีเรื่องให้ถือไพ่เหนือกว่าแต่วันนี้ข้ามาเพื่อระบายความโกรธ เป้าหมายก็เส้าฮูหยิน ข้าย่อมไม่ยอมจากไปง่ายๆข้ารอจนปี้หมิงกับคนของเขาออกไปหมด จึงกล่าวกับเส้าฮูหยินว่า “เมื่อครู่ได้ยินท่านพูดว่าจวนป๋อเจวี๋ยของพวกท่านเป็นตระกูลขุนนางผู้ดีฟังแล้วช่างน่าขัน ตระกูลขุนนางผู้ดีที่ไหนจะทำเรื่องล่อลวงภรรยาน้อย บุกบ้านผู้อื่นอาละวาดไร้เหตุผล? วันนี้ข้าตั้งใจจะฉีกหน้าตระกูลเส้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่าเส้าหมิ่นรักเสี่ยวอวี่ด้วยใจจริง ข้าจึงไม่อยากทำให้เรื่องเลวร้ายจนเด็กทั้งสองต้องอับอาย แต่เรื่องที่เสี่ยวอวี่ถูกกดขี่ ข้าไม่อาจปล่อยผ่านได้ เด็กคนนี้ข้าเสิ่นว่านจือเลี้ยงดูมาเองกับมือ จะยอมให้ใครรังแกไม่ได้ เจ้าอาศัยว่าตัวเองเป็นจวนป๋อเจวี๋ย ก็เลยกล้ารังแกตระกูลหวังที่ไร้บรรดาศักดิ์ ตอนเจ้ารังแกผู้อื่นก็อย่ามาโทษคนอื่
ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย
ข้าชื่อเสิ่นว่านจือ เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ข้าขอระบายเรื่องหนึ่งก่อนเถิดมันช่างเกินจะทนได้แล้ว!ตระกูลเส้าเป็นเพียงจวนป๋อเจวี๋ยเล็กๆ เท่านั้น ฮูหยินตระกูลเส้ากลับกล้าโอหังถึงเพียงนี้ ข้าเสิ่นว่านจือมีชีวิตอยู่มานาน ปากมากปากจัดก็เห็นมาหลายคน แต่พวกสตรีที่ปากมากในหมู่ผู้มีอำนาจ ข้ายังได้พบเพียงไม่กี่คนพอรู้ว่าเสี่ยวอวี่ถูกลากออกไปตบหน้า แล้วถูกกล่าวหาว่าไร้ยางอายไปยั่วยวนบุรุษ ข้าก็แทบอยากจะพังประตูตระกูลเส้าไปเตะใครสักคน ลากคนออกมาแล้วตบกลับให้สาสมใจซีซีเองก็โกรธ แต่เตือนข้าว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งเอาแต่ระบายอารมณ์ ให้รีบไปดูเสี่ยวอวี่กับหวังชิงหรูก่อน เผื่อว่าทั้งสองจะทำเรื่องไม่คาดฝันต้องยอมรับว่าซีซีเป็นขุนนางมาหลายปี ย่อมมีวิจารณญาณในการแยกแยะเรื่องเร่งด่วนกับเรื่องสำคัญข้าจึงรีบเร่งไปยังตระกูลหวัง แล้วก็ได้รู้ว่าเสี่ยวอวี่กรีดข้อมือ ส่วนหวังชิงหรูก็ไล่สาวใช้ในเรือนออก ข้าจึงรู้สึกทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่จริงอย่างที่คาด หิมะยังไม่ทันตก หวังชิงหรูก็คิดจะแขวนคอตัวเองให้เป็นหมูตากแห้ง ข้าโกรธจนฟาดหน้านางไปหนึ่งฉาดที่จริงช่วงหลังมานี้ข้าเป็นคนอารมณ์ดีมาก
ข้ารู้ตัวอย่างแท้จริงว่าตนเองผิดมหันต์นั้น...เกิดขึ้นเมื่อใดกันนะ?มิใช่ตอนที่เจ้าสิบเอ็ดฝางกลับมา มิใช่ตอนที่หย่าขาดกับจ้านเป่ยว่าง และก็ไม่ใช่ตอนที่ตระกูลหวังประสบเคราะห์กรรมแต่เป็นตอนที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะออกเรือนตอนที่ตระกูลหวังตกอับ ข้าอยู่ในคุก เกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีต ข้าก็รู้ว่าตัวเองมีเรื่องผิด ข้ายินดีจะขัดเกลาความแข็งกร้าว เปลี่ยนแปลงตนเองแต่ในตอนนั้น ข้ายังไม่อาจเรียกได้ว่าได้สำนึกอย่างแท้จริง เพราะข้ายังคิดว่าทั้งหมดคือเรื่องของตนเอง ต่อให้ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด ก็เป็นข้าเองที่รับกรรม ใครอื่นล้วนไม่มีสิทธิ์มาตัดสินข้ารู้ดีว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องลำบากวุ่นวายเพราะความเอาแต่ใจของข้า ต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ข้าอาจเคยชินกับการที่นางดูแลข้าเช่นนี้ จึงมีทั้งความรู้สึกขอบคุณและเคารพนางแต่เรื่องราวในอดีตของข้า ข้ามิเคยอยากย้อนกลับไปคิด เพราะนั่นคือการทำร้ายตนเอง เป็นความทุกข์ทรมานกระทั่งวันที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะหมั้นหมาย ข้าจึงเริ่มพลิกดูตัวเองทุกแง่ทุกมุม ให้ความเสียใจแทรกซึมกัดกินหัวใจทุกลมหายใจอวี่เจี่ยเอ่อร์กับคุณชายเส้าหมิ่นแห่งจวนป