อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงท่านบางคน นางจำได้ว่ามีตระกูลหวังตระกูลหนึ่งมาสู่ขอเขาหวังเบียว เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านป๋อผิงซี แต่ท่านแม่ไม่ชอบเขาช่างเถอะ เรื่องในอดีตก็อย่าไปพูดถึงอีก นางกับเซี่ยหลูโม่จะแต่งงานกันในอีกสองเดือนข้างหน้า เรื่องที่ผ่านไปก็ให้มันแล้วไป ให้ความสำคัญกับปัจจุบันบอกลาอดีตและวิ่งไปสู่อนาคตอากาศเริ่มเย็นลง ดอกบ๊วยในสวนก็ผลิดอกตูม และคาดว่าจะบานในอีกไม่กี่วันข้างหน้าดอกบ๊วยในปีนี้จะบานเร็วกว่าทุกปี ซึ่งลุงฟูกล่าวว่าเป็นสัญญาณอันเป็นมงคลรุ่ยเอ๋อร์สามารถลงพื้นได้ แต่สามารถเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวเอง ก็จะกลับไปพักผ่อนที่เตียงในจวงกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่งงาน ชุดแต่งงานได้ถูกเย็บในวันที่ประกาศจะแต่งงาน และส่งมอบให้กับช่างปักของร้านเฟิงเหลียน สตรีผู้สูงส่งในเมืองหลวงต่างงานมักจะสั่งตัดเสื้อผ้าที่ร้านเฟิงเหลียน เพราะหนึ่ง งานปักทำได้ดีและรวดเร็วมาก และประการที่สอง นักปักที่ร้านเฟิงเหลียนล้วนเป็นที่รู้จักกันดีในสมัยราชวงศ์ซาง นักธุรกิจและขุนนางที่ร่ำรวยจำนวนมากจากที่อื่นต่างใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อสั่งชุดแต่งงานจากร้านเฟิงเหลียนมีอยู่วันหนึ่งที่แม่นมเหลียง
แต่สองวันต่อมา ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งจวนป๋อผิงซีกลับส่งคำเชิญมา โดยบอกว่าพรุ่งนี้จะพาคุณหนูสามมาเยี่ยมเมื่อแม่นมเหลียงมารายงาน นางก็พูดว่า "ไม่งั้นไม่เจอดีกว่า ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไร ถ้ามาเพื่อสอบถามสถานการณ์ในจวนแม่ทัพ ก็น่าจะถามตั้งนานแล้ว แทนที่รอจนกว่าการแต่งงานถูกตกลงเอาไว้ และขนาดเตรียมชุดแต่งงานแล้วถึงมา"ซ่งซีซีก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะพบปะ ก่อนถามว่า "คำเชิญเขียนอะไรบ้าง"แม่นมเหลียงกล่าวว่า "พวกเขาบอกว่ามาเยี่ยมเราเพื่อแสดงความยินดีการกลับมาของนายน้อยของเรา นี่เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น นายน้อยของเรากลับมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พวกเขาถึงยอมมาเยี่ยม ก่อนหน้านี้ไปทำอะไรมา"ซ่งซีซีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ไปตอบเขาว่า รุ่ยเอ๋อร์ยังอยู่ระหว่างการพักฟื้นอยู่ ไม่เหมาะสมที่จะมีแขกมาเยี่ยม เมื่อเขาหายดีแล้ว ข้าจะพาเขาไปเยี่ยมถึงจวน"แม่นมเหลียงพยักหน้าตอบรับแล้วหันหลังกลับซ่งซีซีไม่เหมาะที่พบแม่ลูกสองคนพวกนั้นจริงๆ คงมาเพื่อเรื่องของจวนแม่ทัพ เรื่องจวนแม่ทัพ นางไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลย ไม่ควรพูดอะไร เป็นการดีที่สุดที่จะไม่พบพวกเขาหลังจากตอบกลับแล้ว พอสองวันต่อมา หิมะแรกแห่งปีนี
เซี่ยหลูโม่มาเยี่ยมรุ่ยเอ๋อร์ในตอนเย็น การปลอบโยนจากเขามีผลดีกว่าหงเชวี่ยและท่านอาเลยและคำพูดปลอบใจของเขาเป็นเพียงประโยคสั้นๆ ว่า "ลูกผู้ชายต้องรู้จักอดทน"ทันทีที่เขาพูดคำเหล่านี้ รุ่ยเอ๋อร์ก็หมดความวิตกกังวลและยอมรับการรักษาอย่างสงบและว่าง่ายเลยเซี่ยหลูโม่อยู่ฝึกเขียนอักษรเป็นเพื่อนเขาเป็นเวลาครึ่งชั่วยามลายมือของเขาสวยขึ้นเรื่อยๆ และการใช้นิ้วก็คล่องแคล่วกว่าเดิมตั้งเยอะเลย ความก้าวหน้าของเขาทำให้ผู้คนมีความสุขมากเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนช่างพูด เมื่อเซี่ยหลูโม่อยู่ข้างๆ เขาถามคำถามมากมายบนกระดาษ ซึ่งทั้งหมดไม่ได้สำคัญอะไร แค่คุยเล่นเฉยๆเซี่ยหลูโม่ก็พูดคุยกับเขาอย่างใจเย็น และตอบทุกสิ่งที่เขาถามซ่งซีซีอยู่เป็นเพื่อนกับเขาสักพักแล้ว จากนั้นก็ให้คนไปเตรียมอาหารเย็น และให้ท่านอ๋องอยู่ต่อเพื่อทานอาหารเย็นที่จวนตอนนี้ เซี่ยหลูโม่จะรับประทานอาหารที่จวนเสนาบดีกั๋วกงเป็นครั้งคราว และแม่นมเหลียงก็รู้ว่าเขาชอบกินอะไรเป็นพิเศษ ไม่ชอบกินหวานแต่ก็พอกินได้ กินเผ็ดไม่ค่อยได้แต่ยอมกินเผ็ดเป็นเพื่อนคุณหนูทุกครั้งเขามีความอยากอาหารมากและสามารถกินข้าวเปล่าได้หกชามในมื้อเดียว กินอะไรได้หมด
ฮ่องเต้ต้องการช่วยระบายความโกรธให้นาง และให้จ้านเป่ยว่าง แต่งงานกับผู้หญิงที่หย่าโดยสันติหลังจากแต่งงานได้หนึ่งปีมันพอดีเลย นางกับจ้านเป่ยว่างก็หย่าหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปีเช่นกันเพียงแต่ว่า คุณหนูสามคนนั้นอาจไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ เพราะฮ่องเต้ได้ออกคำสั่งไว้แล้ว ดังนั้นจึงทำอะไรไม่ได้วันนั้นที่นางมาหา นางคงอยากรู้ว่าจ้านเป่ยว่างเป็นคนแบบไหนที่ฮ่องเต้ทำเช่นนี้ จะทำให้ซ่งซีซีรู้สึกว่าตนเองอาจทำให้คุณหนูสามเดือดร้อนไปด้วยนี่ไม่ใช่การระบายความโกรธให้นาง แต่เป็นการสร้างศัตรูให้นางมากกว่าดูเหมือนว่า นางต้องการพบกับคุณหนูสามสักครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อกำจัดความขุ่นเคืองของพวกนาง เพื่อที่จะไม่เป็นศัตรูกับจวนเสนาบดีกั๋วกงเพื่อตัวเอง มันไม่ได้สำคัญอะไร ต่อไปรุ่ยเอ๋อร์จะเป็นผู้นำของจวนเสนาบดีกั๋วกง อย่าเพื่อเรื่องนี้ทำให้เกิดความแค้นใจขึ้นมาเมื่อเห็นนางขมวดคิ้ว เซี่ยหลูโม่จึงกล่าวว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าจากป๋อผิงซีส่งคำเชิญอยากมาเยี่ยม คงอยากถามไถ่เรื่องที่เจ้าหย่ากับจ้านเป่ยว่าง เรื่องนี้ข้างนอกลือกันใหญ่ แต่พวกนางเป็นคนมีเหตุผล รู้ว่าข่าวที่ข้างนอกลือกันนั้นไม่อาจเป็นความจริงท
ฮูหยินผู้เฒ่าสวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายลายเมฆสีฟ้า ถือถังทำความร้อนอยู่ในมือ นางดูมีอายุประมาณห้าสิบปี มีผมหงอกบางส่วน ผมของนางหวีเป็นมวยอย่างประณีต และดูสง่างามมากเมื่อมองไปที่คุณหนูสาม นางแต่งตัวเรียบๆ ใต้เสื้อขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว นางสวมกระโปรงสีเหลือง อายุยี่สิบกว่า และดูสวยงาน แต่ใบหน้าของนางดูไร้ชีวิตชีวาเล็กน้อย หากมิใช่มีสีเหลืองนี้ ก็คงรู้สึกว่าออร่าของนางดูเชยกว่าท่านแม่ของนางซะอีกหลังจากที่ซ่งซีซีเชิญพวกนางนั่งลง นางก็อธิบายว่า "ก่อนหน้านี้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าส่งคำเชิญมา ตอนนั้นรุ่ยเอ๋อร์กำลังอยู่ระหว่างช่วงการรักษา ข้าเลยไม่อาจเจียดเวลามาพบแขก กลัวว่าจะเสียมายาทได้ เลยให้คนรับใช้ปฏิเสธไปก่อน ตอนนี้เขาดีขึ้นมากแล้ว เลยอยากจะชวนทั้งสองคนมารวมตัวกันที่จวน ขอบคุณที่พวกเจ้ายังคงคำนึงถึงรุ่ยเอ๋อร์"วันนั้นที่พวกนางออกคำเชิญ โดยบอกว่าจะมาเยี่ยมนายน้อยรุ่ยเอ๋อร์ ซ่งซีซีย่อมต้องพูดเช่นนั้นไปฮูหยินผู้เฒ่าถามว่า "ตอนนี้นายน้อยเป็นยังไงบ้าง?""ดีขึ้นมากแล้วเจ้าคะ เป็นพรของเขาที่ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นห่วง" ซ่งซีซีกล่าวฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มและพูดว่า "ข้ารู้ว่าที่จวนเสนาบดีกั๋วกงของพวกเจ้ามีทุกอย่
หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็ยิ้มอีกครั้ง "แต่เจ้าหย่าแล้วก็ดี บัดนี้ได้แต่งงานกับท่านเป่ยหมิงอ๋อง การเป็นพระชายาจะไม่ดีกว่าฮูหยินของแม่ทัพหรือ"ซ่งซีซีไม่ชอบคำพูดที่ประชดของนาง จึงพูดอย่างใจเย็นว่า "คนเราจะควบคุมโชคชะตาได้อย่างไร เมื่อข้าหย่า ข้าก็ไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะแต่งงานท่านเป่ยหมิงอ๋องได้""ชิงเอ๋อร์ เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง" ฮูหยินผู้เฒ่าทำสีหน้าไม่พอใจ"ขอโทษนะ ข้ามักจะพูดตรงไปตรงมาเสมอ หวังว่าคุณหนูซ่งจะไม่ถือสา" คุณหนูสามระงับรอยยิ้ม แล้วถามอีกครั้ง "แล้วคุณหนูซ่งคิดอย่างไรกับนิสัยใจคอของจ้านเป่ยว่างล่ะ ในเมื่อเจ้าหย่ากับเขาแล้ว เขาต้องมีสภาพแย่มากอยู่ในใจของเจ้าสินะ"ซ่งซีซีรู้สึกตลกสิ้นดี "ในเมื่อคุณหนูสามพูดแบบนี้แล้ว ทำไมถึงมาถามข้าล่ะ"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องเขม็งไปที่หวังชิงหลูอย่างดุเดือด จากนั้นพูดกับ ซ่งซีซีด้วยน้ำเสียงขอโทษ "คุณหนูซ่งอย่าไปถือสาเลย หลายปีมานี้นางอยู่คนเดียวจนชินเป็นนิสัย พูดอะไรไม่ใช้สมอง เจ้าอย่าเก็บไว้ในใจ ที่เรามาครั้งนี้ นอกจากมาเยี่ยมนายน้อยแล้ว ยังอยากรู้ว่าจ้านเป่ยว่างเป็นคนยังไงจากปากของคุณหนู อย่างน้อย มองจากมุมมองของคุณหนูว่าเขาเป็นคนแบบไหน"ซ่งซ
หลังจากส่งฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซี และคุณหนูสามออกไปแล้ว ซ่งซีซีก็นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นสักพักใหญ่ นางรู้สึกงุนงงเล็กน้อยจ้านเป่ยว่างมีท่าทียังไงกับการแต่งงานครั้งนี้ล่ะ? ไหนบอกว่ารักยี่ฝางคนเดียวเหรอ? เมื่อนึกถึงยี่ฝางที่มาอวดต่อหน้านางอย่างหยิ่งผยอง ไม่คิดว่าจะมีนายหญิงคนใหม่เร็วขนาดนี้ ไม่รู้ว่ายี่ฝางจะคิดยังไง แล้วจะคิดว่าที่ตนเองหยิ่งผยองในตอนแรกนั้นจะตลกน่าขำหรือไม่แม้ว่าคุณหนูสามจะเข้ากันได้ยากนัก แต่ถึงยังไงนางเป็นคุณหนูจากจวนป๋อผิงซี ดังนั้นนางจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับผิดชอบเรื่องต่างๆ ในจวนยิ่งไปกว่านั้น ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านน่าจะชอบลูกสะใภ้คนนี้มาก ไม่มีเหตุผลอื่นใดหรอก แม้ว่านางจะเป็นการแต่งงานครั้งที่สอง แต่นางก็จะมีสินเดิมมากมาย และครอบครัวของท่านพ่อแม่ของนางก็แข็งแกร่งด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าชอบลูกสะใภ้ที่มีภูมิหลังเก่งๆยี่ฝางเคยบอกว่านางจะไม่สู้กับผู้หญิง แต่ไม่รู้ว่าคราวนี้นางจะสู้หรือเปล่า?นางอยากใช้ชีวิตแบบคนที่นางเกลียดชังมากที่สุดหรือเปล่าเนี่ย?ซ่งซีซีอยากรู้อยากเห็นก็จริง แต่นางจะไม่ส่งคนไปสอบถามอย่างไรก็ตาม แม้ว่าซ่งซีซีไม่ได้ไปสอบถามเอง ก็มีคนจากต
แม่นมเหลียงเข้ามาพร้อมกับชามรังนกที่ฮูหยินผู้เฒ่ารองชอบ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ท่านฮูหยินผู้เฒ่ารองโชคดีมากนะ ไม่ได้ตุ๋นรังนกมาหลายวันแล้ว เพิ่งบังเอิญตุ๋นมันในวันนี้ ท่านก็มาพอดีเลย"สิ่งที่แม่นมเหลียงพูดนั้นไม่เป็นความจริง ตอนนี้ตุ๋นมันทุกวันและคู่กับยาให้รุ่ยเอ๋อร์ใช้รักษาลำคอของเขานอกจากนี้ มีรังนกมากมายอีกด้วย ตระกูลขงนำรังมาบ้าง หัวหน้าลู่จากจวนเป่ยหมิงอ๋องก็ส่งรังนกมาสองตาชั่ง ส่วนเฉินฟูก็ซื้อเองบ้างฮูหยินผู้เฒ่ารองมองแม่นมเหลียง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าเป็นคนกินเก่ง รู้ว่ามีของดีให้กินก็มาแล้วแหละ ช่วงนี้ข้าไอ และมาที่นี่เพื่อขอชามรังนกสักชามนึง คืนนี้จะหยุดไอแน่นอน"ซ่งซีซีถามด้วยความกังวล "อาการไอของท่านยังไม่หายดีหรือ ครั้งที่แล้วที่ท่านมาเยี่ยมรุ่ยเอ๋อร์ ข้าก็ได้ยินท่านไออยู่เลย""แต่ละวันมีแต่เรื่องวุ่นวาย จะดีขึ้นได้ยังไง" ฮูหยินผู้เฒ่ารองใช้ช้อนคนรังนกในชามกระเบื้องเบาๆ ด้วยสีหน้าโศกเศร้าและรังเกียจ "จ้านเป่ยว่างไม่กลับบ้าน พอกลับบ้านยี่ฝางก็จะทะเลาะกับเขา และยังใช้กำลังด้วย จ้านเป่ยว่างอดทนเก่งจริงๆ ถูกทุบตีก็ไม่สู้กลับ โดนด่าก็ไม่ว่าอะไร ทุกวันนี้ยี่ฝางเหมือนคน