Share

บทที่ 257

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้พูดออกมา แต่ทุกคนรู้ดีว่านางกำลังกังวลว่าสนมฮุ่ยไทเฟยจะสร้างปัญหาให้เด็ก

แม้ว่าตระกูลขงจะไม่ค่อยได้เข้าร่วมการชุมนุมในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในข้างนอกก็รู้มาไม่น้อย

โดยเฉพาะเรื่องของซ่งซีซี พวกเขาให้ความสนใจอยู่ เพียงแต่ไม่ได้ไปสอบถามอะไร

พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าสนมฮุ่ยไทเฟยไม่พอใจกับลูกสะใภ้คนนี้มากนัก หากนางพารุ่ยเอ๋อร์ไปด้วย เกรงว่าสนมฮุ่ยไทเฟยจะยิ่งรังเกียจมากขึ้น

ซ่งซีซีกล่าวว่า "รุ่ยเอ๋อร์ต้องมาก่อนทุกอย่าง หากสนมฮุ่ยไทเฟยรับรุ่ยเอ๋อร์ไม่ได้ งั้นข้าจะพาเขากลับจวนเสนาบดีกั๋วกง ข้าสัญญากับพวกเจ้าว่า จะไม่ให้รุ่ยเอ๋อร์โดนรังแกแม้แต่น้อยเจ้าคะ"

เห็นได้ชัดว่าคำรับรองของนาง ไม่ได้กำจัดความกังวลของทุกคน ถึงยังไงนางแต่งงานเป็นครั้งที่สองแล้ว แม่สามีไม่ชอบ ดังนั้นนางจะต้องโดนเล่นงานทุกวันอย่างแน่นอน

แม้ว่าเป่ยหมิงอ๋องจะคืนยุติธรรมให้ แต่เป็นคนที่ต้องมาตัดสินทุกอย่างระหว่าท่านแม่กับภรรยาของตนเอง เมื่อเวลานานๆ ก็จะเสียความอดทนไป

คุณท่านรองจากบ้านรองแห่งตระกูลขงกล่าวว่า "จริงๆ แล้ว มันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับรุ่ยเอ๋อร์ที่จะอยู่ในตระกูลขง เพราะเรามีผู
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Notto Art
ใช่ใช่ อัพเยอะเยอะหน่อยจ้า วันล่ะ10 ตอน พร้อมเป ให้ถึงวันเข้าหอเลยจ้า
goodnovel comment avatar
Namwan Pongsuk
อัพตอนเยอะหน่อยนะคะ please...
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 258

    วันรุ่งขึ้น จวนตระกูลขงส่งอาหารจานโปรดของรุ่ยเอ๋อร์มาให้ ยังบอกด้วยว่าสตรีในแต่ละเรือนกำลังยุ่งอยู่กับการเย็บผ้าและทำเสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้าให้กับนายน้อยรุ่ยเอ๋อร์จวนตระกูลขงใช้การกระทำเพื่อแสดงความรักความห่วงใยที่พวกเขามีต่อรุ่ยเอ๋อร์รุ่ยเอ๋อร์ก็ขจัดความกังวลออกไปหมดเช่นกัน ครอบครัวของท่านตาของเขาไม่ได้รังเกียจเขา แต่ยังใส่ใจกับเขามากวันนี้หมอมหัศจรรย์ดันมาด้วยตนเองอีกที โดยบอกว่าจะตรวจชีพจรอีกครั้งเผื่อมีอะไรพลาดไปในความเป็นจริง ด้วยทักษะทางการแพทย์ของเขา ทุกอย่างก็ชัดเจนแล้วที่เขาตรวจชีพจรเมื่อวานนี้ การระมัดระวังอย่างมากเช่นนี้ก็สามารถบอกได้ว่าเขาห่วงกับสายเลือดของจวนเสนาบดีกั๋วกงที่เหลือไว้ไม่มากมากหลังจากที่หมอมหัศจรรย์ดันจากไป เซี่ยหลูโม่ก็มาพร้อมกับจางต้าจ้วงเขาบอกกับซ่งซีซีว่าเขามาเยี่ยมรุ่ยเอ๋อร์และต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับรุ่ยเอ๋อร์รุ่ยเอ๋อร์มีความสุขมากที่เขามา และยังแสดงหินหมึกที่ท่านลุงของเขาให้กับเซี่ยหลูโม่ดู แถมยังบอกว่าสามารถมอบหินหมึกหนึ่งอันให้กับเซี่ยหลูโม่อย่างใจกว้างได้เซี่ยหลูโม่ยอมรับด้วยรอยยิ้ม และสอนให้เขาเขียนอย่างชำนาญด้วยมือของเขาอยู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 259

    นางกระพริบตา “ศิษย์น้องชาย?”ใบหน้าของเซี่ยหลูโม่แข็งทื่อ หันหลังกลับ และพูดปากแข็งว่า "ข้าไม่ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของสถาบันว่านซงเหมิน ท่านอาจารย์ของข้าบอกว่าข้าจะไม่เข้าร่วมสถาบันว่านซงเหมิน ข้าเป็นเพียงศิษย์ส่วนตัวของเขา"นางยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย "ศิษย์น้อง จะพูดเช่นนี้ก็คือกำลังพูกหลอกลวงแล้วนะ ขนาดศิษย์อาเป็นสมาชิกของสถาบันว่านซงเหมิน ท่านเป็นศิษย์ของเขา ท่านจะไม่เป็นสมาชิกของสถาบันว่านซงเหมินได้อย่างไร ศิษย์น้องไหว้ครูตั้งแต่เมื่อใดล่ะ? "ใบหน้าของเซี่ยหลูโม่ยังคงพยายามยิ้มอย่างหนัก และเขาก็เปลี่ยนเรื่องอย่างไม่สนใจอะไร "เมื่อกี้เราบอกว่าจะพารุ่ยเอ๋อร์ไปหาซ่งไท่กงสินะ เจ้าวางแผนจะไปเมื่อไหร่?"ซ่งซีซียกคางขึ้นแล้วกระพริบตาให้เขา “ศิษย์น้อง พี่และรุ่ยเอ๋อร์จะไปพรุ่งนี้”ไม่รู้ทำไม พอรู้ว่าเขาเป็นสมาชิกของสถาบันเอง ซ่งซีซีก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก และอยู่ต่อหน้าเขาก็ได้เป็นตัวของตนเองมากขึ้น"..." เซี่ยหลูโม่กลอกตามองบนใส่นาง "ข้าอายุมากกว่าเจ้า"“อืม ศิษย์น้องอายุมากกว่าพี่จริงๆ” ซ่งซีซีมีความสุขมาก ไม่น่าแปลกใจในตอนแรกเขาไม่ยอมพูดอะไรเลย แค่บอกว่าไปภูเขาเหม่ยชานทุกปี ที่แท้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 260

    เขาเป็นผู้บัญชาการของกองทัพเป่ยหมิง แม้ว่าจะไม่มีสงครามและเขาพักอยู่ที่เมืองหลวง แต่กองทัพเป่ยหมิงก็อยู่ไม่ไกล งานที่กองทัพก็มีไม่น้อย บางทีต้องฝึกฝนทหารด้วย จะให้ดำรงตำแหน่งต้าหลี่ซื่อชิงได้อย่างไร?อีกอย่าง หอต้าหลี่รับผิดชอบเรือนจำและทบทวนโทษประหารชีวิตในคดีสำคัญๆ พวกนี้เป็นงานเรื่องเอกสารต่างๆ แต่เขาเป็นแม่ทัพนี่น่ะในเมื่อดำรงตำปหน่งต้าหลี่ซื่อชิงแล้ว เหตุใดต้องทำหน้าที่ผู้บังคับบัญชากองทัพซวนเจียอีกด้วย?ด้วยตำแหน่งทั้งขุนนางพลเรือนและแม่ทัพ บวกกับผู้บัญชาการแห่งกองทัพเป่ยหมิง เขาจะทำหน้าที่เยอะขนาดนี้ไหวเหรอ?เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย "ตราพยัคฆ์ที่กุมอำนาจทางทหารถูกส่งมอบไปแล้ว และตอนนี้ กองทัพเป่ยหมิงให้หวังเบียวดูแลชั่วคราว"หวังเบียว?ซ่งซีซีรู้จักเขา หวังเบียวคือท่านป๋อผิงซี คนนี้เคยมีชื่อเสียงในกองทัพ แต่เนื่องจากครั้งหนึ่งที่เขาได้รับบาดเจ็บในสนามรบ จากนั้นก็ออกศึกไม่ได้อีกเลย ได้สืบทอดยศถาบรรดาศักดิ์ของท่านปู้เขาก็เก็บตัวอยู่ในบ้าน ไม่ค่อยออกไปไหนอีกเลยเห็นๆ อยู่ว่าจวนป๋อผิงซีใกล้จะตกอับแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากฮ่องเต้แต่เหตุใดแม่ทัพพิการคนห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 261

    ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมาก เซี่ยหลูโม่ขอตัวกลับแล้วซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่นาน ดูเหมือนนางจะเข้าใจบางเรื่องได้ แต่ก็รู้สึกว่าตนเองไม่ได้เข้าใจทั้งหมดเมื่อเห็นว่านางกำลังงุนงง แม่นมเหลียงก็ลังเลก่อนจะก้าวไปข้างหน้า แต่กลับถูกเฉินฟูห้ามไว้ เฉินฟูส่ายหัวให้นาง "ไปหาอะไรให้นายน้อยกินเถอะ ฝึกฝนสักนานขนาดนี้ คงเหนื่อยแย่แล้วนะ"แม่นมเหลียงมองไปที่เฉินฟู แล้วถอนหายใจเบาๆ "ได้เลย!"นางหันกลับมาและไปที่ห้องครัว เฉินฟูเดินกะโผลกกะเผลกและพูดด้วยเสียงต่ำในห้องครัวว่า "ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการพูดกับคุณหนู แต่อย่าเพิ่งพูดตอนนี้ รอให้แต่งงานเสร็จก่อนเลย"แม่นมเหลียงพยักหน้า "เข้าใจแล้ว แค่เห็นคุณหนูกำลังสับสน ข้าเลยหุนหันพลันแล่นไปหน่อย ข้ารู้ดีว่าข้าไม่ควรหุนหันพลันแล่นเช่นนั้น"นางยังถอนหายใจ "ข้าเพิ่งรู้วันนี้ว่า ท่านอ๋องสละอำนาจทางทหารของเขา เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว ฉันก็พอจะเข้าใจว่าที่ท่านอ๋องสละอำนาจทางทหารก็เพื่อคุณหนู นี่ฝ่าบาทใช้คุณหนูเป็นเหยื่อ กำลังล่อจับท่านอ๋องอยู่เลย"เฉินฟูกล่าวว่า "คำบางคำแค่เข้าใจในใจก็พอ อย่าเอาไปพูดมั่วๆ ไปข้างนอก""เข้าใจเจ้าคะ คำเหล่านี้จะเอาไปพูดข้างนอกได้ยังไง เพียงแต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 262

    คนของตระกูลซ่งส่วนใหญ่ทำธุรกิจหรือไม่ก็เป็นเจ้าของที่ดินที่ซื้อทุ่งนาไว้ พวกเขาจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้ยังไงจะรุ่งโรจน์พร้อมกัน หรือไม่ก็ตกอับพร้อมกัน แม้ว่าจวนเสนาบดีกั๋วกงซ่งจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรอย่างแท้จริง แต่การมีจวนเสนาบดีกั๋วกงเป็นที่พึ่งพา หากคนอื่นอยากมาสร้างปัญหาก็คงต้องสำนึกและพิจารณาผลที่ตามมาดังนั้นทุกคนจึงเชื่อฟังสิ่งที่ซ่งไท่กงพูด อีกอย่างตระกูลซ่งก็ถือว่าสามัคคีกันมาโดยตลอด หลังจากจวนเสนาบดีกั๋วกงประสบกับเหตุการณ์ถูกฆ่าสังหารหมู่ เลยไม่มีใครรู้สึกอิจฉาจริงๆไท่กงพูดอะไรมากมาย และรุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็ฟังเข้าใจหมดตามหลัการปกติแล้ว เขาซึ่งเป็นเด็กน้อยจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมการประชุมตระกูลได้อย่างไร? ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เมื่อได้ยินไท่กงพูดคำพูดดังกล่าวเช่นนี้ ความรู้สึกถึงพันธกิจของครอบครัวก็เกิดขึ้นตามธรรมชาติเขายังไม่รู้ว่าตนเองจะต้องทำอะไร แต่ก่อนอื่นเขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำเรื่องผิดพลาดได้ และทำให้ครอบครัวซ่งและท่านพ่อของตนเองเสียหน้าไปเดือนตุลาคม อากาศเริ่มเย็นลงตระกูลขงส่งเสื้อผ้าจำนวนมากไปให้รุ่ยเอ๋อร์ และยังเลือกหนังชั้นดีให้เขาด้วย บัดนี้ไม่ว่าพวกเขาจะได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 263

    หมอมหัศจรรย์ดันพยักหน้า "สิ่งแรกคือการบอกเจ้าเกี่ยวกับการล้างพิษของเขา หลังจากการรักษามาระยะนึง ที่ข้าตรวจชีพจรของเขาและวินิจฉัยในวันนี้ ผลดีกว่าที่คาดไว้ และก้อนในลำคอของเขาก็หายดีไม่น้อย""จริงเหรอ?" แม้ว่าซ่งซีซีจะได้ยินจากหงเชวี่ยบอกว่าความคืบหน้าค่อนข้างดีในเมื่อวานนี้ แต่หลังจากการตรวจชีพจรและวินิจฉัยจากหมอมหัศจรรย์ดัน และเขาก็พูดแบบเดียวกัน ซ่งซีซีก็มีความสุขมากขึ้น "เยี่ยมมาก ขอบคุณหมอหงเชวี่ยจริงๆ นะ"หมอหงเชวี่ยยิ้มเล็กน้อยและไม่ถ่อมตัวอีกต่อไป มาวันเว้นวัน เขารู้สึกเหนื่อยจริงๆหมอมหัศจรรย์ดันจิบชาแล้วพูดต่อว่า "อย่างที่สอง อย่างที่เจ้าบอกเมื่อกี้ว่าร่างกายเกือบจะหายดีแล้วก็ถึงเวลารักษาขา อย่างที่ข้าเคยบอกไปแล้ว การรักษาขาต้องหักกระดูกแล้วกลับมาต่อใหม่"ซ่งซีซีใจเต้นไม่เป็นจังหวะ "ข้ารู้ มันจะต้องเจ็บปวดมาก""ต้องเจ็บปวดมากอยู่แล้ว เจ้าต้องคุยกับเขา และเตรียมใจให้พร้อม ที่นี่ก็มียาแก้ปวดอยู่บ้าง แต่ปวดกระดูกหัก ยาแก้ปวดไม่ค่อยได้ผล แนะนำให้ฝังจุดฝังเข็ม บรรเทาอาการปวดไปเลย""การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการปวด? เป็นไปได้ไหม?" ซ่งซีซีมีสงสัยเล็กน้อย "ก่อนหน้านี้ท่านไม่เคยพูดถ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 264

    หลังจากที่หมอมหัศจรรย์ดันจากไป ซ่งซีซีได้พูดคุยกับรุ่ยเอ๋อร์ก่อน เป็นเรื่องของเขาเอง เขาสามารถให้ความคิดเห็นได้แน่นอนว่าไม่ใช่เขาที่ตัดสินใจ เพียงว่าเขาสามารถให้ความคิดเห็นได้ พอนางไปจวนตระกูลขงก็พูดง่ายหน่อยหลังจากฟังคำพูดของท่านอาแล้ว รุ่ยเอ๋อร์ก็โน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของนางแล้วยิ้ม จากนั้นเขียนคำทีละคำบนฝ่ามือของนาง ว่า "อันที่จริงหมอหงเชวี่ยได้บอกหลานหมดแล้ว ความเจ็บปวดนั้นทนยากมาก ตอนนั้นขาของข้าถูกหัก ข้ารู้สึกเหมือนกำลังจะตายจากความเจ็บปวดอยู่แล้ว"ซ่งซีซีให้เขาเขียนใหม่อีกครั้ง แต่คำบางคำยังอ่านไม่ชัด หลังจากที่เขาเขียนอีกครั้ง นางก็เข้าใจและถามว่า "ดังนั้น หนูอยากจะใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการปวด ใช่ไหม?"รุ่ยเอ๋อร์กลับส่ายหัวและเขียนต่อ "แต่ หากมีความเสี่ยง อาจยังเป็นง่อยหลังจากได้รับการรักษาในอนาคต แล้วมันจะได้ที่ไหน เมื่อข้าโตขึ้น ข้าจะต้องเป็นผู้นำตระกูล เป็นผู้นำของจวนเสนาบดีกั๋วกงจะเป็นคนง่อยได้อย่างไร?"เขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเล็กๆ ที่แหลมของเขาตอนนี้ดูอ้วนขึ้นเล็กน้อย และนิ้วของเขายังคงเขียนบนฝ่ามือของท่านอาของเขาว่า "ท่านพ่อได้รับบาดเจ็บเสมอเมื่อเขาไปสนามรบ บาดเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 265

    เมื่อมาถึงเรือนของรุ่ยเอ๋อร์ หมิงจูก็ออกมาต้อนรับรุ่ยเอ๋อร์กำลังนอนอยู่บนเตียง รอกินยา เขาตัดสินใจว่าจะไม่เสี่ยงใดๆ เขาต้องการให้ตนเองดีขึ้นเขาเห็นว่าทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา แถมในดวงตาของพวกเขาแสดงความกังวล ทุกคนต้องการปลอบใจเขา แต่รุ่ยเอ๋อร์กลับแสดงท่าทีให้กำลังใจและเข้มแข็งแก่พวกเขาแทนทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้ามากยิ่งขึ้น เขาอายุเพียงเจ็ดขวบนี่เอง ซึ่งเป็นวัยที่มีผู้คนมากมายมารักเขาตามใจเขาในขณะที่หมอมหัศจรรย์ดันกำลังจะเริ่มการรักษา เซี่ยหลูโม่ก็มาสมาชิกของตระกูลขงต่างรู้ว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตของรุ่ยเอ๋อร์ ดังนั้นในตอนแรกพวกเขาก็ต้องการไปเยี่ยมและแสดงความขอบคุณต่อเขาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้คาดคิดว่าที่จะเห็นเขาที่นี่ เลยรีบไปแสดงความเคารพและแสดงความขอบคุณทันทีเซี่ยหลูโม่กดมือของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "มันก็แค่เรื่องบังเอิญ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรมาก ที่ข้ามาที่นี่วันนี้เพื่ออยู่เป็นเพื่อนกับเขาเวลาเขาได้รับการรักษา เราอย่าพูดอะไรมากนัก ทุกอย่างให้การรักษามาก่อน"ตอนแรกคนของตระกูลขงยังกังวลว่า หากรุ่ยเอ๋อร์ติดตามซ่งซีซี ไปที่จวนอ๋องในอนาคต เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ ท่านอ๋องจะร

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1505

    ฉินอ๋องได้รับความหวาดกลัว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาทเพื่อบรรเทาอาการซ่งซีซีไปเยี่ยมดูอาการของเขา หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ไร้สีเลือด ริมฝีปากยังสั่นระริก เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกมือสังหารไปหมดแล้วหรือยัง?”ซ่งซีซีบอกเขาว่า มือสังหารจากไปแล้ว เขาถึงค่อยหยุดสั่นไปบ้างที่จริง คนรอบตัวเขาต่างบอกไปแล้วว่าศัตรูถูกขับไล่ไปหมดแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ ต้องให้ซ่งซีซีเป็นคนพูดเองถึงจะรู้สึกปลอดภัยซ่งซีซีกำชับให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกมาหลี่เต๋อฮวยกำลังปลอบขวัญผู้คนอื่นๆ ในฐานะเสนาบดีกรมทหาร เขาผ่านประสบการณ์มามาก ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอันใด เขาเชื่อมั่นในตัวพระชายาและกองทัพซวนเจีย มิได้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรนัก อย่างมากก็แค่เสียหัวหนึ่งขณะเดียวกัน กลุ่มคนจากภูเขาเหม่ยชานรวมตัวกันสนทนา เริ่มสงสัยว่ากลุ่มคนชุดดำที่พบเจอที่ชายแดนเฉิงหลิง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารในคืนนี้ข้อสันนิษฐานนี้เป็นเสิ่นว่านจือที่กล่าวขึ้นมา นางคิดว่าพวกเขาหายตัวไปได้อย่างลึกลับเกินไป น่าจะมีเส้นทางลับที่ใช้หนีออกไป และพวกนั้นต้องมีแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้ายิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกลุ่มล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1504

    เช้าตรู่ กองคณะทูตออกเดินทางไปยังซีจิงซ่งซีซีมิได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะขากลับก็ยังต้องผ่านชายแดนเฉิงหลิงอยู่ดี นางยังมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของท่านตาอีกหลังจากออกจากชายแดนเฉิงหลิง เส้นทางก็เริ่มขรุขระมากขึ้น หลายจุดเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือไม่ก็ถูกทำลายโดยเจตนา ทำให้รถม้าวิ่งไปได้ยากทว่าฉินอ๋องกลับไม่ต้องการขี่ม้าอีกแล้ว แม้จะได้พักฟื้นอยู่หลายวัน แต่บาดแผลที่ต้นขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่มาก ถึงแม้จะเดินได้ แต่เมื่อต้องนั่งบนอานม้า ความเจ็บปวดยังคงสร้างความลำบากให้แก่เขาดังนั้น ฉินอ๋องผู้ที่เพิ่งสร้างความดีความชอบในชายแดนเฉิงหลิง และเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็เอ่ยปากว่าเขาจะนั่งรถม้าเมื่อรถม้าติดหล่ม กองทัพซวนเจียก็ลงจากหลังม้าช่วยกันเข็นอย่างยากลำบากดีที่ว่าตอนนี้เส้นทางระหว่างสองแคว้นเปิดให้สัญจร ไม่มีการปิดกั้น ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่ได้หากต้องปีนข้ามภูเขาสูงลิบลิ่ว เกรงว่าบั้นท้ายอันสูงศักดิ์ของฉินอ๋องคงต้องรับเคราะห์ไปอีกมากเมื่อเข้าสู่เขตแดนของซีจิง ขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่เปินเอ่อร์ ซึ่งมีขุนนางและทหารของซีจิงมาคอยต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1503

    นายท่านเซียวแปดออกคำสั่งให้ไปสืบหาเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้จ้านเป่ยว่างเป็นผู้นำกำลังไปสืบข่าวตามที่ต่างๆเรื่องที่ซ่งซีซีเดินทางมายังชายแดนเฉิงหลิงนั้น จ้านเป่ยว่างรู้ดี วันนั้นตอนที่คณะทูตเดินทางมาถึงเขตเมือง เขายืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขายืนอยู่ไกลมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงเงารางๆ คล้ายกับเป็นนางเท่านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองช่างทำเรื่องเปล่าประโยชน์ นางกับเขายังมีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีก? เรื่องราวของเมืองหลวง เขาสมควรอยู่ให้ห่างที่สุดในระหว่างที่คณะทูตพักอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาต่างก็ใช้เวลาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจา รวมถึงจำลองสถานการณ์หลายครั้งทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการเจรจาครั้งนี้ แม้จะง่ายกว่าครั้งก่อน แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างแท้จริงนี่คือเรื่องที่จักรพรรดิ์​นีใส่พระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ แน่นอนทางตระกูลเซียวเองก็เป็นกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจส่งคนเข้ามาสืบความลับเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคณะทูต หากพวกเขาล่วงรู้แผนการ ก็สามารถรับมือได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้แคว้นซางเสียเปรียบดังนั้น นายท่านเซียวแปดจึงสั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status