หลังจากที่เต๋อกุ้ยไทเฟยนั่งลงแล้ว นางก็ยิ้มและพูดว่า "เมื่อพูดถึงบุญคุณน่ะ งั้นก็เทียบกับท่านผู้เฒ่าจวนโหวเจี้ยนคังไม่ติดสิ"ฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังยิ้ม "ทุกคนในนี้ต่างก็เป็นคนมีบุญคุณด้วย เต๋อกุ้ยไทเฟยมีบุญคุณอยู่แล้ว สนมฮุ่ยไทเฟยก็เช่นกัน ได้ลูกสะใภ้แสนดี ยิ่งไปกว่านั้นเป่ยหมิงอ๋องก็สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วย ต่างก็มีบุณคุณ"หลังจากได้ยินคำพูดนี้ สนมฮุ่ยไทเฟยก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย เป็นคนที่ผ่านโลกมามากย่อมรู้จัดการสถานการณ์ดีกว่าพวกนางสิ?คำพูดที่พูดอย่างส่งๆ นั้นก็ช่างเข้าหูทีเดียวทันใดนั้นนางก็ยิ้ม "ข้ากลับหวังว่าโม่เอ๋อจะใช้ชีวิตสบายๆ ในเมืองหลวงเช่นเดียวกันกับฉินอ๋อง มีภรรยาและลูกมากมาย ไม่ได้เหมือนบุตรชายอย่างข้าเป็นคนบ้างาน บางครั้งเห็นเขายุ่งตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ข้าก็รู้สึกเห็นใจเขาเลย"เต๋อกุ้ยไทเฟยยิ้ม "นั่นแสดงว่าโม่เอ๋อมีความสามารถ"ขณะที่นางพูดนั้น ก็อุ้มหลานชายไว้ในอ้อมแขนแล้วจูบเขาทีนึง จากนั้นมือน้อยๆ อวบๆ ของเขาก็กุมรอบคอของนาง แล้วกล่าวด้วยเสียงน่ารักว่า "เสด็จย่า"คำเรียกเสด็จย่านี้ทำเอาคนอื่นใจอ่อนระทวยทุกรายเลย สนมฮุ่ยไทเฟยเพิ่งจะได้ใจไม่นานนักก็เริ่มอ
สีหน้าของหวังชิงหลูแข็งทื่อตระกูลฝางงั้นเหรอ? นี่เป็นความทรงจำอันยาวนานจนนางเกือบลืมเรื่องตระกูลฝางไปแล้วนางรีบหามุมห้องนั่งลง ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดจากตระกูลฝางมา แม่สามีคนเก่าของนางคงไม่มา นางชอบอยู่บ้านไม่ค่อยออกไปไหนเลยแต่ทว่าพอนางนั่งลงก็เห็นฝางฮูหยินคอยช่วยพยุงนางลู่ แม่สามีเก่าของนางเข้ามาแล้วพร้อมกับคุณหนูหลายคนจากตระกูลฝางด้วย"อาสะใภ้ฝาง" ซ่งซีซีรีบก้าวไปข้างหน้าคารวะกับฮูหยินฝางเทียนสวี แล้วทักทายนางลู่ "ฮูหยินสบายดีไหม"เมื่อนางลู่เห็นซ่งซีซี ดวงตาของนางก็รู้สึกร้อนขึ้นมา มีสถานการณ์เดียวกัน เมื่อสบตากับซ่งซีซีนางอดไม่ได้ที่รู้สึกเห็ฯใจทว่านางรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันอะไร ดังนั้นนางจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับอารมณ์ของตน และพูดด้วยรอยยิ้ม "พึ่งบารมีของพระชายา สบายดีเจ้าค่ะ"หลังจากที่นางพูดจบก็ติดตามฝางฮูหยินพร้อมกับเด็กๆ ไปข้างหน้าเพื่อคารวะสนมฮุ่ยไทเฟย จากนั้นทักทายกับองค์หญิงที่อยู่ ณ ที่นั้น เมื่อเหลือบมองรอบๆ นางลู่ก็เห็นหวังชิงหลูเข้านางสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นเดินตรงไปที่หวังชิงหลู "ชิงหลู ไม่เจอกันนาน บัดนี้สบายดีไหม"นางไม่รู้เกี่ยวกับการแต่งงานของหวังชิงหลู
บรรยากาศนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดจริงๆ แม้แต่สนมฮุ่ยไทเฟยซึ่งค่อนข้างเชื่องช้าก็ยังมองออกแล้ว นางเป็นคนแรกที่ลุกขึ้น "เมื่อไม่กี่วันก่อนซีซีได้เติมเต็มดอกไม้ล้ำค่ามากมายให้กับข้า ทุกคนไปรับชมกันดีกว่า และเฟื่องฟ้าบนผนังกำลังเบ่งบาน ดอกไม้สวยงามมาก หากไม่รับชมตอนนี้เมื่อรออีกสักพักคงจะเหี่ยวเฉาหมดแล้ว"ซ่งซีซีก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อกล่าวว่า "ใช่ ถ้าคนที่ไม่ชอบดูดอกไม้ และอยากดูงิ้วก็ตามข้าไปนะ"นางเข้าไปช่วยประคองสนมฮุ่ยไทเฟยเดินลงไป จากนั้นจึงเดินไปจับแขนนางลู่แล้วพูดเบาๆ ว่า "ไป ไปชมดอกไม้เป็นเพื่อนท่านกัน ไม่เจอกันนานมาก อยากคุยกับท่านให้หายคิดถึง"นางลู่ดูเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย นางไม่เข้าใจว่าทำไมหวังชิงหลูแต่งงานกับจ้านเป่ยว่าง ในเมื่อนางแต่งงานกับจ้านเป่ยว่าง ทำไมวันนี้นางต้องมาด้วยตระกูลฝางปล่อยนางกลับไป โดยหวังว่านางจะได้พบกับผู้ชายที่ดี แต่จ้านเป่ยว่างไม่ใช่อารมณ์ปัจจุบันของนางลู่น่าขยะแขยงพอๆ กับการกินแมลงวันเข้าปากไม่มีผิดบุตรชายของนาง คุณชายสิบเอ็ดเป็นคนโดดเด่นมากเพียงใด แม้ว่านางจะหาคนใหม่ ต่อให้ไม่ได้โดดเด่นเท่าบุตรชาย แต่ก็ไม่ควรเป็นคนชั่วที่ไร้คุณธร
ซ่งซีซีกล่าวว่า "ตระกูลหวังไม่ถูกรังแกได้ง่ายๆ หรอก ดังนั้นไม่ว่าจ้านเป่ยว่างจะเป็นคนแบบไหน ตราบใดมีจวนป๋อผิงซีอยู่ หวังชิงหลูจะไม่ถูกรังแกแน่ๆ"หลังจากหยุดชั่วครู่ นางก็พูดว่า "อย่าไปสนใจคนอื่นเลย ใช้ชีวิตของตนเองให้ดีก็พอ จะว่าไปบัดนี้ก็ไม่ใช่ครอบตรัวเดียวกันแล้ว หลังจากที่นางจากไปก็ไม่มีทางฝังหลุมฝังศพเดียวกันกับคุณชายสิบเอ็ด ใหเมื่อให้จดหมายหย่าแล้ว งั้นนางอยากจะแต่งกับผู้ใดก็เป็นเรื่องของนางเอง จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร นางก็ต้องยอมรับเอง"นางลู่ถอนหายใจช้าๆ "พระชายาพูดถูก เป็นข้าที่ยุ่งเรื่องคนอื่นมากไปจริงๆ"อันที่จริงนางไม่ได้สนิทกับซ่งซีซีเลย ตอนซ่งซีซียังเด็ก นางเคยพบมาไม่กี่ครั้งเอง ต่อมาซ่งซีซีกลับมาจากภูเขาเหม่ยชาน ทั้งสองครอบครัวก็ได้ไปมาหาสู่กันบ้าง แต่ตอนนั้นมีแต่ซ่งฮูหยินที่สุงสิงกับพวกนาง ซ่งซีซีมากสุดก็แค่เข้าไปคารวะเท่านั้นแต่เมื่อนางลู่เสียบุตรชายไปก็ราวกับเสียเสาหลักไป เมื่อเห็นซ่งซีซีก็คิดถึงบุตรชายของตนเองเคยอยู่ภายใต้คำสั่งของเสนาบดีกั๋วกง อีกทั้งเคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้บัญชาเซียวด้วย เลยรู้สึกใกล้ชิดกับนางโดยยากจะอธิบายได้ขณะที่พวกนางกำลังคุยกันอยู่ มีส
นางจีถอนหายใจ "ครั้งนี้ไม่ได้เชิญนางสักหน่อย แต่นางยืนกรานที่จะมา ตอนแรกที่นางแต่งงานเข้าตระกูลฝาง และหลังจากที่น้องเขยเสียชีวิต พวกท่านไม่เพียงแต่คืนสินเดิมทั้งหมดให้ แถมยังมอบค่าทำขวัญของคุณชายสิบเอ็ดให้นาง บวกกับมอบร้านค้าสองร้าน ตอนนี้ของทั้งหมดนี้ถูดนำไปสู่จวนแม่ทัพแล้ว ในวันแต่งงานของนาง นางยังคิดที่จะแข่งสินเดิมกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋องอีก""เดิมทีคำพูดเหล่านี้ข้าไม่ควรพูดกับท่าน แต่ข้าอดใจไม่ได้ ไม่อยากเห็นท่านต้องห่วงใยนางจนทุนข์ใจ ท่านอย่าไปวนใจนางเลย ดูแลร่างกายของตนเองให่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากคุณชายสิบเอ็ดอยู่ในสวรรค์ และเห็นท่านเศร้าโศกทุกวัน คงต้องอยู่ไม่สุขนะ"เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางลู่ก็รู้สึกตกใจอย่างยิ่งในใจของนางหวังชิงหลูไม่ใช่คนแบบนั้น นางเป็นคนรู้ความมีเหตุผล เคารพผู้ใหญ่ แต่ทำไมตอนนี้นางถึงกลายเป็นแบบนี้?ก่อนหน้านี้คือนางเสแสร้งหรือว่านางเปลี่ยนแล้วกันแน่?นางจีมองไปที่นางลู่ และมีคำบางคำกลิ้งอยู่ในลำคอของนางสักพัก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา"ขอบคุณฮูหยินที่บอกเรื่องนี้" นนางลู่พูดอย่างขมขื่น "ข้าเคยปฏิบัติต่อนางเสมือนเป็นบุตรสาวของตน และข้าก็ทนเห็นนางต
หวังชิงหลูร้อนใจขึ้นมา "สิ่งที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น ข่าวลือข้างนอกไม่มีมูลความจริง ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ยิ่งไปกว่านั้น ที่จวนแม่ทัพของข้าโดนเทอุจจาระใส่ก็เป็นฝีมือของนาง"นางลู่หันหลังจากไป นางเดินโซเซและหน้าซีด คำพูดของหวังชิงหลูทำให้นางเจ็บมากหลังจากฟังคำพูดของนางจี เดิมทีนางคิดว่าที่หวังชิงหลูแต่งงานกับจ้านเป่ยว่าง แม้ว่านางจะตอบตกลง แต่บอกว่านางถูกใจเขาก็ไม่เป็นจริงแต่หลังจากได้ยินคำพูดของนาง นางลู่ก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว ถึงไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะเอาจ้านเป่ยว่างคนชั่วนั้นมาเทียบกับลูกของตนเองนางกลับไปหาฝางฮูหยิน และจับมือหลานสะใภ้ไว้แน่น ไม่เช่นนั้นนางกลัวจริงๆ ว่าตนเองจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้และทำลายงานวันเกิดของสนมฮุ่ยไทเฟยได้ฝางฮูหยินพานางกลับไปโรงงิ้วเพื่อนั่งลง เมื่อซ่งซีซีเห็นดังนั้น นางก็ถามว่า "ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ไม่งั้นรีบกลับไปพักผ่อนเถะ เรามีเวลาอีกยาวนาน จะมาเมื่อไรก็ได้นี่น่ะ""พระชายาไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร" นางลู่ยังคงพยายามระงับอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้เพื่อไม่ให้ตนเองเสียท่าซ่งซีซีพูดว่า "ไม่วงั้นให้ข้าพาท่านไปที่ห้องโถงดอ
ทุกสายตาจับจ้องไปที่จ้านเส้าฮวน จ้านเส้าฮวนแทบจะหลั่งน้ำตาหลังจากล้มลงอย่างแรงจนหัวเข่าและหน้าผากของนางก็เจ็บสาหัสแต่ความเจ็บปวดนั้นเป็นเรื่องรอง นางเกือบจะแตะต้องท่านอ๋องเข้าแล้วชัดๆนางคิดว่าแม้ว่าท่านอ๋องจะเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ แต่ผู้ชายล้วนมีความเห็นอกเห็นใจต่อสตรี เมื่อเห็นนางโน้วตัวจนกำลังจะล้มลงกับพื้น ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็จะเอื้อมมือไปช่วยโดยจิตใต้สำนึกแต่ในขณะที่นางคิดว่าตนเองจะประสบความสำเร็จนั้น จู่ๆ นางก็ดูเหมือนถูกพลังอะไรดึงไปข้างหน้า นางล้มตัวลงบนพื้น แต่ท่านอ๋องก็ถอยกลับไปสองสามก้าวในชั่วพริบตาความเร็วที่เขาถอยหลังนั้นเร็วจนทำเอาคนอื่นมองเห็นไม่ชัดเจน ราวกับว่าเขาไม่ได้ขยับตัวเลยนางเงยหน้าขึ้นด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตา และสบตาเข้ากับดวงตาที่เย็นชาคู่หนึ่ง ซึ่งทำให้นางสั่นไปทั้งตัวสาวใช้ช่วยพยุงนางลุกขึ้น นางแทบจะยืนไม่มั่นคง พิงกับสาวใช้ นางมองดูท่านหญิงเจียอี้ด้วยสัญชาตญาณ แต่ท่านหญิงเจียอี้ก็เฝ้าดูอยู่ไม่ไกล โดยไม่มีทีท่าจะเข้าไปช่วยนางแม้แต่น้อยและทุกคนมองดูนางด้วยสายตาเสียดสีหรือวิจารณญาณ"จำได้แล้ว นางเป็นคุณหนูจากจวนแม่ทัพ ชื่อจ้านเส้าฮวน""
แม่นมเหลียงเดินไปหาจ้านเส้าฮวน แล้วพูดว่า "คุณหนูจ้านได้รับบาดเจ็บที่หน้าผาก ตามข้าน้อยไปทำแผลสักหน่อยเถอะ"แม่นมเหลียงเคยทำงานในจวนแม่ทัพ และนางเป็นคนรู้จักสำหรับจ้านเส้าฮวนนางรู้ว่าหน้าผากของตนเองมีเลือดออก แม้ว่าเลือดออกจะไม่มาก แต่หากร่วมงานเลี้ยงวันเกิดด้วยสภาพแบบนี้ก็ถือว่าเสียมารยาทจริงๆ ดังนั้นจึงได้แต่ตามแม่นมเหลียงไปขณะที่แม่นมเหลียงทำแผลให้นาง นางดันพูดเบาๆ ว่า "อย่าไปคิดกับของที่มีเจ้าของแล้ว"จ้านเส้าฮวนเพียงรู้สึกละอายใจและตัวสั่นไปทั้งตัวที่ภายนอก เสิ่นว่านจือไปหาซ่งซีซี"เป็นท่านหญิงเจียอี้ผลักนาง แต่เห็นๆ อยู่ว่าทั้งสองคนสมรู้ร่วมคิดกันมาล่วงหน้า น่าจะต้องการให้จ้านเส้าฮวนไปใกล้ชิดกับชายของเจ้า และผู้ชายของเจ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแต่งงานกับนาง แต่สิ่งที่แปลกใจคือท่านหญิงเจียอี้ดูเหมือนไม่ได้สนใจว่าแผนจะสำเร็จหรือไม่"ซ่งซีซีกล่าวว่า "อืม ตั้งแต่ตอนที่เต๋อกุ้ยไทเฟยเข้ามาพร้อมกับหลานกลุ่มหนึ่ง จากนั้นดันพูดเรื่องการแต่งอนุภรรยา ข้าก็รู้ว่าพวกนางมีแผนอะไร เพื่อให้เสด็จแม่อิจฉา จากนั้นช่วยท่านอ๋องแต่งชายารอง ยั่วยวนความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเสด็จแม่ ส่วนจ้า