ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง... วันที่ฝ่าเท้าของหล่อนเหยียบลงบนผืนแผ่นดินของสาธารณรัฐเลแวนต้าเป็นครั้งที่สอง หัวใจของหล่อนเบ่งบานราวกับดอกกุหลาบได้รับหยาดฝน แต่กระนั้นก็ยังอดรู้สึกประหม่ากับสิ่งที่ต้องเจอต่อจากนี้ไม่ได้
“นางพร้อมหรือยัง”
เกสราที่บินตามมาด้วยเอ่ยถามขณะเดินฝ่าฝูงชนที่มากมายอยู่ภายในสนามบินประจำชาติของเลแวนต้า
“ก็... พร้อมค่ะอาเกส”
“ท่องเอาไว้นะ ทำเพื่อพ่อของเธอ และวัฒนาดิลก”
เกสราย้ำกับหล่อนอีกครั้ง ราวกับกลัวว่าหล่อนจะลืมอย่างนั้นแหละ
“ค่ะ อาเกส”
“เยี่ยม”
เกสรากล่าวชมเชยหล่อน ก่อนจะหันไปตอบคำถามของช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมที่บินติดตามมาด้วย
“วันนี้สนามบินคนแน่นมาก และก็มีแต่ผู้หญิงนะคะคุณเกส มาทำไมกันก็ไม่รู้”
คนถูกถามกวาดตามองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะคาดการณ์ออกมา “ผู้หญิงพวกนี้ก็น่าจะมีวัตถุประสงค์เดียวกับพวกเรานั่นแหละ”
“ตายแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าคู่แข่งของน้องนางจะมากมายมหาศาลขนาดนี้เลยนะคะ น่ากลัวจังเลยอ่ะ ดูสิคะ... ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ยังกับนางฟ้าเดินดินแน่ะ”
“อย่าชมคนอื่นนอกจากหลานสาวของฉัน ไม่อย่างนั้นก็บินกลับเมืองไทยไปเลย เชอร์รี่”
สาวประเภทสองถูกเกสราดุเข้าก็ทำหน้าเจื่อนก่อนจะรีบแก้ไขสถานการณ์
“แต่ยังไงซะน้องนางก็สวยที่สุดค่ะ สวยระเบิดระเบ้อ สวยยิ่งกว่านางฟ้าคนเมื่อกี้นี้อีก”
เกสราเบ้ปากมองเชอร์รี่อย่างรู้ทันในความกะล่อน ก่อนจะหันมาพูดกับช้องนาง
“เรารีบไปกันเถอะ จะได้เตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ในเย็นวันนี้”
ช้องนางทำได้แค่ตอบรับเบาๆ และก็เดินตามร่างของเกสราไปเท่านั้น หัวใจของหล่อนเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและประหม่า จนอยากจะถอยหลังกลับเหลือเกิน แต่ก็รู้ดีว่าทำอย่างนั้นไม่ได้
ช้องนางถูกเกสราสั่งสอนอย่างหนักเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำและต้องรู้ในประเทศนี้ ซึ่งแม้ว่าหล่อนจะรู้สึกว่าเกสราเคี่ยวเข็ญมากเกินไป แต่สิ่งที่เกสรายัดใส่เข้ามาในหัวของหล่อนในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็สามารถทำให้หล่อนสอบผ่านด่านแรกไปได้สำเร็จ
“พรุ่งนี้เวลาเดิม แต่คนที่จะคัดเลือกเธอคือคุณแคทเธอรีน ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”
คนที่สัมภาษณ์หล่อนเตือนล่วงหน้า ก่อนจะสั่งให้หล่อนออกไปจากห้องสัมภาษณ์ และเรียกสาวคนอื่นเข้ามาแทน
“เชิญคุณแพทริเซีย การ์ดอนในห้องสัมภาษณ์ค่ะ”
ผู้หญิงหน้าตาสวยราวกับนางฟ้าที่หล่อนเจอที่สนามบินตอนบ่ายคือคนที่หล่อนต้องมาเรียกให้เข้าไปสัมภาษณ์ต่อจากตัวเอง
“สวัสดี” แพทริเซียเอ่ยทักทายหล่อน
“เอ่อ... สวัสดีค่ะ” หล่อนกล่าวทักทายตอบ
“คนในนั้นถามอะไรเธอบ้างล่ะ พอจะบอกฉันได้ไหม”
“เอ่อ... ก็ถามเรื่องทั่วไปน่ะค่ะ ไม่ได้มีคำถามอะไรซับซ้อนหรอกค่ะ”
พอหล่อนตอบออกไปแล้ว สาวสวยที่ชื่อแพทริเซียก็ฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับยืดอกตูมๆ ของตัวเองให้ตั้งตรงยิ่งขึ้น
“นั่นสินะ คนสวยๆ อย่างฉัน ไม่มีทางตกรอบสัมภาษณ์โง่ๆ นี่อยู่แล้ว ฉันไปล่ะ”
หล่อนทำได้แค่ยิ้มบางๆ ให้กับผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจในตัวเองอย่างแพทริเซีย ก่อนจะเป่าปากเบาๆ เมื่อเดินออกมาภายนอก
หล่อนจะต้องทำยังไงนะ ถึงจะมีความมั่นใจแบบแพทริเซียบ้าง ช้องนางถามตัวเองอย่างท้อแท้ แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด
คงเพราะคิดอะไรเพลินไปมาก ทำให้เผลอเดินเข้ามาในส่วนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของใครบางคน
“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในนี้”
เสียงห้าวห้วนและกระด้างจัดของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง และมันก็ทำให้หล่อนสะดุ้งตกใจ ต้องกระวีกระวาดหันไปมอง เพื่อจะขอโทษขอโพย แต่...
ลมหายใจของหล่อนสะดุดกึก คล้ายกับหัวใจกำลังจะหยุดเต้นไม่มีผิด เมื่อได้เห็นเจ้าของเสียงกระด้างเต็มตา
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง จ้องมองผู้ชายตัวสูงใหญ่มากๆ ตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง
เขานี่...
ชาร์ลี เฮนเดอร์สัน...!
ช้องนางพยายามควบคุมตัวเอง แต่สติสตังแตกกระจายกระเจิดกระเจิง
เขาหล่อมาก... พระเจ้า... ชาร์ลีหล่อมากกว่าในรูปเป็นล้านๆ เท่าเลยทีเดียว
หล่อนมองเขา มองจ้องราวกับไม่เคยเห็นมนุษย์ผู้ชายหน้าตาดีมาก่อนในชีวิต
ปากของหล่อนแห้งผากจนต้องแลบลิ้นออกมาโลมเลีย สายตาก็ยังไม่อาจละจากใบหน้าหล่อวัวตายควายล้มของชาร์ลี เฮนเดอร์สันได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
มือเล็กยกขึ้นกุมและกดลงบนหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแรงๆ เพราะเกรงว่าหัวใจจะกระดอนหลุดออกไปนอกอก
นี่หล่อนจะทำยังไงดีนะ ถึงจะสามารถควบคุมสติสัมปชัญญะของตนเองได้
“ฉันถามว่าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”
“เอ่อ... ฉัน...”
เขาก้าวเข้ามาหาใกล้ขึ้น และกลิ่นกายหอมละมุนที่หล่อนไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อนก็โชยฟุ้งเข้ามาในจมูก
หอมจัง...
ช้องนางพยายามบอกตัวเองว่าอย่ามองจ้องเขามากเกินไปนัก แต่สายตาราวกับถูกทาปิดด้วยกาวตราช้าง เพราะมันยังคงมองสำรวจผู้ชายตรงหน้าตลอดเวลา
ผู้ชายคนนี้สูงมาก น่าจะราวๆ ร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเห็นจะได้ ผิวพรรณของเขาเป็นสีขาวอมชมพู ใบหน้าขาวสะอาดเป็นรูปสี่เหลี่ยม หน้าผากของเขากว้าง ดวงตาสีอำพันแสนสวยรียาวหวานฉ่ำ ในขณะที่จมูกโด่งเป็นสันสวยงาม คางหยักบุ๋มมีเสน่ห์ และริมฝีปากที่เม้มแน่นอยู่ในขณะนี้ของเขาก็มีสีแดงสดสวยเหลือเกิน
พระเจ้า... หล่อนไม่เคยมองผู้ชายคนไหนนานแบบนี้มาก่อนเลย แต่กับชาร์ลี หล่อนไม่อาจจะแกะสายตาออกจากเขาได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
เขาหล่อเหลา เขาสมบูรณ์แบบ กายหนุ่มองอาจสมส่วน บ่ากว้างทรงพลัง เสื้อเชิ้ตสีดำที่แขนยาวถูกพับขึ้นจนถึงข้อศอกตัดกับสีผิวขาวสะอาด และด้วยเสื้อที่เขาสวมใส่อยู่มันพอดีตัว ทำให้หล่อนสามารถเห็นร่องรอยของกล้ามเนื้องดงามได้ไม่ยาก
เลือดกำเดาของหล่อนแทบไหล สมองวิงวอน และอยากจะกระโจนเข้าใส่เขาเหลือเกิน
นี่หล่อนกำลังเป็นอะไรไป ร่างกายถึงได้ร้อนผะผ่าวแบบนี้ คล้ายกับจะเป็นลมไม่มีผิด
“ถ้าไม่ตอบ ฉันจะให้คนโยนเธอออกไปจากที่นี่”
คำพูดดุดันยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้า ทำให้ช้องนางตื่นจากความฝันและกลับมาสู่โลกของความจริงอีกครั้ง หล่อนรีบสลัดศีรษะแรงๆ และตั้งสติ
“ฉัน... เอ่อ... ฉันเดินเล่นน่ะค่ะ ก็เลย... อาจจะหลงเข้ามา...”
“ที่นี่เป็นที่ส่วนตัวของฉัน คนนอกอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เข้ามาจุ้นจ้าน ออกไปซะ”
“เอ่อ... ฉัน... ฉันมาสัมภาษณ์น่ะค่ะ”
หล่อนบอกออกไปทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เอ่ยถาม และนั่นก็มีผลทำให้ดวงตาสีอำพันวาววับขึ้น พร้อมกับมุมปากหยักสวยที่ยกสูงขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน
“ฉันว่าเธอไม่น่าจะผ่านการสัมภาษณ์ในครั้งนี้หรอก” สายตาของเขามองหล่อนตั้งแต่หัวจดปลายเท้าอย่างดูแคลน “เพราะท่าทางของเธอต่ำกว่ามาตรฐานเอามากๆ”
หน้าของหล่อนชาดิก ความร้อนจัดพุ่งจากลำคอขึ้นมารวมตัวกันที่สองพวงแก้ม และความหล่อเหลาของเขาก็ลดน้อยลงในทันที มือเล็กกำแน่นข้างตัว“เสียใจด้วยค่ะ ฉันผ่านการสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว”แววตาของเขามีความข้องใจ แต่ไม่นานเขาก็ไหวไหล่กว้าง และพูดออกมา“คนของท่านแม่คงตาลายน่ะ เพราะวันนี้น่าจะสัมภาษณ์ผู้หญิงมาพันกว่าคนแล้ว”หล่อนไม่คิดจะโต้ตอบอะไรออกไปอีก เพราะดูท่าทางแล้วเขาจะไม่ชอบขี้หน้าหล่อนสักเท่าไร“แต่ฉันเดาว่าพรุ่งนี้ตอนที่ท่านแม่สัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เธอน่าจะไม่ผ่าน”เขาสบประมาทหล่อนอย่างร้ายกาจ จนหล่อนอดไม่ได้ที่จะอยากเอาชนะ“ฉันจะผ่านด่านแม่ของคุณให้ได้ค่ะ”เขายิ้มหยันอีกครั้ง ขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น และเดินไปรอบๆ ตัวของหล่อน มองด้วยสายตาประเมินราคา“แต่เธอไม่มีวันผ่านด่านของฉัน” เขายิ้มเยาะ “เพราะฉันไม่ชอบเด็กที่ยังโตไม่เต็มตัว”“ฉันจะสิบเก้าเต็มในเดือนกันยาที่จะถึงนี้ค่ะ”เขายังคงยิ้มหยัน และมองหล่อนอย่างดูแคลนเหมือนเดิม “ถึงอายุเธอจะผ่านความเป็นเด็กมาแล้ว แต่อะไรๆ ของเธอ ฉันว่าน่าจะยังโตไม่เต็มที่นะ”ช้องนางหน้าร้อนจัดด้วยความอับอาย กับสิ่งที่ชาร์ลีพูดและสายตาที่เขามองมา“คุณควรจะมีมารยาท
ช้องนางเดินออกมาจากโรงแรมที่พวกตนเองพักอาศัยอยู่ ซึ่งมันก็อยู่ไม่ห่างจากคฤหาสน์หลังงามที่ใหญ่โตและหรูหราอลังการไม่ต่างจากราชวังของชาร์ลีนักหล่อนเดินออกมาหน้าโรงแรม มองไปยังถนนที่ทอดยาวตรงหน้า ความลังเลเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่ก็สุดท้ายก็เลือกได้ว่าควรจะเดินไปทางซ้ายมือแทนสองเท้าเดินย่ำมองตึกรามบ้านช่องที่แปลกตาออกไปจากสภาพแวดล้อมที่ตนเองเคยอาศัยอยู่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะเดินไปหยุดร้านดอกไม้เล็กๆ“สวยจัง...”หล่อนระบายยิ้มหวานให้กับดอกไม้ในแจกันที่อยู่ด้านในตัวร้านที่เป็นกระจกสีขาว เอียงคอมองด้วยความชื่นชมในความงามอยู่สักพักก็ต้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อด้านหลังถูกอะไรบางอย่างที่แข็งแรงปะทะช้องนางรีบหันไปมองด้านหลัง ก่อนจะตกใจระคนเหลือเชื่อ เมื่อพบว่าอะไรแข็งแรงที่มาชนด้านหลังของตนเองนั้นคือผู้ชายที่ชื่อชาร์ลี เฮนเดอร์สัน“อ๊ะ...คุณ...?”หล่อนเห็นเขาขยับปากเหมือนกับจะเอ่ยขอโทษขอโพย แต่คำพูดเหล่านั้นมันก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งทันที เมื่อเขาเห็นว่าเป็นหล่อน“เธอนั่นเอง... มายืนเกะกะอะไรแถวนี้แม่คุณ”น้ำเสียงของเขาหงุดหงิด และแสดงความไม่พอใจหล่อนอย่างชัดเจน ช้องนางอยากจะตะโกนถามน
เช้าวันต่อมา...ภายในห้องอาหารสุดหรูของตระกูลเฮนเดอร์สัน แคทเธอรีนนั่งหัวโต๊ะแทนสามี เพราะลาซาลอสมีธุระต้องบินไปประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เช้ามืดชาร์ลีนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวที่เขานั่งเป็นประจำ แต่ไลลากลับถูกแคทเธอรีนเรียกให้มานั่งอีกฝั่งหนึ่ง ไม่ยอมให้หญิงสาวนั่งใกล้กับลูกชายของตนเอง“ตอนนี้แม่ได้ผู้หญิงทั้งสิบที่จะมาชิงตำแหน่งเจ้าสาวของลูกแล้วนะชาร์ลี”“ครับ”ชาร์ลีตอบรับเสียงเรียบ สีหน้าไม่ได้มีความยินดียินร้ายอะไรเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้ไลลาที่ลอบมองอยู่พอใจ เพราะทำให้หล่อนรู้ว่าชาร์ลีรักหล่อนเพียงคนเดียว“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลูก ไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ”“ไม่ครับ”แคทเธอรีนรู้ทันความคิดของชาร์ลี จึงพูดดักคอขึ้น “ถึงลูกจะไม่ตื่นเต้น แต่แม่ตื่นเต้นมาก ดังนั้นในงานเลี้ยงเย็นวันนี้ ลูกจะต้องเลือกหนึ่งในสิบสาวสวยพวกนั้นมาเป็นเจ้าสาวของตัวเอง ซึ่งแม่อยากจะให้ลูกพิถีพิถันในการเลือกให้มากที่สุด”“ครับ”คนเป็นแม่หมั่นไส้ลูกชายในอกนักที่ทำหน้าเย็นชา น้ำเสียงเฉยเมย แต่ก็ไม่รู้จะจัดการยังไงดี จึงเลือกที่จะหันมาพูดคุยกับลูกสาวบุญธรรมแทน“เธอก็ต้องมาร่วมงานเลือกคู่ของพี่ชายเธอด้วยนะไลลา”เพล้งงงงช้อนในมือเล็กขอ
ในที่สุดเวลาสำคัญก็เดินทางมาถึง ช้องนางมองภาพของตนเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาด้วยความประหลาดใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงหน้าตาหวานหยดย้อยในกระจกจะเป็นตนเอง หล่อนต้องหลับตาแล้วลืมขึ้นหลายครั้งเลย กว่าจะเชื่อว่าผู้หญิงในกระจกเงาคือตนเอง“สวยหวานมากหลานสาวของฉัน” เกสรายืนอยู่ด้านข้างตัวของหล่อนเอ่ยชมเชยอย่างจริงใจ “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะสวยได้มากขนาดนี้”“เอ่อ... พี่เชอร์รี่กับพี่กะทิเก่งน่ะค่ะอาเกส ก็เลยแปลงโฉมเด็กกะโปโลอย่างนางให้สวยขึ้นมาได้” ช้องนางพูดถ่อมตนออกมา“ไม่ใช่เลยค่ะคุณน้องช้องนาง” เชอร์รี่แย้งคัดค้านเสียงสูงปี๊ดจนแสบแก้วหู “เพราะต่อให้พี่กับนังกะทิจะมีฝีมือเทพแค่ไหน แต่ถ้าหนังหน้าคุณน้องไม่ดี ทำยังไงก็ไม่สวยหรอกค่ะ”“จริงอย่างที่นังเชอร์รี่มันพูดนั่นแหละค่ะ คุณน้องช้องนางสวยมาก โครงหน้าก็สวย ผิวพรรณก็ดี หุ่นก็แบบ... พี่นี้ไม่อยากจะพูดเลยค่ะ แบบหุ่นน่าเอามากๆ นี่ถ้าถูกเลือกไปนะคะ คุณชาร์ลีอะไรนั่นจะต้องทั้งรักทั้งหลงจนโง่หัวไม่ขึ้นเลยล่ะค่ะ”หล่อนทำได้แค่หน้าแดงๆ และก็นิ่งเงียบเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่สเปคของผู้ชายคนนั้น“ขอบคุณพี่เชอร์รี่กับพี่กะทิมากนะคะที่ทำใ
“ฉัน... ควรจะออกไป...”หลังจากตั้งสติได้ หล่อนก็กระวีกระวาดจะออกไปจากห้องสมุดที่ตนเองไม่ควรเข้ามาตั้งแต่แรก แต่แขนเรียวถูกมือใหญ่แข็งกระด้างของชาร์ลีรวบเอาไว้“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”“ไม่ค่ะ ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ ปล่อยแขนฉันค่ะ แล้วคุณสองคนก็ไปทำอะไรกันให้เสร็จๆ เถอะ”หล่อนบิดแขนของตัวเองแรงๆ เพื่อจะให้หลุดจากอุ้งมือใหญ่ แต่ก็ไม่สำเร็จ“เราต้องคุยกัน” เขาย้ำประโยคเดิมใส่หน้าของหล่อนด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะหันไปพูดกับผู้หญิงข้างกาย“น้องรีบกลับออกไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้พี่จะจัดการต่อเอง”“ค่ะ พี่ชาร์ล”แล้วไลลาน้องสาวบุญธรรมแต่เปลือกของชาร์ลีก็รีบจัดแจงตนเองให้มีสภาพเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะรีบเผ่นแน่บออกไปจากห้องสมุดอย่างรวดเร็วทิ้งให้หล่อนต้องอยู่เผชิญหน้ากับชาร์ลี เฮนเดอร์สัน ผู้ชายที่ลักลอบมีความสัมพันธ์กับน้องสาวบุญธรรมของตนเอง มันน่าสะอิดสะเอียนมาก และหล่อนก็ไม่ต้องการเป็นผู้หญิงโชคร้ายที่ถูกเขาเลือกมาเป็นเจ้าสาวบังหน้าแน่นอน"ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องของคุณกับคุณไลลาเด็ดขาด ความลับนี้มันจะตายไปพร้อมกับฉันค่ะ ฉันสัญญา"สีหน้าของชาร์ลีเลือดเ
ในที่สุดชาร์ลีก็ทำอย่างที่เขาประกาศใส่หน้าของหล่อนเอาไว้ภายในห้องสมุดจริงๆเขาเลือกหล่อนเป็นเจ้าสาวของเขา...เจ้าสาวหุ่นเชิด...หล่อนนั่งหน้าเศร้า รู้สึกพะอืดพะอมจนแทบจะอาเจียน ภาพลับๆ ของชาร์ลีกับไลลายังคงติดอยู่ในความทรงจำหล่อนจะยอมตกนรกหมกไหม้ด้วยการยอมเป็นเมียบังหน้าให้กับหญิงชายคู่นี้หรือหล่อนไม่อยากทำเลย... ถึงแม้ว่าลึกๆ แล้วจะแอบชอบชาร์ลี เฮนเดอร์สันอยู่ก็ตาม“เห็นไหมอาบอกแล้วว่าเธอจะต้องถูกเลือก”เกสรากระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ซึ่งมีเชอร์รี่กับกะทิผสมโรงหัวเราะคิกคักกันไปด้วย ตรงกันข้ามกับหล่อนที่กำลังทรมานเหลือเกินหล่อนจะรับมือยังไงกับสิ่งที่กำลังจะเผชิญหน้าในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้“อาเกสคะ คือนาง...”“มีอะไรเหรอหลานรัก” เกสราพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับหล่อนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน“นาง...” หล่อนอึกอัก แต่ก็จำต้องบอกออกไป “นางไม่อยากแต่งงานกับคุณชาร์ลีค่ะ นาง...”คนที่นั่งยิ้มหน้าบานอยู่ หน้าตูมทันควัน และก็ตวาดลั่นอย่างไม่พอใจ“อย่ามาโง่หน่อยเลยช้องนาง เธอควรจะดีใจสิถึงจะถูกที่เราจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกันกับมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างตระกูลเฮนเดอร์สันน่ะ”“แต่ว่าเขากับ...”“ไม่ต้
“ออกไปไหนมาแต่เช้าเลยล่ะพ่อชาร์ล”แคทเธอรีนเห็นลูกชายเดินเข้ามาภายในบ้านก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้“ผมออกไปทำธุระข้างนอกน่ะครับ”ชาร์ลีหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกับมารดา สีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ความรู้สึกเช่นเดิม แต่แคทเธอรีนไม่ใส่ใจ เพราะรู้ดีว่าหากจะหยุดรักใครสักคนมันต้องใช้เวลานานพอสมควร“รู้ไหมว่าแม่ถูกใจผู้หญิงที่ลูกเลือกมาก เพราะแม่หมายตาเอาไว้ตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์แล้วล่ะ”“ครับ”“พ่อชาร์ลนี่ตาแหลมจริงๆ” แคทเธอรีนอมยิ้ม ก่อนจะพูดออกมาอีก “แม่มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นภรรยาที่ดี และเป็นสะใภ้ที่เพียบพร้อมของตระกูลเราได้อย่างแน่นอน”“ครับ”ชายหนุ่มตอบคำเดิมด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งสิ้น จนแคทเธอรีนอยากจะทุบสักผัวะสองผัวะเพื่อเรียกสตินัก“ไปอาบน้ำเถอะ อีกประเดี๋ยวว่าที่เจ้าสาวของลูกก็จะเดินทางมาถึงแล้ว”“ครับ”ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นเต็มความสูง และก็เดินออกไปจากห้องโถงรับแขกเงียบๆแคทเธอรีนมองตามไปด้วยความไม่สบายใจ ก่อนจะให้คนใช้ไปเรียกไลลาให้มาพบเวลาผ่านไปเล็กน้อย ไลลาก็ปรากฏตัวขึ้นตามที่แคทเธอรีนต้องการ“ท่านแม่... เรียกหาหนูมีอะไรให้หนูรับใช้เหรอคะ”“ฉันไม่ต้องการให้เธออย
ช้องนางมองผู้ชายตัวสูงราวกับเสาไฟฟ้าที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นภายในห้องโถงหรูด้วยหัวใจที่สั่นไหว หล่อนจ้องมองเขา พวงแก้มนวลระเรื่อ เมื่อพบว่าเขามองมาพอดีหล่อนอ่อนไหว อ่อนระทวย และอ่อนปวกเปียกทุกครั้งที่สบตากับดวงตาสีอำพันแสนวิเศษของชาร์ลีหล่อนควรจะเข้มแข็ง แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน เมื่อเขาทั้งหล่อและมีเสน่ห์อย่างยากที่จะต้านทานความพยายามมากมายในกายถูกปลุกให้ตื่นเพื่อต่อสู้กับความสมบูรณ์แบบของชายชาตรีเช่นเขา แต่แล้วก็ต้องพ่ายให้กับเสน่ห์อันเร้าใจของชาร์ลีเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาหล่อนจะต้องแย่แน่ๆ หากต้องใกล้ชิดกับเขาในฐานะภรรยา และก็จะต้องเจ็บปวดจนเจียนตาย เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นได้แค่เพียงภรรยานอกหัวใจกลีบปากอวบอิ่มเป่าลมออกมาแผ่วเบา และก็กัดฟันละสายตาจากเรือนกายสง่างามของชาร์ลีลงมองฝ่ามือขาวสะอาดของตนเองที่กำลังประสานกันอยู่บนตัก“มานั่งนี่สิพ่อชาร์ล”เสียงของแคทเธอรีนเอ่ยเรียกลูกชายดังมาเข้าหูของหล่อน ก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายเซ็กซี่ระคนอันตรายของชาร์ลี หัวใจสาวเต้นคร่อมจังหวะทันที เมื่อเขาเลือกที่จะมาหย่อนกายใหญ่โตลงนั่งข้างหล่อน“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอวันนี้”น้ำเสียงของเขาเรียบเ
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน
“ได้สิ แต่ว่ารอพี่กอล์ฟก่อนดีไหม”“รายนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถ้าได้ไปเดินคนเดียวน่ะ เดินเพลินไม่เรียกไม่กลับน่ะ”“งั้นก็ได้จ้ะ”ฟ้าใสอมยิ้ม ก่อนจะเดินนำหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตนเองโปรดปราน“ร้านนี้นะ ฉันเคยกินแล้วอร่อยมาก”“ได้สิ”ช้องนางเดินตามร่างของฟ้าใสเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น ความรู้สึกของหล่อนยังคงมึนอึน และไม่สดใส“เฮ้ยนั่นมัน...”หล่อนกับฟ้าใสเดินเกือบจะถึงโต๊ะว่างอยู่แล้ว แต่ฟ้าใสก็หยุดเดินเสียก่อน พร้อมกับหันมากระซิบกระซาบเบาๆ“ผู้ชายคนนั้นไง... นั่นน่ะ โต๊ะนั่นน่ะ”หล่อนมองไปตามสายตาพยักพเยิดของฟ้าใส แต่ก็ไม่เห็นใครน่าสนใจเลย“ใครเหรอฟ้า”“ก็ผู้ชายที่ฉันบอกว่าหล่อวัวตายควายล้มไงล่ะ”หล่อนยังคงมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าคนไหน“คนนั้นน่ะ ที่ยกเมนูขึ้นดูอยู่น่ะ”“เอาเมนูบังหน้าไว้ขนาดนั้น เธอยังจำได้อีกเหรอฟ้า” ช้องนางอดที่จะแซวเพื่อนไม่ได้“ก็ตอนที่ฉันเห็น เขาไม่ได้เอาเมนูปิดหน้านี่นา นี่ๆ ไปนั่งโต๊ะว่างข้างๆ เขากัน”“อย่าเลยฟ้า... นางว่า...”ฟ้าใสไม่สนใจคำทัดทานของหล่อน เพราะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะติดกับผู้ชายคนนั้นทันที หล่อนจำต้องเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก“นั่งๆ”ฟ้าใสเจ
สามวันต่อมา... ชีวิตของช้องนางก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ เมื่อร่างกายของหล่อนไร้หัวใจเสียแล้ว ทุกๆ นาที ในหัวของหล่อนจะคิดถึงชาร์ลี และมันก็วน มันก็เวียนอยู่แบบนี้ จนหล่อนรู้สึกปวดร้าวราวจนแทบอยากจะหยุดหายใจหล่อนรู้ดีว่าการลืมรักมันยากเย็นแค่ไหน หากพยายามเวลาจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจให้เอง แต่สำหรับหล่อนแล้ว เวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายหยาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเห็นเกสราเดินเข้ามาหา“สวัสดีค่ะอาเกส”“จะออกไปไหนแต่เช้าเลยล่ะช้องนาง”“นาง... จะออกไปซื้ออาหารสดที่ห้างแถวนี้น่ะค่ะ” หล่อนพยายามปั้นเสียงตอบให้ปกติที่สุด“ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปซื้อล่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”“นางอยากมีอะไรทำน่ะค่ะ อยู่เฉยๆ นางรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เอามากๆ”เกสรายกมือขึ้นแตะท่อนแขนกลมกลึงของหลานสาวอย่างเข้าใจความรู้สึกที่เจ้าตัวกำลังพยายามเก็บซ่อนเอาไว้“งั้นก็ไปเถอะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก”หล่อนฝืนยิ้มให้กับเกสรา ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และขับออกไปในที่สุดเกสรามองตามท้ายรถของหลานสาวไปด้วยความเป็นกังวลไม่น้อย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นเบอร์ที่โชว์หน้าจอโทรศัพท์ไม่คุ้นตาเลย ทำให้เกสราอดที่
ช้องนางจ่ายเงินค่าโดยสารให้กับรถแท็กซี่ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาภายในบ้านหล่อนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความคิดถึง ที่นี่ยังเหมือนเดิม ยังเป็นบ้านของหล่อนเหมือนเดิมหล่อนยืนอยู่กลางห้องโถง มองดูความสะอาดสะอ้านของข้าวของเครื่องใช้ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง“นาง...”เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นบิดา...บิดาที่เคยติดเหล้างอมแงมจนขาดสติ แต่ตอนนี้กลับเดินเหินได้ และใบหน้าสดชื่นขึ้นหล่อนปล่อยกระเป๋าเดินทางออกจากมือ และวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เป็นเอกลักษณ์ติดตัวของท่านไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว“นางคิดถึงพ่อจังค่ะ”“พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”หล่อนเดินกอดแขนบิดาไปนั่งบนโซฟา มองท่านซ้ำไปซ้ำมาด้วยความดีใจ“พ่อเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ นางดีใจจัง”“ก็ได้อาเกสของลูกนั่นแหละที่ช่วยเหลือพาพ่อไปบำบัด นี่คุณหมอก็เพิ่งให้พ่อกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านเมื่อวานเองนะ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอลูก”เกสราทำตามที่รับปากกับหล่อนเอาไว้จริงๆ ช้องนางน้ำตาไหลด้วยความดีใจ“ว่าแต่ลูกเถอะนาง... เป็นยังไงบ้าง พ่อขอโทษนะที่ป่วยจนไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของลูกได้”“พ่อ