ในที่สุดชาร์ลีก็ทำอย่างที่เขาประกาศใส่หน้าของหล่อนเอาไว้ภายในห้องสมุดจริงๆ
เขาเลือกหล่อนเป็นเจ้าสาวของเขา...
เจ้าสาวหุ่นเชิด...
หล่อนนั่งหน้าเศร้า รู้สึกพะอืดพะอมจนแทบจะอาเจียน ภาพลับๆ ของชาร์ลีกับไลลายังคงติดอยู่ในความทรงจำ
หล่อนจะยอมตกนรกหมกไหม้ด้วยการยอมเป็นเมียบังหน้าให้กับหญิงชายคู่นี้หรือ
หล่อนไม่อยากทำเลย... ถึงแม้ว่าลึกๆ แล้วจะแอบชอบชาร์ลี เฮนเดอร์สันอยู่ก็ตาม
“เห็นไหมอาบอกแล้วว่าเธอจะต้องถูกเลือก”
เกสรากระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ซึ่งมีเชอร์รี่กับกะทิผสมโรงหัวเราะคิกคักกันไปด้วย ตรงกันข้ามกับหล่อนที่กำลังทรมานเหลือเกิน
หล่อนจะรับมือยังไงกับสิ่งที่กำลังจะเผชิญหน้าในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้
“อาเกสคะ คือนาง...”
“มีอะไรเหรอหลานรัก” เกสราพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับหล่อนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“นาง...” หล่อนอึกอัก แต่ก็จำต้องบอกออกไป “นางไม่อยากแต่งงานกับคุณชาร์ลีค่ะ นาง...”
คนที่นั่งยิ้มหน้าบานอยู่ หน้าตูมทันควัน และก็ตวาดลั่นอย่างไม่พอใจ
“อย่ามาโง่หน่อยเลยช้องนาง เธอควรจะดีใจสิถึงจะถูกที่เราจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกันกับมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างตระกูลเฮนเดอร์สันน่ะ”
“แต่ว่าเขากับ...”
“ไม่ต้องมาเรื่องมาก ท่องเอาไว้ว่าเธอโชคดีมาก มีผู้หญิงอีกตั้งเก้าคนที่ต้องผิดหวังกลับบ้านไป ดังนั้นอย่าแม้แต่จะคิดปฏิเสธ เข้าใจไหม”
ช้องหน้าน้ำตาซึมคลอสองหน่วยตา รู้สึกอึดอัดทรมานจนแน่นอกเหลือเกิน
“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย อีกครึ่งชั่วโมงคนของคุณแคทเธอรีนก็จะมารับเราเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น” เกสราตาเยิ้มอย่างมีความสุข ในหัวกำลังคำนวณเม็ดเงินที่ต้องการซ้ำไปซ้ำมา “แล้วเวลาที่ฉันเรียกเงินไป เธอห้ามขัดเด็ดขาด เข้าใจไหม”
ทำไมพอได้ยินคำพูดของเกสราแล้ว หล่อนรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองกำลังขายตัวแลกเงินไม่มีผิด
ความอัปยศอดสู ความหวาดกลัวหวั่นเกรงมากมายกำลังโจมตีหัวใจของหล่อนจนสั่นเทา
หล่อนจะรับมือกับเหตุการณ์ข้างหน้าได้ไหม และจะยอมทำเป็นนิ่งเฉยให้ชาร์ลีผู้ซึ่งกำลังจะเป็นสามีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พลอดรักกับน้องสาวบุญธรรมอย่างไลลาได้นานแค่ไหนกัน
“ยังไม่รับปากฉันอีก หรือว่าเธอไม่เป็นห่วงพ่อของเธอแล้ว ช้องนาง”
เมื่อเกสราหยิบยกเอาบิดาขึ้นมาเป็นตัวประกัน ทำให้ความลังเลของหล่อนจางหายไปทันที
“ค่ะ นางรับปากค่ะ”
“ดีมาก”
เกสรายิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปพูดกับเชอร์รี่และกะทิ ถึงเรื่องจำนวนเงินที่ควรจะเรียกจากครอบครัวเฮนเดอร์สัน
หล่อนพยายามซ่อนน้ำตาแห่งความอดสูเอาไว้ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะทำไม่ได้นาน จึงต้องขอปลีกตัวออกไป
“นางขอ... ออกไปเดินเล่นก่อนนะคะ”
เกสราปรายตามองหล่อนเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะเอ่ยอนุญาตออกมา
“ตามใจ แต่อย่าไปไหนไกลล่ะ”
“ค่ะ อาเกส”
หล่อนเดินออกมาจากห้องพัก สมองล่องลอยไปถึงเรื่องราวเมื่อคืนนี้ ในห้องสมุดอีกครั้ง
“หุ่นเชิด...”
และก็อดไม่ได้ที่จะตอกย้ำสถานะของตนเองออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาจากแก้มนวลออก และกำลังจะเลี้ยวออกไปนอกบริเวณของโรงแรมที่พัก แต่มือใหญ่ร้อนผ่าวของผู้ชายคนหนึ่งก็คว้าข้อมือเล็กเอาไว้เสียก่อน
หล่อนเสียหลักเล็กน้อย เซถลาไปตามแรงกระชากนั้น ร่างอรชรปะทะเข้ากับเรือนกายกำยำที่ทั้งแข็งแกร่งและสูงตระหง่าน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อพบว่าเป็นชาร์ลี เฮนเดอร์สัน ผู้ชายคนที่กำลังทำให้สมองของหล่อนอลหม่าน
“คุณชาร์ลี...?”
หล่อนอดแปลกใจไม่ได้ว่าเขามาได้ยังไง
“ปล่อย... ฉันได้แล้วค่ะ”
เขาเหยียดยิ้มบางๆ สีหน้าเย็นชาเหมือนกับเมื่อคืนนี้ไม่มีผิด “อย่าทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวนักเลย เธอก็รู้นี่ว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกันในเร็วๆ นี้ ซึ่งฉันมั่นใจว่าท่านแม่จะต้องเร่งวันเร่งคืนให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่ท่านจะทำได้”
น้ำเสียงห้าวของเขาทั้งกระด้างทั้งไม่เป็นมิตร จนหล่อนสะท้อนในอก
“นั่นก็คงเป็นเพราะท่านรู้อะไรที่พวกคุณซ่อนเอาไว้มั้งคะ”
หล่อนแค่สันนิษฐานส่งเดช แต่นั่นกลับทำให้ข้อมือถูกนิ้วยาวกดแรงขึ้นจนเจ็บปวดราวกับกระดูกกำลังแตกร้าว
“อ๊ะ... ฉันเจ็บนะ”
“จำเอาไว้ว่าหน้าที่ของเธอต่อจากนี้ไปก็คือเชื่อฟังคำสั่งของฉันทุกอย่าง”
“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วยคะ”
หล่อนช้อนตาขึ้นสบประสานกับดวงตาสีอำพันไร้ความรู้สึก และก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่เขาเอาแต่ออกคำสั่งอย่างเดียวแบบนี้
“เพราะชีวิตของเธอกำลังจะตกอยู่ในอุ้งมือของฉันยังไงล่ะ ทำตามที่ฉันบอก แล้วชีวิตของเธอจะมีแต่ความสุขสบาย”
หล่อนเมินหน้าหนี ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ แต่ผู้ชายตัวสูงที่เนื้อตัวมีกลิ่นหอมกรุ่นสะอาดสะอ้านก็ยังหูดีได้ยินเข้า
“ใครกันแน่ที่จะสุขสบายกับการแต่งงานนี้”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดจาไม่สุภาพกับฉัน”
“ค่า...”
หล่อนลากเสียงยาว และพยายามบิดข้อมือของตัวเองออกจากพันธนาการเถื่อนอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้สำเร็จ แต่คงเป็นเพราะเขายอมปล่อยเองนั่นแหละ
หล่อนรีบถอยออกห่าง มองคนตัวโตในชุดลำลองสีเทาเรียบหรูอย่างไม่พอใจ แต่ให้ตายเถอะ ความหล่อความสมบูรณ์แบบของเขา มันสามารถทำให้ความขุ่นเคืองในอกของหล่อนจางหายไปเกินครึ่งเลยทีเดียว
ทำไมชาร์ลี เฮนเดอร์สัน ถึงได้หล่อ ถึงได้ดูสมบูรณ์แบบไปทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้นะ
หล่อนมองเขาอย่างตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหน้าเศร้าลง เมื่อสมองร้องเตือนว่า ความหล่อของเขาไม่ได้มีไว้ให้กับหล่อน แต่มีไว้ให้กับน้องสาวบุญธรรมอย่างไลลาเท่านั้น
มีสติ...
ตั้งสติเอาไว้ช้องนาง...
“ฉันขอตัวค่ะ”
“เธอยังไปไหนไม่ได้ เพราะที่ฉันแอบมาหาเธอที่นี่ ก็เพื่อจะมาบอกว่าหน้าที่ของเธอคือเออออตามคำพูดของฉันทุกอย่าง เวลาที่อยู่ต่อหน้าท่านพ่อกับท่านแม่ของฉัน”
“แต่ฉันไม่ใช่นักแสดงนะคะที่จะได้แสดงไปตามบทบาทที่คุณต้องการได้”
ดวงตาสีอำพันดุดันจ้องมองมา ก่อนที่ริมฝีปากหยักสวยของเขาจะขยับเปล่งคำพูด
“แต่เธอต้องทำให้ได้”
“คุณเผด็จการจังเลยนะคะ”
เขาไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมาอีก นอกจากหมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถสปอร์ตคันงาม และขับมันออกไปในที่สุด
หล่อนยืนนิ่ง สมองมึนงง พยายามคิดว่าตนเองฝันไป แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความฝันที่กลายเป็นจริง
ความฝันที่หล่อนไม่รู้ว่าจะให้คำนิยามมันว่า ‘ฝันดี’ หรือว่า ‘ฝันร้าย’
“ออกไปไหนมาแต่เช้าเลยล่ะพ่อชาร์ล”แคทเธอรีนเห็นลูกชายเดินเข้ามาภายในบ้านก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้“ผมออกไปทำธุระข้างนอกน่ะครับ”ชาร์ลีหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกับมารดา สีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ความรู้สึกเช่นเดิม แต่แคทเธอรีนไม่ใส่ใจ เพราะรู้ดีว่าหากจะหยุดรักใครสักคนมันต้องใช้เวลานานพอสมควร“รู้ไหมว่าแม่ถูกใจผู้หญิงที่ลูกเลือกมาก เพราะแม่หมายตาเอาไว้ตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์แล้วล่ะ”“ครับ”“พ่อชาร์ลนี่ตาแหลมจริงๆ” แคทเธอรีนอมยิ้ม ก่อนจะพูดออกมาอีก “แม่มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นภรรยาที่ดี และเป็นสะใภ้ที่เพียบพร้อมของตระกูลเราได้อย่างแน่นอน”“ครับ”ชายหนุ่มตอบคำเดิมด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งสิ้น จนแคทเธอรีนอยากจะทุบสักผัวะสองผัวะเพื่อเรียกสตินัก“ไปอาบน้ำเถอะ อีกประเดี๋ยวว่าที่เจ้าสาวของลูกก็จะเดินทางมาถึงแล้ว”“ครับ”ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นเต็มความสูง และก็เดินออกไปจากห้องโถงรับแขกเงียบๆแคทเธอรีนมองตามไปด้วยความไม่สบายใจ ก่อนจะให้คนใช้ไปเรียกไลลาให้มาพบเวลาผ่านไปเล็กน้อย ไลลาก็ปรากฏตัวขึ้นตามที่แคทเธอรีนต้องการ“ท่านแม่... เรียกหาหนูมีอะไรให้หนูรับใช้เหรอคะ”“ฉันไม่ต้องการให้เธออย
ช้องนางมองผู้ชายตัวสูงราวกับเสาไฟฟ้าที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นภายในห้องโถงหรูด้วยหัวใจที่สั่นไหว หล่อนจ้องมองเขา พวงแก้มนวลระเรื่อ เมื่อพบว่าเขามองมาพอดีหล่อนอ่อนไหว อ่อนระทวย และอ่อนปวกเปียกทุกครั้งที่สบตากับดวงตาสีอำพันแสนวิเศษของชาร์ลีหล่อนควรจะเข้มแข็ง แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน เมื่อเขาทั้งหล่อและมีเสน่ห์อย่างยากที่จะต้านทานความพยายามมากมายในกายถูกปลุกให้ตื่นเพื่อต่อสู้กับความสมบูรณ์แบบของชายชาตรีเช่นเขา แต่แล้วก็ต้องพ่ายให้กับเสน่ห์อันเร้าใจของชาร์ลีเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาหล่อนจะต้องแย่แน่ๆ หากต้องใกล้ชิดกับเขาในฐานะภรรยา และก็จะต้องเจ็บปวดจนเจียนตาย เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นได้แค่เพียงภรรยานอกหัวใจกลีบปากอวบอิ่มเป่าลมออกมาแผ่วเบา และก็กัดฟันละสายตาจากเรือนกายสง่างามของชาร์ลีลงมองฝ่ามือขาวสะอาดของตนเองที่กำลังประสานกันอยู่บนตัก“มานั่งนี่สิพ่อชาร์ล”เสียงของแคทเธอรีนเอ่ยเรียกลูกชายดังมาเข้าหูของหล่อน ก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายเซ็กซี่ระคนอันตรายของชาร์ลี หัวใจสาวเต้นคร่อมจังหวะทันที เมื่อเขาเลือกที่จะมาหย่อนกายใหญ่โตลงนั่งข้างหล่อน“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอวันนี้”น้ำเสียงของเขาเรียบเ
ในที่สุดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสก็ถูกจัดขึ้น โดยที่ไม่มีญาติพี่น้องคนใดของหล่อนเดินทางมาร่วมงานนอกเสียจากเกสราเพียงคนเดียว เพราะทุกอย่างถูกจัดขึ้นกะทันหัน ตามความต้องการของเกสราและแคทเธอรีนหล่อนจำได้ว่าตัวเองยืนเกร็งอยู่ข้างเรือนกายสูงใหญ่ของชาร์ลี หัวใจสาวไม่ได้รู้สึกสดชื่นยินดีอย่างที่ทุกคนอวยพรเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ดีว่าตนเองเป็นแค่ภรรยาหุ่นเชิดของผู้ชายคนนี้เท่านั้นคำอวยพรมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหู หล่อนจำต้องฝืนยิ้มเอาไว้ ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วต้องการร้องไห้มากกว่า ในขณะที่เจ้าบ่าวผู้เลอโฉมอย่างชาร์ลีกลับยิ้มแย้มแจ่มใส ก็แน่ล่ะ ในเมื่อเขากำลังจะได้ในสิ่งต้องการนี่นาหญิงสาวกำมือที่ทิ้งอยู่ข้างกายแน่น บอกตัวเองให้ปลงซะ และยอมรับความเป็นจริง แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกินช้องนางในชุดเจ้าสาวแสนสวยราวกับเจ้าหญิงอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองว่าที่สามีที่เป็นผู้ชายในฝันของสาวน้อยสาวใหญ่ทั่วโลก หลายพันหลายหมื่นสาวงามคงนึกอยากมายืนแทนที่หล่อน โดยหารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่สวรรค์อย่างที่นึกฝันเลยหล่อนลอบถอนใจออกมาแผ่วเบา ขณะพยายามที่จะหาเรื่องปลีกตัวออกจากสถานการณ์อึดอัดตรงนี้ แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่เป็นใจเลย
ประตูห้องหอปิดลงหลังจากญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายของชาร์ลีเดินออกไปหล่อนขยับขาที่ถูกเหน็บชาเล่นงานออกไปข้างหน้าเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อย ในขณะที่ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามียังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมหล่อนรู้สึกประหม่า ขลาดกลัว และอึดอัด ในเวลาแบบนี้ หากเป็นงานแต่งงานทั่วไป เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวคงจะมองตากันหยาดเยิ้มหวานฉ่ำ แต่มันไม่ใช่สำหรับคู่แต่งงานของหล่อนช้องนางทอดถอนใจอยู่ภายในอก และก็อดจะลอบชำเลืองมองร่างกายองอาจผึ่งผายของชาร์ลีอีกครั้งไม่ได้เขาหล่อเรียบหรูอยู่ในชุดสูทสีขาวเฉกเช่นเดียวกับชุดราตรียาวของหล่อน ท่าทางของเขาน่าเกรงขาม และเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ จนหล่อนหวาดวิตกยิ่งนัก“เอ่อ...”หล่อนอึกอักได้แค่นั้น ก็ต้องรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกายสาว เมื่อดวงตาสีอำพันตวัดจ้องมองมา สายตาของเขามองอ้อยอิ่ง กวาดมองไปทั่วเรือนร่างอรชรอย่างพิจารณา ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาขึ้นมาสบตากับดวงตาที่เบิกโพลงของหล่อน“ตกลงว่าจะเอายังไง” น้ำเสียงของเขาทุ้มลึก แต่กระนั้นมันก็มีผลต่อกายสาวเหลือเกินร่างกายของหล่อนสั่นสะท้าน และเพียงแค่สบประสานสายตากับเขาเท่านั้น เนื้อตัวสาวก็ร้อนผะผ่าวแปลกประหลาด ความปรารถน
เขาเข้าไปอาบน้ำไม่นานนัก แต่สำหรับความรู้สึกของคนรออย่างหล่อนแล้วมันยาวนานเหลือเกิน และยิ่งเห็นเขาก้าวออกมาในสภาพมีเพียงเสื้อคลุมสีเทาตัวเดียวห่อหุ้มกายหนุ่ม สองแก้มของหล่อนก็ร้อนผะผ่าวทันที“เข้าไปอาบน้ำเถอะ”“เอ่อ.. ค่ะ...”หล่อนลุกขึ้นจากโซฟาริมหน้าต่างที่ตนเองจะใช้เป็นที่นอนในค่ำคืนนี้ จากนั้นก็พุ่งตัวตรงไปยังห้องน้ำ แต่ก็ต้องเดินสวนกับชาร์ลี และก็เหมือนสวรรค์ยังกลั่นแกล้งไม่หนำใจ เพราะแขนของหล่อนดันไปสีกับท่อนแขนกำยำของเขาหน้าแดงเถือกของหล่อนยิ่งทวีความร้อนแทบไหม้ หล่อนมองเขาตาตื่นๆ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ในขณะที่เขาไม่ได้แสดงทีท่าอะไรเลยออกมาเมื่อประตูห้องน้ำปิดลง หล่อนก็เป่าปากออกมาอย่างโล่งอก ภาวนาให้ตนเองรับมือกับเสน่ห์ของชาร์ลีได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ดวงตากลมโตมองเข้าไปในกระจกเงาเหนืออ่างล้างหน้าสีขาวเรียบหรูผู้หญิงคนนี้ไง ที่เจ้าบ่าวไม่ต้องการ...น้ำใสๆ เอ่อล้นขอบตา แต่ก็กะพริบตาไล่มันให้จางหายไปได้ในที่สุดมือเล็กยกขึ้นปลดเสื้อผ้าออกจากร่างกาย มันค่อนข้างยากลำบากเพราะซิปอยู่ด้านหลัง แต่กระนั้นหล่อนก็พยายามทำจนสำเร็จ โดยไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากเขากายสาวเปลือ
เมื่อคืนหล่อนนอนพลิกกระสับกระส่ายอยู่นานเลยทีเดียวกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ และนั่นคงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หล่อนนอนหลับไม่รู้เรื่องจนกระทั่งถึงตอนนี้มือเล็กยกขึ้นขยี้ตา ก่อนจะรีบถลันตัวลุกขึ้นนั่ง มองหาโทรศัพท์มือถือของตนเองที่กำลังกรีดร้อง“อยู่ไหนนะ”หล่อนพยายามตั้งสติ ก่อนคิดได้ว่ามันอยู่ในกระเป๋าสะพายข้างของตนเอง ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งเท้าเปลือยขาวสะอาดรีบก้าวลงจากเตียง มุ่งหน้าไปคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหูทันที“ค่ะ อาเกส”“เพิ่งตื่นสิท่า”“เอ่อ... ค่ะ ว่าแต่อาเกสมีธุระด่วนเหรอคะถึงโทรหานางแต่เช้าตรู่เลย”“จะแปดโมงแล้วแม่คุณ ไม่เช้าตรู่แล้วล่ะ”หล่อนรีบหันไปมองนาฬิกาเรือนโตที่แขวนเอาไว้บนผนังห้อง ก่อนจะพบว่ามันไม่ใช่เช้าตรู่อย่างที่เกสราบอกจริงๆ“เอ่อ... นางขอโทษค่ะ นางนึกว่าเช้ามืดอยู่”เกสราไม่ได้ตำหนิอะไรออกมา นอกจากบอกจุดประสงค์ของตนเองมาตามสาย“เธอจะนอนจะตื่นตอนไหนมันก็เรื่องของเธอ แต่ที่ฉันโทรมาหาเธอก็เพราะว่าฉันมีเรื่องจะบอก”“เรื่องอะไรเหรอคะอาเกส”“ฉันจะกลับเมืองไทยแล้ว นี่ก็อยู่สนามบินแล้วด้วย”หล่อนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ “ทำไมอาเกสกลับปุ๊บปั๊บล่ะคะ ไหนว่าจ
“อ๋อ... ใช่ค่ะ... ฉันมีธุระจะถามคุณ”สายตาคมกริบกวาดจ้องมองไปทั่วทั้งใบหน้าซีดสลับแดงก่ำของหล่อน ก่อนที่มุมปากจะเหยียดยิ้มเล็กน้อย“เรื่อง?”“เอ่อ...”หล่อนปากสั่นไม่ต่างจากสองขา ความหล่อเหลาของเขารบกวนจิตใจและมีผลต่อสติปัญญาของหล่อนเหลือเกิน“มานั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปจะยุ่ง” เขาผายมือยังเก้าอี้ตัวข้างกาย“ไม่... เป็นไรค่ะ ฉันแข็งแรงดี”เขายิ้มเยาะเล็กน้อย มองหล่อนอย่างขบขัน “แต่ขาเธอสั่นพั่บๆ เลยนะ ฉันว่ามานั่งดีกว่า”หล่อนทั้งอับอายทั้งอดสู และก็ยอมเดินไปทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้ตามคำเชิญ แต่หล่อนเลือกที่จะนั่งห่างจากเขาออกมาพอสมควร เพราะการอยู่ใกล้ๆ กับชาร์ลี คือหายนะดีๆ นั่นเอง“ทีนี้ก็พูดธุระของเธอมาได้แล้ว”น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่สายตาของเขาทำไมมันมีเวทมนตร์แบบนี้นะ ยามที่สบประสานกับมัน หัวใจของหล่อนก็หกคะเมนตีลังกาจนวิงเวียน“เอ่อ...”เมื่อเห็นหล่อนอึกอัก เขาก็เลือกที่จะคาดเดาออกมาเอง “หรือว่าจะมาต่อรองเรื่องเงิน”“เรื่องเงิน?”“ก็เรื่องเงินพันเหรียญที่ฉันวางไว้บนหัวเตียงไงล่ะ มันไม่พอใช่ไหม อยากได้เท่าไหร่ล่ะ สามพันเหรียญ ห้าพันเหรียญ แต่ว่าถ้าหมื่นเหรียญฉันว่ามัน
หลังจากหล่อนเดินเล่นสำรวจสถานที่อยู่ใหม่เอี่ยมอ่องของตนเองอยู่เกือบครึ่งค่อนวัน ชาร์ลีก็ให้สาวใช้มาตามหล่อนไปพบที่ห้องนั่งเล่นชั้นสอง ซึ่งเป็นระเบียงที่ยืนออกไปจากตัวตึก ด้านบนมีไม้เถาที่ออกดอกสะพรั่งเลื้อยอยู่ให้ความร่มรื่นและชวนมองเหลือเกิน“คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”เขาเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือ เมื่อได้ยินคำถามของหล่อน“เข้ามานั่งก่อน เรามีเรื่องคุยกันยาวพอสมควร”หล่อนจำใจต้องเดินเข้าไปหาเขา และก็เลือกเก้าอี้ตัวที่ไกลจากเขาที่สุด แต่เขาแย้ง“มานั่งใกล้ๆ นี่ กลัวอะไรหรือ”“เอ่อ... เปล่าค่ะ...”หล่อนไม่ได้กลัวเขาสักหน่อย แต่ที่อยากอยู่ห่างๆ จากเขาก็เพราะว่ากลัวจะเผยความรู้สึกแท้จริงของหัวใจให้เขารู้ต่างหาก หล่อนไม่ต้องการเห็นรอยยิ้มหยันจากชาร์ลี“ถ้าไม่ได้กลัว ก็มานั่งใกล้ๆ นี่ ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบตะโกนคุย จำเอาไว้ด้วย”“ค่ะ”หล่อนหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใกล้กับเขา แต่ก็ยังอุตส่าห์ที่จะเลื่อนหนีออกมาเท่าที่จะทำได้ เขามองด้วยรอยยิ้มขบขันแต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรออกมา“คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”“หายไปไหนมาตั้งหลายชั่วโมง”เขาจะมาถามทำไมกัน ในเมื่อเขาเป็นคนบอกหล่อนเองว่าให้ต่างคนต่างอยู่
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน
“ได้สิ แต่ว่ารอพี่กอล์ฟก่อนดีไหม”“รายนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถ้าได้ไปเดินคนเดียวน่ะ เดินเพลินไม่เรียกไม่กลับน่ะ”“งั้นก็ได้จ้ะ”ฟ้าใสอมยิ้ม ก่อนจะเดินนำหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตนเองโปรดปราน“ร้านนี้นะ ฉันเคยกินแล้วอร่อยมาก”“ได้สิ”ช้องนางเดินตามร่างของฟ้าใสเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น ความรู้สึกของหล่อนยังคงมึนอึน และไม่สดใส“เฮ้ยนั่นมัน...”หล่อนกับฟ้าใสเดินเกือบจะถึงโต๊ะว่างอยู่แล้ว แต่ฟ้าใสก็หยุดเดินเสียก่อน พร้อมกับหันมากระซิบกระซาบเบาๆ“ผู้ชายคนนั้นไง... นั่นน่ะ โต๊ะนั่นน่ะ”หล่อนมองไปตามสายตาพยักพเยิดของฟ้าใส แต่ก็ไม่เห็นใครน่าสนใจเลย“ใครเหรอฟ้า”“ก็ผู้ชายที่ฉันบอกว่าหล่อวัวตายควายล้มไงล่ะ”หล่อนยังคงมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าคนไหน“คนนั้นน่ะ ที่ยกเมนูขึ้นดูอยู่น่ะ”“เอาเมนูบังหน้าไว้ขนาดนั้น เธอยังจำได้อีกเหรอฟ้า” ช้องนางอดที่จะแซวเพื่อนไม่ได้“ก็ตอนที่ฉันเห็น เขาไม่ได้เอาเมนูปิดหน้านี่นา นี่ๆ ไปนั่งโต๊ะว่างข้างๆ เขากัน”“อย่าเลยฟ้า... นางว่า...”ฟ้าใสไม่สนใจคำทัดทานของหล่อน เพราะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะติดกับผู้ชายคนนั้นทันที หล่อนจำต้องเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก“นั่งๆ”ฟ้าใสเจ
สามวันต่อมา... ชีวิตของช้องนางก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ เมื่อร่างกายของหล่อนไร้หัวใจเสียแล้ว ทุกๆ นาที ในหัวของหล่อนจะคิดถึงชาร์ลี และมันก็วน มันก็เวียนอยู่แบบนี้ จนหล่อนรู้สึกปวดร้าวราวจนแทบอยากจะหยุดหายใจหล่อนรู้ดีว่าการลืมรักมันยากเย็นแค่ไหน หากพยายามเวลาจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจให้เอง แต่สำหรับหล่อนแล้ว เวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายหยาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเห็นเกสราเดินเข้ามาหา“สวัสดีค่ะอาเกส”“จะออกไปไหนแต่เช้าเลยล่ะช้องนาง”“นาง... จะออกไปซื้ออาหารสดที่ห้างแถวนี้น่ะค่ะ” หล่อนพยายามปั้นเสียงตอบให้ปกติที่สุด“ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปซื้อล่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”“นางอยากมีอะไรทำน่ะค่ะ อยู่เฉยๆ นางรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เอามากๆ”เกสรายกมือขึ้นแตะท่อนแขนกลมกลึงของหลานสาวอย่างเข้าใจความรู้สึกที่เจ้าตัวกำลังพยายามเก็บซ่อนเอาไว้“งั้นก็ไปเถอะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก”หล่อนฝืนยิ้มให้กับเกสรา ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และขับออกไปในที่สุดเกสรามองตามท้ายรถของหลานสาวไปด้วยความเป็นกังวลไม่น้อย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นเบอร์ที่โชว์หน้าจอโทรศัพท์ไม่คุ้นตาเลย ทำให้เกสราอดที่
ช้องนางจ่ายเงินค่าโดยสารให้กับรถแท็กซี่ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาภายในบ้านหล่อนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความคิดถึง ที่นี่ยังเหมือนเดิม ยังเป็นบ้านของหล่อนเหมือนเดิมหล่อนยืนอยู่กลางห้องโถง มองดูความสะอาดสะอ้านของข้าวของเครื่องใช้ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง“นาง...”เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นบิดา...บิดาที่เคยติดเหล้างอมแงมจนขาดสติ แต่ตอนนี้กลับเดินเหินได้ และใบหน้าสดชื่นขึ้นหล่อนปล่อยกระเป๋าเดินทางออกจากมือ และวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เป็นเอกลักษณ์ติดตัวของท่านไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว“นางคิดถึงพ่อจังค่ะ”“พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”หล่อนเดินกอดแขนบิดาไปนั่งบนโซฟา มองท่านซ้ำไปซ้ำมาด้วยความดีใจ“พ่อเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ นางดีใจจัง”“ก็ได้อาเกสของลูกนั่นแหละที่ช่วยเหลือพาพ่อไปบำบัด นี่คุณหมอก็เพิ่งให้พ่อกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านเมื่อวานเองนะ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอลูก”เกสราทำตามที่รับปากกับหล่อนเอาไว้จริงๆ ช้องนางน้ำตาไหลด้วยความดีใจ“ว่าแต่ลูกเถอะนาง... เป็นยังไงบ้าง พ่อขอโทษนะที่ป่วยจนไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของลูกได้”“พ่อ