หน้าของหล่อนชาดิก ความร้อนจัดพุ่งจากลำคอขึ้นมารวมตัวกันที่สองพวงแก้ม และความหล่อเหลาของเขาก็ลดน้อยลงในทันที มือเล็กกำแน่นข้างตัว
“เสียใจด้วยค่ะ ฉันผ่านการสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว”
แววตาของเขามีความข้องใจ แต่ไม่นานเขาก็ไหวไหล่กว้าง และพูดออกมา
“คนของท่านแม่คงตาลายน่ะ เพราะวันนี้น่าจะสัมภาษณ์ผู้หญิงมาพันกว่าคนแล้ว”
หล่อนไม่คิดจะโต้ตอบอะไรออกไปอีก เพราะดูท่าทางแล้วเขาจะไม่ชอบขี้หน้าหล่อนสักเท่าไร
“แต่ฉันเดาว่าพรุ่งนี้ตอนที่ท่านแม่สัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เธอน่าจะไม่ผ่าน”
เขาสบประมาทหล่อนอย่างร้ายกาจ จนหล่อนอดไม่ได้ที่จะอยากเอาชนะ
“ฉันจะผ่านด่านแม่ของคุณให้ได้ค่ะ”
เขายิ้มหยันอีกครั้ง ขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น และเดินไปรอบๆ ตัวของหล่อน มองด้วยสายตาประเมินราคา
“แต่เธอไม่มีวันผ่านด่านของฉัน” เขายิ้มเยาะ “เพราะฉันไม่ชอบเด็กที่ยังโตไม่เต็มตัว”
“ฉันจะสิบเก้าเต็มในเดือนกันยาที่จะถึงนี้ค่ะ”
เขายังคงยิ้มหยัน และมองหล่อนอย่างดูแคลนเหมือนเดิม “ถึงอายุเธอจะผ่านความเป็นเด็กมาแล้ว แต่อะไรๆ ของเธอ ฉันว่าน่าจะยังโตไม่เต็มที่นะ”
ช้องนางหน้าร้อนจัดด้วยความอับอาย กับสิ่งที่ชาร์ลีพูดและสายตาที่เขามองมา
“คุณควรจะมีมารยาทกับผู้หญิงบ้างนะคะ”
“ฉันเลือกคนน่ะ” เขาอมยิ้มหยัน ก่อนจะออกคำสั่งเสียงกระด้าง “ออกไปจากที่ส่วนตัวของฉันได้แล้ว และอย่าเข้ามาอีก ไม่อย่างนั้นเธอเจอดีแน่”
ช้องนางไม่มีทางเลือก จำต้องก้าวออกมาจากสวนสวยซึ่งเพิ่งรู้ว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเทพบุตรตนนั้น
“คนบ้า ทำปากร้ายนักนะ”
ปากของเขาร้ายกาจ ซึ่งแตกต่างจากใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรเหลือเกิน
“ช้องนาง เธอหายไปไหนมาเนี่ย”
เสียงของเกสราดังขึ้น ทำให้หล่อนต้องรีบสลัดเรื่องของชาร์ลีที่ตนเองบังเอิญไปเจอเขาทิ้งอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ... นาง... ไปเดินเล่นมาค่ะ”
หน้าของเกสราหงิกงอเล็กน้อย คงเพราะตามหาหล่อนนานนั่นเอง
“ปล่อยให้ฉันรอตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงนะเนี่ย”
“นางขอโทษค่ะอาเกส”
“แล้วผลสัมภาษณ์เป็นยังไงบ้าง ผ่านไหม”
“ผ่านค่ะ”
เกสราฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนจะถามหล่อนด้วยความแปลกใจ
“เธอผ่านสัมภาษณ์ แล้วทำไมหน้าตาดูอมทุกข์นักล่ะ นี่ไม่ดีใจเลยหรือไง”
หล่อนจะดีใจได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อตอนนี้รู้ชะตากรรมของตัวเองแล้วว่าไม่มีทางได้ตำแหน่งที่เกสราอยากให้หล่อนได้อย่างแน่นอน
ชาร์ลีไม่ชอบขี้หน้าหล่อน...
“ก็... ดีใจค่ะ”
“ดีใจก็ยิ้มสิ”
“ค่ะ” หล่อนฝืนยิ้มออกมา เพราะไม่อยากให้เกสราสงสัย
“ดีมาก งั้นรีบกลับห้องกันเถอะ เธอต้องไปฝึกปรือคำถามที่อาจจะถูกถามในวันพรุ่งนี้”
“ค่ะ อาเกส”
หล่อนถูกเกสราดึงแขนให้ตรงไปยังรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่เพื่อกลับห้องพักในที่สุด
“ท่านแม่ให้คนไปเรียกผมมาพบเรื่องอะไรหรือครับ” ชาร์ลีเอ่ยถามขึ้น เมื่อเข้ามาพบมารดาในห้องทำงานของท่าน
แคทเธอรีนยิ้มให้กับลูกชาย “มานั่งตรงหน้าแม่นี่สิชาร์ล”
“ครับ”
เมื่อลูกชายเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่ตรงหน้าแล้ว แคทเธอรีนก็เลื่อนแฟ้มสีชมพูหนาๆ แฟ้มหนึ่งมาตรงหน้าของเขา
“แฟ้มอะไรหรือครับท่านแม่”
แคทเธอรีนฉีกยิ้มตื่นเต้น “ก็บรรดาสาวสวยที่ผ่านการคัดเลือกจากคนของแม่สามสิบคนยังไงล่ะ”
ชาร์ลีดันแฟ้มคืนให้กับมารดา และไม่ได้มีทีท่าสนใจเลยแม้แต่น้อย
“ผมไม่ดูหรอกครับ”
“อ้าว ทำไมล่ะชาร์ล มีแต่คนสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
“ผมรอดูสิบคนหลังจากที่ท่านแม่คัดเลือกแล้วดีกว่าครับ”
“ก็ดูสักนิดสิ เผื่อสนใจคนไหนเป็นพิเศษ แม่จะได้ไม่ให้ตกรอบไงล่ะ” แคทเธอรีนคะยั้นคะยอลูกชาย
ชาร์ลีสบประสานสายตากับมารดา “ผมไม่มีอารมณ์จะดูจริงๆ ครับท่านแม่”
คนเป็นแม่ถอนใจออกมาแรงๆ มองลูกชายอย่างรู้ทัน “แม่รู้นะว่าลูกรู้สึกยังไง แต่นี่มันคือทางออกเดียวที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนในเฮนเดอร์สัน รวมถึงอนาคตของไลลาด้วย”
“ผมทราบครับ และผมก็พร้อมที่จะทำตามคำสั่งของท่านแม่ทุกอย่าง แต่ผมไม่มีกะจิตกะใจจะดูหน้าผู้หญิงพวกนี้จริงๆ ครับ ท่านแม่โปรดเห็นใจผมด้วยครับ”
“ก็ตามใจ งั้นแม่จะคัดเลือกของแม่เอง”
“ครับ” เขาตอบรับมารดาเสียงเรียบ ก่อนจะปลีกตัว “งั้นผมขอตัวกลับห้องพักก่อนนะครับ”
“ไปเถอะ”
“ราตรีสวัสดิ์ครับท่านแม่”
“ราตรีสวัสดิ์ลูกรัก”
เขาฝืนยิ้มตอบให้กับมารดาก่อนจะเดินตรงไปยังประตูห้อง แต่ก็ต้องชะงักกึก เมื่อคำพูดของมารดาดังแทรกผ่านแก้วหูเข้ามาในสมอง
“คืนนี้แม่จะให้ไลลามานอนกับแม่ พ่อชาร์ลกว่าดีไหม”
เขาหันขวับมามองมารดา กรามแกร่งขบกันเต็มแรง มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นเพื่อข่มความผิดหวังรุนแรงเอาไว้ให้มิดจากสายตารู้ทันของมารดา
“ดีครับ”
แคทเธอรีนระบายยิ้มบางๆ
“ไปพักผ่อนเถอะ พ่อชาร์ล แม่ก็แค่บอกเฉยๆ น่ะไม่มีอะไรหรอก”
ลูกชายเดินออกไปจากห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของแคทเธอรีนก็ค่อยๆ จางลง
“แม่รู้ทันลูกทุกอย่างนั่นแหละ ชาร์ลี”
เช้าวันต่อมาไม่ใช่วันที่สดใสนักสำหรับช้องนาง เพราะหล่อนรู้สึกอ่อนเพลียเหลือเกิน นั่นคงเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ มัวแต่คิดถึงคำพูดไม่มีน้ำใจของชาร์ลีทั้งคืน
“ทำหน้าทำตาให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง อย่าลืมสิว่าวันนี้ตอนเย็นเธอต้องเข้าคัดตัวอีกรอบ ซึ่งเป็นรอบสำคัญด้วย” เกสราตำหนิหล่อนแต่เช้าเลยทีเดียว
“เอ่อ... นางไม่ลืมหรอกค่ะอาเกส แต่นางแค่นอนไม่ค่อยหลับน่ะค่ะ ก็เลยรู้สึกมึนๆ หัว”
“อาจจะแปลกที่นอนล่ะมั้ง เดี๋ยวไปหายากินซะ จะได้สดใสตอนที่จะเข้าสัมภาษณ์กับคุณแคทเธอรีน”
เกสราเห็นคิ้วโก่งของหลานสาวเลิกสูง ก็รู้ทันทีว่าเด็กสาวกำลังสงสัย
“คุณแคทเธอรีน คือพระขนิษฐาแท้ๆ ขององค์พระมหากษัตริย์แดเนียล แต่ที่ไม่ได้มียศเจ้าหญิงแล้ว นั่นก็เพราะเธอแต่งงานกับผู้ชายต่างชาติ แต่กิตติศัพท์ความเจ้าระเบียบ ความเนี้ยบของเธอก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนตอนที่อยู่ในวัง ดังนั้นเธอจะต้องเตรียมตัวรับมือให้ดีรู้ไหมช้องนาง”
เพราะมีสายเลือดสีน้ำเงินอยู่ในกายครึ่งหนึ่งสินะ ผู้ชายคนนั้นถึงได้ดูสง่างามเกินกว่าบุรุษทั่วๆ ไป
“นั่งนิ่งอยู่ได้ เข้าใจที่อาพูดไหมเนี่ย”
“เอ่อ ค่ะอาเกส”
หล่อนเห็นอาของตัวเองทำหน้าเหนื่อยหน่ายออกมา ก็อดที่จะรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้
“อาเกสมีธุระอะไรจะให้นางทำไหมคะ”
“ตอนนี้ไม่มีหรอก ถามทำไม”
“นางจะขอ... เอ่อ... ว่าจะขอออกไปเดินดูแถวๆ นี้น่ะค่ะ”
“จะไปเดินเล่นน่ะก็ไปได้ แต่เดินระวังๆ ล่ะ เดี๋ยวรถมันจะชนเอาแข้งขาพิการ แล้วจะพลาดตำแหน่งดีๆ”
หล่อนอยากจะตะโกนบอกเกสราเหลือเกินว่าตอนนี้โอกาสที่ชาร์ลีจะเลือกหล่อนมันติดลบเสียแล้ว
“ค่ะ”
“แล้วสิบโมงก็รีบกลับมาล่ะ อาจะติวเธออีกรอบหนึ่งเป็นรอบสุดท้าย ก่อนที่จะเข้าสัมภาษณ์กับคุณแคทเธอรีนตอนเย็น”
“ค่ะ อาเกส”
หล่อนฝืนยิ้มให้กับเกสรา ก่อนจะลุกขึ้นยืน และเดินออกไปนอกห้องพักในที่สุด
ช้องนางเดินออกมาจากโรงแรมที่พวกตนเองพักอาศัยอยู่ ซึ่งมันก็อยู่ไม่ห่างจากคฤหาสน์หลังงามที่ใหญ่โตและหรูหราอลังการไม่ต่างจากราชวังของชาร์ลีนักหล่อนเดินออกมาหน้าโรงแรม มองไปยังถนนที่ทอดยาวตรงหน้า ความลังเลเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่ก็สุดท้ายก็เลือกได้ว่าควรจะเดินไปทางซ้ายมือแทนสองเท้าเดินย่ำมองตึกรามบ้านช่องที่แปลกตาออกไปจากสภาพแวดล้อมที่ตนเองเคยอาศัยอยู่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะเดินไปหยุดร้านดอกไม้เล็กๆ“สวยจัง...”หล่อนระบายยิ้มหวานให้กับดอกไม้ในแจกันที่อยู่ด้านในตัวร้านที่เป็นกระจกสีขาว เอียงคอมองด้วยความชื่นชมในความงามอยู่สักพักก็ต้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อด้านหลังถูกอะไรบางอย่างที่แข็งแรงปะทะช้องนางรีบหันไปมองด้านหลัง ก่อนจะตกใจระคนเหลือเชื่อ เมื่อพบว่าอะไรแข็งแรงที่มาชนด้านหลังของตนเองนั้นคือผู้ชายที่ชื่อชาร์ลี เฮนเดอร์สัน“อ๊ะ...คุณ...?”หล่อนเห็นเขาขยับปากเหมือนกับจะเอ่ยขอโทษขอโพย แต่คำพูดเหล่านั้นมันก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งทันที เมื่อเขาเห็นว่าเป็นหล่อน“เธอนั่นเอง... มายืนเกะกะอะไรแถวนี้แม่คุณ”น้ำเสียงของเขาหงุดหงิด และแสดงความไม่พอใจหล่อนอย่างชัดเจน ช้องนางอยากจะตะโกนถามน
เช้าวันต่อมา...ภายในห้องอาหารสุดหรูของตระกูลเฮนเดอร์สัน แคทเธอรีนนั่งหัวโต๊ะแทนสามี เพราะลาซาลอสมีธุระต้องบินไปประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เช้ามืดชาร์ลีนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวที่เขานั่งเป็นประจำ แต่ไลลากลับถูกแคทเธอรีนเรียกให้มานั่งอีกฝั่งหนึ่ง ไม่ยอมให้หญิงสาวนั่งใกล้กับลูกชายของตนเอง“ตอนนี้แม่ได้ผู้หญิงทั้งสิบที่จะมาชิงตำแหน่งเจ้าสาวของลูกแล้วนะชาร์ลี”“ครับ”ชาร์ลีตอบรับเสียงเรียบ สีหน้าไม่ได้มีความยินดียินร้ายอะไรเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้ไลลาที่ลอบมองอยู่พอใจ เพราะทำให้หล่อนรู้ว่าชาร์ลีรักหล่อนเพียงคนเดียว“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลูก ไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ”“ไม่ครับ”แคทเธอรีนรู้ทันความคิดของชาร์ลี จึงพูดดักคอขึ้น “ถึงลูกจะไม่ตื่นเต้น แต่แม่ตื่นเต้นมาก ดังนั้นในงานเลี้ยงเย็นวันนี้ ลูกจะต้องเลือกหนึ่งในสิบสาวสวยพวกนั้นมาเป็นเจ้าสาวของตัวเอง ซึ่งแม่อยากจะให้ลูกพิถีพิถันในการเลือกให้มากที่สุด”“ครับ”คนเป็นแม่หมั่นไส้ลูกชายในอกนักที่ทำหน้าเย็นชา น้ำเสียงเฉยเมย แต่ก็ไม่รู้จะจัดการยังไงดี จึงเลือกที่จะหันมาพูดคุยกับลูกสาวบุญธรรมแทน“เธอก็ต้องมาร่วมงานเลือกคู่ของพี่ชายเธอด้วยนะไลลา”เพล้งงงงช้อนในมือเล็กขอ
ในที่สุดเวลาสำคัญก็เดินทางมาถึง ช้องนางมองภาพของตนเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาด้วยความประหลาดใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงหน้าตาหวานหยดย้อยในกระจกจะเป็นตนเอง หล่อนต้องหลับตาแล้วลืมขึ้นหลายครั้งเลย กว่าจะเชื่อว่าผู้หญิงในกระจกเงาคือตนเอง“สวยหวานมากหลานสาวของฉัน” เกสรายืนอยู่ด้านข้างตัวของหล่อนเอ่ยชมเชยอย่างจริงใจ “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะสวยได้มากขนาดนี้”“เอ่อ... พี่เชอร์รี่กับพี่กะทิเก่งน่ะค่ะอาเกส ก็เลยแปลงโฉมเด็กกะโปโลอย่างนางให้สวยขึ้นมาได้” ช้องนางพูดถ่อมตนออกมา“ไม่ใช่เลยค่ะคุณน้องช้องนาง” เชอร์รี่แย้งคัดค้านเสียงสูงปี๊ดจนแสบแก้วหู “เพราะต่อให้พี่กับนังกะทิจะมีฝีมือเทพแค่ไหน แต่ถ้าหนังหน้าคุณน้องไม่ดี ทำยังไงก็ไม่สวยหรอกค่ะ”“จริงอย่างที่นังเชอร์รี่มันพูดนั่นแหละค่ะ คุณน้องช้องนางสวยมาก โครงหน้าก็สวย ผิวพรรณก็ดี หุ่นก็แบบ... พี่นี้ไม่อยากจะพูดเลยค่ะ แบบหุ่นน่าเอามากๆ นี่ถ้าถูกเลือกไปนะคะ คุณชาร์ลีอะไรนั่นจะต้องทั้งรักทั้งหลงจนโง่หัวไม่ขึ้นเลยล่ะค่ะ”หล่อนทำได้แค่หน้าแดงๆ และก็นิ่งเงียบเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่สเปคของผู้ชายคนนั้น“ขอบคุณพี่เชอร์รี่กับพี่กะทิมากนะคะที่ทำใ
“ฉัน... ควรจะออกไป...”หลังจากตั้งสติได้ หล่อนก็กระวีกระวาดจะออกไปจากห้องสมุดที่ตนเองไม่ควรเข้ามาตั้งแต่แรก แต่แขนเรียวถูกมือใหญ่แข็งกระด้างของชาร์ลีรวบเอาไว้“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”“ไม่ค่ะ ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ ปล่อยแขนฉันค่ะ แล้วคุณสองคนก็ไปทำอะไรกันให้เสร็จๆ เถอะ”หล่อนบิดแขนของตัวเองแรงๆ เพื่อจะให้หลุดจากอุ้งมือใหญ่ แต่ก็ไม่สำเร็จ“เราต้องคุยกัน” เขาย้ำประโยคเดิมใส่หน้าของหล่อนด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะหันไปพูดกับผู้หญิงข้างกาย“น้องรีบกลับออกไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้พี่จะจัดการต่อเอง”“ค่ะ พี่ชาร์ล”แล้วไลลาน้องสาวบุญธรรมแต่เปลือกของชาร์ลีก็รีบจัดแจงตนเองให้มีสภาพเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะรีบเผ่นแน่บออกไปจากห้องสมุดอย่างรวดเร็วทิ้งให้หล่อนต้องอยู่เผชิญหน้ากับชาร์ลี เฮนเดอร์สัน ผู้ชายที่ลักลอบมีความสัมพันธ์กับน้องสาวบุญธรรมของตนเอง มันน่าสะอิดสะเอียนมาก และหล่อนก็ไม่ต้องการเป็นผู้หญิงโชคร้ายที่ถูกเขาเลือกมาเป็นเจ้าสาวบังหน้าแน่นอน"ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องของคุณกับคุณไลลาเด็ดขาด ความลับนี้มันจะตายไปพร้อมกับฉันค่ะ ฉันสัญญา"สีหน้าของชาร์ลีเลือดเ
ในที่สุดชาร์ลีก็ทำอย่างที่เขาประกาศใส่หน้าของหล่อนเอาไว้ภายในห้องสมุดจริงๆเขาเลือกหล่อนเป็นเจ้าสาวของเขา...เจ้าสาวหุ่นเชิด...หล่อนนั่งหน้าเศร้า รู้สึกพะอืดพะอมจนแทบจะอาเจียน ภาพลับๆ ของชาร์ลีกับไลลายังคงติดอยู่ในความทรงจำหล่อนจะยอมตกนรกหมกไหม้ด้วยการยอมเป็นเมียบังหน้าให้กับหญิงชายคู่นี้หรือหล่อนไม่อยากทำเลย... ถึงแม้ว่าลึกๆ แล้วจะแอบชอบชาร์ลี เฮนเดอร์สันอยู่ก็ตาม“เห็นไหมอาบอกแล้วว่าเธอจะต้องถูกเลือก”เกสรากระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ซึ่งมีเชอร์รี่กับกะทิผสมโรงหัวเราะคิกคักกันไปด้วย ตรงกันข้ามกับหล่อนที่กำลังทรมานเหลือเกินหล่อนจะรับมือยังไงกับสิ่งที่กำลังจะเผชิญหน้าในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้“อาเกสคะ คือนาง...”“มีอะไรเหรอหลานรัก” เกสราพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับหล่อนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน“นาง...” หล่อนอึกอัก แต่ก็จำต้องบอกออกไป “นางไม่อยากแต่งงานกับคุณชาร์ลีค่ะ นาง...”คนที่นั่งยิ้มหน้าบานอยู่ หน้าตูมทันควัน และก็ตวาดลั่นอย่างไม่พอใจ“อย่ามาโง่หน่อยเลยช้องนาง เธอควรจะดีใจสิถึงจะถูกที่เราจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกันกับมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างตระกูลเฮนเดอร์สันน่ะ”“แต่ว่าเขากับ...”“ไม่ต้
“ออกไปไหนมาแต่เช้าเลยล่ะพ่อชาร์ล”แคทเธอรีนเห็นลูกชายเดินเข้ามาภายในบ้านก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้“ผมออกไปทำธุระข้างนอกน่ะครับ”ชาร์ลีหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกับมารดา สีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ความรู้สึกเช่นเดิม แต่แคทเธอรีนไม่ใส่ใจ เพราะรู้ดีว่าหากจะหยุดรักใครสักคนมันต้องใช้เวลานานพอสมควร“รู้ไหมว่าแม่ถูกใจผู้หญิงที่ลูกเลือกมาก เพราะแม่หมายตาเอาไว้ตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์แล้วล่ะ”“ครับ”“พ่อชาร์ลนี่ตาแหลมจริงๆ” แคทเธอรีนอมยิ้ม ก่อนจะพูดออกมาอีก “แม่มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นภรรยาที่ดี และเป็นสะใภ้ที่เพียบพร้อมของตระกูลเราได้อย่างแน่นอน”“ครับ”ชายหนุ่มตอบคำเดิมด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งสิ้น จนแคทเธอรีนอยากจะทุบสักผัวะสองผัวะเพื่อเรียกสตินัก“ไปอาบน้ำเถอะ อีกประเดี๋ยวว่าที่เจ้าสาวของลูกก็จะเดินทางมาถึงแล้ว”“ครับ”ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นเต็มความสูง และก็เดินออกไปจากห้องโถงรับแขกเงียบๆแคทเธอรีนมองตามไปด้วยความไม่สบายใจ ก่อนจะให้คนใช้ไปเรียกไลลาให้มาพบเวลาผ่านไปเล็กน้อย ไลลาก็ปรากฏตัวขึ้นตามที่แคทเธอรีนต้องการ“ท่านแม่... เรียกหาหนูมีอะไรให้หนูรับใช้เหรอคะ”“ฉันไม่ต้องการให้เธออย
ช้องนางมองผู้ชายตัวสูงราวกับเสาไฟฟ้าที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นภายในห้องโถงหรูด้วยหัวใจที่สั่นไหว หล่อนจ้องมองเขา พวงแก้มนวลระเรื่อ เมื่อพบว่าเขามองมาพอดีหล่อนอ่อนไหว อ่อนระทวย และอ่อนปวกเปียกทุกครั้งที่สบตากับดวงตาสีอำพันแสนวิเศษของชาร์ลีหล่อนควรจะเข้มแข็ง แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน เมื่อเขาทั้งหล่อและมีเสน่ห์อย่างยากที่จะต้านทานความพยายามมากมายในกายถูกปลุกให้ตื่นเพื่อต่อสู้กับความสมบูรณ์แบบของชายชาตรีเช่นเขา แต่แล้วก็ต้องพ่ายให้กับเสน่ห์อันเร้าใจของชาร์ลีเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาหล่อนจะต้องแย่แน่ๆ หากต้องใกล้ชิดกับเขาในฐานะภรรยา และก็จะต้องเจ็บปวดจนเจียนตาย เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นได้แค่เพียงภรรยานอกหัวใจกลีบปากอวบอิ่มเป่าลมออกมาแผ่วเบา และก็กัดฟันละสายตาจากเรือนกายสง่างามของชาร์ลีลงมองฝ่ามือขาวสะอาดของตนเองที่กำลังประสานกันอยู่บนตัก“มานั่งนี่สิพ่อชาร์ล”เสียงของแคทเธอรีนเอ่ยเรียกลูกชายดังมาเข้าหูของหล่อน ก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายเซ็กซี่ระคนอันตรายของชาร์ลี หัวใจสาวเต้นคร่อมจังหวะทันที เมื่อเขาเลือกที่จะมาหย่อนกายใหญ่โตลงนั่งข้างหล่อน“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอวันนี้”น้ำเสียงของเขาเรียบเ
ในที่สุดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสก็ถูกจัดขึ้น โดยที่ไม่มีญาติพี่น้องคนใดของหล่อนเดินทางมาร่วมงานนอกเสียจากเกสราเพียงคนเดียว เพราะทุกอย่างถูกจัดขึ้นกะทันหัน ตามความต้องการของเกสราและแคทเธอรีนหล่อนจำได้ว่าตัวเองยืนเกร็งอยู่ข้างเรือนกายสูงใหญ่ของชาร์ลี หัวใจสาวไม่ได้รู้สึกสดชื่นยินดีอย่างที่ทุกคนอวยพรเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ดีว่าตนเองเป็นแค่ภรรยาหุ่นเชิดของผู้ชายคนนี้เท่านั้นคำอวยพรมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหู หล่อนจำต้องฝืนยิ้มเอาไว้ ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วต้องการร้องไห้มากกว่า ในขณะที่เจ้าบ่าวผู้เลอโฉมอย่างชาร์ลีกลับยิ้มแย้มแจ่มใส ก็แน่ล่ะ ในเมื่อเขากำลังจะได้ในสิ่งต้องการนี่นาหญิงสาวกำมือที่ทิ้งอยู่ข้างกายแน่น บอกตัวเองให้ปลงซะ และยอมรับความเป็นจริง แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกินช้องนางในชุดเจ้าสาวแสนสวยราวกับเจ้าหญิงอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองว่าที่สามีที่เป็นผู้ชายในฝันของสาวน้อยสาวใหญ่ทั่วโลก หลายพันหลายหมื่นสาวงามคงนึกอยากมายืนแทนที่หล่อน โดยหารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่สวรรค์อย่างที่นึกฝันเลยหล่อนลอบถอนใจออกมาแผ่วเบา ขณะพยายามที่จะหาเรื่องปลีกตัวออกจากสถานการณ์อึดอัดตรงนี้ แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่เป็นใจเลย
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน
“ได้สิ แต่ว่ารอพี่กอล์ฟก่อนดีไหม”“รายนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถ้าได้ไปเดินคนเดียวน่ะ เดินเพลินไม่เรียกไม่กลับน่ะ”“งั้นก็ได้จ้ะ”ฟ้าใสอมยิ้ม ก่อนจะเดินนำหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตนเองโปรดปราน“ร้านนี้นะ ฉันเคยกินแล้วอร่อยมาก”“ได้สิ”ช้องนางเดินตามร่างของฟ้าใสเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น ความรู้สึกของหล่อนยังคงมึนอึน และไม่สดใส“เฮ้ยนั่นมัน...”หล่อนกับฟ้าใสเดินเกือบจะถึงโต๊ะว่างอยู่แล้ว แต่ฟ้าใสก็หยุดเดินเสียก่อน พร้อมกับหันมากระซิบกระซาบเบาๆ“ผู้ชายคนนั้นไง... นั่นน่ะ โต๊ะนั่นน่ะ”หล่อนมองไปตามสายตาพยักพเยิดของฟ้าใส แต่ก็ไม่เห็นใครน่าสนใจเลย“ใครเหรอฟ้า”“ก็ผู้ชายที่ฉันบอกว่าหล่อวัวตายควายล้มไงล่ะ”หล่อนยังคงมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าคนไหน“คนนั้นน่ะ ที่ยกเมนูขึ้นดูอยู่น่ะ”“เอาเมนูบังหน้าไว้ขนาดนั้น เธอยังจำได้อีกเหรอฟ้า” ช้องนางอดที่จะแซวเพื่อนไม่ได้“ก็ตอนที่ฉันเห็น เขาไม่ได้เอาเมนูปิดหน้านี่นา นี่ๆ ไปนั่งโต๊ะว่างข้างๆ เขากัน”“อย่าเลยฟ้า... นางว่า...”ฟ้าใสไม่สนใจคำทัดทานของหล่อน เพราะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะติดกับผู้ชายคนนั้นทันที หล่อนจำต้องเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก“นั่งๆ”ฟ้าใสเจ
สามวันต่อมา... ชีวิตของช้องนางก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ เมื่อร่างกายของหล่อนไร้หัวใจเสียแล้ว ทุกๆ นาที ในหัวของหล่อนจะคิดถึงชาร์ลี และมันก็วน มันก็เวียนอยู่แบบนี้ จนหล่อนรู้สึกปวดร้าวราวจนแทบอยากจะหยุดหายใจหล่อนรู้ดีว่าการลืมรักมันยากเย็นแค่ไหน หากพยายามเวลาจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจให้เอง แต่สำหรับหล่อนแล้ว เวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายหยาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเห็นเกสราเดินเข้ามาหา“สวัสดีค่ะอาเกส”“จะออกไปไหนแต่เช้าเลยล่ะช้องนาง”“นาง... จะออกไปซื้ออาหารสดที่ห้างแถวนี้น่ะค่ะ” หล่อนพยายามปั้นเสียงตอบให้ปกติที่สุด“ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปซื้อล่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”“นางอยากมีอะไรทำน่ะค่ะ อยู่เฉยๆ นางรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เอามากๆ”เกสรายกมือขึ้นแตะท่อนแขนกลมกลึงของหลานสาวอย่างเข้าใจความรู้สึกที่เจ้าตัวกำลังพยายามเก็บซ่อนเอาไว้“งั้นก็ไปเถอะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก”หล่อนฝืนยิ้มให้กับเกสรา ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และขับออกไปในที่สุดเกสรามองตามท้ายรถของหลานสาวไปด้วยความเป็นกังวลไม่น้อย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นเบอร์ที่โชว์หน้าจอโทรศัพท์ไม่คุ้นตาเลย ทำให้เกสราอดที่
ช้องนางจ่ายเงินค่าโดยสารให้กับรถแท็กซี่ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาภายในบ้านหล่อนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความคิดถึง ที่นี่ยังเหมือนเดิม ยังเป็นบ้านของหล่อนเหมือนเดิมหล่อนยืนอยู่กลางห้องโถง มองดูความสะอาดสะอ้านของข้าวของเครื่องใช้ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง“นาง...”เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นบิดา...บิดาที่เคยติดเหล้างอมแงมจนขาดสติ แต่ตอนนี้กลับเดินเหินได้ และใบหน้าสดชื่นขึ้นหล่อนปล่อยกระเป๋าเดินทางออกจากมือ และวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เป็นเอกลักษณ์ติดตัวของท่านไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว“นางคิดถึงพ่อจังค่ะ”“พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”หล่อนเดินกอดแขนบิดาไปนั่งบนโซฟา มองท่านซ้ำไปซ้ำมาด้วยความดีใจ“พ่อเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ นางดีใจจัง”“ก็ได้อาเกสของลูกนั่นแหละที่ช่วยเหลือพาพ่อไปบำบัด นี่คุณหมอก็เพิ่งให้พ่อกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านเมื่อวานเองนะ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอลูก”เกสราทำตามที่รับปากกับหล่อนเอาไว้จริงๆ ช้องนางน้ำตาไหลด้วยความดีใจ“ว่าแต่ลูกเถอะนาง... เป็นยังไงบ้าง พ่อขอโทษนะที่ป่วยจนไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของลูกได้”“พ่อ