Share

บทที่ 254

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หลังจากออกจากวังแล้ว ซ่งซีซีก็พารุ่ยเอ๋อร์ขึ้นรถม้าเดินทางไปตระกูลขงต่อ

เวลานี้เป็นยามเย็นแล้ว และคุณท่านของตระกูลขงคงเลิกงานกลับจวนแล้ว

ในรถม้า รุ่ยเอ๋อร์เขียนหนังสือบนมือของซ่งซีซี "จะไปบ้านท่านตาหรือไม่"

ซ่งซีซีพยักหน้าแล้วพูดว่า "ใช่ เราไปบ้านท่านตาของหนู หนูไม่คิดถึงพวกเขาเหรอ?"

รุ่ยเอ๋อร์พยักหน้าและเขียนคำเดียวว่า "คิดถึง!"

แต่เขามีสีหน้าดูกังวลมาก

เด็กคนนี้เป็นคนอ่อนไหว และคนของตระกูลขงบอกว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าเขากลับมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าตระกูลขงคงไม่อยากเจอเขา

ซ่งซีซีเห็นความกังวลของเขาออกจึงพูดว่า "อย่ากังวลเลยนะรุ่ยเอ๋อร์ ท่านตาท่านยายและท่านลุงของหนูทุกคนคิดถึงหนูมาก แต่พวกเขาแค่ไม่เชื่อว่าหนูยังมีชีวิตอยู่ พอพวกเขาเจอหน้าหนูแล้ว ต้องดีใจมากๆ เลย"

รุ่ยเอ๋อร์พิงตัวท่านอา คางแหลมของเขายกขึ้นเล็กน้อย และเขาก็เปิดปากเพื่อพยายามส่งเสียงออกมา แต่มันก็ออกเสียงไม่ได้ เขารู้สึกหดหู่เล็กน้อย

ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรังเกียจที่เขากลายเป็นใบ้และเป็นง่อยหรือไม่?

หลังจากครุ่นคิดพักนึง เขาก็เขียนบนฝ่ามือของท่านอาว่า "พวกเขาจะรังเกียจรุ่ยเอ๋อร์หรือไม่"

ซ่งซีซีรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 255

    ซ่งซีซีรู้ดีว่าพวกเขามีความเข้าใจผิดเช่นนี้ ก่อนหน้านี้นางบอกว่าพอจะเข้าใจได้ แต่จริงๆ แล้ว นางไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้เช่นเดียวกับเมื่อนางได้รับจดหมายของเซี่ยหลูโม่ นางก็รีบออกเดินทางไปหลิงโจวทันที แม้ว่านางจะพยายามเกลี้ยกล่อมตัวเองว่าอย่ามีความหวังในตลอดทาง แต่นางก็ทำไม่ได้ที่นั่งเฉยๆ ขนาดไม่ไปตรวจดูด้วยตาของตนเองดังนั้น เมื่อนางได้ยินขงหยางพูดแบบนี้อีกครั้ง นางก็อารมณ์เสียขึ้นมา และหันกลับไปเปิดม่าน อุ้มรุ่ยเอ๋อร์ออกมา ยืนอยู่ตรงหน้าขงหยาง และพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่างน้อยก็ลองดูสักครั้งบ้าง ในระหว่างทางมาที่นี่ รุ่ยเอ๋อร์เขียนหนังสือบนฝ่ามือของข้าอย่างกังวลมาก เขากังวลว่าพวกเจ้าจะรังเกียจเขา ข้ายังปลอบใจเขาว่ามันไม่แน่นอน"ขงหยางต่อต้านวิธีการของนาง แต่เขาก็ยังมองดูเด็กที่นางอุ้มอยู่โดยสัญชาตญาณเพียงมองแวบเดียว เขาก็รู้ว่าเขาผิดมากแค่ไหนเพียงมองแวบเดียว ลมหายใจของเขาก็แทบจะหยุดลงคล้ายกันมาก คล้ายกันเกินไป แม้ว่าผอมโซไม่ได้กลมๆ และน่ารักเหมือนรุ่ยเอ๋อร์ในเมื่อก่อน แต่ก็คล้ายกันจริงๆริมฝีปากของเขาสั่น ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และเขาก็ตะโกนออกมาอย่างไม่แน่นอนว่า "รุ่ยเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 256

    ทุกคนทั้งบีบนางและนวดขมับให้นาง สุดท้ายนางถึงฟื้นขึ้นมาทันทีที่นางฟื้นตัวยังคงร้องไห้ต่อ "คุณพระช่วย ทำไมต้องให้เด็กทนทุกข์ทรมานขนาดนี้ ตระกูลซ่งมีแต่วีรบุรุษทั้งนั้น เหตุใดต้องมาตกเป็นสภาพเช่นนี้ สวรรค์เอ๊ย เจ้าไม่ยุติธรรมเลย เจ้าโหดร้ายเกินไป"ซ่งซีซีทนไม่ได้ที่จะได้ยินคำพูดที่บีบคั้นใจเช่นนี้ และรีบออกไปข้างนอก ในช่วงเวลานี้ น้ำตาของนางดูเหมือนจะมาไม่หมดเลย ก่อนหน้านี้จะอดทนมากแค่ไหน บัดนี้ก็จะอ่อนแอมากเท่านั้น น้ำตาที่นางเคยกลั้นไว้ในเมื่อก่อนตอนนี้ก็ไหลออกมาหมดเลยพวกเขานำรุ่ยเอ๋อร์ไปเยี่ยมกับทีละคน จากนั้นจึงพาไปที่เรือนของคุณนายใหญ่ดีที่นางได้รับยาล่วงหน้า เมื่อนางเห็นว่ารุ่ยเอ๋อร์กลายเป็นใบและขาง่อยๆ นางทุกข์ใจจนหลั่งน้ำตา เหลนดีๆ ของนาง ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้ล่ะหลานสาวที่นางเลี้ยงมาด้วยมือของตนเองจากไปแล้ว เด็กคนนี้น่าเอ็นดู มีความประพฤติดีเหมือนกับท่านแม่ของเขา แน่นอนว่าหญิงชราเอ็นดูเขา เห็นเขาเป็นแก้วตาดวงใจของตนเอง บัดนี้กลายเป็นสภาพเช่นนี้ เท่ากับว่าเอามีดแทงใจนางจริงๆใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วยาม ทุกคนถึงกลั้นน้ำตาได้ และนั่งอย่างสงบในห้องโถงใหญ่ คุณนายใหญ่เดินออกมา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 257

    ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้พูดออกมา แต่ทุกคนรู้ดีว่านางกำลังกังวลว่าสนมฮุ่ยไทเฟยจะสร้างปัญหาให้เด็กแม้ว่าตระกูลขงจะไม่ค่อยได้เข้าร่วมการชุมนุมในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในข้างนอกก็รู้มาไม่น้อยโดยเฉพาะเรื่องของซ่งซีซี พวกเขาให้ความสนใจอยู่ เพียงแต่ไม่ได้ไปสอบถามอะไรพวกเขาทุกคนรู้ดีว่าสนมฮุ่ยไทเฟยไม่พอใจกับลูกสะใภ้คนนี้มากนัก หากนางพารุ่ยเอ๋อร์ไปด้วย เกรงว่าสนมฮุ่ยไทเฟยจะยิ่งรังเกียจมากขึ้นซ่งซีซีกล่าวว่า "รุ่ยเอ๋อร์ต้องมาก่อนทุกอย่าง หากสนมฮุ่ยไทเฟยรับรุ่ยเอ๋อร์ไม่ได้ งั้นข้าจะพาเขากลับจวนเสนาบดีกั๋วกง ข้าสัญญากับพวกเจ้าว่า จะไม่ให้รุ่ยเอ๋อร์โดนรังแกแม้แต่น้อยเจ้าคะ"เห็นได้ชัดว่าคำรับรองของนาง ไม่ได้กำจัดความกังวลของทุกคน ถึงยังไงนางแต่งงานเป็นครั้งที่สองแล้ว แม่สามีไม่ชอบ ดังนั้นนางจะต้องโดนเล่นงานทุกวันอย่างแน่นอนแม้ว่าเป่ยหมิงอ๋องจะคืนยุติธรรมให้ แต่เป็นคนที่ต้องมาตัดสินทุกอย่างระหว่าท่านแม่กับภรรยาของตนเอง เมื่อเวลานานๆ ก็จะเสียความอดทนไปคุณท่านรองจากบ้านรองแห่งตระกูลขงกล่าวว่า "จริงๆ แล้ว มันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับรุ่ยเอ๋อร์ที่จะอยู่ในตระกูลขง เพราะเรามีผู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 258

    วันรุ่งขึ้น จวนตระกูลขงส่งอาหารจานโปรดของรุ่ยเอ๋อร์มาให้ ยังบอกด้วยว่าสตรีในแต่ละเรือนกำลังยุ่งอยู่กับการเย็บผ้าและทำเสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้าให้กับนายน้อยรุ่ยเอ๋อร์จวนตระกูลขงใช้การกระทำเพื่อแสดงความรักความห่วงใยที่พวกเขามีต่อรุ่ยเอ๋อร์รุ่ยเอ๋อร์ก็ขจัดความกังวลออกไปหมดเช่นกัน ครอบครัวของท่านตาของเขาไม่ได้รังเกียจเขา แต่ยังใส่ใจกับเขามากวันนี้หมอมหัศจรรย์ดันมาด้วยตนเองอีกที โดยบอกว่าจะตรวจชีพจรอีกครั้งเผื่อมีอะไรพลาดไปในความเป็นจริง ด้วยทักษะทางการแพทย์ของเขา ทุกอย่างก็ชัดเจนแล้วที่เขาตรวจชีพจรเมื่อวานนี้ การระมัดระวังอย่างมากเช่นนี้ก็สามารถบอกได้ว่าเขาห่วงกับสายเลือดของจวนเสนาบดีกั๋วกงที่เหลือไว้ไม่มากมากหลังจากที่หมอมหัศจรรย์ดันจากไป เซี่ยหลูโม่ก็มาพร้อมกับจางต้าจ้วงเขาบอกกับซ่งซีซีว่าเขามาเยี่ยมรุ่ยเอ๋อร์และต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับรุ่ยเอ๋อร์รุ่ยเอ๋อร์มีความสุขมากที่เขามา และยังแสดงหินหมึกที่ท่านลุงของเขาให้กับเซี่ยหลูโม่ดู แถมยังบอกว่าสามารถมอบหินหมึกหนึ่งอันให้กับเซี่ยหลูโม่อย่างใจกว้างได้เซี่ยหลูโม่ยอมรับด้วยรอยยิ้ม และสอนให้เขาเขียนอย่างชำนาญด้วยมือของเขาอยู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 259

    นางกระพริบตา “ศิษย์น้องชาย?”ใบหน้าของเซี่ยหลูโม่แข็งทื่อ หันหลังกลับ และพูดปากแข็งว่า "ข้าไม่ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของสถาบันว่านซงเหมิน ท่านอาจารย์ของข้าบอกว่าข้าจะไม่เข้าร่วมสถาบันว่านซงเหมิน ข้าเป็นเพียงศิษย์ส่วนตัวของเขา"นางยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย "ศิษย์น้อง จะพูดเช่นนี้ก็คือกำลังพูกหลอกลวงแล้วนะ ขนาดศิษย์อาเป็นสมาชิกของสถาบันว่านซงเหมิน ท่านเป็นศิษย์ของเขา ท่านจะไม่เป็นสมาชิกของสถาบันว่านซงเหมินได้อย่างไร ศิษย์น้องไหว้ครูตั้งแต่เมื่อใดล่ะ? "ใบหน้าของเซี่ยหลูโม่ยังคงพยายามยิ้มอย่างหนัก และเขาก็เปลี่ยนเรื่องอย่างไม่สนใจอะไร "เมื่อกี้เราบอกว่าจะพารุ่ยเอ๋อร์ไปหาซ่งไท่กงสินะ เจ้าวางแผนจะไปเมื่อไหร่?"ซ่งซีซียกคางขึ้นแล้วกระพริบตาให้เขา “ศิษย์น้อง พี่และรุ่ยเอ๋อร์จะไปพรุ่งนี้”ไม่รู้ทำไม พอรู้ว่าเขาเป็นสมาชิกของสถาบันเอง ซ่งซีซีก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก และอยู่ต่อหน้าเขาก็ได้เป็นตัวของตนเองมากขึ้น"..." เซี่ยหลูโม่กลอกตามองบนใส่นาง "ข้าอายุมากกว่าเจ้า"“อืม ศิษย์น้องอายุมากกว่าพี่จริงๆ” ซ่งซีซีมีความสุขมาก ไม่น่าแปลกใจในตอนแรกเขาไม่ยอมพูดอะไรเลย แค่บอกว่าไปภูเขาเหม่ยชานทุกปี ที่แท้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 260

    เขาเป็นผู้บัญชาการของกองทัพเป่ยหมิง แม้ว่าจะไม่มีสงครามและเขาพักอยู่ที่เมืองหลวง แต่กองทัพเป่ยหมิงก็อยู่ไม่ไกล งานที่กองทัพก็มีไม่น้อย บางทีต้องฝึกฝนทหารด้วย จะให้ดำรงตำแหน่งต้าหลี่ซื่อชิงได้อย่างไร?อีกอย่าง หอต้าหลี่รับผิดชอบเรือนจำและทบทวนโทษประหารชีวิตในคดีสำคัญๆ พวกนี้เป็นงานเรื่องเอกสารต่างๆ แต่เขาเป็นแม่ทัพนี่น่ะในเมื่อดำรงตำปหน่งต้าหลี่ซื่อชิงแล้ว เหตุใดต้องทำหน้าที่ผู้บังคับบัญชากองทัพซวนเจียอีกด้วย?ด้วยตำแหน่งทั้งขุนนางพลเรือนและแม่ทัพ บวกกับผู้บัญชาการแห่งกองทัพเป่ยหมิง เขาจะทำหน้าที่เยอะขนาดนี้ไหวเหรอ?เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย "ตราพยัคฆ์ที่กุมอำนาจทางทหารถูกส่งมอบไปแล้ว และตอนนี้ กองทัพเป่ยหมิงให้หวังเบียวดูแลชั่วคราว"หวังเบียว?ซ่งซีซีรู้จักเขา หวังเบียวคือท่านป๋อผิงซี คนนี้เคยมีชื่อเสียงในกองทัพ แต่เนื่องจากครั้งหนึ่งที่เขาได้รับบาดเจ็บในสนามรบ จากนั้นก็ออกศึกไม่ได้อีกเลย ได้สืบทอดยศถาบรรดาศักดิ์ของท่านปู้เขาก็เก็บตัวอยู่ในบ้าน ไม่ค่อยออกไปไหนอีกเลยเห็นๆ อยู่ว่าจวนป๋อผิงซีใกล้จะตกอับแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากฮ่องเต้แต่เหตุใดแม่ทัพพิการคนห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 261

    ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมาก เซี่ยหลูโม่ขอตัวกลับแล้วซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่นาน ดูเหมือนนางจะเข้าใจบางเรื่องได้ แต่ก็รู้สึกว่าตนเองไม่ได้เข้าใจทั้งหมดเมื่อเห็นว่านางกำลังงุนงง แม่นมเหลียงก็ลังเลก่อนจะก้าวไปข้างหน้า แต่กลับถูกเฉินฟูห้ามไว้ เฉินฟูส่ายหัวให้นาง "ไปหาอะไรให้นายน้อยกินเถอะ ฝึกฝนสักนานขนาดนี้ คงเหนื่อยแย่แล้วนะ"แม่นมเหลียงมองไปที่เฉินฟู แล้วถอนหายใจเบาๆ "ได้เลย!"นางหันกลับมาและไปที่ห้องครัว เฉินฟูเดินกะโผลกกะเผลกและพูดด้วยเสียงต่ำในห้องครัวว่า "ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการพูดกับคุณหนู แต่อย่าเพิ่งพูดตอนนี้ รอให้แต่งงานเสร็จก่อนเลย"แม่นมเหลียงพยักหน้า "เข้าใจแล้ว แค่เห็นคุณหนูกำลังสับสน ข้าเลยหุนหันพลันแล่นไปหน่อย ข้ารู้ดีว่าข้าไม่ควรหุนหันพลันแล่นเช่นนั้น"นางยังถอนหายใจ "ข้าเพิ่งรู้วันนี้ว่า ท่านอ๋องสละอำนาจทางทหารของเขา เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว ฉันก็พอจะเข้าใจว่าที่ท่านอ๋องสละอำนาจทางทหารก็เพื่อคุณหนู นี่ฝ่าบาทใช้คุณหนูเป็นเหยื่อ กำลังล่อจับท่านอ๋องอยู่เลย"เฉินฟูกล่าวว่า "คำบางคำแค่เข้าใจในใจก็พอ อย่าเอาไปพูดมั่วๆ ไปข้างนอก""เข้าใจเจ้าคะ คำเหล่านี้จะเอาไปพูดข้างนอกได้ยังไง เพียงแต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 262

    คนของตระกูลซ่งส่วนใหญ่ทำธุรกิจหรือไม่ก็เป็นเจ้าของที่ดินที่ซื้อทุ่งนาไว้ พวกเขาจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้ยังไงจะรุ่งโรจน์พร้อมกัน หรือไม่ก็ตกอับพร้อมกัน แม้ว่าจวนเสนาบดีกั๋วกงซ่งจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรอย่างแท้จริง แต่การมีจวนเสนาบดีกั๋วกงเป็นที่พึ่งพา หากคนอื่นอยากมาสร้างปัญหาก็คงต้องสำนึกและพิจารณาผลที่ตามมาดังนั้นทุกคนจึงเชื่อฟังสิ่งที่ซ่งไท่กงพูด อีกอย่างตระกูลซ่งก็ถือว่าสามัคคีกันมาโดยตลอด หลังจากจวนเสนาบดีกั๋วกงประสบกับเหตุการณ์ถูกฆ่าสังหารหมู่ เลยไม่มีใครรู้สึกอิจฉาจริงๆไท่กงพูดอะไรมากมาย และรุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็ฟังเข้าใจหมดตามหลัการปกติแล้ว เขาซึ่งเป็นเด็กน้อยจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมการประชุมตระกูลได้อย่างไร? ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เมื่อได้ยินไท่กงพูดคำพูดดังกล่าวเช่นนี้ ความรู้สึกถึงพันธกิจของครอบครัวก็เกิดขึ้นตามธรรมชาติเขายังไม่รู้ว่าตนเองจะต้องทำอะไร แต่ก่อนอื่นเขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำเรื่องผิดพลาดได้ และทำให้ครอบครัวซ่งและท่านพ่อของตนเองเสียหน้าไปเดือนตุลาคม อากาศเริ่มเย็นลงตระกูลขงส่งเสื้อผ้าจำนวนมากไปให้รุ่ยเอ๋อร์ และยังเลือกหนังชั้นดีให้เขาด้วย บัดนี้ไม่ว่าพวกเขาจะได

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1490

    ฮองเฮาทรงเสด็จออกมา ครั้นทอดพระเนตรเห็นฉากเบื้องหน้า พระเนตรพลันหม่นหมอง พระทัยเองก็ไม่อาจบรรยายความรู้สึกออกมาได้พระนางเสด็จเข้าไปท่ามกลางหมู่ขุนนาง แล้วตรัสว่า “องค์ชายใหญ่พ่ายแพ้ในวันนี้ นับเป็นเรื่องน่าอับอายอยู่บ้าง เพียงแต่เช้านี้เขารู้สึกปวดพระนาภี อ่อนแรงไปทั่วร่าง จึงได้เรียกหมอหลวงมาตรวจรักษา และจ่ายยาให้แล้ว”จักรพรรดิ์ซูชิงทรงขมวดพระขนง “หมอหลวงว่าอย่างไร?”ฮองเฮา รีบกราบทูล “หมอหลวงกราบทูลว่าทรงเสวยของที่ไม่ดีเข้าไปเพคะ ตอนนี้เสวยยาแล้ว อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว”จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสด้วยพระสุรเสียงเรียบเย็น “เช่นนั้น ฮองเฮาก็ดูแลเขาให้ดีเถิด”“เพคะ!” ฮองเฮาลอบมองปฏิกิริยาของผู้คนรอบข้าง แม้ไม่อาจอ่านความคิดพวกเขาได้ชัดเจน แต่เมื่อทอดพระเนตรสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ ก็ดูเหมือนไม่ได้กริ้วมากนัก เช่นนั้น เรื่องนี้ก็นับว่าผ่านไปได้แล้วกระมัง?พระนางแย้มพระโอษฐ์ขึ้นมาเล็กน้อย กำลังจะกล่าวถวายพระพรแสดงความยินดีที่ ฮ่องเต้ทรงล่าได้หมูป่า ทว่าทันใดนั้นก็ได้ยินพระองค์ตรัสขึ้นว่า “เรื่องที่แพ้ในวันนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับอาการประชวร หากล่าไม่ได้ ก็คือล่าไม่ได้ วันหน้าก็ฝึกฝนให้มากข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1489

    ความจริงแล้ว เรื่องราวของราชวงศ์นั้น ทุกคนก็มิได้คิดใคร่ครวญให้ลึกซึ้งนักโดยเฉพาะองค์ชายใหญ่ยังทรงพระเยาว์ แม้พ่ายแพ้ในวันนี้ก็มิใช่เรื่องใหญ่ ท้ายที่สุดแล้ว พระองค์เป็นโอรสของฮองเฮา ภายภาคหน้าจะสูงศักดิ์ยิ่งนัก ไหนเลยจะให้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้มาตัดสินแพ้ชนะได้?ยามนี้เมื่อเห็นพระองค์เจ็บปวดทุกข์ทรมาน เหล่าสตรีในวังก็พากันเสนอแนะถึงยาต่างๆ บ้างก็หยิบยาน้ำมันที่ติดตัวมาออกมาให้ ทูลว่าให้ใช้ทาถูนวดตรงท้องแม้แต่พระสนมซูเฟยและพระสนมเต๋อเฟยก็ตามเข้ามาเยี่ยมถามไถ่ด้วย ถึงอย่างไรครั้งนี้พวกนางก็นำองค์ชายและองค์หญิงออกมาด้วย ย่อมต้องเตรียมยาติดตัวมาไม่น้อย ครั้นเห็นองค์ชายใหญ่ทรงเจ็บปวดเพียงนี้ ก็พากันถวายยารักษากันคนละไม้คนละมือฮองเฮาย่อมมิได้ทรงคิดใช้ยานั้น พระนางเพียงต้องการให้พวกนางได้เข้ามาเห็นสภาพขององค์ชายใหญ่ด้วยตาตนเอง จากนั้นเมื่อนำความกลับไป ก็คงต้องเล่าให้บรรดาขุนนางของตนได้รับรู้เป็นแน่สรุปแล้ว ความล้มเหลวในวันนี้จำต้องมีคำอธิบาย ต้องมีเหตุผลให้ทุกคนเข้าใจว่าองค์ชายใหญ่ไม่ได้ไร้ความสามารถ เพียงแต่ทรงประชวรอยู่เท่านั้นหลังจากถามไถ่อาการกันครู่หนึ่ง ทุกคนก็พากันออกไป เว้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1488

    ไม่นานหลังจากนั้น ลู่เจินก็มาถึงเมื่อเห็นใต้เท้าซ่งและองค์ชายใหญ่ยังคงอยู่ด้วยกัน เขาจึงรู้สึกโล่งใจและกล่าวว่า "ใต้เท้าซ่ง ท่านต้องรีบพาองค์ชายใหญ่กลับไปเดี๋ยวนี้เลย เพื่อไม่ให้ฮองเฮาทรงเป็นห่วง พระองค์ทรงส่งคนไปตามหาแล้ว เพียงแต่เหล่าขันทีน้อยไม่กล้าเข้าไปในรั้ว พวกเขาแค่ตะโกนจากด้านนอก"องค์ชายใหญ่ดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะกลับไปซ่งซีซีจึงกล่าวว่า "เสด็จแม่ทรงรักเจ้ามาก พระองค์จะทรงเป็นห่วงเจ้า กลับไปเถอะ"องค์ชายใหญ่เบ้ปากพูดว่า "นางดุข้า นั่นไม่ใช่การรักหรอก นางเป็นคนเลว"ซ่งซีซีรู้สึกแปลกใจ มองไปที่เขา ฮองเฮาทรงรักและเอ็นดูเขา แม้พระองค์จะดุเขาบ้าง แต่ก็เป็นการแสดงความรักแท้ๆ เขาน่าจะรับรู้ได้ตอนนี้แค่โดนด่าไปสองคำ กลับกลายเป็นคนเลวเสียแล้ว?แต่เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่นางอยู่ในสถาบันว่านซงเหมิน นางก็เข้าใจในสถาบันว่านซงเหมินนั้น อาจารย์อาก็เคยดุและลงโทษนางหลายครั้ง นางไม่กล้าพูดอะไรเลย แต่ถ้าอาจารย์พูดคำพูดหนักๆ สักสองคำ นางก็จะรู้สึกเสียใจและบอกว่าอาจารย์เป็นคนไม่ดีอาจารย์เคยพูดเล่นกับอาจารย์ว่า นี่แหละผลของการเลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจ ผลลัพธ์คือการลดค่าและอำนาจของตัวเอง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1487

    พระสนมเต๋อเฟยทรงอ่อนโยนและเป็นมิตรยิ่งกว่าพระสนมซูเฟย พระนางมีพระอัธยาศัยกว้างขวางและใจดี แม้จะอยู่กับครอบครัว แต่ก็มีผู้คนแวะเวียนมาทักทายมิได้ขาด พระนางทรงต้อนรับทุกคนด้วยความเป็นกันเอง และบางครั้งยังพระราชทานของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่บุตรสาวของขุนนาง ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งฮองเฮาเองก็มีผู้คนมากมายมาเข้าเฝ้า ไหนเลยจะไม่เป็นเช่นนั้น ในเมื่อพระนางเป็นถึงพระอัครมเหสีแห่งแผ่นดิน มีตำแหน่งสูงศักดิ์ฮองเฮายังคงทรงรู้สึกว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง เรื่องไม่พอพระทัยก่อนหน้านี้ถูกกดเก็บไว้ในพระทัย ทรงแสร้งตรัสสนทนากับเหล่าขุนนางสตรีด้วยท่าทีสนิทสนมในงานเช่นนี้ ทุกคนล้วนถือโอกาสอันหาได้ยากนี้ ใช้สำหรับสร้างสายสัมพันธ์ หรือจับตาดูบุตรีขุนนางเพื่อนำไปเลือกคู่ครองให้บุตรชายฮองเฮาทรงต้องการซื้อใจเหล่าขุนนางสตรี ดังนั้นวันนี้พระนางจึงทรงเตรียมของรางวัลมากมายพระราชทานให้แก่บุตรสาวขุนนาง เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์พระอัครมเหสีผู้เมตตาและรอบคอบไม่นานนัก ทหารองครักษ์ก็เข้ามากราบทูลว่า ฮ่องเต้ทรงล่าหมูป่าตัวหนึ่ง ได้ เป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการล่าสัตว์ครั้งนี้ฮองเฮาทรงปลื้มพระ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1486

    ฮองเฮาทรงรู้สึกหงุดหงิดอย่างถึงที่สุดที่ได้ยินแต่คำตำหนิ "เช่นนั้น ตอนนี้ท่านกล่าวเช่นนี้แล้วจะมีประโยชน์อันใด? สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ คือหาวิธีพลิกสถานการณ์ให้กลับมาได้! ตอนนี้ฮ่องเต้ไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปในป่า แล้ววันนี้ลูกของพระสนมเต๋อเฟยกลับได้เปล่งประกายเต็มที่ ท่านพอใจแล้วหรือยัง? หากท่านมีวิธีแก้ ก็กล่าวออกมา หากเพียงแค่มาปลอบเขา ก็ไม่มีความจำเป็น!"พระนางยังคงมีความคับแค้นพระทัยต่อบ้านเกิดของตนเองฮูหยินใหญ่ฉีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อองค์ชายใหญ่ว่า "เมื่อเสด็จพ่อของเจ้ากลับมาจากล่าสัตว์ และเหล่าขุนนางอยู่กันพร้อมหน้า จงไปกราบทูลเสด็จพ่อว่าเจ้ารู้ตัวว่ามิได้มีสติปัญญาเฉียบแหลม และในอดีตก็เคยเกียจคร้าน แต่เมื่อล้มเหลวเช่นนี้แล้ว เจ้ารู้แล้วว่าผิดพลาดตรงไหน ต่อจากนี้เจ้าจะตั้งใจปรับปรุงตนเอง ศึกษากับไท่ฟูและเสด็จอาให้มากขึ้น และจะไม่ทำให้ไทเฮาและเสด็จพ่อต้องผิดหวังอีก ขอให้เสด็จพ่อและเหล่าขุนนางช่วยเป็นพยานและคอยตรวจสอบเจ้า"ฮองเฮาทรงเบิกพระเนตรกว้างจนแทบถลน "เจ้าสติวิปลาสไปแล้วหรือ? จะให้เขากล่าวต่อหน้าฮ่องเต้และขุนนางทั้งหมดว่าตนเองโง่เขลาและเคยเกียจคร้าน เช่นนั้นมิยิ่งเป็นการท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1485

    พอฮองเฮาทรงได้ยินเช่นนั้น พระทัยพลันหนักอึ้ง หันไปทอดพระเนตรบรรดาสตรีขุนนางและพระสนมที่อยู่โดยรอบ ทุกคนล้วนเผยสีหน้าสงสัยและอยากรู้อยากเห็น พระนางแย้มพระสรวลฝืนๆ แล้วตรัสว่า “องค์ชายใหญ่ทรงประชวร ปีหน้าค่อยเข้าร่วมอีกครั้งเถิด”ตรัสจบก็ส่งสายพระเนตรให้หลานเจี่ยนกูกูรีบไปสืบความ จากนั้นจึงจูงพระหัตถ์องค์ชายใหญ่ เสด็จกลับกระโจมเพื่อปลอบโยน องค์ชายใหญ่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่สามารถตรัสอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวได้ มีเพียงถ้อยคำที่ฮองเฮาทรงจับใจความได้ว่า ทุกคนรังแกเขา แม้แต่เสด็จพ่อก็รังแกเขาไม่นาน หลานเจี่ยนกูกูก็กลับมาพร้อมข่าว นางกราบทูลทุกอย่างให้ฮองเฮาทราบโดยละเอียดฮองเฮาทรงตกพระทัยอย่างถึงที่สุด ไม่อยากเชื่อหูพระองค์เองเมื่อทอดพระเนตรเห็นองค์ชายใหญ่ทรงร้องไห้จนพระเนตรบวมแดง พระนางกลับไม่รู้สึกสงสาร มีเพียงความหนาวเหน็บในพระทัยไม่มีมารดาผู้ใดเชื่อว่าบุตรของตนโง่เขลา พวกนางเพียงคิดว่าเด็กมิได้พยายามมากพอ อย่างแย่ที่สุด ก็เพียงบอกว่าเด็กฉลาดแต่ขี้เกียจตราบใดที่เขามุมานะ เขาก็จะตามทันทว่าตอนนี้ ฮองเฮาทรงเริ่มสงสัยว่าตัวเองให้กำเนิดเด็กโง่เขลาจริงหรือไม่ พระสุรเสียงเริ่มเจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1484

    วิธีการรักษาของหมอมหัศจรรย์ดันนั้นได้ผลดีจริงๆ ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน พระพักตร์ของจักรพรรดิ์ซูชิงดูสดใสขึ้นบ้าง ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ซีดเซียวและเหลืองซีดพลังในร่างกายของพระองค์ก็ฟื้นตัวขึ้นมาก หากไม่รู้สึกเจ็บบางครั้ง พระองค์คงคิดว่าตนหายดีแล้ววันนี้หมอมหัศจรรย์ดันไม่ได้มา แต่มีบุคคลจากโรงหมอหลวงมาหลายคน บอกว่าคนมาก จะได้ป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดการที่หมอมหัศจรรย์ดันไม่ได้มานั้น เหตุผลคงเป็นเพราะไม่อยากให้ขุนนางและครอบครัวทราบว่า พระจักรพรรดิ์ทรงไม่สามารถแยกจากหมอมหัศจรรย์ดันได้ในตอนนี้องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองถูกทหารพิทักษ์หลวงพาไปนั่งบนหลังม้า ร่างเล็กๆ ของพวกเขาแบกธนูอยู่บนหลัง ดูท่าทางเหมือนนักธนูจริงๆองค์ชายสามถูกฉีฟางอุ้มขึ้นหลังม้า เขาสวมเสื้อคลุมบางๆ สีแดง แก้มของเขาแดงระเรื่อจากความตื่นเต้น ทำให้ดูน่ารักยิ่งนักจักรพรรดิ์ซูชิงออกคำสั่ง ม้าร้อยตัววิ่งเข้าไปในป่า ลูกๆ ของพระองค์เริ่มล่าสัตว์เสียงของม้าที่วิ่งไปทำให้ทั้งสวนว่านหลินสั่นสะเทือน จนทำให้ฝูงนกตกใจและบินขึ้นไปซ่งซีซีไม่สบายใจ จึงนำปี้หมิงขี่ม้าตามไปด้วยสวนว่านหลินนี้นางเคยมาที่นี่กับบิดาเมื่อครั้งยั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1483

    จักรพรรดิ์ซูชิงแม้เคยฝึกฝนการต่อสู้มาแล้ว แต่ในด้านนี้กลับไม่ละเอียดรอบคอบเท่าเซี่ยหลูโม่ และไม่ได้สังเกตว่าองค์ชายรองมีพื้นฐานมาแต่เดิมพระองค์เพียงเห็นว่าองค์ชายรองมีท่าทางที่จริงจัง รัดกุม และก้าวหน้าได้รวดเร็วบุตรของพระองค์มีความเฉลียวฉลาด แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เกิดจากพระมารดาแห่งฮองเฮา เป็นความน่าเสียดายยิ่งนักมิฉะนั้น พระองค์ก็ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจ แค่เลือกเขาก็พอแล้ววันก่อนการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิ จักรพรรดิ์ซูชิงได้เรียกเซี่ยหลูโม่มาที่ห้องทรงพระอักษรและถามว่า "เจ้าคิดว่าองค์ชายสามพระองค์ของข้านั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"เซี่ยหลูโม่ตอบตรงไปตรงมา "องค์ชายใหญ่ไม่สนใจในศิลปะการต่อสู้ ทรงมีความสามารถต่ำ ท่าทางหยาบคาย การยิงธนูยังผิดอยู่ ทุกครั้งที่แก้ไขแล้วก็ยังทำผิดอีก ครั้งหน้าแก้ไขแล้วก็ยังผิดอยู่เช่นเดิม ส่วนองค์ชายรองมีกำลังแข็งแรง ท่าทางคล่องแคล่ว และตั้งใจจริงกับการยิงธนู ทรงมีพื้นฐานมาก่อนแล้วจึงทำได้ดีเกือบเท่ากับรุ่ยเอ่อร์ ส่วนองค์ชายสามไม่ต้องพูดถึง เขาแค่ไปเล่นเท่านั้น"จักรพรรดิ์ซูชิงชะงักไป "มีพื้นฐาน? เขาเคยฝึกมาก่อนหรือ?""น้องได้สัมผัสแขนของเขาแล้ว และรู้สึกถึงกร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1482

    เซี่ยหลูโม่ในฐานะที่ปรึกษา ได้เข้าวังสอนวิชาอาวุธให้แก่สามองค์ชายก่อนถึงงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ผลิ ที่จริงแล้ว องค์ชายใหญ่ควรฝึกมาตั้งนานแล้ว ทว่าเดิมทีเขาได้รับการเลี้ยงดูจากฮองเฮา ถูกตามใจดั่งดวงตาดวงใจ งานหนักใดๆ ล้วนไม่เคยต้องแตะต้อง เมื่อถูกส่งไปอยู่กับไทเฮา แม้พระนางจะทรงจัดการศึกษาให้ครบถ้วนทั้งบุ๋นและบู๊ แต่เขากลับโง่เง่าและเกียจคร้านเป็นทุนเดิม งานเล่าเรียนในแต่ละวันก็หนักหนาพออยู่แล้ว วิชาหนึ่งยังฝึกไม่ทันเสริม อีกวิชาหนึ่งก็ต้องตามไม่ทันเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีพรสวรรค์แต่อย่างใด ซ้ำยังมิได้ขยันหมั่นเพียร จึงมักหาทางหลบเลี่ยงอยู่เสมอ ความก้าวหน้าที่น่าพอใจที่สุดในตอนนี้ คงเป็นเพียงการที่เขายอมไปเรียนหนังสือโดยไม่ร้องไห้อีก ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการฝึกครั้งนี้กลับเป็นรุ่ยเอ๋อร์ รุ่ยเอ๋อร์ได้ฝึกพื้นฐานไปบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้ออกแรงมากเกินไป หมอมหัศจรรย์ดันกล่าวว่าเขาต้องค่อยๆ ฝึก ไม่อาจรีบร้อน หากได้รับบาดเจ็บที่ขาอีกครั้ง จะไม่คุ้มค่าความเสียหาย ดังนั้น เมื่อเซี่ยหลูโม่สอนวิชาธนูให้พวกเขา รุ่ยเอ๋อร์จึงมีพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว ฝึกไปไม่กี่วันก็เริ่มเห็นผล ส่วนองค์ชายใหญ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status