แชร์

บทที่ 208

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ถึงเวลาอาหารมาส่งพอดี ซ่งซีซีก็เงียบและมองดูอาหารต่างๆ วางเรียงกัน ในบรรดาหัวปลาสองสีที่นางชอบโรยพริกไทยสับ พริกสีแดงสดผสมกับพริกสีเขียว โดยมีวุ้นเส้นอยู่ข้างใต้ ซึ่งทำให้เจริญอาหารมากทีเดียว

ลำไส้ไขมันหม้อแห้ง เป็ดเลือดหยงโจว หม้อดินวุ้นเส้นไข่ปู ซี่โครงหมูนึ่งข้าวเหนียว เนื้อทอดเผ็ด เต้าหู้แห้งผัดเผ็ด มีอาหารเผ็ด แต่ก็มีไม่เผ็ดบ้าง กลิ่นหอมของอาหารพัดมาเตะจมูกทุกคนในห้องทันที

ซ่งซีซีหิวมากจริงๆ นางจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาก่อนตอบคำถามของเขาก่อนว่า "ยามเวลาที่ข้าออกจากจวน ลุงฟูบอกว่าฝู้หม่าได้แต่งอนุภรรยาตั้งหลายคนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอนุภรรยาส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตหลังจากคลอดบุตร ข้าก็คิดอยู่ว่าถ้าอนุภรรยาคนนึงตายมันเป็นอุบัติเหตุหรือคลอดยาก แต่ด้วยที่มีอนุภรรยาตายอย่างหลายๆ คนก็ยากที่จะไม่ทำให้คนอื่นสงสัยเข้า"

หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็หยิบชามขึ้นมา คีบวุ้นเส้นใต้หัวปลาแล้วใส่ลงในชาม วุ้นเส้นแช่ในเครื่องปรุงรสพริก รสชาติเข้าเนื้อเลย นางยังตักอาหารให้เซี่ยหลูโม่ด้วย "ลองชิมวุ้นเส้นหน่อยสิ วุ้นเส้นนี้ถึงเป็นประเด็นหลักในอาหารนี้"

จากนั้นก็ตักพริกไทยผสมกับพริกเขียวช้อนนึงลงในชาม แล้วก็
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
kanizzar
อ่านดีๆก็มีโฆษณามาคั่น รำคาญมาก
goodnovel comment avatar
Nichamon Pia
Wait I will
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 209

    ซ่งซีซีก็สังเกตเห็นเช่นกัน พอเขากินก็จะไอทันที ไอจนหน้าแดงฉ่ำ เห็นๆ อยู่ว่ากินเผ็ดไม่ค่อยเป็นนี่ แล้วทำไมต้องเลือกร้านอาหารนี้ล่ะนางขยับอาหารที่ไม่เผ็ดวางตรงหน้าเขา "ถึงแม้ท่านจะชอบอาหารเผ็ด แต่วันนี้คอของท่านผิดปกติ หลีกเลี่ยงอาหารจัดก่อน และกินอาหารเบาๆ ให้มากๆ""คอของข้าไม่สบายจริงๆ" เซี่ยหลูโม่กระแอมในลำคอ และรู้สึกถึงความเจ็บปวดอันแสบร้อนที่ยังคงอยู่ในปากของเขา ซึ่งรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง"ข้าจะให้ผู้บริการนำชามนมแพะมาให้ท่าน" ซ่งซีซีลุกขึ้นเปิดประตูห้องส่วนตัวแล้วตามหาผู้บริการนำชามนมแพะมาให้ถ้วยนึง"นมสามารถบรรเทารสชาติเผ็ดได้" ซ่งซีซียิ้มราวกับกำลังกล่อมเด็กคนนึงอย่างไรอย่างนั้น "ดื่มเร็วๆ สิ"เซี่ยหลูโม่หยิบนมแพะขึ้นมา พอกินเข้าปากก็มีกลิ่นคาว แต่มันเย็นชื่นใจ ก็พอจพกินได้ ที่สำคัญที่สุดคือ นางมีน้ำใจมองออกไม่ได้เปิดโปงออกมา ไม่ได้เปิดโปงความฝืนของเขาและเอาใจเขา นางแตกต่างจากตอนที่อยู่ภูเขาเหม่ยชานอย่างสิ้นเชิงจริงๆแต่เขาก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา เพราะฉากกล่อมให้เขาดื่มนมแพะเช่นนี้อาจเป็นเพราะว่านางดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้นให้ดื่มยาแบบนี้มาตลอดกระมัง?เมื่อก่อนนางเคยเห็นผู้คนใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 210

    เซี่ยหลูโม่ยังคงตักอาหารให้นางต่อไป แต่ไม่ได้ตอบคำถามของนางซ่งซีซีเก็บความสงสัยไว้ ถึงยังไงมันก็ไม่สำคัญมากนักเขาก็ให้คำตอบด้วยรอยยิ้ม "หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ในวันนี้ คิดว่าหัวข้อที่ครอบครัวชั้นสูงในเมืองหลวงจิงนินทาจะเพิ่มขึ้นมาก"ซ่งซีซีมองเขาอย่างไม่แยแส "อืม สตรีผู้สูงศักดิ์หลายคนคงอกหักแน่ๆ เมื่อสนมฮุ่ยไทเฟยประกาศว่าข้าจะแต่งงานกับท่าน หลายคนก็มองข้าด้วยความเกลียดชัง""ก็จะมีคนมากมายที่จะอิจฉาข้า และริษยาข้า" เซี่ยหลูโม่พูดอย่างมีเลศนัยอย่างน้อยจ้านเป่ยว่างจะเสียใจ และเสด็จพี่ก็หวั่นไหวใจด้วย"ไม่หรอก ข้าเป็นแค่ผู้หญิงที่หย่า ใครจะชอบล่ะ"เขาใช้ปลายตะเกียบแตะหน้าผากของนางเบาๆ "เจ้ากำลังจะเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋องแล้วยังดูถูกตัวเองอีกเหรอ?""โลกก็มองคนเป็นแบบนี้แหละ" นางแตะที่เขาเช่นกัน จากนั้นรีบเอาออกทันที ก่อนยิ้มว่า "ข้าไม่ได้ดูถูกตัวเองหรอก ข้ารู้ว่าข้าโดดเด่นแค่ไหน"เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสของนาง ดวงตาของนางเปล่งประกาย เขาก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา แม้ว่านางแค่แกล้งทำ แต่นางยอมแกล้งทำ ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเมื่อนางเพิ่งถึงเขตหนานเจียง ดวงตาของนางมักจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 211

    หลังจากกลับจากงานวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านก็ล้มป่วยลง นางไข้สูงกลางดึกและพูดอะไรเรื่อยเปื่อยนางหมินตามหาหมอมาในชั่วข้ามคืน และจ้านเป่ยชิงก็ไปหาจ้านเป่ยว่างที่พักอยู่โรงเตี๊ยมกลับมาด้วย ตอนแรกจ้านเป่ยว่างยังคิดว่าเขาโกหกเขา แต่เมื่อกลับมาเห็นท่านแม่ของเขาตัวสั่นไปหมด และเอาแต่พึมพำเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาตระหนักว่าท่านแม่ของเขาป่วยหนักจริงๆยี่ฝางก็เข้ามาดูแลนางอย่างเห็นได้ยาก นางไม่ได้เจอจ้านเป่ยว่างมาหลายวันแล้ว นางมีความภาคภูมิใจในตัวของนางเอง และไม่อยากไปหาเขา โดยคิดว่าที่นี่คือบ้านของเขา ไม่ว่ายังไงเขาจะต้องกลับมาจ้านเป่ยว่างไม่ได้มองนาง ได้แต่ถามอย่างกังวลว่า "ทำไมจู่ๆ ถึงป่วยกะทันหัน? และยังป่วยหนักเช่นนี้"จ้านเส้าฮวนร้องไห้เสียงดัง "จะเป็นเพราะอะไรได้อีกล่ะ ก็ซ่งซีซีคนนั้นแหละ นางไปงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ด้วย โดยอาศัยที่ตนเองจะแต่งงานกับเป่ยหมิงอ๋อง กลับฉวยโอกาสด่าองค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้ยกใหญ่…"ทันทีที่คำพูดนี้พูดออกมา ทั้งจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางต่างก็มองไปยังจ้านเส้าฮวนด้วยความตกใจจ้านเป่ยว่างเกือบสูญเสียเสียง "อะไรนะ นางจะแต่งงานกับเป่ยหมิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 212

    ในกลางดึกเช่นนี้ สุดท้ายก็ระเบิดแล้ว นางหมินรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจมาก จึงหันหลังกลับและออกไปเสียงคำรามของชายและหญิงดังมาจากด้านหลัง และพร้อมกับเสียงกรีดร้องของจ้านเส้าฮวนอีกด้วย นางหมินค่อยๆ เดินไปยังห้องโถงใหญ่ของลานด้านใน เมื่อก่อนซ่งซีซีก็นั่งอยู่เก้าอี้นั้นเป็นผู้นำจัดการเรื่งต่างๆ ของครอบครัวงานต่างๆ ที่วุ่นวายซับซ้อน นางมักจะมีความอดทน และปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเมตตาเสมอ แม้ว่าท่านแม่สามีจะอาการกำเริบในตอนกลางคืน นางยังเฝ้าดูแลทั้งคืน วันถัดไปก็ไม่พักผ่อนสักหน่อย ยังคงทำงานต่อดูเหมือนนางจะเหนื่อยไม่เป็นด้วยเลย แต่ใครล่ะที่ไม่เหนื่อย? มันแค่เพียงทนไว้ก็เท่านั้นก่อนหน้านี้นางหมินไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้นางเข้าใจทุกอย่างแล้วนางนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวแรง และมองไปที่ห้องโถงใหญ่ที่ว่างเปล่า เพื่อประหยัดเงิน ระเบียงข้างหน้าแค่จุดโคมไฟเพียงอันเดียว มันส่งแสงส่องที่โต๊ะเก้าอี้อย่างโดดเดี่ยว จวนแม่ทัพแก่งนี้ราวกับหลุมฝังศพนางมีความสุขกับซ่งซีซี ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด แต่เพื่อตอนที่นางอยู่จวนแม่ทัพ นางให้ความช่วยเหลือกับตนเองไม่น้อยไม่เพียงแต่ด้านวัตถุเท่านั้น ตอนนี้นางทำหน้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 213

    จ้านเป่ยว่างได้เลื่อนตำแหน่ง ยี่ฝางก็หวังว่าตนเองจะได้ดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางได้ ต่อให้เป็นแค่ทหารในกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวง หรือไม่ก็หัวกน้ากลุ่มของกองทัพซวนเจียก็ได้นางรู้ดีว่าตนเองทำเรื่องผิด ตำแหน่งสูงๆ นางไม่หวังแล้ว แต่ถึงยังไงสงครามชายแดนเฉิงหลิง นางเป็นคนสร้างผลงานมากที่สุด มองข้ามสงครามของเขตหนานเจียง ให้นางดำรงตำแหน่งงานเล็กๆ ก็มิใช่เรื่องยากตราบใดที่นางยังมียศถาบรรดาศักดิ์อยู่ นางก็ยังสามารถลืมตาอ้าปากขึ้นได้แต่นางคิดง่ายเกินไป แม้แต่ซ่งซีซีก็มียศแบบในนาม ไม่ต้องไปทำงานที่สำนักกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงจริงๆ และไม่ต้องเข้าร่วมฝึกฝนของกองทัพซวนเจียด้วย แน่นอนว่าหากมีความจำเป็นจริงๆ นางก็ไปได้ นางไม่ต้องไป แต่ไม่ใช่ว่าไปไม่ได้ดังนั้น ยี่ฝางรอเป็นเวลาหลายวัน แต่กลับได้รับเอกสารจากกระทรวงกลาโหมที่ระบุบว่านางโดนไล่ออกจากกองทัพ และผลงานทั้งหมดที่นางสร้างขึ้นในชายแดนเฉิงหลิง ก็ถูกกำจัดไปหมดนางไม่ใช่แม่ทัพยี่อีกต่อไป หรือแม้แต่ทหาร ผลงานที่ชายแดนเฉิงหลิงก็หายไปหมด ราวกับว่านางไม่เคยออกศึกมาก่อนนางจำเป็นต้องคืนตราประทับของแม่ทัพและอาวุธที่ออกโดยกระ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 214

    เซี่ยหลูโม่ไปที่สถาบันว่านซงเหมิน และสนมฮุ่ยไทเฟยได้ส่งคนไปตามหาซ่งซีซีให้เข้าวังหลังจากงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ ความคิดที่สนมฮุ่ยไทเฟยมีต่อซ่งซีซีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ มันยังไม่เพียงพอที่นางเปลี่ยนใจมายอมรับซ่งซีซีเป็นลูกสะใภ้ของนางนางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเวลานาน จนพบว่านางไม่มีวิธีที่จะมารับมือ ซ่งซีซียังกล้าทำตัวกำเริบต่อหน้าองค์หญิงใหญ่เสียอีก ดังนั้นใช้วิธีแบบบังคับก็ไม่ได้ผลดังนั้น นางจึงวางแผนที่จะใช้อารมณ์และเหตุผลเพื่อทำให้นางยอมแพ้โดยสมัครใจเมื่อซ่งซีซีมาถึงตำหนักฉางชุน นางเห็นว่าได้จัดโต๊ะไว้ มีน้ำชาและของว่างเตรียมไว้ให้พร้อม แม้แต่ใบหน้าที่เย่อหยิ่งของสนมฮุ่ยไทเฟยก็ยังฝืนยิ้มออกมามันมองออกว่านางกำลังฝืนยิ้ม เพราะมันดูแข็งมากหลังจากที่ซ่งซีซีคารวะเสร็จ สนมฮุ่ยไทเฟยก็ให้ตนข้างกายออกไปหมด ก่อนจะคุยเล่นกับนาง"ข้าเป็นหวังดีต่อเจ้าจริงๆ นะ เจ้าถูกโม่เอ๋อหลอก โม่เอ๋อมีคนรักในใจตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อก่อนเขาเคยสาบานว่าจะแต่งงานกับคนนั้นให้ได้ นอกจากหญิงคนนั้นแล้ว เขาจะไม่แต่งกับผู้อื่น ใจของเขาไม่มีทางมีที่ว่างให้เจ้า แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รักตนเอง เจ้าจะมี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 215

    นางมองไปที่ใบหน้าที่สวยงามของซ่งซีซี และรูปร่างที่เพรียวบางของนาง มันก็ยากที่จะจินตนาการว่านางจะฆ่าศัตรูเป็นสามท่อนในมีดเดียวอย่างที่โม่เอ๋อพูดเลยจากนั้นนางก็นึกถึงสิ่งที่นางพูดในงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ และถามว่า "วันนั้นที่เจ้าทำให้องค์หญิงใหญ่ขุ่นเคืองใจอย่างนั้น ไม่กลัวนางแก้แค้นเจ้าหรือ?"ซ่งซีซีทำท่าใจเย็น "เสือที่ไม่มีฟันแล้ว ทำไมนางต้องไปกลัวล่ะ"สนมฮุ่ยไทเฟยกล่าวอย่างเย็นชา "เจ้ายังเด็กเกินไป และไม่รู้ฝีมือของนาง นางมีกลอุบายมากมายอยู่ลับหลัง คนแบบนี้ มักจะชอบเล่นลูกไม้ลับหลัง เจ้าคอยดูได้เลย""หากนางเล่นลูกไม้ลับหลังสักครั้ง งั้นเราก็โต้กลับอย่างเปิดเผยให้นางสองครั้ง เราเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ได้ทำผิดอะไร จะมองในแง่เปิดเผยหรือแง่ลับหลัง เราต่างไม่เกรงกลัวหรอก แต่กลับนางนั่นเอง มีเรื่องมากมายที่คนอื่นยังไม่รู้ พอคนมีจุดอ่อนแล้ว งั้นก็รับมือได้ง่ายเลย"ขณะที่นางพูด นางก็กำถ้วยในมือให้แน่นขึ้น จนทำให้มันแตกออกเลย จากนั้นวางเศษถ้วยไว้บนโต๊ะเมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจของสนมฮุ่ยไทเฟยก็สั่นเทา และนางก็งอเอวที่เดิมทียึดตรงเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เมื่อตระหนักว่านี่เป็นสัญญาณของควา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 216

    หลังจากที่ซ่งซีซีออกจากวัง นางก็ขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าไปยังจวนองค์หญิงใหญ่จริงๆเดิมทีนางก็วางแผนจะไปจวนขององค์หญิงใหญ่ในวันนี้อยู่แล้ว แต่เกิดความล่าช้าเนื่องจากถูกเรียกตัวเข้าวังอย่างกะทันหันแต่ก็ไม่ถือว่าล่าช้าอะไร ยามนี้ก็เลยเที่ยงแล้ว คิดดูแล้วองค์หญิงใหญ่ก็คงตื่นจากการงีบหลับยามเที่ยงแล้ว กำลังมีพลังงานอยู่ ไม่น่าทำให้คนเราผิดหวังในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้จัดการกับสินเดิมที่เอากลับมาจากจวนแม่ทัพ บางอย่างก็ถูกจัดเก็บไว้ บางอย่างก็ถูกขายออก ส่วนสิ่งของที่ขายไม่ได้นั้นก็กองไว้ที่มุมนึงเมื่อแต่งงานกับเซี่ยหลูโม่ จะไม่สามารถใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นสินเดิมได้อีก ดังนั้นหลังจากจัดเรียงในคลังเพื่อดูว่าต้องซื้อสิ่งของใดบ้าง ลุงฟูจะได้ทำรายการเอาไว้ท่ามกลางกองสิ่งของเลอะเทอะเหล่านั้น ได้พบอนุสรณ์พรหมจรรย์ที่องค์หญิงใหญ่มอบให้การแกะสลักของสิ่งนี้ดูประณีตจริงๆ และวัสดุที่ใช้ก็มีราคาแพงมากเช่นกัน ถึงขนาดแกะสลักจากหยกเหอเทียนด้วยซ้ำแน่นอนว่า "ของขวัญ" อันล้ำค่าเช่นนี้จะต้องส่งคืนให้กับองค์หญิงใหญ่ตอนที่องค์หญิงใหญ่มอบอนุสรณ์พรหมจรรย์นั้น เป็นเวลาที่ข่าวการตายของท่านพ่อและพี่ชายของนา

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1505

    ฉินอ๋องได้รับความหวาดกลัว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาทเพื่อบรรเทาอาการซ่งซีซีไปเยี่ยมดูอาการของเขา หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ไร้สีเลือด ริมฝีปากยังสั่นระริก เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกมือสังหารไปหมดแล้วหรือยัง?”ซ่งซีซีบอกเขาว่า มือสังหารจากไปแล้ว เขาถึงค่อยหยุดสั่นไปบ้างที่จริง คนรอบตัวเขาต่างบอกไปแล้วว่าศัตรูถูกขับไล่ไปหมดแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ ต้องให้ซ่งซีซีเป็นคนพูดเองถึงจะรู้สึกปลอดภัยซ่งซีซีกำชับให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกมาหลี่เต๋อฮวยกำลังปลอบขวัญผู้คนอื่นๆ ในฐานะเสนาบดีกรมทหาร เขาผ่านประสบการณ์มามาก ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอันใด เขาเชื่อมั่นในตัวพระชายาและกองทัพซวนเจีย มิได้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรนัก อย่างมากก็แค่เสียหัวหนึ่งขณะเดียวกัน กลุ่มคนจากภูเขาเหม่ยชานรวมตัวกันสนทนา เริ่มสงสัยว่ากลุ่มคนชุดดำที่พบเจอที่ชายแดนเฉิงหลิง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารในคืนนี้ข้อสันนิษฐานนี้เป็นเสิ่นว่านจือที่กล่าวขึ้นมา นางคิดว่าพวกเขาหายตัวไปได้อย่างลึกลับเกินไป น่าจะมีเส้นทางลับที่ใช้หนีออกไป และพวกนั้นต้องมีแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้ายิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกลุ่มล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1504

    เช้าตรู่ กองคณะทูตออกเดินทางไปยังซีจิงซ่งซีซีมิได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะขากลับก็ยังต้องผ่านชายแดนเฉิงหลิงอยู่ดี นางยังมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของท่านตาอีกหลังจากออกจากชายแดนเฉิงหลิง เส้นทางก็เริ่มขรุขระมากขึ้น หลายจุดเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือไม่ก็ถูกทำลายโดยเจตนา ทำให้รถม้าวิ่งไปได้ยากทว่าฉินอ๋องกลับไม่ต้องการขี่ม้าอีกแล้ว แม้จะได้พักฟื้นอยู่หลายวัน แต่บาดแผลที่ต้นขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่มาก ถึงแม้จะเดินได้ แต่เมื่อต้องนั่งบนอานม้า ความเจ็บปวดยังคงสร้างความลำบากให้แก่เขาดังนั้น ฉินอ๋องผู้ที่เพิ่งสร้างความดีความชอบในชายแดนเฉิงหลิง และเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็เอ่ยปากว่าเขาจะนั่งรถม้าเมื่อรถม้าติดหล่ม กองทัพซวนเจียก็ลงจากหลังม้าช่วยกันเข็นอย่างยากลำบากดีที่ว่าตอนนี้เส้นทางระหว่างสองแคว้นเปิดให้สัญจร ไม่มีการปิดกั้น ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่ได้หากต้องปีนข้ามภูเขาสูงลิบลิ่ว เกรงว่าบั้นท้ายอันสูงศักดิ์ของฉินอ๋องคงต้องรับเคราะห์ไปอีกมากเมื่อเข้าสู่เขตแดนของซีจิง ขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่เปินเอ่อร์ ซึ่งมีขุนนางและทหารของซีจิงมาคอยต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1503

    นายท่านเซียวแปดออกคำสั่งให้ไปสืบหาเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้จ้านเป่ยว่างเป็นผู้นำกำลังไปสืบข่าวตามที่ต่างๆเรื่องที่ซ่งซีซีเดินทางมายังชายแดนเฉิงหลิงนั้น จ้านเป่ยว่างรู้ดี วันนั้นตอนที่คณะทูตเดินทางมาถึงเขตเมือง เขายืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขายืนอยู่ไกลมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงเงารางๆ คล้ายกับเป็นนางเท่านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองช่างทำเรื่องเปล่าประโยชน์ นางกับเขายังมีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีก? เรื่องราวของเมืองหลวง เขาสมควรอยู่ให้ห่างที่สุดในระหว่างที่คณะทูตพักอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาต่างก็ใช้เวลาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจา รวมถึงจำลองสถานการณ์หลายครั้งทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการเจรจาครั้งนี้ แม้จะง่ายกว่าครั้งก่อน แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างแท้จริงนี่คือเรื่องที่จักรพรรดิ์​นีใส่พระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ แน่นอนทางตระกูลเซียวเองก็เป็นกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจส่งคนเข้ามาสืบความลับเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคณะทูต หากพวกเขาล่วงรู้แผนการ ก็สามารถรับมือได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้แคว้นซางเสียเปรียบดังนั้น นายท่านเซียวแปดจึงสั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status