“อ๋อ... ใช่ค่ะ... ฉันมีธุระจะถามคุณ”สายตาคมกริบกวาดจ้องมองไปทั่วทั้งใบหน้าซีดสลับแดงก่ำของหล่อน ก่อนที่มุมปากจะเหยียดยิ้มเล็กน้อย“เรื่อง?”“เอ่อ...”หล่อนปากสั่นไม่ต่างจากสองขา ความหล่อเหลาของเขารบกวนจิตใจและมีผลต่อสติปัญญาของหล่อนเหลือเกิน“มานั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปจะยุ่ง” เขาผายมือยังเก้าอี้ตัวข้างกาย“ไม่... เป็นไรค่ะ ฉันแข็งแรงดี”เขายิ้มเยาะเล็กน้อย มองหล่อนอย่างขบขัน “แต่ขาเธอสั่นพั่บๆ เลยนะ ฉันว่ามานั่งดีกว่า”หล่อนทั้งอับอายทั้งอดสู และก็ยอมเดินไปทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้ตามคำเชิญ แต่หล่อนเลือกที่จะนั่งห่างจากเขาออกมาพอสมควร เพราะการอยู่ใกล้ๆ กับชาร์ลี คือหายนะดีๆ นั่นเอง“ทีนี้ก็พูดธุระของเธอมาได้แล้ว”น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่สายตาของเขาทำไมมันมีเวทมนตร์แบบนี้นะ ยามที่สบประสานกับมัน หัวใจของหล่อนก็หกคะเมนตีลังกาจนวิงเวียน“เอ่อ...”เมื่อเห็นหล่อนอึกอัก เขาก็เลือกที่จะคาดเดาออกมาเอง “หรือว่าจะมาต่อรองเรื่องเงิน”“เรื่องเงิน?”“ก็เรื่องเงินพันเหรียญที่ฉันวางไว้บนหัวเตียงไงล่ะ มันไม่พอใช่ไหม อยากได้เท่าไหร่ล่ะ สามพันเหรียญ ห้าพันเหรียญ แต่ว่าถ้าหมื่นเหรียญฉันว่ามัน
หลังจากหล่อนเดินเล่นสำรวจสถานที่อยู่ใหม่เอี่ยมอ่องของตนเองอยู่เกือบครึ่งค่อนวัน ชาร์ลีก็ให้สาวใช้มาตามหล่อนไปพบที่ห้องนั่งเล่นชั้นสอง ซึ่งเป็นระเบียงที่ยืนออกไปจากตัวตึก ด้านบนมีไม้เถาที่ออกดอกสะพรั่งเลื้อยอยู่ให้ความร่มรื่นและชวนมองเหลือเกิน“คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”เขาเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือ เมื่อได้ยินคำถามของหล่อน“เข้ามานั่งก่อน เรามีเรื่องคุยกันยาวพอสมควร”หล่อนจำใจต้องเดินเข้าไปหาเขา และก็เลือกเก้าอี้ตัวที่ไกลจากเขาที่สุด แต่เขาแย้ง“มานั่งใกล้ๆ นี่ กลัวอะไรหรือ”“เอ่อ... เปล่าค่ะ...”หล่อนไม่ได้กลัวเขาสักหน่อย แต่ที่อยากอยู่ห่างๆ จากเขาก็เพราะว่ากลัวจะเผยความรู้สึกแท้จริงของหัวใจให้เขารู้ต่างหาก หล่อนไม่ต้องการเห็นรอยยิ้มหยันจากชาร์ลี“ถ้าไม่ได้กลัว ก็มานั่งใกล้ๆ นี่ ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบตะโกนคุย จำเอาไว้ด้วย”“ค่ะ”หล่อนหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใกล้กับเขา แต่ก็ยังอุตส่าห์ที่จะเลื่อนหนีออกมาเท่าที่จะทำได้ เขามองด้วยรอยยิ้มขบขันแต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรออกมา“คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”“หายไปไหนมาตั้งหลายชั่วโมง”เขาจะมาถามทำไมกัน ในเมื่อเขาเป็นคนบอกหล่อนเองว่าให้ต่างคนต่างอยู่
“เดินทางปลอดภัยกันนะพ่อชาร์ล หนูช้องนาง” แคทเธอรีน ออกมาส่งหล่อนกับชาร์ลีที่รถคันงามหล่อนกล่าวขอบคุณพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ แคทเธอรีนมองมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปกำชับลูกชายอีกครั้ง“ดูแลน้องดีๆ นะพ่อชาร์ล”ดวงตาสีอำพันของชาร์ลีเลื่อนมามองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนกลับไปมองหน้าแคทเธอรีน“ครับท่านแม่”“งั้นไปเถอะ เดี๋ยวจะตกเครื่องเอา”“งั้นผมไปนะครับ”ชาร์ลีสวมกอดแคทเธอรีน ในขณะหล่อนมือขึ้นไหว้ตามมารยาทของคนไทยแทนรถคันงามที่มีคนขับเป็นชายสูงวัยเคลื่อนออกจากหน้าคฤหาสน์หลังหรูหรา มุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินประจำชาติของเลแวนต้าตลอดเส้นทางหล่อนรู้สึกเหมือนกับตกอยู่ในนรก ความเงียบงันกำลังกลืนกินจิตวิญญาณของหล่อนจนหมดสิ้น ความโศกเศร้าไร้ความสุขคลืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆหล่อนคงไม่รู้จักทรมานใจแบบนี้ หากหัวใจไม่แอบรักชาร์ลี เฮนเดอร์สันเข้าเต็มเปาชาร์ลีนั่งอยู่เคียงข้างก็จริง แต่เขาไม่ได้แม้แต่จะหันมามองหล่อน ดวงตาของเขาจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลาหล่อนพอจะเดาได้ไม่ยากว่าชาร์ลีกำลังอ่านข้อความของใคร กลีบปากอิ่มเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ดวงตาหวานอมเศร้าค่อยๆ ปรือปิดลง เ
หล่อนกับชาร์ลีมาถึงโรงแรมในช่วงหัวค่ำของวันเดียวกันนั้น เขารีบพาหล่อนเข้ามาที่ล็อบบี้ บอกเลขห้องพักที่ไลลาเป็นคนจัดการจองเอาไว้ให้ จากนั้นก็พาหล่อนขึ้นไปยังชั้นบนสุดของโรงแรมเจ็ดดาวด้วยความรีบร้อนลิฟต์ตัวใหญ่พาหล่อนกับเขาขึ้นมาบนชั้นที่ต้องการ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดกว้างออก เขาก็รีบเดินออกไป โดยไม่มองเลยว่าหล่อนจะเดินตามออกมาหรือไงหล่อนเดินตามเขาออกมาจากลิฟต์เงียบๆ จากนั้นก็ก้าวเท้าตรงไปยังห้องพักที่เห็นเขาหายเข้าไป ก่อนจะพบกับภาพบาดตาบาดใจ ไลลารออยู่ในนั้น และทั้งสองคนกำลังจูบปากกันอย่างดูดดื่มหล่อนน้ำตาร่วง จนต้องรีบกะพริบตาถี่ๆ เพื่อซ่อนความชอกช้ำนั้นเอาไว้ พร้อมกับกระแทกกระเป๋าเดินทางแรงๆ เพื่อส่งสัญญาณให้สองคนที่กัดปากกันอยู่รู้ตัวว่ายังมีหล่อนยืนหัวโด่อยู่อีกคนชาร์ลีหันมามองหล่อน แต่ยังไม่ยอมปล่อยไลลาออกจากอ้อมแขนแม้แต่น้อย“ฉันจะอยู่ห้องนี้กับไลลา ส่วนเธออยู่ห้องติดกันนะ” แล้วเขาก็ยื่นคีย์การ์ดอีกห้องให้กับหล่อนมือขาวสะอาดสั่นเทายื่นไปรับคีย์การ์ดจากมือใหญ่ จากนั้นก็ฝืนใจพูด“คุณจะอยู่ที่นี่กี่วันคะ”“กี่วันดีไลลา”ชาร์ลีเอ่ยถามไลลาเสียงอ่อนโยนจนน่าหมั่นไส้ ในขณะที่ไลลาก็ฉ
แต่ก็มีหล่อนคนเดียวเท่านั้นแหละที่หวั่นไหว ช้องนางคิดอย่างปลงตก“ขอบใจนะที่ช่วยโกหกท่านแม่”“ก็ฉันไม่มีทางเลือกนี่คะ”เขาไหวไหล่กว้างน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น ทำเหมือนกับว่าตนเองเป็นคนมีน้ำใจ“แล้วนี่เพิ่งตื่นหรือ”“ค่ะ”“คงเพลียจากการเดินทาง”หล่อนตวัดตาขึ้นมองคนที่ทำท่าทางกระปรี้กระเปร่าจนน่าหมั่นไส้ และก็อดที่จะเหน็บแนมไม่ได้“ก็ใครจะอึดจะถึกเหมือนคุณล่ะคะ ขนาดเดินทางมาตั้งไกล ยังมีแรงเหลือทำอย่างอื่น”เขาหรี่ตาแคบมองหล่อน ก่อนจะอมยิ้ม “นี่เธอคงไม่ได้แอบฟังฉันกับไลลาหรอกนะ”หล่อนหน้าแดงก่ำ เสหลบสายตาคาดคั้นของคนตัวโต “เปล่า ฉันจะไปแอบฟังอะไรพวกคุณ นี่ออกไปได้แล้ว ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว”เขาไม่ออก แต่เอ่ยขึ้น “เพิ่งตื่นแบบนี้ คงหิวแย่ ฉันพาไปกินอาหารเอาไหม”“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้” หล่อนปฏิเสธ แต่เขายังดื้อดึง“เอาน่า ถือว่าฉันตอบแทนที่เธอช่วยโกหกท่านแม่ให้เมื่อกี้นี้ก็ได้ ไป... ไปหาอะไรกินกันเถอะ”เขาถือวิสาสะกุมข้อมือของหล่อน และรั้งให้หล่อนเข้ามาใกล้อย่างไร้ทางเลือก“นี่คุณปล่อยแขนฉันนะ”“อย่าคิดมากน่ะ ฉันไม่ได้คิดจะลวนลามอะไรเธอสักหน่อย”หล่อนพยายามขืนตัว แต่เขาแรงเยอะ
เช้าวันต่อมา หล่อนตื่นขึ้นมาด้วยความสะโหลสะเหล ก่อนจะรีบอาบน้ำแต่งตัวออกมาเดินเล่นที่ชายหาดสีขาวสะอาด ปล่อยกายปล่อยใจไปกับความเย็นฉ่ำของสายลมทะเล แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อจู่ๆ ไลลาก็มาปรากฏตัวตรงหน้าของหล่อน“คุณไลลา...”“ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ” ไลลาใช้น้ำเสียงแข็งกระด้าง ต่างจากผู้หญิงเรียบร้อยที่อยู่กับชาร์ลีนักหล่อนเม้มปากอิ่มจนเป็นเส้นตรง ก่อนจะกัดฟันเอ่ยถามออกไป“คุณไลลามีเรื่องอะไรกับฉันเหรอคะ”“เรื่องพี่ชาร์ล”หล่อนพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด ซ่อนความรู้สึกหวั่นไหวเอาไว้สุดกำลัง“ทำไมเหรอคะ”“เมื่อคืนเธออ้อนให้พี่ชาร์ลพาไปกินมื้อค่ำใช่ไหม”“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้อ้อน ฉันก็ปฏิเสธแล้วนะคะว่าไม่อยากไป เพราะเกรงว่าคุณไลลาจะเข้าใจผิด แต่คุณชาร์ลก็ยืนกรานว่าจะพาฉันไปค่ะ”“อย่ามาโกหก พี่ชาร์ลไม่มีทางพาเธอไปไหนมาไหนหรอก เพราะเขามีฉันอยู่ทั้งคน” น้ำเสียงของไลลาเต็มไปด้วยความหึงหวง จนคนฟังอย่างหล่อนเบื่อหน่าย“คุณไม่เชื่อก็ตามใจค่ะ ฉันขอตัวนะคะ”หล่อนจะเดินหนี แต่ไลลากระชากแขนเอาไว้ “เธอยังไปไหนไม่ได้ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”ช้องนางบิดแขนของตัวเองออกจากอุ้งมือของไลลาได้สำเร็จ ก่
ชาร์ลีเดินมาหยุดที่ปลายเท้าของหล่อน ดวงตาสีอำพันของเขาจับจ้องมองหล่อนไปทั่วทั้งตัว สายตาคมกล้าที่มองโลมเลียมาทำให้หล่อนรู้สึกไม่ต่างจากการถูกไฟช็อตรุนแรง และก็ไม่อาจจะดับไฟร้อนๆ ที่กำลังลุกโชนอยู่ในช่องท้องลงได้ดวงตาสุดแสนวิเศษที่กำลังมองโลมเลียมานั้นทำให้ร่างสาวอุ่นซ่านและร้อนฉ่าขึ้นทุกขณะ ทรวงอกหนักอึ้งอย่างน่าตกใจ แล้วที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุดก็คือยอดทรวงที่ชูชันเคร่งครัดขึ้นทั้งสองข้าง หล่อนอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี“ได้โปรด... ออกไป... เดี๋ยวนี้เลย...”“แต่เธอ... กำลังต้องการความช่วยเหลือ”ชาร์ลีตอบเสียงห้าวและแปร่งแปลกออกไปจากทุกครั้ง ดวงตาของเขาจับจ้องมองยอดถันที่กำลังชูชันท้าทายปากลิ้นของบุรุษเพศนั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นช้องนางเปลือยเปล่าตลอดทั้งตัว แต่มันกลับแปลกมาก ที่ทุกครั้งที่เห็นความอวบอัดขาวเนียนของช้องนาง ร่างกายของเขาก็เครียดแข็งขึ้นมาจนปวดร้าว เลือดหนุ่มร้อนฉ่าพลุ่งพล่านตอบสนองต่อเรือนกายน่าฟัดของสตรีตรงหน้าทำไมตอนนี้ช้องนางสวยนักนะ...หล่อนมีเส้นผมสีดำขลับตัดกับผิวขาวเนียนของดวงหน้านวลที่ตอนนี้กำลังแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตเบิกกว้างตกใจคล้ายกับ
ไลลาเห็นชาร์ลีนั่งเหม่อลอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ทำให้อดแปลกใจไม่ได้“พี่ชาร์ลเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”หล่อนเอ่ยถามครั้งหนึ่ง แต่ชาร์ลีก็ยังนั่งนิ่งคล้ายกับว่าไม่ได้ยิน ซึ่งทำให้รู้แน่ชัดว่าชาร์ลีกำลังใจลอยจริงๆ“พี่ชาร์ลคะ พี่ชาร์ล!”“ครับ”สีหน้าของชาร์ลีตื่นๆ หลังจากหันมาตอบรับหล่อน ไลลารู้สึกสงสัยไม่น้อย“ใจลอยคิดถึงใครเหรอคะพี่ชาร์ล”“พี่หรือ”“ใช่ค่ะ น้องเห็นพี่ชาร์ล นั่งเหม่อมองทะลอยู่เกือบสิบนาทีแล้วนะคะ แล้วพอน้องถามก็ไม่ได้ยินด้วย” ไลลาถามเสียงกระเง้ากระงอดไม่พอใจ“พี่ก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”“น้องหวังว่าในความคิดเรื่อยเปื่อยของพี่ชาร์ลจะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อช้องนางนะคะ” ไลลาก็แค่เดา แต่กลับทำให้ใบหน้าของชาร์ลีแตกตื่นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้หล่อนไม่ไว้ใจขึ้นมาในทันที...“ไม่ใช่หรอก พี่แค่คิดถึงท่านแม่น่ะ”“ทำไมเหรอคะ”“ถ้าท่านแม่รู้ว่าเราสองคนยังลักลอบคบหากันอยู่แบบนี้ ไลลาคงต้องลำบากแน่นอน”“พี่ชาร์ลไม่ต้องมากังวลเรื่องนี้หรอกค่ะ เพราะยังไงน้องก็ไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปแน่ และน้องก็มั่นใจว่าพี่ชาร์ลก็คงไม่คิดเปิดเผยเรื่องนี้กับใครเหมือนกันใช่ไหมคะ”“เรื่องนี้เป็
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน
“ได้สิ แต่ว่ารอพี่กอล์ฟก่อนดีไหม”“รายนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถ้าได้ไปเดินคนเดียวน่ะ เดินเพลินไม่เรียกไม่กลับน่ะ”“งั้นก็ได้จ้ะ”ฟ้าใสอมยิ้ม ก่อนจะเดินนำหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตนเองโปรดปราน“ร้านนี้นะ ฉันเคยกินแล้วอร่อยมาก”“ได้สิ”ช้องนางเดินตามร่างของฟ้าใสเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น ความรู้สึกของหล่อนยังคงมึนอึน และไม่สดใส“เฮ้ยนั่นมัน...”หล่อนกับฟ้าใสเดินเกือบจะถึงโต๊ะว่างอยู่แล้ว แต่ฟ้าใสก็หยุดเดินเสียก่อน พร้อมกับหันมากระซิบกระซาบเบาๆ“ผู้ชายคนนั้นไง... นั่นน่ะ โต๊ะนั่นน่ะ”หล่อนมองไปตามสายตาพยักพเยิดของฟ้าใส แต่ก็ไม่เห็นใครน่าสนใจเลย“ใครเหรอฟ้า”“ก็ผู้ชายที่ฉันบอกว่าหล่อวัวตายควายล้มไงล่ะ”หล่อนยังคงมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าคนไหน“คนนั้นน่ะ ที่ยกเมนูขึ้นดูอยู่น่ะ”“เอาเมนูบังหน้าไว้ขนาดนั้น เธอยังจำได้อีกเหรอฟ้า” ช้องนางอดที่จะแซวเพื่อนไม่ได้“ก็ตอนที่ฉันเห็น เขาไม่ได้เอาเมนูปิดหน้านี่นา นี่ๆ ไปนั่งโต๊ะว่างข้างๆ เขากัน”“อย่าเลยฟ้า... นางว่า...”ฟ้าใสไม่สนใจคำทัดทานของหล่อน เพราะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะติดกับผู้ชายคนนั้นทันที หล่อนจำต้องเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก“นั่งๆ”ฟ้าใสเจ
สามวันต่อมา... ชีวิตของช้องนางก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ เมื่อร่างกายของหล่อนไร้หัวใจเสียแล้ว ทุกๆ นาที ในหัวของหล่อนจะคิดถึงชาร์ลี และมันก็วน มันก็เวียนอยู่แบบนี้ จนหล่อนรู้สึกปวดร้าวราวจนแทบอยากจะหยุดหายใจหล่อนรู้ดีว่าการลืมรักมันยากเย็นแค่ไหน หากพยายามเวลาจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจให้เอง แต่สำหรับหล่อนแล้ว เวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายหยาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเห็นเกสราเดินเข้ามาหา“สวัสดีค่ะอาเกส”“จะออกไปไหนแต่เช้าเลยล่ะช้องนาง”“นาง... จะออกไปซื้ออาหารสดที่ห้างแถวนี้น่ะค่ะ” หล่อนพยายามปั้นเสียงตอบให้ปกติที่สุด“ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปซื้อล่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”“นางอยากมีอะไรทำน่ะค่ะ อยู่เฉยๆ นางรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เอามากๆ”เกสรายกมือขึ้นแตะท่อนแขนกลมกลึงของหลานสาวอย่างเข้าใจความรู้สึกที่เจ้าตัวกำลังพยายามเก็บซ่อนเอาไว้“งั้นก็ไปเถอะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก”หล่อนฝืนยิ้มให้กับเกสรา ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และขับออกไปในที่สุดเกสรามองตามท้ายรถของหลานสาวไปด้วยความเป็นกังวลไม่น้อย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นเบอร์ที่โชว์หน้าจอโทรศัพท์ไม่คุ้นตาเลย ทำให้เกสราอดที่
ช้องนางจ่ายเงินค่าโดยสารให้กับรถแท็กซี่ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาภายในบ้านหล่อนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความคิดถึง ที่นี่ยังเหมือนเดิม ยังเป็นบ้านของหล่อนเหมือนเดิมหล่อนยืนอยู่กลางห้องโถง มองดูความสะอาดสะอ้านของข้าวของเครื่องใช้ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง“นาง...”เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นบิดา...บิดาที่เคยติดเหล้างอมแงมจนขาดสติ แต่ตอนนี้กลับเดินเหินได้ และใบหน้าสดชื่นขึ้นหล่อนปล่อยกระเป๋าเดินทางออกจากมือ และวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เป็นเอกลักษณ์ติดตัวของท่านไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว“นางคิดถึงพ่อจังค่ะ”“พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”หล่อนเดินกอดแขนบิดาไปนั่งบนโซฟา มองท่านซ้ำไปซ้ำมาด้วยความดีใจ“พ่อเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ นางดีใจจัง”“ก็ได้อาเกสของลูกนั่นแหละที่ช่วยเหลือพาพ่อไปบำบัด นี่คุณหมอก็เพิ่งให้พ่อกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านเมื่อวานเองนะ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอลูก”เกสราทำตามที่รับปากกับหล่อนเอาไว้จริงๆ ช้องนางน้ำตาไหลด้วยความดีใจ“ว่าแต่ลูกเถอะนาง... เป็นยังไงบ้าง พ่อขอโทษนะที่ป่วยจนไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของลูกได้”“พ่อ