แม่นมเกาส่งรายชื่อมาให้ ชื่อก่อนเข้าวัง ชื่อหลังเข้าวัง บ้านเกิด อายุ ปีที่เข้าวัง และวังที่เคยรับใช้บ้าง ล้วนเขียนไว้อย่างละเอียดเมื่อดูเผินๆ ไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เคยรับใช้ในตำหนักอื่น ได้แก่ หลานเยว่ จิ้งซิน และซู่หลานป้าหลานเยว่เคยรับใช้พระสนมหวั้นกุ้ยเฟยมา หลังจากพระสนมหวั้นกุ้ยเฟยสิ้นพระชนม์ หลานเยว่ก็ถูกมอบให้แก่สนมฮุ่ยไทเฟยโดยไทเฮาเดิมทีจิ้งซินและซู่หลานเป็นคนดูแลพระสนมลี่เฟยของฮ่องเต้องค์ก่อน พระสนมลี่เฟยเป็นสนมคนโปรดในขณะนั้น แต่นางเสียชีวิตกะทันหัน ได้ยินว่าตายด้วยโรคร้ายแรงหลังจากที่พระสนมลี่เฟยสิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้องค์ก่อนก็โกรธมากจนเอาผิดคนที่อยู่ข้างกายนาง โดนลงโทษถูกวางยาตายหมด มีแต่จิ้งซินและซู่หลานที่ถูกไทเฮาเรียกไปดูแลสนมฮุ่ยไทเฟยที่กำลังป่วยนั้น เลยได้รอดชีวิตสำหรับคนอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นคนที่สนมฮุ่ยไทเฟยนำจากจวนของตนเอง แม่นมเกาเป็นพี่เลี้ยงเด็กของสนมฮุ่ยไทเฟย และสนมฮุ่ยไทเฟยถือว่านางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กไม่มีทางที่จะมีปัญหากับแม่นมเกา และสำหรับคนที่ถูกนำเข้ามาในวังจากจวนนั้นก็คงไม่มีปัญหาเช่นกันซ่งซีซีเลยสั่งให้ผู้คนจับตาดูทั้งสามคน
องค์หญิงใหญ่ยิ้มอย่างเย็นชา "จะรีบร้อนทำไม อยากทำเรื่องนี้ให้สำเร็จก็ต้องให้สนมฮุ่ยไทเฟยมาจัดการเอง""สนมฮุ่ยไทเฟย?" ท่านหญิงเจียอี้นึกถึงครั้งสุดท้ายที่แม่สามีและลูกสะใภ้สองคนมาทวงเงิน และนางก็อดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา "ตอนนี้นางเป็นพวกเดียวกันกับซ่งซีซีแล้ว จะยอมเชื่อฟังเราหรือ?"องค์หญิงใหญ่ค่อยๆ หยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ "นางไม่ฟังเรา แต่วิธีการยั่วยุมันก็มีผลกับนางตลอด มีคนหนึ่งสามารถบรรลุสิ่งนี้ได้"ดวงตาของท่านหญิงเจียอี้เป็นประกาย "จะใช้วิธียั่วยุงั้นเหรอ เต๋อกุ้ยไทเฟย"นางตบขาแล้วพูดว่า "ท่านแม่เป็นคนคิดรอบคอบจริงๆ ฉีอี๋เยว่ พระชายาฉินอ๋องมีบุตรสาวคนหนึ่ง ส่วนชายารองหยวนก็มีบุตรชายและบุตรสาวสองคน ชายารองหมิงก็มีบุตรสาวหนึ่งคน ตอนนี้ก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ คาดว่าที่ชายารองหมิงกำลังตั้งครรภ์นั้น สนมฮุ่ยไทเฟยยังไม่รู้เรื่อง แต่ถ้านางรู้ นางจะถูกยั่วให้เกิดความคิดแต่งอนุภรรยาให้เซี่ยหลูโม่ พวกนางสองแม่สามีและลูกสะใภ้หากทะเลาะกัน งั้นก็สนุกน่าดูเลย"องค์หญิงใหญ่ดื่มชาช้าๆ เมื่อน้ำชาเย็นแล้ว นางก็สั่งให้คนใช้ชงชาอีกแก้ว "พวกนางคงไม่มีทางอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอดหรอก แม่สามีกับลูกสะใภ้ถึงยังไงก
"ท่านแม่!" จ้านเส้าฮวนจัดเก็บความตื่นเต้นในสายตาของตนไม่ได้ "ท่านหญิงเจียอี้จะพาลูกไปเข้าร่วมงานด้วย นางบอกว่าในงานเลี้ยงวันเกิดนางจะช่วยให้ลูกกลายเป็นชายารองของเป่ยหมิงอ๋องได้"ทันใดนั้นดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาของฮูหยินผู้เฒ่าก็เป็นประกายขึ้นมา และนางพยายามลุกขึ้นนั่ง "เจ้าพูดจริงจังหรือ""แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริง ท่านหญิงเจียอี้บอกกับลูกด้วยปากเอง และองค์หญิงใหญ่ก็ฟังอยู่ข้างๆ ด้วย"ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกตื่นตาตื่นใจราวกับว่าเลือดในทั่วร่างไหลเวียนได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น และการหายใจก็เร็วขึ้น "หากเรื่องนี้เป็นจริงล่ะก็ องค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้ต่างก็เป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของเรา"แต่ไม่นานนักนางก็ขมวดคิ้วทันที "ทำไมพวกนางถึงช่วยเจ้าแบบนี้? พวกนางกำลังวางแผนอะไรกับเจ้าอยู่เหรอ? อย่าเพิ่งดีใจไป ให้แม่คิดดูก่อน"จ้านเส้าฮวนลุกขึ้นยืนและกระทืบเท้าของนาง "ท่านแม่ ไม่ว่าแผนการของพวกนางจะเป็นเช่นไร ขอแค่ข้าสามารถแต่งเข้าจวนอ๋อง ต่อให้ต้องอยู่ต่ำกว่าซ่งซีซี ข้าก็ยอม ถึงยังไงข้ามีอายุน้อยกว่า นางก็แค่ผู้หญิงที่แต่งงานมาสองครั้งนั้นจะดีกว่าข้าได้อย่างไร"จากนั้นนางรีบนั่งลงอีกครั้ง "นอ
นางหมินประหลาดใจ "ได้รับเชิญจริงๆ หรือว่าหลอกนางกันแน่ จะว่าไปท่านก็เป็นคนจากจวนแม่ทัพด้วย แล้วนางจะเชิญท่านไปได้ยังไง?""ทำไมจะเชิญชวนไม่ได้ล่ะ หาใช่ว่าทุกคนในจวนแม่ทัพล้วนจะใจร้ายหมด" ฮูหยินผู้เฒ่ารองมีความสุขและปลื้มอกปลื้มใจมาก "กลับไปบอกฮวนเอ๋อร์ จะได้ให้นางไปบอกแม่สามีของเจ้า เพื่อให้นางอึดอัดใจสักหน่อย"นางหมินยิ้มอย่างขมขื่น "อาสะใภ้รอง นี่ท่านกับท่านแม่สามีไม่กินเส้นกันขนาดนั้นเหรอ?"ฮูหยินผู้เฒ่ารองหัวเราะเยาะ "ใครล่ะที่จะไม่กินเส้นกันกับนาง แค่ไม่ชอบความโลภและความโหดเหี้ยมของนาง ยังเป็นคนเนรคุณด้วย ฮูหยินใหญ่ ข้าขอพูดอะไรตรงๆ ที่เจ้าอาจไม่ชอบฟังนะ เจ้านี่ช่างโง่จริงๆ ผู้ใดดีกับเจ้า ผู้ใดไม่ดีกับเจ้า เจ้าไม่แยกแยะเลย""ทำไมจะไม่แยกแยะล่ะ อาสะใภ้ก็รู้ดีว่าครอบครัวพ่อแม่ของข้าไร้ความสามารถ ท่านสามีก็ไม่ค่อยชอบข้า แม่สามียิ่งดูถูกข้าด้วย แล้วจะให้ข้าทำอะไรได้ล่ะ""เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้ แต่อย่าช่วยคนร้ายทำเรื่องชั่วๆ" ฮูหยินผู้เฒ่ารองพูดตรงๆ "แม่สามีของเจ้า หวังชิงหลู ยี่ฝาง และน้องสาวของสามีเจ้าล้วนไม่ใช่คนดีอะไร พวกนางต่างก็อยากรังแกซีซี เจ้าอยากไปช่วยพวกนางก็พอ""แน่นอน
นางต้องทุ่มเทน้ำพักน้ำแรงไปดูแลเรื่องต่างๆ ในจวน แถมยังใช้เงินส่วนตัวของตนเองมาอุดหนุนอีกด้วย แต่ละวันต้องเหนื่อยล้ามาก เมื่อนอนลงก็เหมือนกับเอวจะหักอยู่แล้วแต่ซ่งซีซีกลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุข นางไม่ยอมจริงๆขณะที่นางกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดนี้ ก็ได้ยินน้องสามีพูดว่า "ได้ยินมาว่าสนมฮุ่ยไทเฟยเคยพูดต่อสาธารณะว่านางไม่ชอบซ่งซีซีมาก่อน เดาว่าแม่สามีและลูกสะใภ้สองคนนี้คงไม่ลงรอยกัน อาจไม่แน่เมื่อถึงวันจัดงานเลี้ยงนั้น สนมฮุ่ยไทเฟยจะตั้งกฏให้ซ่งซีซีก็ได้ ด้วยนิสัยใจคอของซ่งซีซีในทุกวันนี้ เกรงว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เข้าแน่ๆ"หวังชิงหลูจำสิ่งที่นางพูดบนรถม้าในวันนั้นได้ นางหยิ่งผยองและกำเริบเสิบสานมาก อยากจะดูว่านางถูกสนมฮุ่ยไทเฟยรังแกกับตาจริงๆเพียงแต่ว่าไม่มีคำเชิญให้กับจวนแม่ทัพ แล้วนางไปได้อย่างไร?ทันใดนั้นนางก็คิดถึงครอบครัวของพ่อแม่ ตอนนี้พี่ชายได้ดูแลกองทัพเป่ยหมิง แล้วจวนเป่ยหมิงอ๋องกำลังจัดงานเลี้ยง ดังนั้นน่าจะมีบัตรเชิญให้จวนป๋อผิงซีสินะ?เมื่อคิดเช่นนี้ หลังจากดูแลแม่สามีกินยาเสร็จ แล้วบอกว่าท่านแม่ไม่ค่อยสบายเลยอยากกลับไปเยี่ยมแม่เมื่อกลับไปถามแม่แล้ว แก็พบว่าได้รับบัตร
ทำไมหวังชิงหลูจะไม่อยากมีลูกเร็วๆ ล่ะ?แต่นางก็มีเหตุผลที่ไม่สามารถบอกได้ท่านสามีดูเหมือนจะไม่ค่อยกระตือรือร้นในเรื่องอย่างที่ว่า ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะร่วมรักกันเป็นครั้งคราว เขาก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงตามหลักแล้วไม่น่าเป็นไปได้ เขาเป็นแม่ทัพ ร่างกายแข็งแรงดี ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?อาหารการกินในประจำวันของท่านสามี นางก็ใช้อาหารบำรุงเป็นหลัก เดิมทีอยากจะหาหมอมาตรวจให้ท่านสามีสักหน่อย แต่ก็กลัวว่าทำให้เขารู้สึกขายหน้าหวังชิงหลูมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกอยู่ในใจ นางรู้สึกว่าชีวิตดูเหมือนจะดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่พอคิดดูก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่เสมอ แต่ก็ไม่รู้ว่าสรุปแล้วมีปัญหาอะไรกันแน่พอดีว่านางจี พี่สะใภ้ของหวังชิงหลูซึ่งปัจจุบันคือฮูหยินป๋อผิงซีมาส่งยาให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่า นางประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้ยินว่าน้องสาวจะไปงานเลี้ยงของสนมฮุ่ยไทเฟยด้วยฮูหยินผู้เฒ่าพูดว่า "น้องเจ้าอยากไปก็ปล่อยให้นางไปเถอะ เพราะนางกับจวนเป่ยหมิงอ๋องรู้จักกันมาก่อนแล้ว แม้ว่าจะไม่มีบัตรเชิญให้จวนแม่ทัพ แต่นางไปกับพวกเราก็ไม่มีผู้ใดว่าอะไรหรอก"นางจีขมวดคิ้ว "ท่านแม่ ตอนนี้น้องสาวเป็นสมาชิกของจวนแม
ซ่งซีซีได้เชิญชวนตระกูลฝางจริงๆ ด้วย ตระกูลฝางเป็นตระกูลทหาร ยามนี้ฝางเทียนสวียังอยู่ในกองทัพเป่ยหมิง แม่ทัพผู้เฒ่าแห่งตระกูลฝางนอนป่วยมาสองสามปีแล้วนายหญิงของตระกูลฝางในปัจจุบันนี้คือฮูหยินของฝางเทียนสวี แล้วบ้านอื่นๆ ก็ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมเท่าไรเนื่องจากสูญเสียลูกหลานไปตระกูลทหารมีความเจ็บปวดที่คนอื่นไม่อาจเข้าใจได้เนื่องจากท่านสามีของตนเองยังทำงานอยู่ในกองทัพ บวกกับลูกๆ ยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นฝางฮูหยินจึงต้องออกไปสุงสิงกับคนอื่นบ้าง เพื่อหาคู่ครองและอนาคตให้ลูกๆ ด้วยบุตรชายคนโตของนางก็เข้าร่วมกองทัพด้วย แต่เมื่อออกศึกทำให้ขาข้างหนึ่งได้รับบาดเจ็บส่งผลให้เขาจนถึงเวลานี้แล้วยังหาคู่ไม่ได้บุตรชายรองเดินเส้นทางฝ่ายปกครอง ได้สอบติดจวี่เหริน (ชื่อตำแหน่งเมื่อสอบผ่านเข้ารับราชการในระดับกลาง) แต่เขาจะสอบต่อไปอย่างแน่นอนนอกจากนี้ยังมีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อฝางอวี่ซึ่งมีอายุสิบสามปี แม้ว่าจะไม่รีบ แต่บางคนก็หมั้นหมายกันเมื่ออายุสิบสองหรือสิบสามปี ส่วนนางก็ยังไม่ได้ตกลงสักทีคราวนี้ตระกูลฝางได้รับบัตรเชิญนี้ และฝางฮูหยินก็คิดที่จะพาอาสะใภ้ออกไปเดินเล่นสักหน่อยอาสะใภ้ก็คือนางลู่ ท่านแ
วันนี้อากาศดีจริงๆ แสงอาทิตย์ส่องผ่านกิ่งก้านทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นสบายตัวสนมฮุ่ยไทเฟยนั่งบนเก้าอี้ในห้องโถงหลัก รับคำแสดงความยินดีจากแขก หัวหน้าลู่รับของขวัญพลางบันทึกไว้ในหนังสือพร้อมคนรับใช้ ของขวัญชิ้นไหนมาจากครอบครัวใดต้องบันทึกไว้ และค่อยหาเวลาประเมินมูลค่าอีกที เมื่ออีกฝ่ายได้จัดงานอะไรก็ต้องให้ของขวัญที่มีมูลค่าพอๆ กันกลับแขกที่มาวันนี้ มีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้นฮูหยินและคุณหนูทุกท่านได้แต่หน้าแต่งตัวอย่างสวยงาม ต่างก็ดูแพงมากทีเดียว สนมฮุ่ยไทเฟยรัยิ้มจนหน้าแข็งทื่อแฃ้ว นางชายตาแลดูซ่งซีซี เห็นนางยังมีท่าทางเรียบร้อย รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงสดใส ราวกับว่ายิ้มจากใจจริงๆนางอดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่านางรับมือกับงานใหญ่ๆ แบบนี้ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อยเลยแขกชายได้รับการต้อนรับจากเซี่ยหลูโม่และอาจารย์หยู พวกเขานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของอาคารหลัก เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของไทเฟย ห้องโถงหลักจึงถูกสงวนไว้สำหรับไทเฟยและพวกสตรีด้วยเป็นเพราะไทเฟยมีสถานะพิเศษ นางจึงใช้ห้องโถงหลักของลานหลักองค์หญิงหมิ่นชิงและองค์หญิงฮุ่ยเจิงมาถึงแล้ว ฮูหยินเสนาบดีมาถึงแล้ว ฮูหยินของเจ้ากรมกระทรวงกลาโห