Share

บทที่ 265

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เมื่อมาถึงเรือนของรุ่ยเอ๋อร์ หมิงจูก็ออกมาต้อนรับ

รุ่ยเอ๋อร์กำลังนอนอยู่บนเตียง รอกินยา เขาตัดสินใจว่าจะไม่เสี่ยงใดๆ เขาต้องการให้ตนเองดีขึ้น

เขาเห็นว่าทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา แถมในดวงตาของพวกเขาแสดงความกังวล ทุกคนต้องการปลอบใจเขา แต่รุ่ยเอ๋อร์กลับแสดงท่าทีให้กำลังใจและเข้มแข็งแก่พวกเขาแทน

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้ามากยิ่งขึ้น เขาอายุเพียงเจ็ดขวบนี่เอง ซึ่งเป็นวัยที่มีผู้คนมากมายมารักเขาตามใจเขา

ในขณะที่หมอมหัศจรรย์ดันกำลังจะเริ่มการรักษา เซี่ยหลูโม่ก็มา

สมาชิกของตระกูลขงต่างรู้ว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตของรุ่ยเอ๋อร์ ดังนั้นในตอนแรกพวกเขาก็ต้องการไปเยี่ยมและแสดงความขอบคุณต่อเขาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้คาดคิดว่าที่จะเห็นเขาที่นี่ เลยรีบไปแสดงความเคารพและแสดงความขอบคุณทันที

เซี่ยหลูโม่กดมือของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "มันก็แค่เรื่องบังเอิญ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรมาก ที่ข้ามาที่นี่วันนี้เพื่ออยู่เป็นเพื่อนกับเขาเวลาเขาได้รับการรักษา เราอย่าพูดอะไรมากนัก ทุกอย่างให้การรักษามาก่อน"

ตอนแรกคนของตระกูลขงยังกังวลว่า หากรุ่ยเอ๋อร์ติดตามซ่งซีซี ไปที่จวนอ๋องในอนาคต เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ ท่านอ๋องจะร
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (2)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
สงสารรุ่ยเอ่อร์
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
การหักขาเพื่อต่อกระดูกได้เริ่มต้นแล้ว
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 266

    หมอมหัศจรรย์ดันกำลังนึกถึงเสียงกรีดร้องของรุ่ยเอ๋อร์เมื่อสักครู่นี้ ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเส้นเสียงของเขาด้วยเสียงนี้ทำให้หมอมหัศจรรย์ดันรู้สึกปลาบปลื้มใจสำหรับเรื่องการต่อกระดูกให้หงเชวี่ยทำเองก็ได้ แต่หมอมหัศจรรย์ดันให้ความสำคัญกับรุ่ยเอ๋อร์ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะทำเองสำหรับเขาแล้ว มันคล่องแคล่วมาก ดูเหมือนจะเป็นทักษะที่ฝังอยู่ในใจของเขา เขาเดินตามกระดูกขาทีละนิ้ว และเมื่อเขาไปถึงตำแหน่ง เขาก็ยืดมันให้ตรงอย่างระมัดระวังรุ่ยเอ๋อร์เจ็บปวดทั้งตัว และร่างกายของเขาก็สั่นเทาไม่หยุด เขาคว้าข้อมือของเซี่ยหลูโม่เอาไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง และเล็บของนางก็แทงเข้าเนื้อจนมีเลือดออกความเจ็บปวดของกระดูกหักนี้เจ็บปวดจริงๆยาแก้ปวดมีผลเพียงเล็กน้อย เขายังคงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแสนสาหัส แผลอยู่ที่ขา แต่เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกายหลังจากยืดขาให้ตรงแล้วก็เริ่มทายาและใช้แผ่นไม้สองแผ่นช่วยประกอบไว้ เขาทำได้เพียงอยู่บนเตียงจนกว่ากระดูกจะงอกขึ้นมาใหม่ยาทาที่หมอมหัศจรรย์ดันออกให้นั้นล้วนได้ผลมาก เขาพัฒนาเองจนไม่สามารถหาซื้อตามร้านขายยาอื่นๆ ได้ จึงจะได้ผลดีม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 267

    เซี่ยหลูโม่มองดูการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังและรวดเร็วของนาง นางก้มศีรษะลงและเห็นว่าขนตาหนาๆ สั่นเล็กน้อยเป็นครั้งคราว ราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานในสายลมหัวใจของเขาเต้นรัว เป็นเรื่องยากที่จะเห็นนางมีท่าทีอ่อนโยนขนาดนี้หลังจากที่เห็นมือของเขาถูกพันไว้สองรอบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม "ก็แค่อาการบาดเจ็บที่ผิวหนังนิดหน่อยนี่เอง ไม่ขนาดนั้นหรอก""จะไม่ขนาดนั้นได้ยังไง" นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง "แผลนี้หากล้างไม่ดี อาจเป็นหนองได้ ข้าเคยผ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านดูหลังมือของข้าก็ได้"นางคลี่หลังมือออกและมีรอยแผลเป็นที่หลังมือ ขนาดไม่ใหญ่เท่าความยาวครึ่งนิ้ว หากไม่มองละเอียดก็มองไม่ค่อยออก เหลือสีจางๆ "ตอนนั้นเป็นหนอง ต่อมาอาจารย์ให้ยามา ข้าถึงหายดีได้ แต่ก็ทิ้งแผลเป็นไว้ มือของท่านดูดีเช่นนี้ หากมีรอยแผล งั้นก็ไม่สวย...เออ ก็สวยดี"ขณะที่นางพูดนั้นนางก็นึกได้ว่าตอนที่นางทำความสะอาดบาดแผลให้เขาในเมื่อกี้ เขามีรอยแผลเป็นเล็กๆ มากมายที่หลังมือของเขาด้วยเขาพูดติดตลกด้วยสีหน้าชัดเจน "มือผู้ชายดูดีมีประโยชน์อะไร?"ซ่งซีซีพูดอย่างจริงจัง "ยังดีกว่าไม่สวยไง"เขายิ้ม และเสียงของเขาอดไม่ได้ที่จะอ่อน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 268

    นางเงยหน้าขึ้น ขนตาของนางเปื้อนไปด้วยน้ำตา "ไม่ว่ายังไง บุญคุณนี้ข้าจะจดจำไว้ในใจ ไม่ว่าท่านจะให้ข้าทำอะไรในอนาคต ตราบใดที่ไม่ขัดต่อมโนธรรม ข้าจะทำเพื่อท่าน"เซี่ยหลูโม่พูดอย่างจริงจังว่า "ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำอะไรเพื่อข้า ถ้าหากว่ามี งั้นก็คือให้เจ้าใช้ชีวิตที่ดี อยู่อย่างมีความสุข และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เป็นเช่นนี้ เจ้าจะสามารถปลอบโยนจิตวิญญาณของครอบครัวของเจ้าได้ในสวรรค์"หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย และน้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนใบหน้าที่สวยราวกับหยกของนางอย่างเงียบๆ ดวงตางดงามที่เปียกชื้นของนางเต็มไปด้วยความสงสัย "ทำไมท่านถึงปฏิบัติต่อข้าอย่างดีขนาดนี้"เซี่ยหลูโม่ทนดูนางทำท่าแบบนี้ไม่ได้ที่สุด และรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะแตกสลายอยู่แล้วเมื่อนึกถึงรูปลักษณ์ที่ดุดันและกล้าหาญของนางในขณะขี่ม้าอยู่ในสนามรบ และเทียบดูรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนแอและน่าสงสารของนางในตอนนี้ เขาไม่สามารถซ่อนความอ่อนโยนในดวงตาของตนได้ ดังนั้นเขาจึงต้องมองออกไปแล้วพูดว่า "หรือว่าข้าไม่ควรจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีหรือไม่? เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า พวกเราเป็นคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตเลยนะ"ซ่งซีซีควรรู้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 269

    เมื่อเห็นนางในสนามรบที่เขตหนานเจียง เขารู้สึกซับซ้อนมากเขามักจะพูดถึงสามีของนางโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่นางก็หลีกเลี่ยงไม่อยากพูดถึงเขา เขาก็เข้าใจทันทีว่า จ้านเป่ยว่างอาจไม่ได้ปฏิบัติต่อนางอย่างดีเนื่องจากเหตุผลนี้ หมัดของเขาจึงกำชักแน่นขึ้นเป็นหลายครั้ง แข็งกระด้างหลายครั้งต่อมาถึงรู้ว่า นาง นางกลับหย่าโดยสันติแล้ว ผู้ชายคนนั้นไม่ได้เห็นข้อดีๆ ของนาง ช่างเหลวไหล จ้านเป่ยว่าง เขาจดจำชื่อนี้เอาไว้แล้ว ผู้ชายคนนั้นมีตาไร้แววจริงๆตอนนั้นเขาโกรธมากจนอยากจะควักลูกตาของเขาออกมา ถึงกล้าให้นางต้องเจอกับเรื่องไม่เข้าท่าเช่นนี้หลังจากที่เขาโกรธแล้ว แต่แล้วก็ดีใจอย่างผิดศีลธรรมอีกครั้ง แน่นอนว่าพอมองจากภ่ยนอกจะไร้สีหน้าใดๆ จะให้คนนอกรู้ว่าเขาแอบดีใจในใจได้ยังไงในวันที่ร่วมรบกับนาง เขาต้องซ่อนความรู้สึกตลอดเวลาและบอกตัวเองว่าอย่าซ่อนความรู้สึกส่วนตัวไว้ในสายตาของตนเองแม้แต่น้อยช่วงสามปีที่อยู่ในสนามรบที่เขตหนานเจียง อารมณ์ของเขาขึ้นๆ ลงๆ มากแม้ว่าเสด็จพี่จะควบคุมความคิดของเขาหลังจากกลับมาที่เมืองหลวง แต่ก็ไม่สำคัญ ประเทศไม่มีสงคราม เขาไม่ต้องการอำนาจทางทหาร เขาเพียงต้องการนางเท่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 270

    วันรุ่งขึ้น รุ่ยเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาและความเจ็บปวดยังคงอยู่ แต่ไม่เจ็บปวดเท่ากับตอนที่กระดูกหักและถูกต่อกลับเข้าไปใหม่แล้วในขณะที่ต้องอดทนกับความเจ็บปวด เขาก็ต้องฝืนยิ้มเพื่อปลอบใจท่านอาและคนในครอบครัวของท่านตาอีกด้วยท่าทางที่เข้มแข็งของเขาเช่นนี้ทำให้คนอื่นเห็นใจจริงๆถึงกระนั้น แต่การฝังเข็มที่คอยังทำต่อไป หงเชวี่ยบอกว่ามันหยุดไม่ได้ เมื่อวานต่อกระดูกไม่ได้ฝัง วันนี้เว้นไม่ได้อีกเลยโดยเฉพาะเมื่อเขากรีดร้องในเมื่อวานนี้ มันค่อนข้างได้ผล ทั้ง หมอมหัศจรรย์ดันและหงเชวี่ยต่างเชื่อว่าพิษในร่างกายของเขาได้รับการล้างพิษเร็วกว่าที่คาดไว้ยิ่งไปกว่านั้น การติดยาของยาไส้หมู่ด่านไม่ได้กำเริบอีกเลย นี่ทำให้หมอมหัศจรรย์ดันประหลาดใจ ต้องรู้ว่าแม้ว่าเขาจะยอมรับว่าจะเลิกยา แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีขึ้นไป เขาอายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น กลับมีความตั้งใจแน่วแน่เช่นนั้นหมอมหัศจรรย์ดันพูดกับหงเชวี่ยเป็นการส่วนตัวว่า "ตระกูลซ่งไม่มีคนอ่อนแอจริงๆ จิตวิญญาณของตระกูลซ่ง น่าประทับใจยิ่งนัก"หงเชวี่ยก็คิดเช่นนั้น หลังจากที่เขาทำการรักษาให้รุ่ยเอ๋อร์ เขาได้สร้างความสัมพันธ์กับรุ่ยเอ๋อร์แล้ว เขาถือว่าเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 271

    ซ่งซีซีพยักหน้าและถามต่อว่า "ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามต่อ ที่ความคิดเห็นจาคนทั่วไปจะดูถูกเขา เพราะเขาไม่ได้ปฏิบัติตามความเมตตากรุณา ความยุติธรรม มารยาท ภูมิปัญญา และความไว้วางใจข้อใด้บ้างล่ะ""มันเป็นการแต่งงานครั้งที่สองของเจ้าส่งผลกระทบต่อเขา""การแต่งงานครั้งที่สองของข้าเกี่ยวอะไรกับเขา การแต่งงานครั้งที่สองเป็นเรื่องของข้าเอง" ซ่งซีซีพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น โดยไม่แสดงความละอายอย่างที่เหลียงเส้าคิดไว้ "ขอถามอีกครั้ง ที่ข้าแต่งงานใหม่หลังหย่า มันผิดกฎหมายหรือผิดธรรมเนียม? จะถามเพิ่มหน่อย หากผู้หญิงถูกทอดทิ้งก็ควรบวชเป็นแม่ชี และใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวตลอดการถือว่าเป็นทางเลือกที่ถูกต้องหรือ?"เหลียงเส้าเยาะเย้ย "พูดเก่งสินะ!"ไม่สามารถโต้เถียงกับคำพูดของซ่งซีซีได้ เขาจึงเลือกที่จะตอบด้วยความดูถูกซ่งซีซียิ้มลึกขึ้น "ขุนนางดอกไม้ ไม่ยอมพัฒนาตนเอง พอทำเรื่องผิดพลาดไปกลับไม่ยอมปรับปรุง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้าเป็นห่วงจริงๆ"ทันใดนั้นเหลียงเส้าก็รู้โกรธขึ้นมา "เจ้า... ข้าเป็ฯหวังดี แต่เจ้ากลับดูถูกฉันด้วยคำพูดของนักบุญ มีญาตเช่นนี้ ไม่ไปมาหาสู่จะดีกว่า!"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ลุกขึ้นยื

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 272

    อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงท่านบางคน นางจำได้ว่ามีตระกูลหวังตระกูลหนึ่งมาสู่ขอเขาหวังเบียว เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านป๋อผิงซี แต่ท่านแม่ไม่ชอบเขาช่างเถอะ เรื่องในอดีตก็อย่าไปพูดถึงอีก นางกับเซี่ยหลูโม่จะแต่งงานกันในอีกสองเดือนข้างหน้า เรื่องที่ผ่านไปก็ให้มันแล้วไป ให้ความสำคัญกับปัจจุบันบอกลาอดีตและวิ่งไปสู่อนาคตอากาศเริ่มเย็นลง ดอกบ๊วยในสวนก็ผลิดอกตูม และคาดว่าจะบานในอีกไม่กี่วันข้างหน้าดอกบ๊วยในปีนี้จะบานเร็วกว่าทุกปี ซึ่งลุงฟูกล่าวว่าเป็นสัญญาณอันเป็นมงคลรุ่ยเอ๋อร์สามารถลงพื้นได้ แต่สามารถเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวเอง ก็จะกลับไปพักผ่อนที่เตียงในจวงกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่งงาน ชุดแต่งงานได้ถูกเย็บในวันที่ประกาศจะแต่งงาน และส่งมอบให้กับช่างปักของร้านเฟิงเหลียน สตรีผู้สูงส่งในเมืองหลวงต่างงานมักจะสั่งตัดเสื้อผ้าที่ร้านเฟิงเหลียน เพราะหนึ่ง งานปักทำได้ดีและรวดเร็วมาก และประการที่สอง นักปักที่ร้านเฟิงเหลียนล้วนเป็นที่รู้จักกันดีในสมัยราชวงศ์ซาง นักธุรกิจและขุนนางที่ร่ำรวยจำนวนมากจากที่อื่นต่างใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อสั่งชุดแต่งงานจากร้านเฟิงเหลียนมีอยู่วันหนึ่งที่แม่นมเหลียง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 273

    แต่สองวันต่อมา ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งจวนป๋อผิงซีกลับส่งคำเชิญมา โดยบอกว่าพรุ่งนี้จะพาคุณหนูสามมาเยี่ยมเมื่อแม่นมเหลียงมารายงาน นางก็พูดว่า "ไม่งั้นไม่เจอดีกว่า ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไร ถ้ามาเพื่อสอบถามสถานการณ์ในจวนแม่ทัพ ก็น่าจะถามตั้งนานแล้ว แทนที่รอจนกว่าการแต่งงานถูกตกลงเอาไว้ และขนาดเตรียมชุดแต่งงานแล้วถึงมา"ซ่งซีซีก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะพบปะ ก่อนถามว่า "คำเชิญเขียนอะไรบ้าง"แม่นมเหลียงกล่าวว่า "พวกเขาบอกว่ามาเยี่ยมเราเพื่อแสดงความยินดีการกลับมาของนายน้อยของเรา นี่เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น นายน้อยของเรากลับมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พวกเขาถึงยอมมาเยี่ยม ก่อนหน้านี้ไปทำอะไรมา"ซ่งซีซีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ไปตอบเขาว่า รุ่ยเอ๋อร์ยังอยู่ระหว่างการพักฟื้นอยู่ ไม่เหมาะสมที่จะมีแขกมาเยี่ยม เมื่อเขาหายดีแล้ว ข้าจะพาเขาไปเยี่ยมถึงจวน"แม่นมเหลียงพยักหน้าตอบรับแล้วหันหลังกลับซ่งซีซีไม่เหมาะที่พบแม่ลูกสองคนพวกนั้นจริงๆ คงมาเพื่อเรื่องของจวนแม่ทัพ เรื่องจวนแม่ทัพ นางไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลย ไม่ควรพูดอะไร เป็นการดีที่สุดที่จะไม่พบพวกเขาหลังจากตอบกลับแล้ว พอสองวันต่อมา หิมะแรกแห่งปีนี

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1594

    ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1593

    ข้าชื่อเสิ่นว่านจือ เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ข้าขอระบายเรื่องหนึ่งก่อนเถิดมันช่างเกินจะทนได้แล้ว!ตระกูลเส้าเป็นเพียงจวนป๋อเจวี๋ยเล็กๆ เท่านั้น ฮูหยินตระกูลเส้ากลับกล้าโอหังถึงเพียงนี้ ข้าเสิ่นว่านจือมีชีวิตอยู่มานาน ปากมากปากจัดก็เห็นมาหลายคน แต่พวกสตรีที่ปากมากในหมู่ผู้มีอำนาจ ข้ายังได้พบเพียงไม่กี่คนพอรู้ว่าเสี่ยวอวี่ถูกลากออกไปตบหน้า แล้วถูกกล่าวหาว่าไร้ยางอายไปยั่วยวนบุรุษ ข้าก็แทบอยากจะพังประตูตระกูลเส้าไปเตะใครสักคน ลากคนออกมาแล้วตบกลับให้สาสมใจซีซีเองก็โกรธ แต่เตือนข้าว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งเอาแต่ระบายอารมณ์ ให้รีบไปดูเสี่ยวอวี่กับหวังชิงหรูก่อน เผื่อว่าทั้งสองจะทำเรื่องไม่คาดฝันต้องยอมรับว่าซีซีเป็นขุนนางมาหลายปี ย่อมมีวิจารณญาณในการแยกแยะเรื่องเร่งด่วนกับเรื่องสำคัญข้าจึงรีบเร่งไปยังตระกูลหวัง แล้วก็ได้รู้ว่าเสี่ยวอวี่กรีดข้อมือ ส่วนหวังชิงหรูก็ไล่สาวใช้ในเรือนออก ข้าจึงรู้สึกทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่จริงอย่างที่คาด หิมะยังไม่ทันตก หวังชิงหรูก็คิดจะแขวนคอตัวเองให้เป็นหมูตากแห้ง ข้าโกรธจนฟาดหน้านางไปหนึ่งฉาดที่จริงช่วงหลังมานี้ข้าเป็นคนอารมณ์ดีมาก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1592

    ข้ารู้ตัวอย่างแท้จริงว่าตนเองผิดมหันต์นั้น...เกิดขึ้นเมื่อใดกันนะ?มิใช่ตอนที่เจ้าสิบเอ็ดฝางกลับมา มิใช่ตอนที่หย่าขาดกับจ้านเป่ยว่าง และก็ไม่ใช่ตอนที่ตระกูลหวังประสบเคราะห์กรรมแต่เป็นตอนที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะออกเรือนตอนที่ตระกูลหวังตกอับ ข้าอยู่ในคุก เกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีต ข้าก็รู้ว่าตัวเองมีเรื่องผิด ข้ายินดีจะขัดเกลาความแข็งกร้าว เปลี่ยนแปลงตนเองแต่ในตอนนั้น ข้ายังไม่อาจเรียกได้ว่าได้สำนึกอย่างแท้จริง เพราะข้ายังคิดว่าทั้งหมดคือเรื่องของตนเอง ต่อให้ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด ก็เป็นข้าเองที่รับกรรม ใครอื่นล้วนไม่มีสิทธิ์มาตัดสินข้ารู้ดีว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องลำบากวุ่นวายเพราะความเอาแต่ใจของข้า ต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ข้าอาจเคยชินกับการที่นางดูแลข้าเช่นนี้ จึงมีทั้งความรู้สึกขอบคุณและเคารพนางแต่เรื่องราวในอดีตของข้า ข้ามิเคยอยากย้อนกลับไปคิด เพราะนั่นคือการทำร้ายตนเอง เป็นความทุกข์ทรมานกระทั่งวันที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะหมั้นหมาย ข้าจึงเริ่มพลิกดูตัวเองทุกแง่ทุกมุม ให้ความเสียใจแทรกซึมกัดกินหัวใจทุกลมหายใจอวี่เจี่ยเอ่อร์กับคุณชายเส้าหมิ่นแห่งจวนป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1591

    ซ่งซีซีหยุดฝีเท้า หันกลับมากล่าวว่า “คนในครอบครัวของนางปฏิบัติต่อนางค่อนข้างดี เพียงแต่ตอนที่หลานสาวของนางจะออกเรือน เกิดเรื่องสะดุดอยู่บ้าง โชคดีที่ท้ายที่สุดก็แต่งกับบุรุษที่ดี นางคงกลัวว่าตนเป็นหญิงโสดสูงวัย เคยแต่งงานมาแล้วถึงสองครั้ง จะถูกผู้คนติฉินนินทา พลอยทำให้หลานๆ เดือดร้อน และไม่อยากให้พี่สะใภ้ใหญ่ของนางเป็นกังวลด้วย”ข้าตอบรับในลำคอ พลางนึกถึงฮูหยินจีผู้เด็ดเดี่ยวแต่จิตใจดีงามฮูหยินจีมีบุตรชายหนึ่ง บุตรหญิงหนึ่ง ด้านหลังยังมีลูกอนุอีกหลายคน เรือนรองก็เช่นกัน บัดนี้คงยังมีบางคนที่ยังไม่ได้ออกเรือนข้านึกถึงตอนที่ฮูหยินจีจะต้องไปเจรจาสู่ขอให้พวกเขา คงยากลำบากไม่น้อย ต้องเผชิญกับเสียงนินทานานัปการจากภายนอกข้าเห็นนางเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยใจจริง และรู้สึกสงสารในสิ่งที่นางต้องพบเจอ“เจ้าลองคิดดูเถิด” ซ่งซีซีกล่าวข้าพยักหน้า แล้วเหลือบมองภายนอก เห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถบนั้น จึงอดถามไม่ได้ว่า “เจ้ามาอยู่กับข้าสองต่อสองเช่นนี้ มิกลัวเนี่ยเจิ้งอ๋องหึงหรือ? เขาไม่รู้หรือไร?”ซ่งซีซีมีท่าทีตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนนึกไม่ถึงว่าข้าจะถามเรื่องเช่นนี้นางอาจไม่คิดจะตอบ เพราะนางก้าวเท้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1590

    เมื่อแม่ทัพใหญ่เซียวได้ฉลองวันเกิดอายุครบแปดสิบปี ข้าก็ได้พบกับซ่งซีซีอีกครั้งก่อนหน้านี้ ข้าก็เคยพบนางหลายครั้ง นางเคยมาที่ชายแดนเฉิงหลิงข้ากับนางดูเหมือนคนแปลกหน้า ไม่มีการพูดคุยกัน เพียงแต่ทุกครั้งที่นางจากไปจากชายแดนเฉิงหลิง ข้าก็มักจะแอบตามส่งนางอยู่ห่างๆใจลึกๆ ที่ทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อสิ่งใดข้ามักรู้สึกผิดกับนางอยู่เสมอกับยี่ฝางและหวังชิงหรู ข้าก็มีสิ่งที่รู้สึกผิดอยู่เช่นกัน แต่ระหว่างข้ากับพวกนางต่างฝ่ายต่างบาดหมาง โต้เถียงกัน พวกนางเคยทำร้ายข้า ข้าก็เคยทำร้ายพวกนางแต่กับซ่งซีซี มีเพียงข้ากับคนในครอบครัวที่ทำร้ายนาง นางไม่เคยแม้แต่จะทำร้ายพวกเราเลยสักครั้ง แม้แต่หลังจากหย่าขาดกันแล้ว นางจะไม่สนใจอาการป่วยของท่านแม่ก็ได้ แต่นางกลับสอนพี่สะใภ้ใหญ่ให้รู้วิธีขอยาดันเสวี่ยเมื่อข้าได้พบกับนางในงานฉลองวันเกิดแปดสิบปีของแม่ทัพใหญ่เซียว นางได้กลายเป็นพระชายาของเนี่ยเจิ้งอ๋องแล้ว เรื่องราวในราชสำนักนั้น พวกทหารชายแดนอย่างพวกข้าไม่ค่อยใส่ใจนัก แต่เสบียงอาหารอุดมสมบูรณ์ อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ครบครัน แม้แต่เงินเดือนที่เราได้รับก็เพิ่มขึ้น นี่คือผลประโยชน์ที่เห็นได้ชัด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1589

    หลายปีที่ข้าประจำการอยู่ชายแดนเฉิงหลิง ข้าได้รับการเลื่อนตำแหน่งถึงสองครั้ง บัดนี้ข้ามียศเป็นแม่ทัพ ดูแลทหารนับพันนายข้าไม่เคยกลับเมืองหลวงอีกเลย เมื่อประจำอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง หากไม่มีพระราชโองการ ย่อมมิอาจกลับได้ตามอำเภอใจข้ายังคงโดดเดี่ยว ไร้ภรรยา ไม่มีใครอยู่เคียงข้างลมทรายแห่งเฉิงหลิงพัดผ่านปีแล้วปีเล่า ทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าข้า จนข้าดูแก่กว่าอายุจริงไปหลายปีข้าเป็นโรคนอนไม่หลับมาหลายปี ต้องพึ่งยาเพื่อระงับจิตใจจึงจะหลับได้บางครั้ง ข้าก็อดไม่ได้ที่จะคิด...หากวันนั้นข้าไม่ก่อเรื่องกับยี่ฝาง ชีวิตของข้าในวันนี้จะเป็นเช่นไร?ข้ากับซ่งซีซี อาจได้เป็นสามีภรรยาที่เปี่ยมด้วยความรัก เป็นที่อิจฉาของผู้คนกระมัง?พวกเราอาจมีลูกที่น่ารัก ข้าทุ่มเทอยู่ในกองทัพ ส่วนซีซีก็ดูแลบ้าน เฝ้ารับใช้พ่อแม่ ดูแลลูกๆ แม้ว่าข้าจะไม่เจริญก้าวหน้าในตำแหน่ง คงเป็นเพียงแม่ทัพชั้นผู้น้อยตลอดชีวิต...แต่นางก็คงจะไม่จากข้าไปแต่ก่อน ข้าไม่รู้เลยว่านางคืออินทรีที่โผบินบนฟากฟ้า ทว่าเต็มใจหักปีกเพื่อข้าคนเดียว คอยดูแลมารดาที่ป่วยหนัก จัดการทุกเรื่องจุกจิกในจวนแม่ทัพของข้าเมื่อข้ารู้ตัว...ข้าจะเสียใจหรื

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1588

    ข้าขอร้องท่านแม่ไม่สำเร็จ ก็หันไปพึ่งท่านพ่อ แต่กลับได้รับการตำหนิที่รุนแรงยิ่งกว่ามิใช่เพียงเท่านั้น พวกท่านเห็นว่าข้าคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้ เพราะยังไม่เคยมีโอกาสพูดคุยกับเหลียงจือชุน จึงตัดสินใจให้เขาพาข้าออกไปเที่ยว เพื่อให้เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นข้าไม่เต็มใจจะไป แต่ก็ถูกคุณนางข้างกายท่านแม่บังคับให้ขึ้นรถม้าไป อีกทั้งยังกำชับสาวใช้ให้จับตาข้าไว้ อย่าให้พูดจาเสียหายเหลียงจือชุนหน้าตามันเยิ้ม ตอนแรกก็แสดงความเคารพต่อข้าบ้างเล็กน้อยแต่ไม่นานก็เผยนิสัยแท้ วิจารณ์หน้าตาข้าอย่างไร้มารยาท บอกว่าหากข้ามิใช่หญิงงามเช่นนี้ และมิใช่บุตรีตระกูลเสิ่น เขาคงไม่ยอมรับข้าเป็นภรรยาแน่นอนท่าทางอวดดีของเขาทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง หากมีแค่เพียงเท่านี้ ข้าอาจไม่ถึงขั้นคิดทำสิ่งร้ายแรงนักแต่ระหว่างทางกลับ เขาอ้างว่าจะช่วยพาข้าขึ้นรถ แล้วแอบหยิกก้นข้าเข้าอย่างหนึ่งในขณะนั้น เลือดทั้งร่างข้าพุ่งขึ้นหัวเมื่อสบตากับสายตาหยอกล้อของเขา น้ำตาข้าก็พรั่งพรูออกมา ความอัปยศทำให้ข้าทั้งตัวสั่นเทิ้ม เอ่ยวาจาใดไม่ออกเลยสักคำสาวใช้กับสารถีไม่เห็นเหตุการณ์นั้น กลับคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1587

    ข้าสะดุ้งเฮือก หันหลังกลับไปทันที ก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนักใต้เงาไม้ เขาสวมเสื้อผ้าผ้าหยาบสีขาวทั้งชุด ผอมแห้งทรุดโทรม ดวงตายังมีรอยคล้ำอยู่ใต้เบ้าตาเป็นเขา...บัณฑิตที่ขายภาพวาดอยู่ริมสะพานในวันนั้น คนเดียวกับที่ผู้ดูแลสถาบันขงจื้อว่าเป็นศิษย์ที่ไม่เอาถ่าน เลี้ยงหญิงคณิกาแล้วขอลาออกจากสำนัก“เจ้าพูดมั่วแล้ว” ข้าถลึงตาใส่เขา คิดถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ ใจก็อดหวั่นไหวไม่ได้ “ข้าไม่เคยได้ยินว่าทะเลสาบนี้มีผี เจ้าหลอกข้า!”ข้าไม่กลัวตาย แต่ข้ากลัวผี ยิ่งกลัวการถูกจมอยู่ใต้โคลนเลนนั่น“ข้ามิได้หลอกเจ้า” เขาเดินออกมา ในลมหนาวทำให้เขาดูบอบบางยิ่งขึ้น “เจ้าดูสิ บริเวณริมทะเลสาบนี้ไม่มีใครเลย มิแปลกหรือ? ทั้งที่ทิวทัศน์ดีถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงไม่มีใครมา?”“นั่นเพราะคนที่มาวัดล้วนมาสักการะ มิใช่มาชมทิวทัศน์ พวกเขากราบพระเสร็จก็จากไป” ข้ากล่าว แต่พลางถอยไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกเหมือนในทะเลสาบลึกนั้นมีบางสิ่งซ่อนอยู่เขาหยุดยืน กล่าวว่า “ผู้ที่มีใจสักการะ ล้วนเคารพฟ้าดินและธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ ใยจะไม่มาชมเล่า? ที่แห่งนี้สมควรจะเปี่ยมด้วยพลังแห่งสวรรค์ กลับกลาย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1586

    ลูกพี่ลูกน้องกับสาวใช้กลับมาตามหาข้า ข้าก็ให้สาวใช้นับเงินสามร้อยอีแปะมอบให้เขา เขายิ้มพลางกล่าวคำขอบคุณข้าเคยคิดว่าเป็นเพียงการพบกันโดยบังเอิญ ไม่อาจเกี่ยวข้องกันอีก คาดไม่ถึงว่าผ่านไปหนึ่งเดือน วันฉลองวันคล้ายวันเกิดของท่านย่า ครอบครัวจัดงานเลี้ยงรับรอง ผู้ดูแลสถาบันขงจื้อก็นำศิษย์คนโปรดของตนมาร่วมงานด้วย...เขาก็อยู่ในกลุ่มนั้นกฎเกณฑ์ธรรมเนียมแห่งเจียงหนานนั้นไม่เคร่งครัดเหมือนเมืองหลวง ยามจัดงานเลี้ยง สตรีก็สามารถออกไปที่เรือนหน้าได้เขาเห็นได้ชัดว่าไม่จำข้าได้...ตอนนั้นข้าคลุมหน้าด้วยผ้าบาง เหลือเพียงดวงตาให้เห็น ไม่จำได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกทว่า เขามิได้อยู่ร่วมงานเลี้ยง เพียงนำภาพหมากู๋ถวายพรอายุวัฒนะมามอบให้ท่านย่า แล้วกล่าวว่ามีธุระที่บ้าน จากนั้นก็ขอลาไปหลังจากเขาไปแล้ว ผู้ดูแลสถาบันก็กล่าวถึงเขาด้วยน้ำเสียงแฝงความเสียดายว่า “เขาเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่น่าเสียดายที่ไม่มุ่งมั่นใฝ่ดี ดื้อรั้นจะลาออกจากสำนัก ข้าคิดจะพาเขามาวันนี้ให้รู้จักกับคนดีมีปัญญา เขากลับไม่เห็นคุณค่า น่าผิดหวังนัก ช่างเถอะ หากอยากลาออกก็ให้ลาไปเถอะ”บิดาข้าปลอบว่า “อย่าได้โกรธเลย ท่านมีศิษย์มากมาย ขาดเขา

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status