สาธารณรัฐเลแวนต้า (Lavanta Republic) คือประเทศที่อยู่ทางเหนือสุดของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีบางส่วนของประเทศติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีเมืองหลวงชื่อว่า เลแวนต์ ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศนับถือศาสนาคริสต์
สาธารณรัฐเลแวนต้ามีการปกครองในระบบพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยในรัชสมัยปัจจุบันมีราชวงศ์ เฮนเดอร์สัน ปกครอง ซึ่งพระมหากษัตริย์มีพระนามว่า แดเนียล เฮนเดอร์สัน พระองค์มีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันสิบสองพระองค์ และหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าหญิง แคทเธอรีน เฮนเดอร์สัน นางผู้เลอโฉมเลื่องลือขจรไกล เจ้าชายมากมายต้องการเจ้าหญิงแคทเธอรีนเป็นภรรยา แต่เจ้าหญิงทรงเลือกหนุ่มต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในเลแวนต้าเป็นพระสวามีแทนการเลือกเจ้าชายสูงศักดิ์ ซึ่งตามกฎมณเฑียรบาลของเลแวนต้า เมื่อเจ้าหญิงสูงศักดิ์เลือกสมรสกับสามัญชนจะต้องถูกลดชั้นฐานันดรเหลือเพียงแค่คนธรรมดา ซึ่งเจ้าหญิงแคทเธอรีนก็ทรงเลือกความรัก ทำให้ตอนนี้เจ้าหญิงแคทเธอรีนกลายเป็นเพียงแค่ประชาชนในเลแวนต้าคนหนึ่งเท่านั้น
แต่ถึงแม้เจ้าหญิงแคทเธอรีนจะไม่ได้อาศัยอยู่ในวังอีกต่อไปแล้ว แต่พระเชษฐาอย่างพระมหากษัตริย์แดเนียลที่ทรงเอ็นดูน้องสาวมากก็ทรงพระราชทานทุนทรัพย์ให้ และทรงเมตตารับสามีชาวกรีกของน้องสาวเข้ามาทำงานในแบงก์ชาติ
ลาซาลอส การ์ราสโก้ ในอดีตเขาคือชายหนุ่มผู้โชคดีที่สุดเพราะเขาคือผู้ที่ได้ครอบครองหัวใจของเจ้าหญิงแสนสวยแห่ง
เลแวนต้าเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับแคทเธอรีนตอนที่ศึกษาระดับปริญญาตรีในประเทศอังกฤษ เขาตกหลุมรักหล่อนตั้งแต่แรกเห็น ในขณะที่เฝ้ามองหล่อนถูกผู้ชายมากมายตามจีบ และก็ไม่เคยคิดเคยฝันว่าหล่อนจะเลือกเขา
หลังจากจบมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีแล้ว เขาก็กลับไปที่กรีซอยู่สามเดือนเพื่อคิดแผนธุรกิจที่จะมาลงทุนในสาธารณรัฐเลแวนต้า ซึ่งเขาเป็นผู้ชายที่ชอบความเสี่ยง ชอบการลงทุน ทำให้เลือกที่จะเปิดบริษัทการเงินเล็กๆ ในเลแวนต้า และเขาก็ได้พบเจ้าหญิงแสนงามอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มต้นคบหาดูใจกัน และก็ตัดสินใจร่วมชีวิตคู่กันในที่สุด
เขารักแคทเธอรีนมาก เพราะรู้ดีว่าหล่อนต้องเสียสละทุกอย่างในชีวิตเพื่อมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้ชายที่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังเช่นเขา แต่เขาก็สาบานต่อหน้าพี่ชายของหล่อน ซึ่งเป็นกษัตริย์ปกครองเลแวนต้าอยู่ในตอนนี้ว่า จะดูแลแคทเธอรีนให้ดีที่สุด จะไม่มีวันทำให้หล่อนต้องเสียใจเสียน้ำตา
กษัตริย์แดเนียลพึงพอใจในความมุ่งมั่นของเขา ดังนั้นพระองค์จึงได้มอบตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในธนาคารประจำชาติของเลแวนต้าให้กับเขา เพื่อให้เขาได้เรียนรู้งานการเงินในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยการเซ็นยินยอมให้ลูกของเขากับแคทเธอรีนทุกคนใช้นามสกุลของราชวงศ์ ซึ่งเขาตอบตกลงไปในที่สุด เพราะต้องการสร้างฐานะให้กับครอบครัว ซึ่งกษัตริย์แดเนียลคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเหลือได้
ระยะเวลาเพียงสามปีที่เขาเข้าไปทำงานในธนาคารแห่งชาติเลแวนต้า เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์และความรู้มาใส่ในหัวที่ชาญฉลาดของตนเอง และเมื่ออิ่มตัวแล้ว เขาก็ลาออกจากงาน และมาเปิดบริษัทการเงินที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งตอนแรกค่อนข้างขรุขระและมีอุปสรรคไม่น้อย แต่เพราะการช่วยเหลือของกษัตริย์แดเนียล ทำให้ตอนนี้ธนาคารการ์ราสโก้ กลายเป็นธนาคารและสถาบันการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเลแวนต้า และกำลังขยายสาขาไปทั่วโลก
สามสิบกว่าปีมาแล้วกับความสำเร็จสูงสุดที่ผู้ชายคนหนึ่งจะกระทำได้ ตอนนี้เขาอายุหกสิบกว่าปีแล้ว จึงถึงเวลาที่จะต้องส่งต่อธุรกิจของตระกูลให้กับบุตรชายเพียงคนเดียวเสียที
ชาร์ลี เฮนเดอร์สัน คือลูกชายเพียงคนเดียวของเขากับ
แคทเธอรีน ชาร์ลีมีมันสมองที่อัจฉริยะถอดแบบมาจากเขาไม่ผิดเพี้ยน ขณะสิ่งที่ลูกชายได้ตกทอดมาจากมารดาผู้สูงศักดิ์ ก็คือความสง่างามสมกับมีเลือดในกายเป็นราชนิกุลชาร์ลีผิวขาวอมชมพูไม่ต่างจากเจ้าหญิงแคทเธอรีนผู้เป็นมารดา ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมเหมือนบิดา ดวงตาสีทองอำพันทรงอำนาจเปล่งประกายอยู่ใต้แนวคิ้วดกหนาที่พาดอยู่ด้านบน จมูกของชายหนุ่มโด่งสวย ใต้จมูกปลายงองุ้มสมบูรณ์แบบคือริมฝีปากหยักสวยราวกับริมฝีปากของอิสตรี และด้วยความสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ทำให้ชายหนุ่มมีรูปร่างที่สมส่วนเป็นที่สุด
ด้วยความหล่อเหลาและสมบูรณ์เพียบพร้อมในทุกด้านของชาร์ลี ทำให้มีสาวๆ น้อยใหญ่มาทอดสะพานมากมาย แต่แปลกมากที่เขากลับไม่สานต่อความสัมพันธ์กับสตรีนางใดเลย หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ไม่มีผู้หญิงคนในเข้าใกล้เขาได้เลยนั่นเอง
ลาซาลอสกับแคทเธอรีนแปลกใจกับพฤติกรรมของลูกชายนัก ตอนแรกพวกเขาคิดว่าชาร์ลีนิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกัน จนกระทั่งได้ค้นพบความจริงที่ถูกซ่อนเร้นมานานหลายปี
ไลลา เฮนเดอร์สัน ลูกสาวบุญธรรมที่พวกเขารับมาอุปการะเลี้ยงดูตั้งแต่อายุแปดขวบ ไลลามีอายุอานามห่างจากชาร์ลีแปดปี แต่ถึงจะมีช่องว่างของช่วงอายุอยู่มาก แต่ทั้งสองคนกลับสนิทสนมกันจนผิดสังเกต
จนกระทั่งความลับที่ชาร์ลีกับไลลาซ่อนเอาไว้ถูกเปิดเผย ซึ่งแน่นอนว่านำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูลอย่างมหาศาลเลยทีเดียว เพราะทั้งคู่ใช้นามสกุลเฮนเดอร์สัน
“ผมยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับท่านแม่”
ชาร์ลีปฏิเสธด้วยใบหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก แต่น้ำเสียงที่ดังเล็ดลอดออกมานั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่นจริงจัง
“แต่ยังไงซะลูกก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคนหนึ่งในเร็วๆ นี้ชาร์ล”
“ผมยังไม่ได้รักใครครับ”
“นั่นเพราะลูกรักอยู่กับไลลา”
ชาร์ลีเลื่อนสายตามองหน้ามารดาก่อนจะสารภาพออกไปตามความเป็นจริง
ก็มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ในเมื่อท่านแม่กับท่านพ่อของเขาล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเขากับไลลาเสียแล้ว
“ครับ ผมรักไลลา และไลลาก็คือผู้หญิงคนเดียวที่ผมอยากจะแต่งงานด้วย”
“ลูกก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ไลลาเป็นน้องบุญธรรมของลูก”
แคทเธอรีนสวนกลับลูกชาย น้ำเสียงของหล่อนเต็มไปด้วยความเป็นกังวล
“แต่เราไม่ใช่สายเลือดเดียวกันนี่ครับ”
“ถึงไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่แม่รับไลลามาเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่ไลลาอายุแปดขวบ และที่สำคัญไลลาก็ใช้นามสกุลเฮนเดอร์สัน ซึ่งลูกก็รู้ดีนี่ว่าเราต้องรักษาเกียรติของนามสกุลนี้แค่ไหน”
“งั้นผมจะเปลี่ยนนามสกุล”
“ยังไงก็ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปอย่างที่ลูกกับไลลาต้องการแน่นอน”
“ท่านแม่ครับ ผมคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว ผมรักไลลา ผมรักน้องครับ”
ชาร์ลีวิงวอนมารดา แต่ท่านกลับส่ายหน้าปฏิเสธ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังไร้การผ่อนปรนเช่นเดิม
“ลูกมีสองทางเลือกชาร์ล”
เขาสบประสานสายตากับมารดา ขณะรอฟังทางเลือกจากปากของท่านอย่างใจจดจ่อ
“ทางแรก... ลูกต้องแต่งงานกับผู้หญิงชื่อเสียงดีๆ คนหนึ่ง”
กรามแกร่งของชาร์ลีขบกันแน่น และก็ตั้งมั่นว่าเขาไม่มีทางเลือกนี้แน่
“ผมเลือกทางที่สองครับ”
แคทเธอรีนสบประสานสายตากับลูกชาย
“อย่าเพิ่งเลือก ก่อนที่จะได้ฟังมันจนจบสิ ชาร์ล”
ชายหนุ่มไหวไหล่กว้างผึ่งผายอย่างมั่นอกมั่นใจ “ที่ผมไม่คิดจะรอฟังทางเลือกที่สองของท่านแม่ ก็เพราะว่าผมไม่มีทางเลือกทางเลือกที่หนึ่งครับ” ดวงตาสีอำพันประกายวาววับ “ผมไม่มีทางแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น”
แคทเธอรีนยิ้มบางๆ ออกมา ก่อนจะพูดทางเลือกที่สองออกมาจากปาก
“ทางเลือกที่สองก็คือ...”
ชาร์ลีสบประสานสายตากับมารดา และรอฟังอย่างตั้งใจ
“ไลลาจะเป็นฝ่ายแต่งงานออกไปเอง”
“ท่านแม่!”
คนที่นั่งตัวตรงอยู่บนโซฟาก่อนหน้านี้ ถลันตัวลุกพรวดขึ้นทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“ถ้าลูกเลือกทางที่สอง ไลลาก็จะต้องเป็นฝ่ายแต่งงานออกไปเอง”
สองมือข้างลำตัวกำยำของชาร์ลีกำแน่น กรามแกร่งบดกันจนแทบแหลกละเอียด เขามองมารดาอย่างตัดพ้อ
“ทำไมท่านแม่ถึงใจร้ายกับพวกเรานักครับ”
“ความรู้สึกระหว่างลูกกับไลลามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง พี่น้องบุญธรรมรักกันไม่ได้ สิ่งที่ลูกทั้งสองคนทำกันอยู่มันผิดบาป หากล่วงรู้ออกไปยังภายนอก ก็มีแต่จะเสื่อมเสีย”
“แล้วถ้าผมไม่เลือกสักทาง และพาไลลาไปอยู่ที่อื่นล่ะครับ ท่านแม่จะอนุญาตไหมครับ”แคทเธอรีนส่ายหน้าปฏิเสธ มองใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะกำลังทุกข์ทรมานอย่างเห็นใจ แต่หล่อนทำตามความต้องการของลูกชายไม่ได้จริงๆ“ยังไงซะ ลูกกับไลลาก็รักกันไม่ได้”“แต่ผมกับน้องนอนด้วยกันแล้วนะครับ”“ลืมเรื่องนั้นซะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่”“ผม...”“ถ้าลูกยังขัดขืน และคิดจะแข็งข้อกับแม่ ไลลาจะเป็นคนที่เดือดร้อน”เขารู้ดีว่ามารดาไม่ได้ขู่ แต่ท่านทำได้จริงอย่างที่พูด เขารู้จักนิสัยของท่านดีแล้วนี่เขาจะทำยังไงดี...?ไลลา... เขารักไลลา แล้วจะให้ยอมปล่อยมือจากหล่อนไปได้ยังไงกัน“งั้นผมขอเวลาครับ”“คนของท่านพ่อจะประกาศทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงหนังสือพิมพ์ไปทั่วโลกเกี่ยวกับการเลือกคู่ของลูกในค่ำวันนี้ และอาทิตย์หน้าผู้หญิงที่สนใจก็จะเดินทางมาที่บ้านของเรา คนของแม่จะคัดเลือกผู้หญิงเหล่านั้นให้เหลือแค่สามสิบคน หลังจากนั้นแม่กับพ่อจะคัดให้เหลือแค่สิบคน เพื่อให้ลูกได้เลือกหนึ่งในสิบคนนั้นเป็นภรรยาของลูก...”“ทำไมเร็วนักล่ะครับท่านแม่”ชาร์ลีตกใจไม่น้อย เขารู้สึกมืดแปดด้านเหลือเกิน“มันคือเวลาที่เหมาะสมแล้วล่ะ
อีกฟากหนึ่งของโลก เด็กสาวคนหนึ่งถือกระเป๋านักเรียนเดินออกมาจากโรงเรียนประจำหญิงล้วน ช้องนาง วัฒนาดิลก คือชื่อเสียงเรียงนามของหล่อนช้องนางกำลังจะเรียนจบระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเร็วๆ นี้ เพราะตอนนี้หล่อนได้สอบไฟนอลในเทอมสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้วเด็กสาวเป็นลูกหลานในตระกูลผู้ดีเก่าอย่างวัฒนาดิลก ซึ่งตระกูลนี้เป็นนามสกุลพระราชทาน ทุกคนในวงศ์ตระกูลล้วนแต่แสดงออกว่าตนเองเป็นผู้ดี ทั้งๆ ที่ภายในนั้นกลวงโบ๋ตั้งแต่คุณย่าของหล่อนเสียชีวิตไป ลูกจำนวนสี่คนซึ่งรวมบิดาของหล่อนด้วยก็ต่างพากันนำสมบัติพัสถานมาถลุงกันอย่างสนุกมือ ซึ่งในระยะเวลาแค่ไม่ถึงห้าปี ทรัพย์สินที่อยู่ในระบบกงสีก็กลายเป็นศูนย์ ก่อนจะติดลบจนต้องขายของเก่าเพื่อพยุงหน้าตาทางสังคมลุงป้าน้าอารวมถึงพ่อของหล่อนต่างเป็นคนที่จมไม่ลง หน้าใหญ่ใจโตทั้งๆ ที่ไม่เหลือสมบัติใดๆ อีกแล้วนอกจากบ้านที่อาศัยอยู่ในตอนนี้หล่อนเองก็ได้รับผลกระทบจากความฟุ้งเฟ้อของทุกคนจนมีแนวโน้มว่าจะต้องออกมาหางานทำเพื่อส่งตนเองเรียนระดับมหาวิทยาลัยในไม่ช้าช้องนางเดินใจลอยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงลุงแก้วคนขับรถเก่าแก่ของวงศ์ตระกูลจึงสะดุ้งตกใจ“คุณหนูครับ”หล่อ
“เธอก็รู้สถานการณ์ของครอบครัวเราดีใช่ไหมช้องนาง”“เอ่อ... นางทราบดีค่ะ”“เงินจะจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าคนรับใช้ก็แทบจะไม่พอในแต่ละเดือน พ่อของเธอก็เอาแต่ดื่มเหล้า ไม่เคยคิดจะช่วยอะไรเลย”สิ่งที่เกสราพูดมันคือความเป็นจริงที่หล่อนจำต้องก้มหน้ายอมรับอย่างปฏิเสธไม่ได้“ตอนนี้ทุกอย่างกำลังแย่ไปหมด ธุรกิจสุดท้ายของตระกูลเรากำลังจะเจ๊ง และถ้ามันล่มลงล่ะก็ ชื่อเสียงของตระกูลเราที่บรรพบุรุษอุตส่าห์รักษามาอย่างดีก็จะต้องย่อยยับ ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน”หล่อนรู้ดีว่าสิ่งที่เกสราพูดออกมานั้นมันไม่ได้เกินความจริงที่เป็นอยู่เลย“แต่เราคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะอาเกส เราคงต้องยอมรับ”“ไม่ได้เด็ดขาด อาไม่มีทางยอมอับอายขายหน้านังผู้รากมากดีในวงสังคมหรอก”“แล้วอาเกสจะทำยังไงล่ะคะ ในเมื่อเราไม่มีเงิน”เกสรามองหล่อนอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวังเต็มเปี่ยม“อาเจอทางออกแล้วล่ะ”“ทางออกเหรอคะ” ช้องนางยอมรับว่าตัวเองก็อดที่จะดีใจและโล่งใจไม่ได้“ถูกต้อง ทางออกที่จะทำให้เราทุกคนในตระกูลกินดีอยู่ดี และไม่ต้องลำบากอีก”“อาเกสจะขายบ้านหลังนี้ และพาพวกเราย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่เล็กกว่าแต่อบอุ่นกว่าใช
“พ่อคะ... พ่อส่งมันให้นางนะคะ อย่ากำมันแน่นแบบนั้น พ่อ... พ่อคะ...”น้ำตาของหล่อนไหลรินออกมาด้วยความเวทนาในสภาพของบิดา แต่ท่านกลับไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมาเลยแม้แต่ความเจ็บปวดบาดแผล“นา... ผมคิดถึงคุณ... นา...”พ่อพึมพำคร่ำครวญถึงมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วของหล่อน น้ำตาของพ่อค่อยๆ ไหลรินอาบแก้ม“พ่อจ๋า... พ่อ... พ่ออย่าทำแบบนี้เลยค่ะ อย่าทำร้ายตัวเองเลย แม่มองอยู่บนฟ้า... แม่คงไม่มีความสุขหรอกถ้าเห็นพ่อทำแบบนี้ เชื่อนางนะคะพ่อ...”พ่อของหล่อนไม่ได้พูดคำใดออกมา ยอมปล่อยเศษแก้วออกจากมือ และก็ยอมให้หล่อนประคองขึ้นไปนั่งบนโซฟา“พ่อรอนางอยู่ตรงนี้นะจ๊ะ นางไปเอาที่ทำแผลก่อน”พ่อของหล่อนก็ไม่ได้ตอบเหมือนเดิม นั่งนิ่งราวกับมนุษย์ที่มีแค่ร่างกายแต่ไร้จิตวิญญาณหล่อนรีบเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ด้านนอก และรีบกลับมาทำแผลให้กับบิดาทันทีระหว่างที่นั่งทำแผลให้กับท่าน บิดาไม่ได้พูดไม่ได้จาคำใดออกมาเลย หล่อนมองท่านผ่านม่านน้ำตา และก็ตัดสินใจแล้วว่าจะตอบตกลงทำตามความต้องการของเกสรา“เสร็จแล้วจ้ะพ่อ”หล่อนพูดกับท่าน แต่ท่านก็ยังทำเหมือนเดิมนั่นก็คือไม่พูดไม่จา นั่งเหม่อลอย“เดี๋ยวนางไปเอาไม้กวาดมาทำ