สาธารณรัฐเลแวนต้า (Lavanta Republic) คือประเทศที่อยู่ทางเหนือสุดของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีบางส่วนของประเทศติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีเมืองหลวงชื่อว่า เลแวนต์ ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศนับถือศาสนาคริสต์
สาธารณรัฐเลแวนต้ามีการปกครองในระบบพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยในรัชสมัยปัจจุบันมีราชวงศ์ เฮนเดอร์สัน ปกครอง ซึ่งพระมหากษัตริย์มีพระนามว่า แดเนียล เฮนเดอร์สัน พระองค์มีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันสิบสองพระองค์ และหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าหญิง แคทเธอรีน เฮนเดอร์สัน นางผู้เลอโฉมเลื่องลือขจรไกล เจ้าชายมากมายต้องการเจ้าหญิงแคทเธอรีนเป็นภรรยา แต่เจ้าหญิงทรงเลือกหนุ่มต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในเลแวนต้าเป็นพระสวามีแทนการเลือกเจ้าชายสูงศักดิ์ ซึ่งตามกฎมณเฑียรบาลของเลแวนต้า เมื่อเจ้าหญิงสูงศักดิ์เลือกสมรสกับสามัญชนจะต้องถูกลดชั้นฐานันดรเหลือเพียงแค่คนธรรมดา ซึ่งเจ้าหญิงแคทเธอรีนก็ทรงเลือกความรัก ทำให้ตอนนี้เจ้าหญิงแคทเธอรีนกลายเป็นเพียงแค่ประชาชนในเลแวนต้าคนหนึ่งเท่านั้น
แต่ถึงแม้เจ้าหญิงแคทเธอรีนจะไม่ได้อาศัยอยู่ในวังอีกต่อไปแล้ว แต่พระเชษฐาอย่างพระมหากษัตริย์แดเนียลที่ทรงเอ็นดูน้องสาวมากก็ทรงพระราชทานทุนทรัพย์ให้ และทรงเมตตารับสามีชาวกรีกของน้องสาวเข้ามาทำงานในแบงก์ชาติ
ลาซาลอส การ์ราสโก้ ในอดีตเขาคือชายหนุ่มผู้โชคดีที่สุดเพราะเขาคือผู้ที่ได้ครอบครองหัวใจของเจ้าหญิงแสนสวยแห่ง
เลแวนต้าเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับแคทเธอรีนตอนที่ศึกษาระดับปริญญาตรีในประเทศอังกฤษ เขาตกหลุมรักหล่อนตั้งแต่แรกเห็น ในขณะที่เฝ้ามองหล่อนถูกผู้ชายมากมายตามจีบ และก็ไม่เคยคิดเคยฝันว่าหล่อนจะเลือกเขา
หลังจากจบมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีแล้ว เขาก็กลับไปที่กรีซอยู่สามเดือนเพื่อคิดแผนธุรกิจที่จะมาลงทุนในสาธารณรัฐเลแวนต้า ซึ่งเขาเป็นผู้ชายที่ชอบความเสี่ยง ชอบการลงทุน ทำให้เลือกที่จะเปิดบริษัทการเงินเล็กๆ ในเลแวนต้า และเขาก็ได้พบเจ้าหญิงแสนงามอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มต้นคบหาดูใจกัน และก็ตัดสินใจร่วมชีวิตคู่กันในที่สุด
เขารักแคทเธอรีนมาก เพราะรู้ดีว่าหล่อนต้องเสียสละทุกอย่างในชีวิตเพื่อมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้ชายที่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังเช่นเขา แต่เขาก็สาบานต่อหน้าพี่ชายของหล่อน ซึ่งเป็นกษัตริย์ปกครองเลแวนต้าอยู่ในตอนนี้ว่า จะดูแลแคทเธอรีนให้ดีที่สุด จะไม่มีวันทำให้หล่อนต้องเสียใจเสียน้ำตา
กษัตริย์แดเนียลพึงพอใจในความมุ่งมั่นของเขา ดังนั้นพระองค์จึงได้มอบตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในธนาคารประจำชาติของเลแวนต้าให้กับเขา เพื่อให้เขาได้เรียนรู้งานการเงินในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยการเซ็นยินยอมให้ลูกของเขากับแคทเธอรีนทุกคนใช้นามสกุลของราชวงศ์ ซึ่งเขาตอบตกลงไปในที่สุด เพราะต้องการสร้างฐานะให้กับครอบครัว ซึ่งกษัตริย์แดเนียลคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเหลือได้
ระยะเวลาเพียงสามปีที่เขาเข้าไปทำงานในธนาคารแห่งชาติเลแวนต้า เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์และความรู้มาใส่ในหัวที่ชาญฉลาดของตนเอง และเมื่ออิ่มตัวแล้ว เขาก็ลาออกจากงาน และมาเปิดบริษัทการเงินที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งตอนแรกค่อนข้างขรุขระและมีอุปสรรคไม่น้อย แต่เพราะการช่วยเหลือของกษัตริย์แดเนียล ทำให้ตอนนี้ธนาคารการ์ราสโก้ กลายเป็นธนาคารและสถาบันการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเลแวนต้า และกำลังขยายสาขาไปทั่วโลก
สามสิบกว่าปีมาแล้วกับความสำเร็จสูงสุดที่ผู้ชายคนหนึ่งจะกระทำได้ ตอนนี้เขาอายุหกสิบกว่าปีแล้ว จึงถึงเวลาที่จะต้องส่งต่อธุรกิจของตระกูลให้กับบุตรชายเพียงคนเดียวเสียที
ชาร์ลี เฮนเดอร์สัน คือลูกชายเพียงคนเดียวของเขากับ
แคทเธอรีน ชาร์ลีมีมันสมองที่อัจฉริยะถอดแบบมาจากเขาไม่ผิดเพี้ยน ขณะสิ่งที่ลูกชายได้ตกทอดมาจากมารดาผู้สูงศักดิ์ ก็คือความสง่างามสมกับมีเลือดในกายเป็นราชนิกุลชาร์ลีผิวขาวอมชมพูไม่ต่างจากเจ้าหญิงแคทเธอรีนผู้เป็นมารดา ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมเหมือนบิดา ดวงตาสีทองอำพันทรงอำนาจเปล่งประกายอยู่ใต้แนวคิ้วดกหนาที่พาดอยู่ด้านบน จมูกของชายหนุ่มโด่งสวย ใต้จมูกปลายงองุ้มสมบูรณ์แบบคือริมฝีปากหยักสวยราวกับริมฝีปากของอิสตรี และด้วยความสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ทำให้ชายหนุ่มมีรูปร่างที่สมส่วนเป็นที่สุด
ด้วยความหล่อเหลาและสมบูรณ์เพียบพร้อมในทุกด้านของชาร์ลี ทำให้มีสาวๆ น้อยใหญ่มาทอดสะพานมากมาย แต่แปลกมากที่เขากลับไม่สานต่อความสัมพันธ์กับสตรีนางใดเลย หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ไม่มีผู้หญิงคนในเข้าใกล้เขาได้เลยนั่นเอง
ลาซาลอสกับแคทเธอรีนแปลกใจกับพฤติกรรมของลูกชายนัก ตอนแรกพวกเขาคิดว่าชาร์ลีนิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกัน จนกระทั่งได้ค้นพบความจริงที่ถูกซ่อนเร้นมานานหลายปี
ไลลา เฮนเดอร์สัน ลูกสาวบุญธรรมที่พวกเขารับมาอุปการะเลี้ยงดูตั้งแต่อายุแปดขวบ ไลลามีอายุอานามห่างจากชาร์ลีแปดปี แต่ถึงจะมีช่องว่างของช่วงอายุอยู่มาก แต่ทั้งสองคนกลับสนิทสนมกันจนผิดสังเกต
จนกระทั่งความลับที่ชาร์ลีกับไลลาซ่อนเอาไว้ถูกเปิดเผย ซึ่งแน่นอนว่านำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูลอย่างมหาศาลเลยทีเดียว เพราะทั้งคู่ใช้นามสกุลเฮนเดอร์สัน
“ผมยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับท่านแม่”
ชาร์ลีปฏิเสธด้วยใบหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก แต่น้ำเสียงที่ดังเล็ดลอดออกมานั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่นจริงจัง
“แต่ยังไงซะลูกก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคนหนึ่งในเร็วๆ นี้ชาร์ล”
“ผมยังไม่ได้รักใครครับ”
“นั่นเพราะลูกรักอยู่กับไลลา”
ชาร์ลีเลื่อนสายตามองหน้ามารดาก่อนจะสารภาพออกไปตามความเป็นจริง
ก็มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ในเมื่อท่านแม่กับท่านพ่อของเขาล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเขากับไลลาเสียแล้ว
“ครับ ผมรักไลลา และไลลาก็คือผู้หญิงคนเดียวที่ผมอยากจะแต่งงานด้วย”
“ลูกก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ไลลาเป็นน้องบุญธรรมของลูก”
แคทเธอรีนสวนกลับลูกชาย น้ำเสียงของหล่อนเต็มไปด้วยความเป็นกังวล
“แต่เราไม่ใช่สายเลือดเดียวกันนี่ครับ”
“ถึงไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่แม่รับไลลามาเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่ไลลาอายุแปดขวบ และที่สำคัญไลลาก็ใช้นามสกุลเฮนเดอร์สัน ซึ่งลูกก็รู้ดีนี่ว่าเราต้องรักษาเกียรติของนามสกุลนี้แค่ไหน”
“งั้นผมจะเปลี่ยนนามสกุล”
“ยังไงก็ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปอย่างที่ลูกกับไลลาต้องการแน่นอน”
“ท่านแม่ครับ ผมคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว ผมรักไลลา ผมรักน้องครับ”
ชาร์ลีวิงวอนมารดา แต่ท่านกลับส่ายหน้าปฏิเสธ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังไร้การผ่อนปรนเช่นเดิม
“ลูกมีสองทางเลือกชาร์ล”
เขาสบประสานสายตากับมารดา ขณะรอฟังทางเลือกจากปากของท่านอย่างใจจดจ่อ
“ทางแรก... ลูกต้องแต่งงานกับผู้หญิงชื่อเสียงดีๆ คนหนึ่ง”
กรามแกร่งของชาร์ลีขบกันแน่น และก็ตั้งมั่นว่าเขาไม่มีทางเลือกนี้แน่
“ผมเลือกทางที่สองครับ”
แคทเธอรีนสบประสานสายตากับลูกชาย
“อย่าเพิ่งเลือก ก่อนที่จะได้ฟังมันจนจบสิ ชาร์ล”
ชายหนุ่มไหวไหล่กว้างผึ่งผายอย่างมั่นอกมั่นใจ “ที่ผมไม่คิดจะรอฟังทางเลือกที่สองของท่านแม่ ก็เพราะว่าผมไม่มีทางเลือกทางเลือกที่หนึ่งครับ” ดวงตาสีอำพันประกายวาววับ “ผมไม่มีทางแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น”
แคทเธอรีนยิ้มบางๆ ออกมา ก่อนจะพูดทางเลือกที่สองออกมาจากปาก
“ทางเลือกที่สองก็คือ...”
ชาร์ลีสบประสานสายตากับมารดา และรอฟังอย่างตั้งใจ
“ไลลาจะเป็นฝ่ายแต่งงานออกไปเอง”
“ท่านแม่!”
คนที่นั่งตัวตรงอยู่บนโซฟาก่อนหน้านี้ ถลันตัวลุกพรวดขึ้นทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“ถ้าลูกเลือกทางที่สอง ไลลาก็จะต้องเป็นฝ่ายแต่งงานออกไปเอง”
สองมือข้างลำตัวกำยำของชาร์ลีกำแน่น กรามแกร่งบดกันจนแทบแหลกละเอียด เขามองมารดาอย่างตัดพ้อ
“ทำไมท่านแม่ถึงใจร้ายกับพวกเรานักครับ”
“ความรู้สึกระหว่างลูกกับไลลามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง พี่น้องบุญธรรมรักกันไม่ได้ สิ่งที่ลูกทั้งสองคนทำกันอยู่มันผิดบาป หากล่วงรู้ออกไปยังภายนอก ก็มีแต่จะเสื่อมเสีย”
“แล้วถ้าผมไม่เลือกสักทาง และพาไลลาไปอยู่ที่อื่นล่ะครับ ท่านแม่จะอนุญาตไหมครับ”แคทเธอรีนส่ายหน้าปฏิเสธ มองใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะกำลังทุกข์ทรมานอย่างเห็นใจ แต่หล่อนทำตามความต้องการของลูกชายไม่ได้จริงๆ“ยังไงซะ ลูกกับไลลาก็รักกันไม่ได้”“แต่ผมกับน้องนอนด้วยกันแล้วนะครับ”“ลืมเรื่องนั้นซะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่”“ผม...”“ถ้าลูกยังขัดขืน และคิดจะแข็งข้อกับแม่ ไลลาจะเป็นคนที่เดือดร้อน”เขารู้ดีว่ามารดาไม่ได้ขู่ แต่ท่านทำได้จริงอย่างที่พูด เขารู้จักนิสัยของท่านดีแล้วนี่เขาจะทำยังไงดี...?ไลลา... เขารักไลลา แล้วจะให้ยอมปล่อยมือจากหล่อนไปได้ยังไงกัน“งั้นผมขอเวลาครับ”“คนของท่านพ่อจะประกาศทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงหนังสือพิมพ์ไปทั่วโลกเกี่ยวกับการเลือกคู่ของลูกในค่ำวันนี้ และอาทิตย์หน้าผู้หญิงที่สนใจก็จะเดินทางมาที่บ้านของเรา คนของแม่จะคัดเลือกผู้หญิงเหล่านั้นให้เหลือแค่สามสิบคน หลังจากนั้นแม่กับพ่อจะคัดให้เหลือแค่สิบคน เพื่อให้ลูกได้เลือกหนึ่งในสิบคนนั้นเป็นภรรยาของลูก...”“ทำไมเร็วนักล่ะครับท่านแม่”ชาร์ลีตกใจไม่น้อย เขารู้สึกมืดแปดด้านเหลือเกิน“มันคือเวลาที่เหมาะสมแล้วล่ะ
อีกฟากหนึ่งของโลก เด็กสาวคนหนึ่งถือกระเป๋านักเรียนเดินออกมาจากโรงเรียนประจำหญิงล้วน ช้องนาง วัฒนาดิลก คือชื่อเสียงเรียงนามของหล่อนช้องนางกำลังจะเรียนจบระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเร็วๆ นี้ เพราะตอนนี้หล่อนได้สอบไฟนอลในเทอมสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้วเด็กสาวเป็นลูกหลานในตระกูลผู้ดีเก่าอย่างวัฒนาดิลก ซึ่งตระกูลนี้เป็นนามสกุลพระราชทาน ทุกคนในวงศ์ตระกูลล้วนแต่แสดงออกว่าตนเองเป็นผู้ดี ทั้งๆ ที่ภายในนั้นกลวงโบ๋ตั้งแต่คุณย่าของหล่อนเสียชีวิตไป ลูกจำนวนสี่คนซึ่งรวมบิดาของหล่อนด้วยก็ต่างพากันนำสมบัติพัสถานมาถลุงกันอย่างสนุกมือ ซึ่งในระยะเวลาแค่ไม่ถึงห้าปี ทรัพย์สินที่อยู่ในระบบกงสีก็กลายเป็นศูนย์ ก่อนจะติดลบจนต้องขายของเก่าเพื่อพยุงหน้าตาทางสังคมลุงป้าน้าอารวมถึงพ่อของหล่อนต่างเป็นคนที่จมไม่ลง หน้าใหญ่ใจโตทั้งๆ ที่ไม่เหลือสมบัติใดๆ อีกแล้วนอกจากบ้านที่อาศัยอยู่ในตอนนี้หล่อนเองก็ได้รับผลกระทบจากความฟุ้งเฟ้อของทุกคนจนมีแนวโน้มว่าจะต้องออกมาหางานทำเพื่อส่งตนเองเรียนระดับมหาวิทยาลัยในไม่ช้าช้องนางเดินใจลอยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงลุงแก้วคนขับรถเก่าแก่ของวงศ์ตระกูลจึงสะดุ้งตกใจ“คุณหนูครับ”หล่อ
“เธอก็รู้สถานการณ์ของครอบครัวเราดีใช่ไหมช้องนาง”“เอ่อ... นางทราบดีค่ะ”“เงินจะจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าคนรับใช้ก็แทบจะไม่พอในแต่ละเดือน พ่อของเธอก็เอาแต่ดื่มเหล้า ไม่เคยคิดจะช่วยอะไรเลย”สิ่งที่เกสราพูดมันคือความเป็นจริงที่หล่อนจำต้องก้มหน้ายอมรับอย่างปฏิเสธไม่ได้“ตอนนี้ทุกอย่างกำลังแย่ไปหมด ธุรกิจสุดท้ายของตระกูลเรากำลังจะเจ๊ง และถ้ามันล่มลงล่ะก็ ชื่อเสียงของตระกูลเราที่บรรพบุรุษอุตส่าห์รักษามาอย่างดีก็จะต้องย่อยยับ ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน”หล่อนรู้ดีว่าสิ่งที่เกสราพูดออกมานั้นมันไม่ได้เกินความจริงที่เป็นอยู่เลย“แต่เราคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะอาเกส เราคงต้องยอมรับ”“ไม่ได้เด็ดขาด อาไม่มีทางยอมอับอายขายหน้านังผู้รากมากดีในวงสังคมหรอก”“แล้วอาเกสจะทำยังไงล่ะคะ ในเมื่อเราไม่มีเงิน”เกสรามองหล่อนอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวังเต็มเปี่ยม“อาเจอทางออกแล้วล่ะ”“ทางออกเหรอคะ” ช้องนางยอมรับว่าตัวเองก็อดที่จะดีใจและโล่งใจไม่ได้“ถูกต้อง ทางออกที่จะทำให้เราทุกคนในตระกูลกินดีอยู่ดี และไม่ต้องลำบากอีก”“อาเกสจะขายบ้านหลังนี้ และพาพวกเราย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่เล็กกว่าแต่อบอุ่นกว่าใช
“พ่อคะ... พ่อส่งมันให้นางนะคะ อย่ากำมันแน่นแบบนั้น พ่อ... พ่อคะ...”น้ำตาของหล่อนไหลรินออกมาด้วยความเวทนาในสภาพของบิดา แต่ท่านกลับไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมาเลยแม้แต่ความเจ็บปวดบาดแผล“นา... ผมคิดถึงคุณ... นา...”พ่อพึมพำคร่ำครวญถึงมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วของหล่อน น้ำตาของพ่อค่อยๆ ไหลรินอาบแก้ม“พ่อจ๋า... พ่อ... พ่ออย่าทำแบบนี้เลยค่ะ อย่าทำร้ายตัวเองเลย แม่มองอยู่บนฟ้า... แม่คงไม่มีความสุขหรอกถ้าเห็นพ่อทำแบบนี้ เชื่อนางนะคะพ่อ...”พ่อของหล่อนไม่ได้พูดคำใดออกมา ยอมปล่อยเศษแก้วออกจากมือ และก็ยอมให้หล่อนประคองขึ้นไปนั่งบนโซฟา“พ่อรอนางอยู่ตรงนี้นะจ๊ะ นางไปเอาที่ทำแผลก่อน”พ่อของหล่อนก็ไม่ได้ตอบเหมือนเดิม นั่งนิ่งราวกับมนุษย์ที่มีแค่ร่างกายแต่ไร้จิตวิญญาณหล่อนรีบเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ด้านนอก และรีบกลับมาทำแผลให้กับบิดาทันทีระหว่างที่นั่งทำแผลให้กับท่าน บิดาไม่ได้พูดไม่ได้จาคำใดออกมาเลย หล่อนมองท่านผ่านม่านน้ำตา และก็ตัดสินใจแล้วว่าจะตอบตกลงทำตามความต้องการของเกสรา“เสร็จแล้วจ้ะพ่อ”หล่อนพูดกับท่าน แต่ท่านก็ยังทำเหมือนเดิมนั่นก็คือไม่พูดไม่จา นั่งเหม่อลอย“เดี๋ยวนางไปเอาไม้กวาดมาทำ
“จะออกไปไหนเหรอไลลา”ไลลาจำต้องหยุดก้าวเดิน และหันมาเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงแคลงใจ“สวัสดีค่ะท่านแม่” หล่อนทักทายแคทเธอรีนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“สวัสดี ว่าแต่จะไปไหนล่ะ”แคทเธอรีนถามลูกบุญธรรมซ้ำออกมาอีกครั้ง สายตาหรี่แคบจ้องมองอย่างจับผิด“เอ่อ... พอดีของใช้ในครัวหมดหลายรายการน่ะค่ะ หนูก็เลยจะออกไปซื้อค่ะ”หล่อนอยู่ที่นี่ในฐานะลูกสาวบุญธรรม และก็ควบตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ด้วย ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ล้วนแต่อยู่ในอำนาจการปกครองของหล่อนที่รองจากเจ้าของบ้านทั้งสามคน“ให้คนใช้ไปซื้อสิ ไม่เห็นต้องลำบากออกไปเองเลยนี่”“พอดีหนูอยากจะซื้อของใช้ส่วนตัวด้วยนะคะ ก็เลยว่าจะออกไปเอง ว่าแต่ท่านแม่อยากได้อะไรไหมคะ หนูจะซื้อมาให้ค่ะ”“ฉันไม่อยากได้อะไรหรอก ของใช้ยังมีเหลืออยู่มาก”“เอ่อ แล้วขนมล่ะคะ อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม หนูจะได้ซื้อมาฝากค่ะ”แคทเธอรีนส่ายหน้าน้อยๆ “ช่วงนี้หมอให้งดของหวานน่ะ ขอบใจเธอก็แล้วกันนะ”“หนูยินดีทำทุกอย่างให้ท่านแม่ค่ะ”แคทเธอรีนจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของลูกสาวบุญธรรม ก่อนจะพูดขึ้น“สิ่งเดียวที่ฉันต้องการให้เธอทำ และต้องทำให้ได้ด้วยก็คือ เลิกเข้าใกล้ชาร์ลีอีก”ดวงหน้านวลของไลลาซ
“ท่านพ่อรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่ หรือว่าพี่ชาร์ลบอก...” หล่อนพยายามครุ่นคิดหาคำตอบ “แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง พี่ชาร์ลไม่มีทางทำแบบนี้แน่ เพราะพี่ชาร์ลหลงเรายังกับอะไรดี” ไลลาพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก จนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้น จึงรีบไปหยิบมากดรับ“โทษทีนะไลลา พี่ลืมมือถือเอาไว้ในห้องประชุมน่ะ ว่าแต่น้องยังรอพี่อยู่ที่โรงแรมหรือเปล่า”ไลลาพยายามทำเสียงปกติ เพราะไม่ต้องการให้ชาร์ลีรู้ว่าลาซาลอสมาเห็นอะไรเข้า“น้องออกมาแล้วค่ะพี่ชาร์ล นี่กำลังจะเลี้ยวรถเข้าบ้านแล้ว”“เสียดายจัง งั้นเอาไว้พรุ่งนี้นะครับ พี่คิดถึงไลลา อยากจูบไลลาใจจะขาดแล้ว”ไลลายิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ อย่างน้อยๆ ชาร์ลีก็รักหล่อนจริง“คืนนี้ก็ปีนเข้ามาในห้องน้องอีกสิคะ”หล่อนได้ยินเสียงถอนใจเบาๆ ของชาร์ลีดังแทรกเข้ามาในสายโทรศัพท์“ท่านแม่ให้คนมานอนเฝ้าหน้าห้องนอนพี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว บ้ามาก แต่พี่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งท่านแม่ เพราะไลลาก็รู้ใช่ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับน้อง ถ้าพี่ไม่ยอมทำตามความต้องการของท่านแม่”“น้องทราบค่ะ”“แล้วเราจะเจอกันได้ง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อนยังไงเนี่ย พี่คงต้องอกแตกตายแน่ๆ”“คง
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง... วันที่ฝ่าเท้าของหล่อนเหยียบลงบนผืนแผ่นดินของสาธารณรัฐเลแวนต้าเป็นครั้งที่สอง หัวใจของหล่อนเบ่งบานราวกับดอกกุหลาบได้รับหยาดฝน แต่กระนั้นก็ยังอดรู้สึกประหม่ากับสิ่งที่ต้องเจอต่อจากนี้ไม่ได้“นางพร้อมหรือยัง”เกสราที่บินตามมาด้วยเอ่ยถามขณะเดินฝ่าฝูงชนที่มากมายอยู่ภายในสนามบินประจำชาติของเลแวนต้า“ก็... พร้อมค่ะอาเกส”“ท่องเอาไว้นะ ทำเพื่อพ่อของเธอ และวัฒนาดิลก”เกสราย้ำกับหล่อนอีกครั้ง ราวกับกลัวว่าหล่อนจะลืมอย่างนั้นแหละ“ค่ะ อาเกส”“เยี่ยม”เกสรากล่าวชมเชยหล่อน ก่อนจะหันไปตอบคำถามของช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมที่บินติดตามมาด้วย“วันนี้สนามบินคนแน่นมาก และก็มีแต่ผู้หญิงนะคะคุณเกส มาทำไมกันก็ไม่รู้”คนถูกถามกวาดตามองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะคาดการณ์ออกมา “ผู้หญิงพวกนี้ก็น่าจะมีวัตถุประสงค์เดียวกับพวกเรานั่นแหละ”“ตายแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าคู่แข่งของน้องนางจะมากมายมหาศาลขนาดนี้เลยนะคะ น่ากลัวจังเลยอ่ะ ดูสิคะ... ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ยังกับนางฟ้าเดินดินแน่ะ”“อย่าชมคนอื่นนอกจากหลานสาวของฉัน ไม่อย่างนั้นก็บินกลับเมืองไทยไปเลย เชอร์รี่”สาวประเภทสองถูกเกสราดุเข้าก็ทำหน้าเจื่อนก่อนจะรี
หน้าของหล่อนชาดิก ความร้อนจัดพุ่งจากลำคอขึ้นมารวมตัวกันที่สองพวงแก้ม และความหล่อเหลาของเขาก็ลดน้อยลงในทันที มือเล็กกำแน่นข้างตัว“เสียใจด้วยค่ะ ฉันผ่านการสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว”แววตาของเขามีความข้องใจ แต่ไม่นานเขาก็ไหวไหล่กว้าง และพูดออกมา“คนของท่านแม่คงตาลายน่ะ เพราะวันนี้น่าจะสัมภาษณ์ผู้หญิงมาพันกว่าคนแล้ว”หล่อนไม่คิดจะโต้ตอบอะไรออกไปอีก เพราะดูท่าทางแล้วเขาจะไม่ชอบขี้หน้าหล่อนสักเท่าไร“แต่ฉันเดาว่าพรุ่งนี้ตอนที่ท่านแม่สัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เธอน่าจะไม่ผ่าน”เขาสบประมาทหล่อนอย่างร้ายกาจ จนหล่อนอดไม่ได้ที่จะอยากเอาชนะ“ฉันจะผ่านด่านแม่ของคุณให้ได้ค่ะ”เขายิ้มหยันอีกครั้ง ขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น และเดินไปรอบๆ ตัวของหล่อน มองด้วยสายตาประเมินราคา“แต่เธอไม่มีวันผ่านด่านของฉัน” เขายิ้มเยาะ “เพราะฉันไม่ชอบเด็กที่ยังโตไม่เต็มตัว”“ฉันจะสิบเก้าเต็มในเดือนกันยาที่จะถึงนี้ค่ะ”เขายังคงยิ้มหยัน และมองหล่อนอย่างดูแคลนเหมือนเดิม “ถึงอายุเธอจะผ่านความเป็นเด็กมาแล้ว แต่อะไรๆ ของเธอ ฉันว่าน่าจะยังโตไม่เต็มที่นะ”ช้องนางหน้าร้อนจัดด้วยความอับอาย กับสิ่งที่ชาร์ลีพูดและสายตาที่เขามองมา“คุณควรจะมีมารยาท
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน
“ได้สิ แต่ว่ารอพี่กอล์ฟก่อนดีไหม”“รายนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถ้าได้ไปเดินคนเดียวน่ะ เดินเพลินไม่เรียกไม่กลับน่ะ”“งั้นก็ได้จ้ะ”ฟ้าใสอมยิ้ม ก่อนจะเดินนำหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตนเองโปรดปราน“ร้านนี้นะ ฉันเคยกินแล้วอร่อยมาก”“ได้สิ”ช้องนางเดินตามร่างของฟ้าใสเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น ความรู้สึกของหล่อนยังคงมึนอึน และไม่สดใส“เฮ้ยนั่นมัน...”หล่อนกับฟ้าใสเดินเกือบจะถึงโต๊ะว่างอยู่แล้ว แต่ฟ้าใสก็หยุดเดินเสียก่อน พร้อมกับหันมากระซิบกระซาบเบาๆ“ผู้ชายคนนั้นไง... นั่นน่ะ โต๊ะนั่นน่ะ”หล่อนมองไปตามสายตาพยักพเยิดของฟ้าใส แต่ก็ไม่เห็นใครน่าสนใจเลย“ใครเหรอฟ้า”“ก็ผู้ชายที่ฉันบอกว่าหล่อวัวตายควายล้มไงล่ะ”หล่อนยังคงมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าคนไหน“คนนั้นน่ะ ที่ยกเมนูขึ้นดูอยู่น่ะ”“เอาเมนูบังหน้าไว้ขนาดนั้น เธอยังจำได้อีกเหรอฟ้า” ช้องนางอดที่จะแซวเพื่อนไม่ได้“ก็ตอนที่ฉันเห็น เขาไม่ได้เอาเมนูปิดหน้านี่นา นี่ๆ ไปนั่งโต๊ะว่างข้างๆ เขากัน”“อย่าเลยฟ้า... นางว่า...”ฟ้าใสไม่สนใจคำทัดทานของหล่อน เพราะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะติดกับผู้ชายคนนั้นทันที หล่อนจำต้องเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก“นั่งๆ”ฟ้าใสเจ
สามวันต่อมา... ชีวิตของช้องนางก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ เมื่อร่างกายของหล่อนไร้หัวใจเสียแล้ว ทุกๆ นาที ในหัวของหล่อนจะคิดถึงชาร์ลี และมันก็วน มันก็เวียนอยู่แบบนี้ จนหล่อนรู้สึกปวดร้าวราวจนแทบอยากจะหยุดหายใจหล่อนรู้ดีว่าการลืมรักมันยากเย็นแค่ไหน หากพยายามเวลาจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจให้เอง แต่สำหรับหล่อนแล้ว เวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายหยาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเห็นเกสราเดินเข้ามาหา“สวัสดีค่ะอาเกส”“จะออกไปไหนแต่เช้าเลยล่ะช้องนาง”“นาง... จะออกไปซื้ออาหารสดที่ห้างแถวนี้น่ะค่ะ” หล่อนพยายามปั้นเสียงตอบให้ปกติที่สุด“ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปซื้อล่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”“นางอยากมีอะไรทำน่ะค่ะ อยู่เฉยๆ นางรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เอามากๆ”เกสรายกมือขึ้นแตะท่อนแขนกลมกลึงของหลานสาวอย่างเข้าใจความรู้สึกที่เจ้าตัวกำลังพยายามเก็บซ่อนเอาไว้“งั้นก็ไปเถอะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก”หล่อนฝืนยิ้มให้กับเกสรา ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และขับออกไปในที่สุดเกสรามองตามท้ายรถของหลานสาวไปด้วยความเป็นกังวลไม่น้อย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นเบอร์ที่โชว์หน้าจอโทรศัพท์ไม่คุ้นตาเลย ทำให้เกสราอดที่
ช้องนางจ่ายเงินค่าโดยสารให้กับรถแท็กซี่ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาภายในบ้านหล่อนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความคิดถึง ที่นี่ยังเหมือนเดิม ยังเป็นบ้านของหล่อนเหมือนเดิมหล่อนยืนอยู่กลางห้องโถง มองดูความสะอาดสะอ้านของข้าวของเครื่องใช้ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง“นาง...”เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นบิดา...บิดาที่เคยติดเหล้างอมแงมจนขาดสติ แต่ตอนนี้กลับเดินเหินได้ และใบหน้าสดชื่นขึ้นหล่อนปล่อยกระเป๋าเดินทางออกจากมือ และวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เป็นเอกลักษณ์ติดตัวของท่านไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว“นางคิดถึงพ่อจังค่ะ”“พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”หล่อนเดินกอดแขนบิดาไปนั่งบนโซฟา มองท่านซ้ำไปซ้ำมาด้วยความดีใจ“พ่อเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ นางดีใจจัง”“ก็ได้อาเกสของลูกนั่นแหละที่ช่วยเหลือพาพ่อไปบำบัด นี่คุณหมอก็เพิ่งให้พ่อกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านเมื่อวานเองนะ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอลูก”เกสราทำตามที่รับปากกับหล่อนเอาไว้จริงๆ ช้องนางน้ำตาไหลด้วยความดีใจ“ว่าแต่ลูกเถอะนาง... เป็นยังไงบ้าง พ่อขอโทษนะที่ป่วยจนไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของลูกได้”“พ่อ