Share

บทที่ 206

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ทันทีที่ซ่งซีซีจากไป เซี่ยหลูโม่ก็จากไปเช่นกัน

คำพูดที่พูดคุยกันในลานด้านในก็ไปถึงลานหลักด้วย พวกสมาชิกราชวงศ์ ขุนนางและทหารทุกคนก็รู้ว่า เป่ยหมิงอ๋องกำลังจะแต่งงานกับแม่ทัพซ่งซีซี

ความคิดของผู้ชายแตกต่างจากผู้หญิงไป

ผู้ชายให้ความสำคัญกับภูมิหลังครอบครัว ความบริสุทธิ์ แต่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์มากกว่า

ซ่งซีซีคือใคร? นอกจากจะเป็นลูกสาวของเสนาบดีเจิ้นกั๋วกง มีจวนเสนาบดีกั๋วกงเป็นที่พึ่งพาแล้ว นางยังเป็นลูกศิษย์ของสถาบันว่านซงเหมิน และคุณชายเสิ่นชิงเหอก็เป็นศิษย์พี่คนโตของนาง

นอกจากเสิ่นชิงเหอแล้ว สถาบันว่านซงเหมินยังมีคนที่มีความสามารถอีกมากมาย สถาบันว่านซงเหมินไม่ได้เป็นเพียงนิกายศิลปะการต่อสู้เท่านั้น ผู้นำคนปัจจุบันของสถาบันว่านซงเหมิน คือเหลนชายของเหรินปิ่งยี่ แม่ทัพใหญ่ชั้นเอกในขณะเดียวกันก็เป็นเจ้าอันหนาน ชื่ว่า เหรินหยางอวิ๋น

เหรินหยางอวิ๋นก่อตั้งสถาบันว่านซงเหมินด้วยตัวเอง และนิกายของทั้งภูเขาเหม่ยชาน ต้องเห็นแก่หน้าเขา เพราะภูเขาเหม่ยชานทั้งหมดเป็นของเขา และในสมัยก่อนนั่นมันเป็นที่ดินที่เหรินปิ่งยี่ครอบครอง

แม้ว่ายศถาบรรดาศักดิ์ของเจ้าอันหนานไม่ได้รับสืบทอด แต่ที่ดินที่
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 207

    หลังจากสั่งอาหารเสร็จแล้ว นางก็แสดงมันให้เซี่ยหลูโม่ดู เซี่ยหลูโม่ก็หยิบมันขึ้นมาดู ก่อนพูดอย่างมีความสุขว่า "ถูกปากข้าหมดเลย เอาตามนี้ จางต้าจ้วง เอาไปให้ผู้บริการทำตามนี้"จางต้าจ้วงตอบกลับว่าโอ้ ก่อนเอาแพไม้ไผ่ออกมา หลังสั่งเสร็จก็กลับมา"เกิดอะไรขึ้นที่ลานด้านใน? พวกเขาไม่เชื่อของขวัญวันเกิดที่เจ้ามอบให้โดยคิดว่ามันเป็นของปลอม? ได้รังแกเจ้าอยู่หรือไม่?" เซี่ยหลูโม่พอเดาคร่าวๆ ได้เขาก็ยังอยากให้นางเล่าให้ฟังซ่งซีซีจิบชาคำนึง ชุบคอที่แห้งของนางแล้วพูดว่า "รังแกข้าไม่ได้หรอก แต่มีคนจงใจหาเรื่องกับข้าจริงๆ ข้าไม่ได้เก็บไว้ในสายตา"เป่าจูพูดเสริมขึ้นมา "คำพูดสุดท้ายที่คุณหนูพูดนั้นทำให้ข้าน้อยตกใจแทบแย่เลย จะกล้าพูดแบบนั้นได้ยังไง ถ้าองค์หญิงใหญ่ต้องการแก้แค้นขึ้นมาหล่ะก็ จะทำอย่างไรดีล่ะ"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ไม่ว่าจะพูดหรือไม่ นางก็จะหาเรื่องกับข้า ทำไมข้าไม่ระบายความโกรธสักหน่อย" ซ่งซีซีเหลือบมองนางแวบนึง "เจ้าอยู่กับข้ามานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่อยู่ในจวนจนถึงภูเขาเหม่ยชาน แล้วจากภูเขาเหม่ยชานกลับเมืองหลวง เจ้าเห็นข้าเคยกลัวผู้ใดบ้างล่ะ""ก่อนหน้านี้ท่านไม่เกรงกลัวใคร แต่ตอนนี้ไม่ใช่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 208

    ถึงเวลาอาหารมาส่งพอดี ซ่งซีซีก็เงียบและมองดูอาหารต่างๆ วางเรียงกัน ในบรรดาหัวปลาสองสีที่นางชอบโรยพริกไทยสับ พริกสีแดงสดผสมกับพริกสีเขียว โดยมีวุ้นเส้นอยู่ข้างใต้ ซึ่งทำให้เจริญอาหารมากทีเดียวลำไส้ไขมันหม้อแห้ง เป็ดเลือดหยงโจว หม้อดินวุ้นเส้นไข่ปู ซี่โครงหมูนึ่งข้าวเหนียว เนื้อทอดเผ็ด เต้าหู้แห้งผัดเผ็ด มีอาหารเผ็ด แต่ก็มีไม่เผ็ดบ้าง กลิ่นหอมของอาหารพัดมาเตะจมูกทุกคนในห้องทันทีซ่งซีซีหิวมากจริงๆ นางจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาก่อนตอบคำถามของเขาก่อนว่า "ยามเวลาที่ข้าออกจากจวน ลุงฟูบอกว่าฝู้หม่าได้แต่งอนุภรรยาตั้งหลายคนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอนุภรรยาส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตหลังจากคลอดบุตร ข้าก็คิดอยู่ว่าถ้าอนุภรรยาคนนึงตายมันเป็นอุบัติเหตุหรือคลอดยาก แต่ด้วยที่มีอนุภรรยาตายอย่างหลายๆ คนก็ยากที่จะไม่ทำให้คนอื่นสงสัยเข้า"หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็หยิบชามขึ้นมา คีบวุ้นเส้นใต้หัวปลาแล้วใส่ลงในชาม วุ้นเส้นแช่ในเครื่องปรุงรสพริก รสชาติเข้าเนื้อเลย นางยังตักอาหารให้เซี่ยหลูโม่ด้วย "ลองชิมวุ้นเส้นหน่อยสิ วุ้นเส้นนี้ถึงเป็นประเด็นหลักในอาหารนี้"จากนั้นก็ตักพริกไทยผสมกับพริกเขียวช้อนนึงลงในชาม แล้วก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 209

    ซ่งซีซีก็สังเกตเห็นเช่นกัน พอเขากินก็จะไอทันที ไอจนหน้าแดงฉ่ำ เห็นๆ อยู่ว่ากินเผ็ดไม่ค่อยเป็นนี่ แล้วทำไมต้องเลือกร้านอาหารนี้ล่ะนางขยับอาหารที่ไม่เผ็ดวางตรงหน้าเขา "ถึงแม้ท่านจะชอบอาหารเผ็ด แต่วันนี้คอของท่านผิดปกติ หลีกเลี่ยงอาหารจัดก่อน และกินอาหารเบาๆ ให้มากๆ""คอของข้าไม่สบายจริงๆ" เซี่ยหลูโม่กระแอมในลำคอ และรู้สึกถึงความเจ็บปวดอันแสบร้อนที่ยังคงอยู่ในปากของเขา ซึ่งรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง"ข้าจะให้ผู้บริการนำชามนมแพะมาให้ท่าน" ซ่งซีซีลุกขึ้นเปิดประตูห้องส่วนตัวแล้วตามหาผู้บริการนำชามนมแพะมาให้ถ้วยนึง"นมสามารถบรรเทารสชาติเผ็ดได้" ซ่งซีซียิ้มราวกับกำลังกล่อมเด็กคนนึงอย่างไรอย่างนั้น "ดื่มเร็วๆ สิ"เซี่ยหลูโม่หยิบนมแพะขึ้นมา พอกินเข้าปากก็มีกลิ่นคาว แต่มันเย็นชื่นใจ ก็พอจพกินได้ ที่สำคัญที่สุดคือ นางมีน้ำใจมองออกไม่ได้เปิดโปงออกมา ไม่ได้เปิดโปงความฝืนของเขาและเอาใจเขา นางแตกต่างจากตอนที่อยู่ภูเขาเหม่ยชานอย่างสิ้นเชิงจริงๆแต่เขาก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา เพราะฉากกล่อมให้เขาดื่มนมแพะเช่นนี้อาจเป็นเพราะว่านางดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้นให้ดื่มยาแบบนี้มาตลอดกระมัง?เมื่อก่อนนางเคยเห็นผู้คนใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 210

    เซี่ยหลูโม่ยังคงตักอาหารให้นางต่อไป แต่ไม่ได้ตอบคำถามของนางซ่งซีซีเก็บความสงสัยไว้ ถึงยังไงมันก็ไม่สำคัญมากนักเขาก็ให้คำตอบด้วยรอยยิ้ม "หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ในวันนี้ คิดว่าหัวข้อที่ครอบครัวชั้นสูงในเมืองหลวงจิงนินทาจะเพิ่มขึ้นมาก"ซ่งซีซีมองเขาอย่างไม่แยแส "อืม สตรีผู้สูงศักดิ์หลายคนคงอกหักแน่ๆ เมื่อสนมฮุ่ยไทเฟยประกาศว่าข้าจะแต่งงานกับท่าน หลายคนก็มองข้าด้วยความเกลียดชัง""ก็จะมีคนมากมายที่จะอิจฉาข้า และริษยาข้า" เซี่ยหลูโม่พูดอย่างมีเลศนัยอย่างน้อยจ้านเป่ยว่างจะเสียใจ และเสด็จพี่ก็หวั่นไหวใจด้วย"ไม่หรอก ข้าเป็นแค่ผู้หญิงที่หย่า ใครจะชอบล่ะ"เขาใช้ปลายตะเกียบแตะหน้าผากของนางเบาๆ "เจ้ากำลังจะเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋องแล้วยังดูถูกตัวเองอีกเหรอ?""โลกก็มองคนเป็นแบบนี้แหละ" นางแตะที่เขาเช่นกัน จากนั้นรีบเอาออกทันที ก่อนยิ้มว่า "ข้าไม่ได้ดูถูกตัวเองหรอก ข้ารู้ว่าข้าโดดเด่นแค่ไหน"เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสของนาง ดวงตาของนางเปล่งประกาย เขาก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา แม้ว่านางแค่แกล้งทำ แต่นางยอมแกล้งทำ ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเมื่อนางเพิ่งถึงเขตหนานเจียง ดวงตาของนางมักจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 211

    หลังจากกลับจากงานวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านก็ล้มป่วยลง นางไข้สูงกลางดึกและพูดอะไรเรื่อยเปื่อยนางหมินตามหาหมอมาในชั่วข้ามคืน และจ้านเป่ยชิงก็ไปหาจ้านเป่ยว่างที่พักอยู่โรงเตี๊ยมกลับมาด้วย ตอนแรกจ้านเป่ยว่างยังคิดว่าเขาโกหกเขา แต่เมื่อกลับมาเห็นท่านแม่ของเขาตัวสั่นไปหมด และเอาแต่พึมพำเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาตระหนักว่าท่านแม่ของเขาป่วยหนักจริงๆยี่ฝางก็เข้ามาดูแลนางอย่างเห็นได้ยาก นางไม่ได้เจอจ้านเป่ยว่างมาหลายวันแล้ว นางมีความภาคภูมิใจในตัวของนางเอง และไม่อยากไปหาเขา โดยคิดว่าที่นี่คือบ้านของเขา ไม่ว่ายังไงเขาจะต้องกลับมาจ้านเป่ยว่างไม่ได้มองนาง ได้แต่ถามอย่างกังวลว่า "ทำไมจู่ๆ ถึงป่วยกะทันหัน? และยังป่วยหนักเช่นนี้"จ้านเส้าฮวนร้องไห้เสียงดัง "จะเป็นเพราะอะไรได้อีกล่ะ ก็ซ่งซีซีคนนั้นแหละ นางไปงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ด้วย โดยอาศัยที่ตนเองจะแต่งงานกับเป่ยหมิงอ๋อง กลับฉวยโอกาสด่าองค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้ยกใหญ่…"ทันทีที่คำพูดนี้พูดออกมา ทั้งจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางต่างก็มองไปยังจ้านเส้าฮวนด้วยความตกใจจ้านเป่ยว่างเกือบสูญเสียเสียง "อะไรนะ นางจะแต่งงานกับเป่ยหมิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 212

    ในกลางดึกเช่นนี้ สุดท้ายก็ระเบิดแล้ว นางหมินรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจมาก จึงหันหลังกลับและออกไปเสียงคำรามของชายและหญิงดังมาจากด้านหลัง และพร้อมกับเสียงกรีดร้องของจ้านเส้าฮวนอีกด้วย นางหมินค่อยๆ เดินไปยังห้องโถงใหญ่ของลานด้านใน เมื่อก่อนซ่งซีซีก็นั่งอยู่เก้าอี้นั้นเป็นผู้นำจัดการเรื่งต่างๆ ของครอบครัวงานต่างๆ ที่วุ่นวายซับซ้อน นางมักจะมีความอดทน และปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเมตตาเสมอ แม้ว่าท่านแม่สามีจะอาการกำเริบในตอนกลางคืน นางยังเฝ้าดูแลทั้งคืน วันถัดไปก็ไม่พักผ่อนสักหน่อย ยังคงทำงานต่อดูเหมือนนางจะเหนื่อยไม่เป็นด้วยเลย แต่ใครล่ะที่ไม่เหนื่อย? มันแค่เพียงทนไว้ก็เท่านั้นก่อนหน้านี้นางหมินไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้นางเข้าใจทุกอย่างแล้วนางนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวแรง และมองไปที่ห้องโถงใหญ่ที่ว่างเปล่า เพื่อประหยัดเงิน ระเบียงข้างหน้าแค่จุดโคมไฟเพียงอันเดียว มันส่งแสงส่องที่โต๊ะเก้าอี้อย่างโดดเดี่ยว จวนแม่ทัพแก่งนี้ราวกับหลุมฝังศพนางมีความสุขกับซ่งซีซี ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด แต่เพื่อตอนที่นางอยู่จวนแม่ทัพ นางให้ความช่วยเหลือกับตนเองไม่น้อยไม่เพียงแต่ด้านวัตถุเท่านั้น ตอนนี้นางทำหน้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 213

    จ้านเป่ยว่างได้เลื่อนตำแหน่ง ยี่ฝางก็หวังว่าตนเองจะได้ดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางได้ ต่อให้เป็นแค่ทหารในกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวง หรือไม่ก็หัวกน้ากลุ่มของกองทัพซวนเจียก็ได้นางรู้ดีว่าตนเองทำเรื่องผิด ตำแหน่งสูงๆ นางไม่หวังแล้ว แต่ถึงยังไงสงครามชายแดนเฉิงหลิง นางเป็นคนสร้างผลงานมากที่สุด มองข้ามสงครามของเขตหนานเจียง ให้นางดำรงตำแหน่งงานเล็กๆ ก็มิใช่เรื่องยากตราบใดที่นางยังมียศถาบรรดาศักดิ์อยู่ นางก็ยังสามารถลืมตาอ้าปากขึ้นได้แต่นางคิดง่ายเกินไป แม้แต่ซ่งซีซีก็มียศแบบในนาม ไม่ต้องไปทำงานที่สำนักกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงจริงๆ และไม่ต้องเข้าร่วมฝึกฝนของกองทัพซวนเจียด้วย แน่นอนว่าหากมีความจำเป็นจริงๆ นางก็ไปได้ นางไม่ต้องไป แต่ไม่ใช่ว่าไปไม่ได้ดังนั้น ยี่ฝางรอเป็นเวลาหลายวัน แต่กลับได้รับเอกสารจากกระทรวงกลาโหมที่ระบุบว่านางโดนไล่ออกจากกองทัพ และผลงานทั้งหมดที่นางสร้างขึ้นในชายแดนเฉิงหลิง ก็ถูกกำจัดไปหมดนางไม่ใช่แม่ทัพยี่อีกต่อไป หรือแม้แต่ทหาร ผลงานที่ชายแดนเฉิงหลิงก็หายไปหมด ราวกับว่านางไม่เคยออกศึกมาก่อนนางจำเป็นต้องคืนตราประทับของแม่ทัพและอาวุธที่ออกโดยกระ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 214

    เซี่ยหลูโม่ไปที่สถาบันว่านซงเหมิน และสนมฮุ่ยไทเฟยได้ส่งคนไปตามหาซ่งซีซีให้เข้าวังหลังจากงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ ความคิดที่สนมฮุ่ยไทเฟยมีต่อซ่งซีซีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ มันยังไม่เพียงพอที่นางเปลี่ยนใจมายอมรับซ่งซีซีเป็นลูกสะใภ้ของนางนางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเวลานาน จนพบว่านางไม่มีวิธีที่จะมารับมือ ซ่งซีซียังกล้าทำตัวกำเริบต่อหน้าองค์หญิงใหญ่เสียอีก ดังนั้นใช้วิธีแบบบังคับก็ไม่ได้ผลดังนั้น นางจึงวางแผนที่จะใช้อารมณ์และเหตุผลเพื่อทำให้นางยอมแพ้โดยสมัครใจเมื่อซ่งซีซีมาถึงตำหนักฉางชุน นางเห็นว่าได้จัดโต๊ะไว้ มีน้ำชาและของว่างเตรียมไว้ให้พร้อม แม้แต่ใบหน้าที่เย่อหยิ่งของสนมฮุ่ยไทเฟยก็ยังฝืนยิ้มออกมามันมองออกว่านางกำลังฝืนยิ้ม เพราะมันดูแข็งมากหลังจากที่ซ่งซีซีคารวะเสร็จ สนมฮุ่ยไทเฟยก็ให้ตนข้างกายออกไปหมด ก่อนจะคุยเล่นกับนาง"ข้าเป็นหวังดีต่อเจ้าจริงๆ นะ เจ้าถูกโม่เอ๋อหลอก โม่เอ๋อมีคนรักในใจตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อก่อนเขาเคยสาบานว่าจะแต่งงานกับคนนั้นให้ได้ นอกจากหญิงคนนั้นแล้ว เขาจะไม่แต่งกับผู้อื่น ใจของเขาไม่มีทางมีที่ว่างให้เจ้า แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รักตนเอง เจ้าจะมี

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1480

    ฉีฮูหยินใหญ่เข้าเฝ้าในวัง ครานี้นางมาโดยได้รับคำสั่งจากเจ้ากรมฉี เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัดเจน เมื่อฮองเฮาทรงได้ยินว่าบิดาทรงตัดสินใจจะวางตัวเป็นกลาง ก็มิอาจระงับโทสะได้ ตรัสเย็นชา “แต่ก่อนให้ข้าช่วยสนับสนุนตระกูลฉี ข้าก็มิเคยปฏิเสธ บัดนี้เมื่อข้าต้องการให้พวกท่านช่วยบ้าง กลับถอยหนีไปหมดสิ้น ข้าช่างไม่เข้าใจเลยจริงๆ หากองค์ชายใหญ่ขึ้นครองบัลลังก์ ตระกูลฉีจะไม่ได้รับผลดีเลยหรือ? หรือบิดามั่นใจว่าต่อจากนี้ตระกูลฉีจะราบรื่นไร้ปัญหา?” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างใจเย็น “ความหมายของบิดา คือเพียงอยากเป็นขุนนางผู้ภักดี มิอาจข้องเกี่ยวเรื่องนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของฮ่องเต้” “ช่างน่าขันนัก!” ฮองเฮาทรงหัวร่อเยาะ “เปรอะเปื้อนมลทินไปทั้งตัว บัดนี้ยังมีหน้ามาอ้างตนว่าเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์? เหตุใดจึงไม่พูดเช่นนี้ให้เร็วกว่านี้เล่า? เช่นนั้นข้าจะได้ไม่ต้องแต่งเข้าวังมา ปล่อยให้ข้าดิ้นรนต่อสู้เพียงลำพัง” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าว “แม้บิดาจะมีความผิดพลาดในเรื่องส่วนตัว แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในกรมขุนนาง ก็รับใช้แผ่นดินและฮ่องเต้โดยซื่อสัตย์ ไม่เคยขายตำแหน่งขุนนางหรือรับสินบน” ฮองเฮาทรงแค่นเสียง “ทำหรือไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1479

    ฮองเฮาเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้เสียเมื่อไร? แม้แต่ฮ่องเต้ทรงกริ้วพระนางอย่างที่สุด ก็เพียงแค่ทรงตำหนิเล็กน้อย หรือไม่ก็ทรงมีรับสั่งกักบริเวณพระนางเท่านั้น “เซี่ยหลูโม่เป็นตัวอะไร? เขาถึงได้กล้าถึงเพียงนี้! บังอาจมาทำอวดดีต่อหน้าข้า! ข้าเห็นว่าเขาสร้างผลงานไว้ จึงเป็นห่วงเรื่องเชื้อสายของเขา เขาคิดว่าข้าไม่มีเรื่องใดให้ทำ นอกจากยุ่งเรื่องของเขารึ? เขาไม่ชอบก็แล้วไป ยังมีคนที่ชอบอีกมาก!” ฮองเฮาทรงกริ้วจนปวดพระเศียร ไม่เคยพบผู้ใดที่ไม่รู้คุณคนเช่นนี้มาก่อน ความน้อยพระทัยของพระนางทำให้หลานเจี่ยนกูกูงุนงงนัก เดิมทีเรื่องนี้ก็แค่หาข้ออ้างเพื่อบีบให้พระชายาอ๋องต้องยอมเข้าวังมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเชื้อสายของจวนอ๋องจริงๆ แล้วล่ะ? หลานเจี่ยนกูกูคิดว่าฮองเฮาทรงหาข้อแก้ตัวให้พระองค์เองเพราะทรงโกรธ แต่ข้อแก้ตัวเช่นนี้ดูจะไร้ความจำเป็นไปมาก เพียงทำให้พระองค์เองขุ่นเคืองยิ่งขึ้นเท่านั้น นางจึงเอ่ยปลอบ “พระนางอย่าได้กริ้วไปเพคะ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นการหาพระชายารองให้เขาจริงๆ นี่เพคะ” ฮองเฮาทรงตวัดพระเนตรมองนางด้วยความไม่พอพระทัย ก่อนตรัสด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1478

    เซี่ยหลูโม่เห็นเขามีท่าทางอิดโรย ประกอบกับอู๋ต้าปั้นก็ได้นำฎีกากลับไปแล้ว จึงกล่าวว่า “น้องมีเรื่องหนึ่งขอให้ฝ่าบาททรงอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสถาม “เรื่องอันใด?” เซี่ยหลูโม่ดวงตาสงบนิ่งเย็นชา “น้องอยากไปตำหนักฉางชุนสักคราพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงเข้าใจทันทีว่าเป็นเรื่องอันใด เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวง ถึงขั้นเกือบทำให้ผู้ตรวจการสวี่ต้องสิ้นชีพ จักรพรรดิ์ซูชิงไม่ต้องการเผชิญหน้า จึงรับสั่งให้เขาไปตามต้องการ เซี่ยหลูโม่ถวายบังคมลา มุ่งหน้าสู่ตำหนักฉางชุนทันที ฮองเฮาทรงทราบถึงเจตนาของเขา จึงให้คนไปเชิญเข้ามา นางเห็นว่าซ่งซีซีปฏิเสธการแต่งตั้งพระชายารองให้เซี่ยหลูโม่ เป็นเพราะซ่งซีซีขี้หึงและเห็นแก่ตัว ทว่าชายใดเล่าจะคิดเช่นนั้น แม้จะกล่าวคำโตเพียงใด ก็ไม่อาจกลบซ่อนสันดานดิบของบุรุษได้ แม้ฮ่องเต้จะทรงอุทิศพระองค์เพื่อราชกิจ ไม่เสด็จเยือนฝ่ายในบ่อยนัก แต่ก็ยังมีสนมมากมายถึงสามวังหกตำหนัก เมื่อเจอคนถูกพระทัย ก็ยังทรงพลิกป้ายให้เข้าพบเดือนละสามสี่ครั้ง ฉีฮองเฮาทรงเห็นว่าไม่มีแมวตัวใดไม่ชอบกินปลา รวมถึงเซี่ยหลูโม่เองก็เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นางยัง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1477

    เซี่ยหลูโม่เอ่ยขึ้น "แล้วเสด็จพี่มีแผนการอย่างไร?" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสตอบ "เดิมที หากข้ามีชีวิตอยู่ได้เพียงสามเดือน ข้าจะตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท และให้เจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พร้อมตั้งขุนนางที่ไว้ใจได้อีกสองสามคนเป็นผู้ช่วยว่าราชการ ส่วนองค์ชายรอง จะถูกส่งไปประจำอยู่ที่หนานเจียง และปลดฮองเฮาออกจากตำแหน่ง เช่นนี้จะช่วยลดอำนาจของตระกูลฉีลงได้" เซี่ยหลูโม่เอ่ยเสียงเรียบ “เกรงว่าน้องจะไม่อาจรับตำแหน่งสำคัญนี้" เขาเข้าใจดีว่า หากเขาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ย่อมต้องแลกเปลี่ยนบางสิ่งกับจักรพรรดิ์ซูชิง และสิ่งที่เขาคิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือ คำสั่งห้ามให้เขามีทายาท เช่นนั้น แม้เขาจะขึ้นครองบัลลังก์ สุดท้ายก็ต้องคืนตำแหน่งจักรพรรดิ์ให้กับราชวงศ์ จักรพรรดิ์ซูชิงมองลึกเข้าไปในแววตาของเขาแล้วถอนพระปัสสาสะเบาๆ "เรื่องมากมายก็มิอาจปิดบังไปจากเจ้าได้ ข้าเคยคิดจะให้เจ้าสาบานว่า เจ้าจะไม่มีบุตร ไม่มีทายาท ข้าเห็นแก่ตัว แต่ข้าทำได้เพียงเท่านี้" เซี่ยหลูโม่เข้าใจความหมายของจักรพรรดิ์ซูชิง แต่เขาไม่อาจยอมรับได้ การมีหรือไม่มีบุตร ไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจเพียงลำพัง ซีซีมีสิทธิ์ที่จะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1476

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนสีพระพักตร์จะค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น "หมอมหัศจรรย์ดันบอกว่า ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกสามปี แต่ก่อนหน้านี้ หมอหลวงเคยบอกว่า ข้าน่าจะอยู่ได้หนึ่งปี ทว่าผ่านไปไม่นาน กลับเหลือเพียงแค่หกเดือน ข้าคิดว่า คำของหมอทั้งหลาย เมื่อมาถึงตัวข้า ก็ควรจะต้องลดลงครึ่งหนึ่งเสมอ เช่นนั้น หนึ่งปีครึ่งที่เหลือ อาจจะไม่ได้มีจริงด้วยซ้ำ" "เสด็จพี่ อย่าทรงคิดในแง่ร้าย..." จักรพรรดิ์ซูชิงยกพระหัตถ์ขึ้นปราม "เจ้าฟังข้าก่อน บัดนี้ ข้ามีสติแจ่มชัด มิได้เลอะเลือน เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ต้องรีบจัดการ แต่ปัญหาคือ ข้าไม่กล้าตั้งใคร ยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าพระจักรพรรดิ์องค์ใหม่จะเติบโตขึ้นปกครองแผ่นดิน มหาเสนาบดีแก่ชราลงแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะฝากบ้านเมืองไว้ในมือใครได้ นอกจากเจ้า" เซี่ยหลูโม่มิได้เอ่ยสิ่งใด เพราะเขารู้ดีว่า ความไว้วางใจและความระแวงของเสด็จพี่ล้วนเกิดขึ้นโดยไร้หลักการ มันมักมาเป็นระยะๆ "ข้า มีพระโอรสสามองค์ เดิมทีมีองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาทโดยธรรมชาติ ตำแหน่งรัชทายาทจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่องค์ชายใหญ่ เขาธรรมดาเกินไป ธรรมดาก็ไม่เป็นไรนัก แต่เขา ขี้เกียจ หยิ่งยะโส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1475

    ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกลับต้องพบว่า ดูหรือไม่ดู ก็ไม่ต่างกันเลย เพียงเห็นว่าหมอมหัศจรรย์ดันคีบเข็มไว้ในซอกนิ้วทั้งห้า แล้วในพริบตาเดียว เข็มสี่เล่ม ก็ปักลงจุดได้อย่างแม่นยำ พวกเขาแทบมองเห็นเพียงแค่ภาพลวงตาของมือหนึ่งข้างเท่านั้น แต่ผลลัพธ์กลับแม่นยำและมั่นคง ราวกับว่าทุกอย่างจบลงในพริบตาเดียว ทั้งสี่จุด แม้จะอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่การจะหา จุดฝังเข็ม ให้ถูกต้อง และปักเข็มลงไปอย่างแม่นยำโดยไม่ลังเลนั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่หมอมหัศจรรย์ดันกลับทำได้ในพริบตาเดียว หลังจากฝังเข็มแล้ว เขาจึงให้จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยซูซื่อตันเพื่อบรรเทาอาการปวด ผลของยาระงับปวดชัดเจนมาก สีพระพักตร์ของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นทันตา ไม่ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้ หมอมหัศจรรย์ดันถอนเข็มออก ก่อนจะเขียนตำรับยา จากนั้นจึงหยิบยาดันเสวี่ยออกมาจากหีบยา แล้วกล่าวว่า "ทุกคนต่างคิดว่ายาดันเสวี่ย ใช้เพียงเพื่อบำรุงชีพจร แต่แท้จริงแล้ว มันช่วยฟื้นฟูร่างกายและบำรุงอวัยวะทั้งห้า ได้ด้วย ต่อไป ฮ่องเต้ต้องใช้ยาที่แรงขึ้น ยานี้จึงจำเป็นต้องช่วยคุ้มครอง ตับและไต โดยปกติ ควรเสวยทุกเจ็ดวันหนึ่งเม็ด แต่บัดน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1474

    จักรพรรดิ์ซูชิง ทรงเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนมีพระบัญชาให้จัดเตรียมห้องพักในตำหนักข้างเคียงของตำหนักเฉียนหยาง พร้อมทั้งส่งแพทย์จากสำนักหมอหลวงมาคอยดูแลหมอมหัศจรรย์ดัน พร้อมกันนั้น ทรงมีพระบัญชาให้จางฉีเหวินและฉีกุ้ยเป็นองครักษ์ส่วนตัวของหมอมหัศจรรย์ดัน คอยติดตามดูแลเขาตลอดเวลา พระองค์ทรงทราบดีว่าจางฉีเหวินเป็นศิษย์ของเสิ่นว่านจือ การให้เขาคุ้มครองหมอมหัศจรรย์ดัน ก็เพื่อให้หมอมหัศจรรย์ดันรู้สึกวางใจ แต่เพื่อให้พระองค์เองก็วางใจได้เช่นกัน จึงทรงส่งฉีกุ้ยไปด้วยอีกคน ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังมีพระบัญชาให้สำนักหมอหลวงปฏิบัติตามคำสั่งของหมอมหัศจรรย์ดันเป็นอันดับแรก อำนาจนี้ยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่แท้จริงแล้ว พระองค์หวังให้สำนักหมอหลวงเป็นฝ่ายจัดหายา หมอมหัศจรรย์ดันมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ ขอเพียงมีคนทำตามคำสั่งก็เพียงพอแล้ว แต่จากการที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงส่งจางฉีเหวินและฉีกุ้ยไป อาจมองออกได้ว่า พระองค์มิได้ไว้วางพระทัยผู้คนจากฝ่ายใน บัดนี้ พระองค์และหมอมหัศจรรย์ดัน มีชะตาเดียวกัน หากหมอมหัศจรรย์ดันตาย พระองค์ก็ตาย หากหมอมหัศจรรย์ดันมีชีวิตอยู่ พระองค์ก็อาจอยู่ได้อีกอย่างน้อยสามปี สามปีไม่ยาว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1473

    ณ ตำหนักเฉียนหยาง อู๋ย่วนเจิ้งและหมอหลวงหลินยืนอยู่ด้านข้างเซี่ยหลูโม่กับอู๋ต้าปั้นก็อยู่ข้างเตียง ต่างเฝ้ารอให้หมอมหัศจรรย์ดันตรวจชีพจร หลังจากตรวจชีพจรแล้วหมอมหัศจรรย์ดันถามถึงบันทึกชีพจรในอดีตและสูตรยาที่ใช้รักษาก่อนหน้านี้ หมอหลวงหลิน นำบันทึกมาให้เขา พลางกล่าวด้วยท่าทีเคารพ “หมอดัน โปรดตรวจดูเถิด” ในวังหลวงแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าเรียกเขาว่าหมอมหัศจรรย์อีกแล้ว เพราะสำนักหมอหลวงก็เคยผ่านการกวาดล้างครั้งใหญ่เช่นกัน หมอมหัศจรรย์ดันรับบันทึกมา เปิดดูทีละหน้า ภายในตำหนักเงียบสนิท มีเพียงเสียงกระดาษที่เขาพลิกเท่านั้นที่ดังขึ้น ทุกคนกลั้นหายใจ นี่คือความหวังสุดท้าย หากหมอมหัศจรรย์ดันบอกว่าพระอาการมีเวลาเพียงสามเดือน เช่นนั้นก็เหลือเวลาเพียงสามเดือนจริงๆ จักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ดวงตาหดเล็กลง ฝ่าพระหัตถ์ชื้นไปด้วยเหงื่อ พระองค์กำลังรอคอยคำพิพากษาครั้งสุดท้าย หมอมหัศจรรย์ดัน ไม่พลาดแม้แต่คำเดียว อ่านจนครบทุกหน้า จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นเอ่ยถาม “บันทึกชีพจรระบุว่ามีอาการปวดต่อเนื่องกว่าหนึ่งเดือน กลางคืนมิอาจข่มพระเนตร และแทบไม่อาจเสวยได้เลย” นี่เป็นเพียงการกล่าวยืนย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1472

    ซ่งซีซีกล่าว “หากหมอมหัศจรรย์ดันยอมเข้าวังมา ก็ย่อมจะทำเต็มกำลังแน่นอนเพคะ” ไทเฮาทรงนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นน้ำพระเนตรก็ร่วงเงียบๆ “แม้จะทำสุดความสามารถ แต่ก็ยากจะรักษาชีวิตไว้ได้ ขอเพียงสามารถยืดเวลาออกไปอีกหน่อย ให้จัดการเรื่องรากฐานแผ่นดินให้เรียบร้อย” เห็นพระนางหลั่งน้ำตาซ่งซีซีก็พลอยรู้สึกหดหู่ไปด้วย ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเสด็จแม่กล่าวว่า ไทเฮาเป็นสตรีที่มีจิตใจเข้มแข็งนัก หยาดน้ำตาของพระองค์มีค่ามาก ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่เพียงใด ก็ไม่เคยยอมหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว นางไม่รู้ว่าควรปลอบพระทัยอย่างไร และก็นึกได้ว่า สิ่งที่ไทเฮาต้องการตอนนี้ คงไม่ใช่คำปลอบโยน นางจึงทำได้เพียงเฝ้าอยู่เคียงข้างอย่างเงียบๆ เซี่ยหลูโม่เดินทางไปยังร้านขายยาเย่าหวัง และได้พบกับหมอมหัศจรรย์ดัน วันนี้หลังจากมีพระบัญชาเรียกเข้าวัง อาจารย์หยูก็มาที่ร้านขายยาเย่าหวังเพื่อแจ้งข่าว ดังนั้นหมอมหัศจรรย์ดันจึงเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว ครั้งนี้ เขาไม่ได้พาศิษย์ไปด้วย แต่เดินทางกับเซี่ยหลูโม่เพียงลำพัง ชิงเชวี่ยและหงเชวี่ยอยากตามไปด้วย แต่ถูกเขาดุไล่ให้กลับไป บนรถม้าเซี่ยหลูโม่รับปากกับเขาว่าจะปกป้องท่านให้ปลอด

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status