ทันทีที่นางพูดเช่นนี้ อู๋เซียงและชายารองจินก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ราวกับคิดไม่ถึงว่าซ่งซีซีจะปฏิเสธว่าคนนั้นคือเสิ่นว่านจื่อ ซ่งซีซีมองไปที่ชายารองจินและเปลี่ยนเรื่องพูดว่า “แต่คำพูดเมื่อครู่นี้ของชายารองจินแปลกๆ เหตุใดข้าต้องขอบคุณพวกเจ้า สตรีนางนั้นเป็นอะไรกับข้าหรือ”ชายารองจินอ้ำอึ้งเล็กน้อย “นี่... เช่นนั้นพระชายายิ่งไม่มีเหตุผลต้องจับท่านอ๋องเป็นตัวประกัน เราเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น คงดูไม่ดีทั้งสองฝ่ายที่ต้องมาทะเลาะกันแบบนี้”“เช่นนี้ก็ขออภัยจริงๆ ที่แท้เป็นความเข้าใจผิดทั้งนั้น” แม้ใบหน้าซ่งซีซีจะยิ้มแย้ม แต่กลับยังคงไม่ปล่อยอ๋องเยี่ยน เพียงแค่มองชายารองจิน “แต่ว่า เหตุใดชายชุดดำเหล่านี้จึงอาศัยในหมู่บ้านซีซานโข่ว พวกเขาเป็นคนของจวนเยี่ยนอ๋องหรือ”ชายารองจินตอบ “ใช่แล้ว พวกเขาล้วนเป็นองครักษ์ที่ส่งท่านอ๋องเข้าเมืองหลวง เพียงแต่ว่าจวนเยี่ยนอ๋องไม่สามารถรองรับคนจำนวนมากเช่นนี้ได้ จึงจัดแจงให้พวกเขาอยู่นอกเมือง”อู๋เซียงทำท่าจะพูดอะไร แต่กลับถูกซ่งซีซีชิงพูดว่า “อาศัยอยู่นอกเมืองมาตลอด แล้วพวกเขาเคยเจอเสิ่นว่านจื่อได้อย่างไร อีกทั้งดูแล้วพวกเขามีฝีมือไม่ธรรมดา คงไม่ใช่
อู๋เซียงกลับรู้สึกว่าเป็นโอกาสดี เขาพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องบาดเจ็บ หากไม่รีบห้ามเลือด เกรงว่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิต พระชายารีบปล่อยท่าน ให้หมอห้ามเลือดเถอะ”เขามองซ่งซีซีเขม็ง ขอเพียงซ่งซีซีปล่อยตัว เขาจะสั่งให้ทหารไร้ชีพล้อมโจมตีซ่งซีซีทันที นอกจากนี้ ต้องเร็ว ต้องฆ่าพวกนางทิ้งและรีบหนีไปก่อนที่กองหนุนของพวกนางจะมาทว่าซ่งซีซียังคงบีบคอของอ๋องเยี่ยนไว้ เพียงแต่ว่าคลายมือลงเล็กน้อย ให้เขาได้หายใจอย่างอิสระ “บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ตราบใดที่ไม่ดึงมีดออกมาก็จะไม่เป็นอะไร”อ๋องเยี่ยนหายใจหอบ ความเจ็บปวดบริเวณท้องทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว สตรีคนนี้ลงมือได้อย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ช่างโหดเหี้ยมจริงๆเขาเริ่มยืนไม่ไหวแล้ว ร่างกายของเขาโซเซไปมา ซ่งซีซีเตือน “ท่านอ๋องยืนนิ่งๆดีกว่า หากขยับตัว มีดสั้นจะแทงเข้าไปลึกกว่าเดิม ถึงครานั้นเสียชีวิตไปจะแย่เอา”อ๋องเยี่ยนโมโห “ทำร้ายชินอ๋อง เจ้าควรต้องโทษ”ซ่งซีซียิ้มหยัน “แปลกจัง มีดสั้นเล่มนี้เป็นของข้าหรือ”“เจ้าต้องการอะไรกันแน่” อ๋องเยี่ยนเจ็บปวดจนเส้นเลือดปูด เริ่มมีแนวโน้มจมมุมแล้ว แน่นอนว่าตอนนี้เขายังไม่นับว่าจมมุม แต่เขาแทบจะไม่สามารถค
เซี่ยหลูโม่ เสิ่นชิงเหอ และกุ้นเอ๋อร์ควบม้านำทหารประจำจวนของจวนเป่ยหมิงอ๋องทะยานไปบนทางหลวง ไม่นานก็มาถึงป่า คบเพลิงที่สว่างไสวทำให้ป่าสว่างราวกับกลางวัน แม้เซี่ยหลูโม่ไม่ได้สวมชุดเกราะ แต่เมื่ออยู่บนม้าที่สูงใหญ่ เขาก็เหมือนกับแม่ทัพที่เอาชนะหลายพันลี้ในสนามรบ เขากวาดตามอง ยังไม่ได้พูดสิ่งใดก็ได้ยินเสียงเสิ่นว่านจื่อวิ่งมาพร้อมกับคำรามอย่างโกรธกริ้วว่า “สารเลว ตายซะเถอะ!”นางไม่มีอาวุธ ความโมโหทำให้นางเหมือนกับเสือที่คลุ้มคลั่ง นางพุ่งชนเข้าไปที่แผ่นอกของอ๋องเยี่ยนอย่างแรง ซ่งซีซีหลบได้ทันกาล ไม่ได้รั้งนางไว้ ปล่อยให้นางระบายไฟโทสะ อ๋องเยี่ยนถูกชนจนกระเด็นไปสองจั้ง เขาล้มลงบนพื้นแล้วกระอักเลือดออกมา เสิ่นว่านจื่อกระโจนใส่ ตบหน้าเขาไม่หยุด นางเพิ่งถูกถอนพิษไปไม่นาน ไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงมากมายนัก แต่ไฟโทสะทำให้นางเค้นศักยภาพออกมา ฝ่ามือที่ตบลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ ทำให้ไม่นานอ๋องเยี่ยนก็สลบไป “พวกเจ้าเป็นของตายหรือ ไม่รีบไปช่วยท่านอ๋องรึไง!” ชายารองจินตะคอก ครั้นทหารไร้ชีพและองครักษ์จะเดินเข้าไป เซี่ยหลูโม่ก็ขวางหน้าเสิ่นว่านจื่อไว้ กุ้นเอ๋อร์ถือกระบองขวางไว้ข้างหน้าอีกที “ดูซิ
ชายารองจินถูกทุบตีจนผมกระเซอะกระเซิง แก้มแดงบวมเป่ง ถึงกับถูกเตะล้มทับบนตัวอ๋องเยี่ยน อ๋องเยี่ยนปวดจนแทบจะหายใจไม่ออกหลังจากที่เสิ่นว่านจือเตะนางแล้วก็ตรงไปหานางเสิ่นนางเสิ่นตกใจกลัวมากจนร้องตะโกนแล้วก้าวถอย “น้องสาว เจ้าจะทำอะไร ข้าเป็นพี่สาวเจ้านะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก...อ๊า!”เสิ่นว่านจือคว้าผมของนางแล้วกระชากขึ้นแล้วผลักนางไปติดต้นไม้ นางเสิ่นรู้สึกว่าเอวของนางจะหักแล้ว เจ็บจนต้องหลั่งน้ำตา“ครั้งสุดท้ายที่เจ้าพูดกับข้า กลิ่นบนตัวของเจ้าคือยาพิษที่เจ้าวางใส่ข้า” เสิ่นว่านจือยกนางขึ้นพร้อมกับเจตนาฆ่าพุ่งออกมาจากดวงตา “เสิ่นว่านหง เจ้าช่วยให้ชายชั่วนั่นก่อเรื่องสำเร็จแล้วจะมีประโยชน์อะไรกับเจ้า? หรือเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถดำรงตำแหน่งพระชายาได้? เจ้ามันทั้งโง่และเลวทราม”นางคว้าดาบของทหารที่อยู่ข้างๆ นางด้วยมือเดียวแล้วชี้ไปที่หน้าอกของนาง โดยไม่มีการปิดบังเจตนาฆ่า“ข้าไม่ได้ทำ...” นางเสิ่นตกใจจนร้องไห้เสียงดัง นางร้องไห้แล้วจริงๆ ตะโกนเสียงดัง นางทำลายจังหวะของชายารองจินไปหมด “น้องสาว ข้าไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนี้ แต่ท่านอ๋องเป็นคนบังคับข้า ชายารองจินก็บังคับข้า พวกเขาล้วนเป็นคนบ้า
สรุปคือ เรื่องนี้จะต้องเล่นให้ใหญ่ แต่ก็อย่าใหญ่มากเกินไป อย่างน้อยก็ต้องปล่อยพวกเขากลับเยี่ยนโจวไปอยู่ดีตอนนี้เสิ่นว่านจือได้ระบายอารมณ์แล้ว แต่ถ้าไม่คลายความเกลียดชัง ก็ยังมีเวลาคลายความโกรธทีหลังค่ายลาดตระเวนและกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงมาถึงก่อน หวังเจิงต้องการนำทหารรักษาพระราชวังออกจากเมือง แต่ทหารรักษาพระราชวังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเมืองหลวงโดยหากไม่มีพระราชโองการ ดังนั้นหวังเจิงจึงแอบปลอมตัวออกมาถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดแต่ก็อาจจะรู้มาบ้างเล็กน้อย ในชีวิตนี้ไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน เสิ่นว่านจือเป็นใคร? นั่นเป็นอาจารย์ของพวกเขาเชียวนะ รังแกอาจารย์ของพวกเขาก็เหมือนรังแกพ่อแม่ของพวกเขา เรื่องนี้ทนไม่ได้!ดังนั้น เมื่อหงเซียวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พวกเขาฟังเป็นการส่วนตัว ตลอดจนแผนการปัจจุบันของท่านอ๋องและพระชายา แม้พวกเขาจะระงับความโกรธไว้ชั่วคราวและไม่ไปทุบตีอ๋องเยี่ยน แต่พวกเขาก็สั่งกองทัพซวนเจียของค่ายลาดตระเวนและกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงให้ล้อมพวกเขาไว้ประเด็นสำคัญคือนักรบสิ้นหวังที่สวมชุดดำ พวกเดนนี้ฆ่าคนตาไม่กะพริบ สุดท้ายก็โดนจั
ชื่อเสียงของท่านอ๋องถูกทำลายจนป่นปี้แล้ว แถมยังต้องส่งตัวกลับไปรักษาอีกออกจากเมืองอย่างเกรียงไกร แต่กลับเมืองอย่างสะบักสะบอม แถมยังถูกทหารม้าของสำนักงานกองทัพกุมตัวกลับไปอีกอู๋เซี่ยงพูดว่าเพราะชอบหญิงาวนางหนึ่ง แต่ก่อนที่เจ้าสิบเอ็ดจะตรวจสอบชัดเจน ห้ามตัดสินว่าจริงตามนั้น ต้องตรวจสอบเข้มข้นนักรบสิ้นหวังล้วนมอบตัวแล้ว นักรบสิ้นหวังที่ซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้านี้ ถูกจับขณะปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นจึงปากแข็งนัก ไม่ปริปากแม้แต่คำเดียวแต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เป็นนักรบสิ้นหวังแล้ว ไม่เช่นนั้น การที่พวกเขาปรากฏตัวอยู่บริเวณสำนักงานกองทัพ เจ้าสิบเอ็ดฝางก็สามารถคาดโทษใหญ่ข้อหาวางแผนก่อกบฏได้แน่นอนดังนั้น พวกเขาบอกเพียงว่าเป็นทหารจวนของจวนอ๋องเยี่ยน ทำหน้าที่คุ้มกันอ๋องเยี่ยนมาที่เมืองหลวงและกลับเยี่ยนโจว เพราะสถานภาพของทหารจวนนั้นพิเศษ ไม่สะดวกจะเข้าเมืองก็เลยอยู่ที่หมู่บ้านในซีซานโข่วแบบนี้ก็พอฟังได้ แต่พวกเขาแต่งตัวด้วยชุดดำ ทำให้เซี่ยหลูโม่กับเจ้าสิบเอ็ดฝางมีเหตุผลมากพอให้โหมไฟแล้วระหว่างกุมตัวพวกเขากลับเมืองหลวง ซ่งซีซีกับเสิ่นว่านจือก็ควบม้าพร้อมกันเสิ่นว่านจือแค่คิดก็กลัว “ซีซี โชคดีท
เซี่ยหลูโม่ยังคงเป็นแม่ทัพ เขามีความสนใจในเรื่องอาวุธอย่างมาก และเต็มใจที่จะใช้พลังงานกายใจในด้านนี้เป็นพิเศษศิษย์พี่เสิ่นไม่ตอบคำถามของเขา แต่เขายิ้มและพูดว่า "กลับไปก่อนเถอะ เจ้าและศิษย์น้องของเจ้าผิดใจกัน นางอาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ"จู่ๆ เซี่ยหลูโม่ก็รู้สึกอึดอัดในใจ “ไม่ผิดใจอะไรกันนี่ ก็ดีอยู่นี่ไง?”“เอาล่ะ กลับกันเถอะ” ศิษย์พี่เสิ่นขี่ม้านำไปข้างหน้าเซี่ยหลูโม่จูงม้าไปสองสามก้าวก็ขึ้นหลังม้าตามทัน รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยทำไมพอมีอะไรเกิดขึ้นซีซีถึงไม่คิดถึงเขาก่อน?เขาเป็นคนสุดท้ายที่รู้นางไม่ได้ส่งใครไปแจ้งเขาเลยสักนิด ออกจากเมืองไล่ตามเพียงลำพังมิหนำซ้ำ นางให้คนไปแจ้งกุ้นเอ๋อร์ แต่กลับไม่ส่งใครไปบอกเขาที่หอต้าหลี่เลยสักคำ แต่กลับเป็นเพราะกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงจะปิดเมืองถึงได้ไปตามเขา หากไม่ใช่เพราะจะปิดเมือง เช่นนั้นต้องรอให้เสิ่นว่านจือถูกช่วยกลับมาก่อน แล้วนางค่อยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาอย่างสบายใจก็พอแล้วงั้นหรือ? จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าซีซีไม่ได้แลกใจกับเขาทั้งหมดเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าพวกเขาจะดูรักกันมากในหลายต่อหลายครั้ง แต่มันก็เป็นแค่
เสิ่นว่านจืออาบน้ำชำระตัวให้สะอาดพอออกมาก็ต้องออดอ้อนซ่งซีซีอยู่พักหนึ่งเป่าจูยกอาหารมื้อเย็นพร้อมรุ่ยจูกับหมิงจู เมื่อเสิ่นว่านจือเห็นอาหารก็ทิ้งซีซีแล้ววิ่งไปที่โต๊ะทันที“เป่าจู จัดการให้ศิษย์พี่ห้าแล้วหรือยัง?” ซ่งซีซีถามเป่าจูพูดว่า "หัวหน้าลู่เป็นคนมาจัดการด้วยตัวเอง อยู่ที่เรือนถิงเวย อาหารมื้อค่ำถูกส่งไปที่นั่นแล้ว เพิ่งได้ยินหัวหน้าลู่พูดว่า ศิษย์พี่ห้ากินเกี๊ยวชามใหญ่ไปสองชามแล้ว"ซ่งซีซีพูดด้วยรอยยิ้ม "เขาชอบมาก เจ้าบอกให้เขาเข้าพักไวๆ ข้ากับซีซีจะไปขอบคุณเขาด้วยตนเองในวันพรุ่งนี้"“เจ้าค่ะ” เป่าจูเดินถอยกลับไปทั้งสองเริ่มกินข้าว รุ่ยจูและหมิงจูก็รออยู่ข้างๆ เติมน้ำแกงให้เสิ่นว่านจือ แล้วพูดว่า "แม่หนมเหลียงบอกว่าการดื่มน้ำแกงนี้ช่วยให้นอนหลับสบาย เกรงว่าท่านจะหลับไม่สบายในคืนนี้”เสิ่นว่านจือกินอย่างสบายใจ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของรุ่ยจู น้ำตาก็ไหลออกมาทันทีเมื่อเห็นเช่นนี้ ซ่งซีซีกำลังจะเกลี้ยกล่อมนางแต่เห็นนางเช็ดน้ำตาด้วยมืออีกข้างแล้วกินต่อไป แค่สูดจมูกเท่านั้นฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เมื่อกินเสร็จแล้วก็วางตะเกียบลง เงยหน้าขึ้นมองซีซี ดวงตาแดงก่ำ “จวนอ๋องก็เป็นเ