“ออกไปไหนมาแต่เช้าเลยล่ะพ่อชาร์ล”
แคทเธอรีนเห็นลูกชายเดินเข้ามาภายในบ้านก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“ผมออกไปทำธุระข้างนอกน่ะครับ”
ชาร์ลีหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกับมารดา สีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ความรู้สึกเช่นเดิม แต่แคทเธอรีนไม่ใส่ใจ เพราะรู้ดีว่าหากจะหยุดรักใครสักคนมันต้องใช้เวลานานพอสมควร
“รู้ไหมว่าแม่ถูกใจผู้หญิงที่ลูกเลือกมาก เพราะแม่หมายตาเอาไว้ตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์แล้วล่ะ”
“ครับ”
“พ่อชาร์ลนี่ตาแหลมจริงๆ” แคทเธอรีนอมยิ้ม ก่อนจะพูดออกมาอีก “แม่มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นภรรยาที่ดี และเป็นสะใภ้ที่เพียบพร้อมของตระกูลเราได้อย่างแน่นอน”
“ครับ”
ชายหนุ่มตอบคำเดิมด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งสิ้น จนแคทเธอรีนอยากจะทุบสักผัวะสองผัวะเพื่อเรียกสตินัก
“ไปอาบน้ำเถอะ อีกประเดี๋ยวว่าที่เจ้าสาวของลูกก็จะเดินทางมาถึงแล้ว”
“ครับ”
ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นเต็มความสูง และก็เดินออกไปจากห้องโถงรับแขกเงียบๆ
แคทเธอรีนมองตามไปด้วยความไม่สบายใจ ก่อนจะให้คนใช้ไปเรียกไลลาให้มาพบ
เวลาผ่านไปเล็กน้อย ไลลาก็ปรากฏตัวขึ้นตามที่แคทเธอรีนต้องการ
“ท่านแม่... เรียกหาหนูมีอะไรให้หนูรับใช้เหรอคะ”
“ฉันไม่ต้องการให้เธออยู่ร่วมงานแต่งงานของพ่อชาร์ล”
“ท่านแม่... เอ่อ... คือว่า...”
“เราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเพราะอะไร” แคทเธอรีนจ้องหน้าซีดขาวของลูกสาวบุญธรรม “เอาอย่างนี้นะ ฉันจะส่งเธอไปพักผ่อนที่ต่างประเทศสักสิบวัน แล้วค่อยกลับมา”
“ท่านแม่... อย่าขับไสไล่ส่งหนูไปเลยนะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับท่านแม่ค่ะ”
“ฉันไม่ได้ขับไสไล่ส่งอะไรเธอหรอกไลลา เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของฉัน ยังไงฉันก็ต้องรักเธออยู่แล้ว แต่ฉันแค่ไม่อยากให้เธอทำให้พ่อชาร์ลไขว้เขวน่ะ ทำตามที่ฉันบอกเถอะ”
ไลลาน้ำตาไหล ก้มหน้างุด มือเล็กที่ประสานกันบนตักจิกกันแน่นจนเจ็บฝ่ามือ
“ว่าไงล่ะ ตกลงไหม”
“ค่ะ ท่านแม่”
แคทเธอรีนระบายยิ้มพึงพอใจ “งั้นไปเตรียมกระเป๋าเดินทางได้เลยนะ พรุ่งนี้เธอจะต้องออกเดินทางแล้ว”
ไลลาเงยหน้าขึ้นมองแคทเธอรีนด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“พรุ่งนี้เหรอคะ?”
“ใช่ ทำไมล่ะ หรือว่าเธอไม่พร้อม”
“หนู... พร้อมค่ะ แต่ตั๋วเครื่องบิน...”
“เรื่องนั้นเธอไม่ต้องเป็นกังวลหรอก เดี๋ยวฉันจัดการให้เธอทั้งหมด เธอแค่เตรียมตัวให้พร้อมก็พอ”
“ค่ะ ท่านแม่”
“แล้วอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อชาร์ลล่ะ”
ไลลากำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ต้องซ่อนมันเอาไว้ใต้ใบหน้าโศกเศร้า
“ค่ะ หนูจะไม่บอกพี่ชาร์ลค่ะ”
“ฉันหวังว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูด”
ไลลาก้มหน้านิ่ง ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรง
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอแค่นี้แหละ มีอะไรก็ไปทำเถอะ อ้อ ฉันลืมบอกไป เจ้าสาวของพ่อชาร์ลจะย้ายมาอยู่กับเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันหวังว่าเธอจะทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่น่ารักนะ ไลลา”
“ค่ะ ท่านแม่”
“ไปได้แล้ว”
ไลลาหยัดกายลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโถงรับแขกเงียบๆ
เมื่อเดินออกมาแล้ว ไลลาก็แอบมาหยุดที่มุมลับตาคน ใบหน้าโศกเศร้าตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นกรุ่นโกรธ
“ท่านแม่ทำกับหนูเกินไปแล้วนะคะ!”
มือเล็กที่อยู่ข้างลำตัวกำชายกระโปรงแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อฝ่ามือ แววตาที่ชุ่มไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ตอนนี้วาวโรจน์ไปด้วยความอยากเอาชนะ
กรามแกร่งของชาร์ลีขบกันแน่นจนเป็นสันนูนเป่ง หลังจากได้รับข้อความจากไลลา
‘ท่านแม่ต้องการให้น้องไปพักผ่อนต่างประเทศในวันพรุ่งนี้ค่ะ เราคงต้องห่างกันสักพัก น้องเสียใจเหลือเกินค่ะพี่ชาร์ล’
ชายหนุ่มพยายามควบคุมโทสะเอาไว้อย่างสุดกำลัง ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไลลาไป
‘น้องทำตามที่ท่านแม่ต้องการเถอะ ท่านจะได้เลิกสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเรา’
‘แต่น้องคิดถึงพี่ชาร์ลนี่คะ เราต้องห่างกันอย่างน้อยๆ ก็สิบวันเลยทีเดียว น้องคงอกแตกตายเพราะความคิดถึงแน่นอนเลยค่ะ’
ไลลาส่งข้อความมาออดอ้อนเรียกคะแนนความสงสาร
‘น้องไม่ต้องเป็นกังวลหรอก พี่จะหาทางไปหาน้องเอง ทำใจให้สบายนะครับ’
‘จริงเหรอคะพี่ชาร์ล’
‘ครับ’
ไลลายิ้มกว้างอย่างมีความสุข ก่อนจะส่งสติกเกอร์รูปหัวใจให้ชาร์ลีเป็นการปิดท้ายบทสนทนาลับ
ชาร์ลีกดลบข้อความที่ส่งหาไลลาทิ้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินตรงไปยังประตูห้อง เมื่อเปิดออกก็พบว่าสาวใช้เดินมาหาพอดี
“มีอะไรหรือ”
“คุณแคทให้มาเชิญคุณชาร์ลไปพบที่โถงรับแขกค่ะ”
“มากันแล้วใช่ไหม” เขาถามสาวใช้
“ค่ะ”
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีก เขาเลือกที่จะเดินไปทันที
สาวใช้เอียงหน้ามองตามเรือนร่างสูงสง่าของเจ้านายไปด้วยความแคลงใจ
“ทำไมคุณชาร์ลทำหน้าเหมือนคนแบกโลกเอาไว้แบบนี้นะ ไม่ดีใจเลยหรือไงที่จะได้พบว่าที่เจ้าสาว” สาวใช้ยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยความสับสน ก่อนจะเดินไปอีกคน
ช้องนางมองผู้ชายตัวสูงราวกับเสาไฟฟ้าที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นภายในห้องโถงหรูด้วยหัวใจที่สั่นไหว หล่อนจ้องมองเขา พวงแก้มนวลระเรื่อ เมื่อพบว่าเขามองมาพอดีหล่อนอ่อนไหว อ่อนระทวย และอ่อนปวกเปียกทุกครั้งที่สบตากับดวงตาสีอำพันแสนวิเศษของชาร์ลีหล่อนควรจะเข้มแข็ง แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน เมื่อเขาทั้งหล่อและมีเสน่ห์อย่างยากที่จะต้านทานความพยายามมากมายในกายถูกปลุกให้ตื่นเพื่อต่อสู้กับความสมบูรณ์แบบของชายชาตรีเช่นเขา แต่แล้วก็ต้องพ่ายให้กับเสน่ห์อันเร้าใจของชาร์ลีเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาหล่อนจะต้องแย่แน่ๆ หากต้องใกล้ชิดกับเขาในฐานะภรรยา และก็จะต้องเจ็บปวดจนเจียนตาย เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นได้แค่เพียงภรรยานอกหัวใจกลีบปากอวบอิ่มเป่าลมออกมาแผ่วเบา และก็กัดฟันละสายตาจากเรือนกายสง่างามของชาร์ลีลงมองฝ่ามือขาวสะอาดของตนเองที่กำลังประสานกันอยู่บนตัก“มานั่งนี่สิพ่อชาร์ล”เสียงของแคทเธอรีนเอ่ยเรียกลูกชายดังมาเข้าหูของหล่อน ก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายเซ็กซี่ระคนอันตรายของชาร์ลี หัวใจสาวเต้นคร่อมจังหวะทันที เมื่อเขาเลือกที่จะมาหย่อนกายใหญ่โตลงนั่งข้างหล่อน“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอวันนี้”น้ำเสียงของเขาเรียบเ
ในที่สุดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสก็ถูกจัดขึ้น โดยที่ไม่มีญาติพี่น้องคนใดของหล่อนเดินทางมาร่วมงานนอกเสียจากเกสราเพียงคนเดียว เพราะทุกอย่างถูกจัดขึ้นกะทันหัน ตามความต้องการของเกสราและแคทเธอรีนหล่อนจำได้ว่าตัวเองยืนเกร็งอยู่ข้างเรือนกายสูงใหญ่ของชาร์ลี หัวใจสาวไม่ได้รู้สึกสดชื่นยินดีอย่างที่ทุกคนอวยพรเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ดีว่าตนเองเป็นแค่ภรรยาหุ่นเชิดของผู้ชายคนนี้เท่านั้นคำอวยพรมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหู หล่อนจำต้องฝืนยิ้มเอาไว้ ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วต้องการร้องไห้มากกว่า ในขณะที่เจ้าบ่าวผู้เลอโฉมอย่างชาร์ลีกลับยิ้มแย้มแจ่มใส ก็แน่ล่ะ ในเมื่อเขากำลังจะได้ในสิ่งต้องการนี่นาหญิงสาวกำมือที่ทิ้งอยู่ข้างกายแน่น บอกตัวเองให้ปลงซะ และยอมรับความเป็นจริง แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกินช้องนางในชุดเจ้าสาวแสนสวยราวกับเจ้าหญิงอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองว่าที่สามีที่เป็นผู้ชายในฝันของสาวน้อยสาวใหญ่ทั่วโลก หลายพันหลายหมื่นสาวงามคงนึกอยากมายืนแทนที่หล่อน โดยหารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่สวรรค์อย่างที่นึกฝันเลยหล่อนลอบถอนใจออกมาแผ่วเบา ขณะพยายามที่จะหาเรื่องปลีกตัวออกจากสถานการณ์อึดอัดตรงนี้ แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่เป็นใจเลย
ประตูห้องหอปิดลงหลังจากญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายของชาร์ลีเดินออกไปหล่อนขยับขาที่ถูกเหน็บชาเล่นงานออกไปข้างหน้าเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อย ในขณะที่ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามียังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมหล่อนรู้สึกประหม่า ขลาดกลัว และอึดอัด ในเวลาแบบนี้ หากเป็นงานแต่งงานทั่วไป เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวคงจะมองตากันหยาดเยิ้มหวานฉ่ำ แต่มันไม่ใช่สำหรับคู่แต่งงานของหล่อนช้องนางทอดถอนใจอยู่ภายในอก และก็อดจะลอบชำเลืองมองร่างกายองอาจผึ่งผายของชาร์ลีอีกครั้งไม่ได้เขาหล่อเรียบหรูอยู่ในชุดสูทสีขาวเฉกเช่นเดียวกับชุดราตรียาวของหล่อน ท่าทางของเขาน่าเกรงขาม และเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ จนหล่อนหวาดวิตกยิ่งนัก“เอ่อ...”หล่อนอึกอักได้แค่นั้น ก็ต้องรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกายสาว เมื่อดวงตาสีอำพันตวัดจ้องมองมา สายตาของเขามองอ้อยอิ่ง กวาดมองไปทั่วเรือนร่างอรชรอย่างพิจารณา ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาขึ้นมาสบตากับดวงตาที่เบิกโพลงของหล่อน“ตกลงว่าจะเอายังไง” น้ำเสียงของเขาทุ้มลึก แต่กระนั้นมันก็มีผลต่อกายสาวเหลือเกินร่างกายของหล่อนสั่นสะท้าน และเพียงแค่สบประสานสายตากับเขาเท่านั้น เนื้อตัวสาวก็ร้อนผะผ่าวแปลกประหลาด ความปรารถน
เขาเข้าไปอาบน้ำไม่นานนัก แต่สำหรับความรู้สึกของคนรออย่างหล่อนแล้วมันยาวนานเหลือเกิน และยิ่งเห็นเขาก้าวออกมาในสภาพมีเพียงเสื้อคลุมสีเทาตัวเดียวห่อหุ้มกายหนุ่ม สองแก้มของหล่อนก็ร้อนผะผ่าวทันที“เข้าไปอาบน้ำเถอะ”“เอ่อ.. ค่ะ...”หล่อนลุกขึ้นจากโซฟาริมหน้าต่างที่ตนเองจะใช้เป็นที่นอนในค่ำคืนนี้ จากนั้นก็พุ่งตัวตรงไปยังห้องน้ำ แต่ก็ต้องเดินสวนกับชาร์ลี และก็เหมือนสวรรค์ยังกลั่นแกล้งไม่หนำใจ เพราะแขนของหล่อนดันไปสีกับท่อนแขนกำยำของเขาหน้าแดงเถือกของหล่อนยิ่งทวีความร้อนแทบไหม้ หล่อนมองเขาตาตื่นๆ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ในขณะที่เขาไม่ได้แสดงทีท่าอะไรเลยออกมาเมื่อประตูห้องน้ำปิดลง หล่อนก็เป่าปากออกมาอย่างโล่งอก ภาวนาให้ตนเองรับมือกับเสน่ห์ของชาร์ลีได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ดวงตากลมโตมองเข้าไปในกระจกเงาเหนืออ่างล้างหน้าสีขาวเรียบหรูผู้หญิงคนนี้ไง ที่เจ้าบ่าวไม่ต้องการ...น้ำใสๆ เอ่อล้นขอบตา แต่ก็กะพริบตาไล่มันให้จางหายไปได้ในที่สุดมือเล็กยกขึ้นปลดเสื้อผ้าออกจากร่างกาย มันค่อนข้างยากลำบากเพราะซิปอยู่ด้านหลัง แต่กระนั้นหล่อนก็พยายามทำจนสำเร็จ โดยไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากเขากายสาวเปลือ
เมื่อคืนหล่อนนอนพลิกกระสับกระส่ายอยู่นานเลยทีเดียวกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ และนั่นคงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หล่อนนอนหลับไม่รู้เรื่องจนกระทั่งถึงตอนนี้มือเล็กยกขึ้นขยี้ตา ก่อนจะรีบถลันตัวลุกขึ้นนั่ง มองหาโทรศัพท์มือถือของตนเองที่กำลังกรีดร้อง“อยู่ไหนนะ”หล่อนพยายามตั้งสติ ก่อนคิดได้ว่ามันอยู่ในกระเป๋าสะพายข้างของตนเอง ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งเท้าเปลือยขาวสะอาดรีบก้าวลงจากเตียง มุ่งหน้าไปคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหูทันที“ค่ะ อาเกส”“เพิ่งตื่นสิท่า”“เอ่อ... ค่ะ ว่าแต่อาเกสมีธุระด่วนเหรอคะถึงโทรหานางแต่เช้าตรู่เลย”“จะแปดโมงแล้วแม่คุณ ไม่เช้าตรู่แล้วล่ะ”หล่อนรีบหันไปมองนาฬิกาเรือนโตที่แขวนเอาไว้บนผนังห้อง ก่อนจะพบว่ามันไม่ใช่เช้าตรู่อย่างที่เกสราบอกจริงๆ“เอ่อ... นางขอโทษค่ะ นางนึกว่าเช้ามืดอยู่”เกสราไม่ได้ตำหนิอะไรออกมา นอกจากบอกจุดประสงค์ของตนเองมาตามสาย“เธอจะนอนจะตื่นตอนไหนมันก็เรื่องของเธอ แต่ที่ฉันโทรมาหาเธอก็เพราะว่าฉันมีเรื่องจะบอก”“เรื่องอะไรเหรอคะอาเกส”“ฉันจะกลับเมืองไทยแล้ว นี่ก็อยู่สนามบินแล้วด้วย”หล่อนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ “ทำไมอาเกสกลับปุ๊บปั๊บล่ะคะ ไหนว่าจ
“อ๋อ... ใช่ค่ะ... ฉันมีธุระจะถามคุณ”สายตาคมกริบกวาดจ้องมองไปทั่วทั้งใบหน้าซีดสลับแดงก่ำของหล่อน ก่อนที่มุมปากจะเหยียดยิ้มเล็กน้อย“เรื่อง?”“เอ่อ...”หล่อนปากสั่นไม่ต่างจากสองขา ความหล่อเหลาของเขารบกวนจิตใจและมีผลต่อสติปัญญาของหล่อนเหลือเกิน“มานั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปจะยุ่ง” เขาผายมือยังเก้าอี้ตัวข้างกาย“ไม่... เป็นไรค่ะ ฉันแข็งแรงดี”เขายิ้มเยาะเล็กน้อย มองหล่อนอย่างขบขัน “แต่ขาเธอสั่นพั่บๆ เลยนะ ฉันว่ามานั่งดีกว่า”หล่อนทั้งอับอายทั้งอดสู และก็ยอมเดินไปทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้ตามคำเชิญ แต่หล่อนเลือกที่จะนั่งห่างจากเขาออกมาพอสมควร เพราะการอยู่ใกล้ๆ กับชาร์ลี คือหายนะดีๆ นั่นเอง“ทีนี้ก็พูดธุระของเธอมาได้แล้ว”น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่สายตาของเขาทำไมมันมีเวทมนตร์แบบนี้นะ ยามที่สบประสานกับมัน หัวใจของหล่อนก็หกคะเมนตีลังกาจนวิงเวียน“เอ่อ...”เมื่อเห็นหล่อนอึกอัก เขาก็เลือกที่จะคาดเดาออกมาเอง “หรือว่าจะมาต่อรองเรื่องเงิน”“เรื่องเงิน?”“ก็เรื่องเงินพันเหรียญที่ฉันวางไว้บนหัวเตียงไงล่ะ มันไม่พอใช่ไหม อยากได้เท่าไหร่ล่ะ สามพันเหรียญ ห้าพันเหรียญ แต่ว่าถ้าหมื่นเหรียญฉันว่ามัน
หลังจากหล่อนเดินเล่นสำรวจสถานที่อยู่ใหม่เอี่ยมอ่องของตนเองอยู่เกือบครึ่งค่อนวัน ชาร์ลีก็ให้สาวใช้มาตามหล่อนไปพบที่ห้องนั่งเล่นชั้นสอง ซึ่งเป็นระเบียงที่ยืนออกไปจากตัวตึก ด้านบนมีไม้เถาที่ออกดอกสะพรั่งเลื้อยอยู่ให้ความร่มรื่นและชวนมองเหลือเกิน“คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”เขาเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือ เมื่อได้ยินคำถามของหล่อน“เข้ามานั่งก่อน เรามีเรื่องคุยกันยาวพอสมควร”หล่อนจำใจต้องเดินเข้าไปหาเขา และก็เลือกเก้าอี้ตัวที่ไกลจากเขาที่สุด แต่เขาแย้ง“มานั่งใกล้ๆ นี่ กลัวอะไรหรือ”“เอ่อ... เปล่าค่ะ...”หล่อนไม่ได้กลัวเขาสักหน่อย แต่ที่อยากอยู่ห่างๆ จากเขาก็เพราะว่ากลัวจะเผยความรู้สึกแท้จริงของหัวใจให้เขารู้ต่างหาก หล่อนไม่ต้องการเห็นรอยยิ้มหยันจากชาร์ลี“ถ้าไม่ได้กลัว ก็มานั่งใกล้ๆ นี่ ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบตะโกนคุย จำเอาไว้ด้วย”“ค่ะ”หล่อนหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใกล้กับเขา แต่ก็ยังอุตส่าห์ที่จะเลื่อนหนีออกมาเท่าที่จะทำได้ เขามองด้วยรอยยิ้มขบขันแต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรออกมา“คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”“หายไปไหนมาตั้งหลายชั่วโมง”เขาจะมาถามทำไมกัน ในเมื่อเขาเป็นคนบอกหล่อนเองว่าให้ต่างคนต่างอยู่
“เดินทางปลอดภัยกันนะพ่อชาร์ล หนูช้องนาง” แคทเธอรีน ออกมาส่งหล่อนกับชาร์ลีที่รถคันงามหล่อนกล่าวขอบคุณพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ แคทเธอรีนมองมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปกำชับลูกชายอีกครั้ง“ดูแลน้องดีๆ นะพ่อชาร์ล”ดวงตาสีอำพันของชาร์ลีเลื่อนมามองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนกลับไปมองหน้าแคทเธอรีน“ครับท่านแม่”“งั้นไปเถอะ เดี๋ยวจะตกเครื่องเอา”“งั้นผมไปนะครับ”ชาร์ลีสวมกอดแคทเธอรีน ในขณะหล่อนมือขึ้นไหว้ตามมารยาทของคนไทยแทนรถคันงามที่มีคนขับเป็นชายสูงวัยเคลื่อนออกจากหน้าคฤหาสน์หลังหรูหรา มุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินประจำชาติของเลแวนต้าตลอดเส้นทางหล่อนรู้สึกเหมือนกับตกอยู่ในนรก ความเงียบงันกำลังกลืนกินจิตวิญญาณของหล่อนจนหมดสิ้น ความโศกเศร้าไร้ความสุขคลืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆหล่อนคงไม่รู้จักทรมานใจแบบนี้ หากหัวใจไม่แอบรักชาร์ลี เฮนเดอร์สันเข้าเต็มเปาชาร์ลีนั่งอยู่เคียงข้างก็จริง แต่เขาไม่ได้แม้แต่จะหันมามองหล่อน ดวงตาของเขาจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลาหล่อนพอจะเดาได้ไม่ยากว่าชาร์ลีกำลังอ่านข้อความของใคร กลีบปากอิ่มเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ดวงตาหวานอมเศร้าค่อยๆ ปรือปิดลง เ
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน
“ได้สิ แต่ว่ารอพี่กอล์ฟก่อนดีไหม”“รายนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถ้าได้ไปเดินคนเดียวน่ะ เดินเพลินไม่เรียกไม่กลับน่ะ”“งั้นก็ได้จ้ะ”ฟ้าใสอมยิ้ม ก่อนจะเดินนำหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตนเองโปรดปราน“ร้านนี้นะ ฉันเคยกินแล้วอร่อยมาก”“ได้สิ”ช้องนางเดินตามร่างของฟ้าใสเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น ความรู้สึกของหล่อนยังคงมึนอึน และไม่สดใส“เฮ้ยนั่นมัน...”หล่อนกับฟ้าใสเดินเกือบจะถึงโต๊ะว่างอยู่แล้ว แต่ฟ้าใสก็หยุดเดินเสียก่อน พร้อมกับหันมากระซิบกระซาบเบาๆ“ผู้ชายคนนั้นไง... นั่นน่ะ โต๊ะนั่นน่ะ”หล่อนมองไปตามสายตาพยักพเยิดของฟ้าใส แต่ก็ไม่เห็นใครน่าสนใจเลย“ใครเหรอฟ้า”“ก็ผู้ชายที่ฉันบอกว่าหล่อวัวตายควายล้มไงล่ะ”หล่อนยังคงมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าคนไหน“คนนั้นน่ะ ที่ยกเมนูขึ้นดูอยู่น่ะ”“เอาเมนูบังหน้าไว้ขนาดนั้น เธอยังจำได้อีกเหรอฟ้า” ช้องนางอดที่จะแซวเพื่อนไม่ได้“ก็ตอนที่ฉันเห็น เขาไม่ได้เอาเมนูปิดหน้านี่นา นี่ๆ ไปนั่งโต๊ะว่างข้างๆ เขากัน”“อย่าเลยฟ้า... นางว่า...”ฟ้าใสไม่สนใจคำทัดทานของหล่อน เพราะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะติดกับผู้ชายคนนั้นทันที หล่อนจำต้องเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก“นั่งๆ”ฟ้าใสเจ
สามวันต่อมา... ชีวิตของช้องนางก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ เมื่อร่างกายของหล่อนไร้หัวใจเสียแล้ว ทุกๆ นาที ในหัวของหล่อนจะคิดถึงชาร์ลี และมันก็วน มันก็เวียนอยู่แบบนี้ จนหล่อนรู้สึกปวดร้าวราวจนแทบอยากจะหยุดหายใจหล่อนรู้ดีว่าการลืมรักมันยากเย็นแค่ไหน หากพยายามเวลาจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจให้เอง แต่สำหรับหล่อนแล้ว เวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายหยาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเห็นเกสราเดินเข้ามาหา“สวัสดีค่ะอาเกส”“จะออกไปไหนแต่เช้าเลยล่ะช้องนาง”“นาง... จะออกไปซื้ออาหารสดที่ห้างแถวนี้น่ะค่ะ” หล่อนพยายามปั้นเสียงตอบให้ปกติที่สุด“ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปซื้อล่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”“นางอยากมีอะไรทำน่ะค่ะ อยู่เฉยๆ นางรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เอามากๆ”เกสรายกมือขึ้นแตะท่อนแขนกลมกลึงของหลานสาวอย่างเข้าใจความรู้สึกที่เจ้าตัวกำลังพยายามเก็บซ่อนเอาไว้“งั้นก็ไปเถอะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก”หล่อนฝืนยิ้มให้กับเกสรา ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และขับออกไปในที่สุดเกสรามองตามท้ายรถของหลานสาวไปด้วยความเป็นกังวลไม่น้อย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นเบอร์ที่โชว์หน้าจอโทรศัพท์ไม่คุ้นตาเลย ทำให้เกสราอดที่
ช้องนางจ่ายเงินค่าโดยสารให้กับรถแท็กซี่ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาภายในบ้านหล่อนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความคิดถึง ที่นี่ยังเหมือนเดิม ยังเป็นบ้านของหล่อนเหมือนเดิมหล่อนยืนอยู่กลางห้องโถง มองดูความสะอาดสะอ้านของข้าวของเครื่องใช้ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง“นาง...”เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นบิดา...บิดาที่เคยติดเหล้างอมแงมจนขาดสติ แต่ตอนนี้กลับเดินเหินได้ และใบหน้าสดชื่นขึ้นหล่อนปล่อยกระเป๋าเดินทางออกจากมือ และวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เป็นเอกลักษณ์ติดตัวของท่านไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว“นางคิดถึงพ่อจังค่ะ”“พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”หล่อนเดินกอดแขนบิดาไปนั่งบนโซฟา มองท่านซ้ำไปซ้ำมาด้วยความดีใจ“พ่อเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ นางดีใจจัง”“ก็ได้อาเกสของลูกนั่นแหละที่ช่วยเหลือพาพ่อไปบำบัด นี่คุณหมอก็เพิ่งให้พ่อกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านเมื่อวานเองนะ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอลูก”เกสราทำตามที่รับปากกับหล่อนเอาไว้จริงๆ ช้องนางน้ำตาไหลด้วยความดีใจ“ว่าแต่ลูกเถอะนาง... เป็นยังไงบ้าง พ่อขอโทษนะที่ป่วยจนไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของลูกได้”“พ่อ