Share

บทที่ 445

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ซ่งซีซีได้เชิญชวนตระกูลฝางจริงๆ ด้วย ตระกูลฝางเป็นตระกูลทหาร ยามนี้ฝางเทียนสวียังอยู่ในกองทัพเป่ยหมิง แม่ทัพผู้เฒ่าแห่งตระกูลฝางนอนป่วยมาสองสามปีแล้ว

นายหญิงของตระกูลฝางในปัจจุบันนี้คือฮูหยินของฝางเทียนสวี แล้วบ้านอื่นๆ ก็ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมเท่าไรเนื่องจากสูญเสียลูกหลานไป

ตระกูลทหารมีความเจ็บปวดที่คนอื่นไม่อาจเข้าใจได้

เนื่องจากท่านสามีของตนเองยังทำงานอยู่ในกองทัพ บวกกับลูกๆ ยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นฝางฮูหยินจึงต้องออกไปสุงสิงกับคนอื่นบ้าง เพื่อหาคู่ครองและอนาคตให้ลูกๆ ด้วย

บุตรชายคนโตของนางก็เข้าร่วมกองทัพด้วย แต่เมื่อออกศึกทำให้ขาข้างหนึ่งได้รับบาดเจ็บส่งผลให้เขาจนถึงเวลานี้แล้วยังหาคู่ไม่ได้

บุตรชายรองเดินเส้นทางฝ่ายปกครอง ได้สอบติดจวี่เหริน (ชื่อตำแหน่งเมื่อสอบผ่านเข้ารับราชการในระดับกลาง) แต่เขาจะสอบต่อไปอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังมีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อฝางอวี่ซึ่งมีอายุสิบสามปี แม้ว่าจะไม่รีบ แต่บางคนก็หมั้นหมายกันเมื่ออายุสิบสองหรือสิบสามปี ส่วนนางก็ยังไม่ได้ตกลงสักที

คราวนี้ตระกูลฝางได้รับบัตรเชิญนี้ และฝางฮูหยินก็คิดที่จะพาอาสะใภ้ออกไปเดินเล่นสักหน่อย

อาสะใภ้ก็คือนางลู่ ท่านแ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
ทัศนี ทัศนี
เดินเรื่องโยกโย้มากอธิบายเรื่องการแต่งตัวเป็นบท2บทเริ่มรำคานละ
goodnovel comment avatar
Sugarless Capuchino
กี่ตอนจบเนี่ย ยาวเกินไป ตัวร้ายเยอะมากเกิน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 446

    วันนี้อากาศดีจริงๆ แสงอาทิตย์ส่องผ่านกิ่งก้านทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นสบายตัวสนมฮุ่ยไทเฟยนั่งบนเก้าอี้ในห้องโถงหลัก รับคำแสดงความยินดีจากแขก หัวหน้าลู่รับของขวัญพลางบันทึกไว้ในหนังสือพร้อมคนรับใช้ ของขวัญชิ้นไหนมาจากครอบครัวใดต้องบันทึกไว้ และค่อยหาเวลาประเมินมูลค่าอีกที เมื่ออีกฝ่ายได้จัดงานอะไรก็ต้องให้ของขวัญที่มีมูลค่าพอๆ กันกลับแขกที่มาวันนี้ มีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้นฮูหยินและคุณหนูทุกท่านได้แต่หน้าแต่งตัวอย่างสวยงาม ต่างก็ดูแพงมากทีเดียว สนมฮุ่ยไทเฟยรัยิ้มจนหน้าแข็งทื่อแฃ้ว นางชายตาแลดูซ่งซีซี เห็นนางยังมีท่าทางเรียบร้อย รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงสดใส ราวกับว่ายิ้มจากใจจริงๆนางอดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่านางรับมือกับงานใหญ่ๆ แบบนี้ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อยเลยแขกชายได้รับการต้อนรับจากเซี่ยหลูโม่และอาจารย์หยู พวกเขานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของอาคารหลัก เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของไทเฟย ห้องโถงหลักจึงถูกสงวนไว้สำหรับไทเฟยและพวกสตรีด้วยเป็นเพราะไทเฟยมีสถานะพิเศษ นางจึงใช้ห้องโถงหลักของลานหลักองค์หญิงหมิ่นชิงและองค์หญิงฮุ่ยเจิงมาถึงแล้ว ฮูหยินเสนาบดีมาถึงแล้ว ฮูหยินของเจ้ากรมกระทรวงกลาโห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 447

    หลังจากที่เต๋อกุ้ยไทเฟยนั่งลงแล้ว นางก็ยิ้มและพูดว่า "เมื่อพูดถึงบุญคุณน่ะ งั้นก็เทียบกับท่านผู้เฒ่าจวนโหวเจี้ยนคังไม่ติดสิ"ฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังยิ้ม "ทุกคนในนี้ต่างก็เป็นคนมีบุญคุณด้วย เต๋อกุ้ยไทเฟยมีบุญคุณอยู่แล้ว สนมฮุ่ยไทเฟยก็เช่นกัน ได้ลูกสะใภ้แสนดี ยิ่งไปกว่านั้นเป่ยหมิงอ๋องก็สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วย ต่างก็มีบุณคุณ"หลังจากได้ยินคำพูดนี้ สนมฮุ่ยไทเฟยก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย เป็นคนที่ผ่านโลกมามากย่อมรู้จัดการสถานการณ์ดีกว่าพวกนางสิ?คำพูดที่พูดอย่างส่งๆ นั้นก็ช่างเข้าหูทีเดียวทันใดนั้นนางก็ยิ้ม "ข้ากลับหวังว่าโม่เอ๋อจะใช้ชีวิตสบายๆ ในเมืองหลวงเช่นเดียวกันกับฉินอ๋อง มีภรรยาและลูกมากมาย ไม่ได้เหมือนบุตรชายอย่างข้าเป็นคนบ้างาน บางครั้งเห็นเขายุ่งตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ข้าก็รู้สึกเห็นใจเขาเลย"เต๋อกุ้ยไทเฟยยิ้ม "นั่นแสดงว่าโม่เอ๋อมีความสามารถ"ขณะที่นางพูดนั้น ก็อุ้มหลานชายไว้ในอ้อมแขนแล้วจูบเขาทีนึง จากนั้นมือน้อยๆ อวบๆ ของเขาก็กุมรอบคอของนาง แล้วกล่าวด้วยเสียงน่ารักว่า "เสด็จย่า"คำเรียกเสด็จย่านี้ทำเอาคนอื่นใจอ่อนระทวยทุกรายเลย สนมฮุ่ยไทเฟยเพิ่งจะได้ใจไม่นานนักก็เริ่มอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 448

    สีหน้าของหวังชิงหลูแข็งทื่อตระกูลฝางงั้นเหรอ? นี่เป็นความทรงจำอันยาวนานจนนางเกือบลืมเรื่องตระกูลฝางไปแล้วนางรีบหามุมห้องนั่งลง ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดจากตระกูลฝางมา แม่สามีคนเก่าของนางคงไม่มา นางชอบอยู่บ้านไม่ค่อยออกไปไหนเลยแต่ทว่าพอนางนั่งลงก็เห็นฝางฮูหยินคอยช่วยพยุงนางลู่ แม่สามีเก่าของนางเข้ามาแล้วพร้อมกับคุณหนูหลายคนจากตระกูลฝางด้วย"อาสะใภ้ฝาง" ซ่งซีซีรีบก้าวไปข้างหน้าคารวะกับฮูหยินฝางเทียนสวี แล้วทักทายนางลู่ "ฮูหยินสบายดีไหม"เมื่อนางลู่เห็นซ่งซีซี ดวงตาของนางก็รู้สึกร้อนขึ้นมา มีสถานการณ์เดียวกัน เมื่อสบตากับซ่งซีซีนางอดไม่ได้ที่รู้สึกเห็ฯใจทว่านางรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันอะไร ดังนั้นนางจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับอารมณ์ของตน และพูดด้วยรอยยิ้ม "พึ่งบารมีของพระชายา สบายดีเจ้าค่ะ"หลังจากที่นางพูดจบก็ติดตามฝางฮูหยินพร้อมกับเด็กๆ ไปข้างหน้าเพื่อคารวะสนมฮุ่ยไทเฟย จากนั้นทักทายกับองค์หญิงที่อยู่ ณ ที่นั้น เมื่อเหลือบมองรอบๆ นางลู่ก็เห็นหวังชิงหลูเข้านางสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นเดินตรงไปที่หวังชิงหลู "ชิงหลู ไม่เจอกันนาน บัดนี้สบายดีไหม"นางไม่รู้เกี่ยวกับการแต่งงานของหวังชิงหลู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 449

    บรรยากาศนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดจริงๆ แม้แต่สนมฮุ่ยไทเฟยซึ่งค่อนข้างเชื่องช้าก็ยังมองออกแล้ว นางเป็นคนแรกที่ลุกขึ้น "เมื่อไม่กี่วันก่อนซีซีได้เติมเต็มดอกไม้ล้ำค่ามากมายให้กับข้า ทุกคนไปรับชมกันดีกว่า และเฟื่องฟ้าบนผนังกำลังเบ่งบาน ดอกไม้สวยงามมาก หากไม่รับชมตอนนี้เมื่อรออีกสักพักคงจะเหี่ยวเฉาหมดแล้ว"ซ่งซีซีก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อกล่าวว่า "ใช่ ถ้าคนที่ไม่ชอบดูดอกไม้ และอยากดูงิ้วก็ตามข้าไปนะ"นางเข้าไปช่วยประคองสนมฮุ่ยไทเฟยเดินลงไป จากนั้นจึงเดินไปจับแขนนางลู่แล้วพูดเบาๆ ว่า "ไป ไปชมดอกไม้เป็นเพื่อนท่านกัน ไม่เจอกันนานมาก อยากคุยกับท่านให้หายคิดถึง"นางลู่ดูเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย นางไม่เข้าใจว่าทำไมหวังชิงหลูแต่งงานกับจ้านเป่ยว่าง ในเมื่อนางแต่งงานกับจ้านเป่ยว่าง ทำไมวันนี้นางต้องมาด้วยตระกูลฝางปล่อยนางกลับไป โดยหวังว่านางจะได้พบกับผู้ชายที่ดี แต่จ้านเป่ยว่างไม่ใช่อารมณ์ปัจจุบันของนางลู่น่าขยะแขยงพอๆ กับการกินแมลงวันเข้าปากไม่มีผิดบุตรชายของนาง คุณชายสิบเอ็ดเป็นคนโดดเด่นมากเพียงใด แม้ว่านางจะหาคนใหม่ ต่อให้ไม่ได้โดดเด่นเท่าบุตรชาย แต่ก็ไม่ควรเป็นคนชั่วที่ไร้คุณธร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 450

    ซ่งซีซีกล่าวว่า "ตระกูลหวังไม่ถูกรังแกได้ง่ายๆ หรอก ดังนั้นไม่ว่าจ้านเป่ยว่างจะเป็นคนแบบไหน ตราบใดมีจวนป๋อผิงซีอยู่ หวังชิงหลูจะไม่ถูกรังแกแน่ๆ"หลังจากหยุดชั่วครู่ นางก็พูดว่า "อย่าไปสนใจคนอื่นเลย ใช้ชีวิตของตนเองให้ดีก็พอ จะว่าไปบัดนี้ก็ไม่ใช่ครอบตรัวเดียวกันแล้ว หลังจากที่นางจากไปก็ไม่มีทางฝังหลุมฝังศพเดียวกันกับคุณชายสิบเอ็ด ใหเมื่อให้จดหมายหย่าแล้ว งั้นนางอยากจะแต่งกับผู้ใดก็เป็นเรื่องของนางเอง จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร นางก็ต้องยอมรับเอง"นางลู่ถอนหายใจช้าๆ "พระชายาพูดถูก เป็นข้าที่ยุ่งเรื่องคนอื่นมากไปจริงๆ"อันที่จริงนางไม่ได้สนิทกับซ่งซีซีเลย ตอนซ่งซีซียังเด็ก นางเคยพบมาไม่กี่ครั้งเอง ต่อมาซ่งซีซีกลับมาจากภูเขาเหม่ยชาน ทั้งสองครอบครัวก็ได้ไปมาหาสู่กันบ้าง แต่ตอนนั้นมีแต่ซ่งฮูหยินที่สุงสิงกับพวกนาง ซ่งซีซีมากสุดก็แค่เข้าไปคารวะเท่านั้นแต่เมื่อนางลู่เสียบุตรชายไปก็ราวกับเสียเสาหลักไป เมื่อเห็นซ่งซีซีก็คิดถึงบุตรชายของตนเองเคยอยู่ภายใต้คำสั่งของเสนาบดีกั๋วกง อีกทั้งเคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้บัญชาเซียวด้วย เลยรู้สึกใกล้ชิดกับนางโดยยากจะอธิบายได้ขณะที่พวกนางกำลังคุยกันอยู่ มีส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 451

    นางจีถอนหายใจ "ครั้งนี้ไม่ได้เชิญนางสักหน่อย แต่นางยืนกรานที่จะมา ตอนแรกที่นางแต่งงานเข้าตระกูลฝาง และหลังจากที่น้องเขยเสียชีวิต พวกท่านไม่เพียงแต่คืนสินเดิมทั้งหมดให้ แถมยังมอบค่าทำขวัญของคุณชายสิบเอ็ดให้นาง บวกกับมอบร้านค้าสองร้าน ตอนนี้ของทั้งหมดนี้ถูดนำไปสู่จวนแม่ทัพแล้ว ในวันแต่งงานของนาง นางยังคิดที่จะแข่งสินเดิมกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋องอีก""เดิมทีคำพูดเหล่านี้ข้าไม่ควรพูดกับท่าน แต่ข้าอดใจไม่ได้ ไม่อยากเห็นท่านต้องห่วงใยนางจนทุนข์ใจ ท่านอย่าไปวนใจนางเลย ดูแลร่างกายของตนเองให่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากคุณชายสิบเอ็ดอยู่ในสวรรค์ และเห็นท่านเศร้าโศกทุกวัน คงต้องอยู่ไม่สุขนะ"เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางลู่ก็รู้สึกตกใจอย่างยิ่งในใจของนางหวังชิงหลูไม่ใช่คนแบบนั้น นางเป็นคนรู้ความมีเหตุผล เคารพผู้ใหญ่ แต่ทำไมตอนนี้นางถึงกลายเป็นแบบนี้?ก่อนหน้านี้คือนางเสแสร้งหรือว่านางเปลี่ยนแล้วกันแน่?นางจีมองไปที่นางลู่ และมีคำบางคำกลิ้งอยู่ในลำคอของนางสักพัก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา"ขอบคุณฮูหยินที่บอกเรื่องนี้" นนางลู่พูดอย่างขมขื่น "ข้าเคยปฏิบัติต่อนางเสมือนเป็นบุตรสาวของตน และข้าก็ทนเห็นนางต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 452

    หวังชิงหลูร้อนใจขึ้นมา "สิ่งที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น ข่าวลือข้างนอกไม่มีมูลความจริง ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ยิ่งไปกว่านั้น ที่จวนแม่ทัพของข้าโดนเทอุจจาระใส่ก็เป็นฝีมือของนาง"นางลู่หันหลังจากไป นางเดินโซเซและหน้าซีด คำพูดของหวังชิงหลูทำให้นางเจ็บมากหลังจากฟังคำพูดของนางจี เดิมทีนางคิดว่าที่หวังชิงหลูแต่งงานกับจ้านเป่ยว่าง แม้ว่านางจะตอบตกลง แต่บอกว่านางถูกใจเขาก็ไม่เป็นจริงแต่หลังจากได้ยินคำพูดของนาง นางลู่ก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว ถึงไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะเอาจ้านเป่ยว่างคนชั่วนั้นมาเทียบกับลูกของตนเองนางกลับไปหาฝางฮูหยิน และจับมือหลานสะใภ้ไว้แน่น ไม่เช่นนั้นนางกลัวจริงๆ ว่าตนเองจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้และทำลายงานวันเกิดของสนมฮุ่ยไทเฟยได้ฝางฮูหยินพานางกลับไปโรงงิ้วเพื่อนั่งลง เมื่อซ่งซีซีเห็นดังนั้น นางก็ถามว่า "ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ไม่งั้นรีบกลับไปพักผ่อนเถะ เรามีเวลาอีกยาวนาน จะมาเมื่อไรก็ได้นี่น่ะ""พระชายาไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร" นางลู่ยังคงพยายามระงับอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้เพื่อไม่ให้ตนเองเสียท่าซ่งซีซีพูดว่า "ไม่วงั้นให้ข้าพาท่านไปที่ห้องโถงดอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 453

    ทุกสายตาจับจ้องไปที่จ้านเส้าฮวน จ้านเส้าฮวนแทบจะหลั่งน้ำตาหลังจากล้มลงอย่างแรงจนหัวเข่าและหน้าผากของนางก็เจ็บสาหัสแต่ความเจ็บปวดนั้นเป็นเรื่องรอง นางเกือบจะแตะต้องท่านอ๋องเข้าแล้วชัดๆนางคิดว่าแม้ว่าท่านอ๋องจะเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ แต่ผู้ชายล้วนมีความเห็นอกเห็นใจต่อสตรี เมื่อเห็นนางโน้วตัวจนกำลังจะล้มลงกับพื้น ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็จะเอื้อมมือไปช่วยโดยจิตใต้สำนึกแต่ในขณะที่นางคิดว่าตนเองจะประสบความสำเร็จนั้น จู่ๆ นางก็ดูเหมือนถูกพลังอะไรดึงไปข้างหน้า นางล้มตัวลงบนพื้น แต่ท่านอ๋องก็ถอยกลับไปสองสามก้าวในชั่วพริบตาความเร็วที่เขาถอยหลังนั้นเร็วจนทำเอาคนอื่นมองเห็นไม่ชัดเจน ราวกับว่าเขาไม่ได้ขยับตัวเลยนางเงยหน้าขึ้นด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตา และสบตาเข้ากับดวงตาที่เย็นชาคู่หนึ่ง ซึ่งทำให้นางสั่นไปทั้งตัวสาวใช้ช่วยพยุงนางลุกขึ้น นางแทบจะยืนไม่มั่นคง พิงกับสาวใช้ นางมองดูท่านหญิงเจียอี้ด้วยสัญชาตญาณ แต่ท่านหญิงเจียอี้ก็เฝ้าดูอยู่ไม่ไกล โดยไม่มีทีท่าจะเข้าไปช่วยนางแม้แต่น้อยและทุกคนมองดูนางด้วยสายตาเสียดสีหรือวิจารณญาณ"จำได้แล้ว นางเป็นคุณหนูจากจวนแม่ทัพ ชื่อจ้านเส้าฮวน""

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1505

    ฉินอ๋องได้รับความหวาดกลัว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาทเพื่อบรรเทาอาการซ่งซีซีไปเยี่ยมดูอาการของเขา หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ไร้สีเลือด ริมฝีปากยังสั่นระริก เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกมือสังหารไปหมดแล้วหรือยัง?”ซ่งซีซีบอกเขาว่า มือสังหารจากไปแล้ว เขาถึงค่อยหยุดสั่นไปบ้างที่จริง คนรอบตัวเขาต่างบอกไปแล้วว่าศัตรูถูกขับไล่ไปหมดแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ ต้องให้ซ่งซีซีเป็นคนพูดเองถึงจะรู้สึกปลอดภัยซ่งซีซีกำชับให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกมาหลี่เต๋อฮวยกำลังปลอบขวัญผู้คนอื่นๆ ในฐานะเสนาบดีกรมทหาร เขาผ่านประสบการณ์มามาก ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอันใด เขาเชื่อมั่นในตัวพระชายาและกองทัพซวนเจีย มิได้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรนัก อย่างมากก็แค่เสียหัวหนึ่งขณะเดียวกัน กลุ่มคนจากภูเขาเหม่ยชานรวมตัวกันสนทนา เริ่มสงสัยว่ากลุ่มคนชุดดำที่พบเจอที่ชายแดนเฉิงหลิง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารในคืนนี้ข้อสันนิษฐานนี้เป็นเสิ่นว่านจือที่กล่าวขึ้นมา นางคิดว่าพวกเขาหายตัวไปได้อย่างลึกลับเกินไป น่าจะมีเส้นทางลับที่ใช้หนีออกไป และพวกนั้นต้องมีแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้ายิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกลุ่มล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1504

    เช้าตรู่ กองคณะทูตออกเดินทางไปยังซีจิงซ่งซีซีมิได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะขากลับก็ยังต้องผ่านชายแดนเฉิงหลิงอยู่ดี นางยังมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของท่านตาอีกหลังจากออกจากชายแดนเฉิงหลิง เส้นทางก็เริ่มขรุขระมากขึ้น หลายจุดเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือไม่ก็ถูกทำลายโดยเจตนา ทำให้รถม้าวิ่งไปได้ยากทว่าฉินอ๋องกลับไม่ต้องการขี่ม้าอีกแล้ว แม้จะได้พักฟื้นอยู่หลายวัน แต่บาดแผลที่ต้นขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่มาก ถึงแม้จะเดินได้ แต่เมื่อต้องนั่งบนอานม้า ความเจ็บปวดยังคงสร้างความลำบากให้แก่เขาดังนั้น ฉินอ๋องผู้ที่เพิ่งสร้างความดีความชอบในชายแดนเฉิงหลิง และเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็เอ่ยปากว่าเขาจะนั่งรถม้าเมื่อรถม้าติดหล่ม กองทัพซวนเจียก็ลงจากหลังม้าช่วยกันเข็นอย่างยากลำบากดีที่ว่าตอนนี้เส้นทางระหว่างสองแคว้นเปิดให้สัญจร ไม่มีการปิดกั้น ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่ได้หากต้องปีนข้ามภูเขาสูงลิบลิ่ว เกรงว่าบั้นท้ายอันสูงศักดิ์ของฉินอ๋องคงต้องรับเคราะห์ไปอีกมากเมื่อเข้าสู่เขตแดนของซีจิง ขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่เปินเอ่อร์ ซึ่งมีขุนนางและทหารของซีจิงมาคอยต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1503

    นายท่านเซียวแปดออกคำสั่งให้ไปสืบหาเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้จ้านเป่ยว่างเป็นผู้นำกำลังไปสืบข่าวตามที่ต่างๆเรื่องที่ซ่งซีซีเดินทางมายังชายแดนเฉิงหลิงนั้น จ้านเป่ยว่างรู้ดี วันนั้นตอนที่คณะทูตเดินทางมาถึงเขตเมือง เขายืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขายืนอยู่ไกลมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงเงารางๆ คล้ายกับเป็นนางเท่านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองช่างทำเรื่องเปล่าประโยชน์ นางกับเขายังมีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีก? เรื่องราวของเมืองหลวง เขาสมควรอยู่ให้ห่างที่สุดในระหว่างที่คณะทูตพักอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาต่างก็ใช้เวลาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจา รวมถึงจำลองสถานการณ์หลายครั้งทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการเจรจาครั้งนี้ แม้จะง่ายกว่าครั้งก่อน แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างแท้จริงนี่คือเรื่องที่จักรพรรดิ์​นีใส่พระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ แน่นอนทางตระกูลเซียวเองก็เป็นกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจส่งคนเข้ามาสืบความลับเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคณะทูต หากพวกเขาล่วงรู้แผนการ ก็สามารถรับมือได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้แคว้นซางเสียเปรียบดังนั้น นายท่านเซียวแปดจึงสั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status