ในที่สุดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสก็ถูกจัดขึ้น โดยที่ไม่มีญาติพี่น้องคนใดของหล่อนเดินทางมาร่วมงานนอกเสียจากเกสราเพียงคนเดียว เพราะทุกอย่างถูกจัดขึ้นกะทันหัน ตามความต้องการของเกสราและแคทเธอรีน
หล่อนจำได้ว่าตัวเองยืนเกร็งอยู่ข้างเรือนกายสูงใหญ่ของชาร์ลี หัวใจสาวไม่ได้รู้สึกสดชื่นยินดีอย่างที่ทุกคนอวยพรเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ดีว่าตนเองเป็นแค่ภรรยาหุ่นเชิดของผู้ชายคนนี้เท่านั้น
คำอวยพรมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหู หล่อนจำต้องฝืนยิ้มเอาไว้ ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วต้องการร้องไห้มากกว่า ในขณะที่เจ้าบ่าวผู้เลอโฉมอย่างชาร์ลีกลับยิ้มแย้มแจ่มใส ก็แน่ล่ะ ในเมื่อเขากำลังจะได้ในสิ่งต้องการนี่นา
หญิงสาวกำมือที่ทิ้งอยู่ข้างกายแน่น บอกตัวเองให้ปลงซะ และยอมรับความเป็นจริง แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกิน
ช้องนางในชุดเจ้าสาวแสนสวยราวกับเจ้าหญิงอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองว่าที่สามีที่เป็นผู้ชายในฝันของสาวน้อยสาวใหญ่ทั่วโลก หลายพันหลายหมื่นสาวงามคงนึกอยากมายืนแทนที่หล่อน โดยหารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่สวรรค์อย่างที่นึกฝันเลย
หล่อนลอบถอนใจออกมาแผ่วเบา ขณะพยายามที่จะหาเรื่องปลีกตัวออกจากสถานการณ์อึดอัดตรงนี้ แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่เป็นใจเลย เพราะทันทีที่หล่อนขยับปากจะเอ่ยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แขกผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับทักทายชาร์ลีอย่างเป็นกันเอง
“เฮ้ย ยินดีด้วยนะโว้ยเพื่อน” ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีดวงตาสีเขียวเอ่ยขึ้น พร้อมกับตบบ่ากว้างของชาร์ลีเบาๆ
“ขอบใจไอ้แม็ก”
“ฉันก็ดีใจกับนายด้วยว่ะ ไม่คิดว่าจะแต่งงานรวดเร็วจนเพื่อนๆ ตั้งตัวไม่ทันกันแบบนี้”
ผู้ชายอีกคนที่ความหล่อเหลากินกันไม่ลง เจ้าของดวงตาสีน้ำตาล ผิวคล้ามแดดขึ้นบ้าง
“ขอบใจไอ้เคน แล้วนี่ไม่เอาเมียมาด้วยหรือ”
“จะเอามาได้ยังไงล่ะวะ ก็นายเล่นเชิญกะทันหันแบบนี้ บินมาทันก็ดีแค่ไหนแล้ว”
ชาร์ลีระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะถามหาเพื่อนซี้อีกคนหนึ่ง “แล้วไอ้อเล็กมันหายหัวไปไหนวะเนี่ย ไม่เห็นมาอวยพรฉันเลย ไหนพวกนายบอกว่ามันมาถึงเลแวนต้าแล้วไง”
“มันไปเข้าห้องน้ำน่ะ เดี๋ยวคงมา นั่นไงมาพอดีเลย” แม็กซิมัสพูดขึ้น
“ตายยากจังนะไอ้อเล็ก” ชาร์ลีเอ่ยทักทายเพื่อนหน้าตาหล่อสุดผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีฟ้าสวย
พระเจ้า... นี่หล่อนกำลังยืนอยู่ในดงเทพบุตรอย่างนั้นเหรอ นี่ถ้าต้องเลือกคนใดคนหนึ่งเป็นคนรัก หล่อนคงจะต้องใช้เวลาคิดทบทวนเจ็ดวันเจ็ดคืนเลยทีเดียว เพราะทุกคนหล่อระเบิดระเบ้อเหลือเกิน
“ฉันปวดท้องน่ะ ก็เลยนั่งนานไปหน่อย ว่าแต่นี่จะไม่แนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักเจ้าสาวหน่อยหรือไอ้ชาร์ล”
ผู้ชายตาสีฟ้าสวยมองมาที่หล่อน และระบายยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ซึ่งก็ไม่ต่างจากเพื่อนของชาร์ลีสองคนก่อนหน้า
ชาร์ลีหันมามองหล่อน และระบายยิ้มเล็กน้อย “นี่ช้องนาง เจ้าสาวของฉัน”
หล่อนรีบกล่าวทักทายสามหนุ่มสุดหล่อ ตามด้วยการยกมือขึ้นไหว้ตามประเพณีของบ้านเกิด
“สวัสดีค่ะ เอ่อ คุณ...”
“ผมอเล็กซิสครับ เรียกอเล็กเฉยๆ ก็ได้”
“ส่วนผมแม็กซิมัสครับ เรียกแม็กสั้นๆ ได้เลยครับ”
“ผมเคลวินครับ ไอ้ชาร์ลมันเรียกจิกหัวผมว่าไอ้เคนครับ”
หล่อนระบายยิ้มหวานให้กับทั้งสามคน และพูดคุยกับพวกเขาอย่างเป็นกันเอง จนกระทั่งชาร์ลีเอียงหน้าต่ำลงมากระซิบตำหนิเบาๆ ที่ข้างหู
“เพื่อนฉันมีเจ้าของแล้วทุกคน ดังนั้นล้มเลิกความคิดที่จะทอดสะพานเถอะ”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณคิดสักหน่อยค่ะ”
หล่อนกระซิบกระซาบตอบไปด้วยเสียงแผ่วเบา และได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น
“งั้นก็เลิกยิ้มหวาน และพูดคุยเป็นกันเองได้แล้ว ฉันไม่อยากขายหน้าเพื่อนสนิท”
สายตาคมกริบของชาร์ลีที่ทอดมองมานั้นมืดลึก และเป็นไปด้วยคำสั่ง
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง และก็ตัดสินใจว่าควรจะปลีกตัวไปสงบสติอารมณ์ที่อื่นแทน
“เอ่อ... นางขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะทุกคน”
“ให้ผมช่วยถือชายกระโปรงให้ไหมครับ ท่าทางจะเดินลำบาก” อเล็กซิสเสนอตัวช่วยเหลือ แต่ก็ถูกเคลวินสกัดดาวรุ่งเสียก่อน
“นี่เจ้าสาวของไอ้ชาร์ลนะโว้ย ละเว้นบ้างไอ้อเล็ก”
“แหม ฉันก็แค่พยายามมีน้ำใจเท่านั้นเอง” อเล็กซิสแก้ตัว ในขณะที่ช้องนางก้าวเดินจากไป
ชาร์ลีมองตามไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมาพูดกับเพื่อนสนิททั้งสามคนของตนเอง
“ดื่มอะไรกันมาหรือยัง ไป... ฉันจะพาไปที่บาร์เครื่องดื่ม”
“เฮ้ย ไม่ต้องหรอก นายต้องรับแขกไม่ใช่หรือไง อย่าลืมสินี่งานแต่งงานนายนะโว้ย ไอ้ชาร์ล” แม็กซิมัสเอ่ยเตือนขึ้น ในขณะที่ชาร์ลีมีสีหน้าเคร่งเครียด
“พวกแกก็รู้ว่าหัวใจฉันเป็นของใคร”
เคลวินถอนใจออกมายาวเหยียด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณช้องนางก็สวยนะโว้ย ดูบอบบางน่าทะนุถนอมเหมือนตุ๊กตาแก้วเลย ฉันว่านายควรจะหยุดคิดเกินเลยกับไลลา และหันมาสนใจภรรยาของตัวเองดีกว่า”
“ความรักมันสั่งให้หยุดได้ง่ายๆ ก็ดีน่ะสิ”
“นายก็ต้องพยายามสิวะ ไม่ใช่คิดจะใช้เมียตัวเองเป็นหุ่นเชิด แล้วก็กลับไปคบหากับน้องสาวบุญธรรมของตัวเองต่อเหมือนเดิม มันไม่ยุติธรรมนะโว้ย” เคลวินยังคงเตือนสติเพื่อนรัก
“ใช่ ฉันเห็นด้วยกับไอ้เคน นายควรจะหยุดทุกอย่างที่ไม่ดี และก็หันมาภาคภูมิใจกับเมียของตัวเอง นี่ฉันจะบอกอะไรให้นะไอ้ชาร์ล นี่ถ้าฉันเจอคุณช้องนางก่อนนาย ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอเด็ดขาด ผู้หญิงสวยขนาดนี้ นายโง่หรือไงวะที่ไม่หวั่นไหว” อเล็กซิสก็มีความคิดเห็นไม่ต่างจากเคลวินและแม็กซิมัส
ชาร์ลีถอนใจยาวเหยียด “ขอบใจพวกนายนะที่หวังดีกับฉัน แต่ฉันรักไลลาคนเดียว”
เพื่อนทั้งสามคนทำได้แค่มองตากันด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะถอนใจออกมา
“จะทำอะไรก็คิดให้มันรอบคอบ พวกฉันเป็นห่วงนายนะ ชาร์ล”
“ขอบใจวะไอ้แม็ก และก็พวกแกด้วย ไอ้เคน ไอ้อเล็ก แต่ฉันเลือกทางเดินตัวเองแล้ว และก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีก ซึ่งช้องนางเองก็รู้ดีว่าเธอมีหน้าที่แค่ไหน”
“ว่าแล้วเชียว หน้าเจ้าสาวถึงดูไม่สดใสเอาเสียเลย” อเล็กซิสบ่นออกมา แต่ชาร์ลีไม่ได้ใส่ใจ
“งั้นพวกนายเข้าไปหาอะไรดื่มในงานก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวช้องนางกลับมา ฉันจะปลีกตัวไปหาพวกนาย”
“ไม่เป็นไรหรอก นายรับแขกไปเถอะ พวกเราดื่มกันเองได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยหาเวลามาดื่มด้วยกัน” แม็กซิมัสเอ่ยขึ้น ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในงานเลี้ยงหรูหรา
เมื่ออยู่ตามลำพัง ใบหน้าของชาร์ลีก็เคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิมมากมาย
ประตูห้องหอปิดลงหลังจากญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายของชาร์ลีเดินออกไปหล่อนขยับขาที่ถูกเหน็บชาเล่นงานออกไปข้างหน้าเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อย ในขณะที่ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามียังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมหล่อนรู้สึกประหม่า ขลาดกลัว และอึดอัด ในเวลาแบบนี้ หากเป็นงานแต่งงานทั่วไป เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวคงจะมองตากันหยาดเยิ้มหวานฉ่ำ แต่มันไม่ใช่สำหรับคู่แต่งงานของหล่อนช้องนางทอดถอนใจอยู่ภายในอก และก็อดจะลอบชำเลืองมองร่างกายองอาจผึ่งผายของชาร์ลีอีกครั้งไม่ได้เขาหล่อเรียบหรูอยู่ในชุดสูทสีขาวเฉกเช่นเดียวกับชุดราตรียาวของหล่อน ท่าทางของเขาน่าเกรงขาม และเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ จนหล่อนหวาดวิตกยิ่งนัก“เอ่อ...”หล่อนอึกอักได้แค่นั้น ก็ต้องรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกายสาว เมื่อดวงตาสีอำพันตวัดจ้องมองมา สายตาของเขามองอ้อยอิ่ง กวาดมองไปทั่วเรือนร่างอรชรอย่างพิจารณา ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาขึ้นมาสบตากับดวงตาที่เบิกโพลงของหล่อน“ตกลงว่าจะเอายังไง” น้ำเสียงของเขาทุ้มลึก แต่กระนั้นมันก็มีผลต่อกายสาวเหลือเกินร่างกายของหล่อนสั่นสะท้าน และเพียงแค่สบประสานสายตากับเขาเท่านั้น เนื้อตัวสาวก็ร้อนผะผ่าวแปลกประหลาด ความปรารถน
เขาเข้าไปอาบน้ำไม่นานนัก แต่สำหรับความรู้สึกของคนรออย่างหล่อนแล้วมันยาวนานเหลือเกิน และยิ่งเห็นเขาก้าวออกมาในสภาพมีเพียงเสื้อคลุมสีเทาตัวเดียวห่อหุ้มกายหนุ่ม สองแก้มของหล่อนก็ร้อนผะผ่าวทันที“เข้าไปอาบน้ำเถอะ”“เอ่อ.. ค่ะ...”หล่อนลุกขึ้นจากโซฟาริมหน้าต่างที่ตนเองจะใช้เป็นที่นอนในค่ำคืนนี้ จากนั้นก็พุ่งตัวตรงไปยังห้องน้ำ แต่ก็ต้องเดินสวนกับชาร์ลี และก็เหมือนสวรรค์ยังกลั่นแกล้งไม่หนำใจ เพราะแขนของหล่อนดันไปสีกับท่อนแขนกำยำของเขาหน้าแดงเถือกของหล่อนยิ่งทวีความร้อนแทบไหม้ หล่อนมองเขาตาตื่นๆ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ในขณะที่เขาไม่ได้แสดงทีท่าอะไรเลยออกมาเมื่อประตูห้องน้ำปิดลง หล่อนก็เป่าปากออกมาอย่างโล่งอก ภาวนาให้ตนเองรับมือกับเสน่ห์ของชาร์ลีได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ดวงตากลมโตมองเข้าไปในกระจกเงาเหนืออ่างล้างหน้าสีขาวเรียบหรูผู้หญิงคนนี้ไง ที่เจ้าบ่าวไม่ต้องการ...น้ำใสๆ เอ่อล้นขอบตา แต่ก็กะพริบตาไล่มันให้จางหายไปได้ในที่สุดมือเล็กยกขึ้นปลดเสื้อผ้าออกจากร่างกาย มันค่อนข้างยากลำบากเพราะซิปอยู่ด้านหลัง แต่กระนั้นหล่อนก็พยายามทำจนสำเร็จ โดยไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากเขากายสาวเปลือ
เมื่อคืนหล่อนนอนพลิกกระสับกระส่ายอยู่นานเลยทีเดียวกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ และนั่นคงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หล่อนนอนหลับไม่รู้เรื่องจนกระทั่งถึงตอนนี้มือเล็กยกขึ้นขยี้ตา ก่อนจะรีบถลันตัวลุกขึ้นนั่ง มองหาโทรศัพท์มือถือของตนเองที่กำลังกรีดร้อง“อยู่ไหนนะ”หล่อนพยายามตั้งสติ ก่อนคิดได้ว่ามันอยู่ในกระเป๋าสะพายข้างของตนเอง ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งเท้าเปลือยขาวสะอาดรีบก้าวลงจากเตียง มุ่งหน้าไปคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหูทันที“ค่ะ อาเกส”“เพิ่งตื่นสิท่า”“เอ่อ... ค่ะ ว่าแต่อาเกสมีธุระด่วนเหรอคะถึงโทรหานางแต่เช้าตรู่เลย”“จะแปดโมงแล้วแม่คุณ ไม่เช้าตรู่แล้วล่ะ”หล่อนรีบหันไปมองนาฬิกาเรือนโตที่แขวนเอาไว้บนผนังห้อง ก่อนจะพบว่ามันไม่ใช่เช้าตรู่อย่างที่เกสราบอกจริงๆ“เอ่อ... นางขอโทษค่ะ นางนึกว่าเช้ามืดอยู่”เกสราไม่ได้ตำหนิอะไรออกมา นอกจากบอกจุดประสงค์ของตนเองมาตามสาย“เธอจะนอนจะตื่นตอนไหนมันก็เรื่องของเธอ แต่ที่ฉันโทรมาหาเธอก็เพราะว่าฉันมีเรื่องจะบอก”“เรื่องอะไรเหรอคะอาเกส”“ฉันจะกลับเมืองไทยแล้ว นี่ก็อยู่สนามบินแล้วด้วย”หล่อนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ “ทำไมอาเกสกลับปุ๊บปั๊บล่ะคะ ไหนว่าจ
“อ๋อ... ใช่ค่ะ... ฉันมีธุระจะถามคุณ”สายตาคมกริบกวาดจ้องมองไปทั่วทั้งใบหน้าซีดสลับแดงก่ำของหล่อน ก่อนที่มุมปากจะเหยียดยิ้มเล็กน้อย“เรื่อง?”“เอ่อ...”หล่อนปากสั่นไม่ต่างจากสองขา ความหล่อเหลาของเขารบกวนจิตใจและมีผลต่อสติปัญญาของหล่อนเหลือเกิน“มานั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปจะยุ่ง” เขาผายมือยังเก้าอี้ตัวข้างกาย“ไม่... เป็นไรค่ะ ฉันแข็งแรงดี”เขายิ้มเยาะเล็กน้อย มองหล่อนอย่างขบขัน “แต่ขาเธอสั่นพั่บๆ เลยนะ ฉันว่ามานั่งดีกว่า”หล่อนทั้งอับอายทั้งอดสู และก็ยอมเดินไปทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้ตามคำเชิญ แต่หล่อนเลือกที่จะนั่งห่างจากเขาออกมาพอสมควร เพราะการอยู่ใกล้ๆ กับชาร์ลี คือหายนะดีๆ นั่นเอง“ทีนี้ก็พูดธุระของเธอมาได้แล้ว”น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่สายตาของเขาทำไมมันมีเวทมนตร์แบบนี้นะ ยามที่สบประสานกับมัน หัวใจของหล่อนก็หกคะเมนตีลังกาจนวิงเวียน“เอ่อ...”เมื่อเห็นหล่อนอึกอัก เขาก็เลือกที่จะคาดเดาออกมาเอง “หรือว่าจะมาต่อรองเรื่องเงิน”“เรื่องเงิน?”“ก็เรื่องเงินพันเหรียญที่ฉันวางไว้บนหัวเตียงไงล่ะ มันไม่พอใช่ไหม อยากได้เท่าไหร่ล่ะ สามพันเหรียญ ห้าพันเหรียญ แต่ว่าถ้าหมื่นเหรียญฉันว่ามัน
หลังจากหล่อนเดินเล่นสำรวจสถานที่อยู่ใหม่เอี่ยมอ่องของตนเองอยู่เกือบครึ่งค่อนวัน ชาร์ลีก็ให้สาวใช้มาตามหล่อนไปพบที่ห้องนั่งเล่นชั้นสอง ซึ่งเป็นระเบียงที่ยืนออกไปจากตัวตึก ด้านบนมีไม้เถาที่ออกดอกสะพรั่งเลื้อยอยู่ให้ความร่มรื่นและชวนมองเหลือเกิน“คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”เขาเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือ เมื่อได้ยินคำถามของหล่อน“เข้ามานั่งก่อน เรามีเรื่องคุยกันยาวพอสมควร”หล่อนจำใจต้องเดินเข้าไปหาเขา และก็เลือกเก้าอี้ตัวที่ไกลจากเขาที่สุด แต่เขาแย้ง“มานั่งใกล้ๆ นี่ กลัวอะไรหรือ”“เอ่อ... เปล่าค่ะ...”หล่อนไม่ได้กลัวเขาสักหน่อย แต่ที่อยากอยู่ห่างๆ จากเขาก็เพราะว่ากลัวจะเผยความรู้สึกแท้จริงของหัวใจให้เขารู้ต่างหาก หล่อนไม่ต้องการเห็นรอยยิ้มหยันจากชาร์ลี“ถ้าไม่ได้กลัว ก็มานั่งใกล้ๆ นี่ ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบตะโกนคุย จำเอาไว้ด้วย”“ค่ะ”หล่อนหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใกล้กับเขา แต่ก็ยังอุตส่าห์ที่จะเลื่อนหนีออกมาเท่าที่จะทำได้ เขามองด้วยรอยยิ้มขบขันแต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรออกมา“คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”“หายไปไหนมาตั้งหลายชั่วโมง”เขาจะมาถามทำไมกัน ในเมื่อเขาเป็นคนบอกหล่อนเองว่าให้ต่างคนต่างอยู่
“เดินทางปลอดภัยกันนะพ่อชาร์ล หนูช้องนาง” แคทเธอรีน ออกมาส่งหล่อนกับชาร์ลีที่รถคันงามหล่อนกล่าวขอบคุณพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ แคทเธอรีนมองมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปกำชับลูกชายอีกครั้ง“ดูแลน้องดีๆ นะพ่อชาร์ล”ดวงตาสีอำพันของชาร์ลีเลื่อนมามองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนกลับไปมองหน้าแคทเธอรีน“ครับท่านแม่”“งั้นไปเถอะ เดี๋ยวจะตกเครื่องเอา”“งั้นผมไปนะครับ”ชาร์ลีสวมกอดแคทเธอรีน ในขณะหล่อนมือขึ้นไหว้ตามมารยาทของคนไทยแทนรถคันงามที่มีคนขับเป็นชายสูงวัยเคลื่อนออกจากหน้าคฤหาสน์หลังหรูหรา มุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินประจำชาติของเลแวนต้าตลอดเส้นทางหล่อนรู้สึกเหมือนกับตกอยู่ในนรก ความเงียบงันกำลังกลืนกินจิตวิญญาณของหล่อนจนหมดสิ้น ความโศกเศร้าไร้ความสุขคลืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆหล่อนคงไม่รู้จักทรมานใจแบบนี้ หากหัวใจไม่แอบรักชาร์ลี เฮนเดอร์สันเข้าเต็มเปาชาร์ลีนั่งอยู่เคียงข้างก็จริง แต่เขาไม่ได้แม้แต่จะหันมามองหล่อน ดวงตาของเขาจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลาหล่อนพอจะเดาได้ไม่ยากว่าชาร์ลีกำลังอ่านข้อความของใคร กลีบปากอิ่มเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ดวงตาหวานอมเศร้าค่อยๆ ปรือปิดลง เ
หล่อนกับชาร์ลีมาถึงโรงแรมในช่วงหัวค่ำของวันเดียวกันนั้น เขารีบพาหล่อนเข้ามาที่ล็อบบี้ บอกเลขห้องพักที่ไลลาเป็นคนจัดการจองเอาไว้ให้ จากนั้นก็พาหล่อนขึ้นไปยังชั้นบนสุดของโรงแรมเจ็ดดาวด้วยความรีบร้อนลิฟต์ตัวใหญ่พาหล่อนกับเขาขึ้นมาบนชั้นที่ต้องการ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดกว้างออก เขาก็รีบเดินออกไป โดยไม่มองเลยว่าหล่อนจะเดินตามออกมาหรือไงหล่อนเดินตามเขาออกมาจากลิฟต์เงียบๆ จากนั้นก็ก้าวเท้าตรงไปยังห้องพักที่เห็นเขาหายเข้าไป ก่อนจะพบกับภาพบาดตาบาดใจ ไลลารออยู่ในนั้น และทั้งสองคนกำลังจูบปากกันอย่างดูดดื่มหล่อนน้ำตาร่วง จนต้องรีบกะพริบตาถี่ๆ เพื่อซ่อนความชอกช้ำนั้นเอาไว้ พร้อมกับกระแทกกระเป๋าเดินทางแรงๆ เพื่อส่งสัญญาณให้สองคนที่กัดปากกันอยู่รู้ตัวว่ายังมีหล่อนยืนหัวโด่อยู่อีกคนชาร์ลีหันมามองหล่อน แต่ยังไม่ยอมปล่อยไลลาออกจากอ้อมแขนแม้แต่น้อย“ฉันจะอยู่ห้องนี้กับไลลา ส่วนเธออยู่ห้องติดกันนะ” แล้วเขาก็ยื่นคีย์การ์ดอีกห้องให้กับหล่อนมือขาวสะอาดสั่นเทายื่นไปรับคีย์การ์ดจากมือใหญ่ จากนั้นก็ฝืนใจพูด“คุณจะอยู่ที่นี่กี่วันคะ”“กี่วันดีไลลา”ชาร์ลีเอ่ยถามไลลาเสียงอ่อนโยนจนน่าหมั่นไส้ ในขณะที่ไลลาก็ฉ
แต่ก็มีหล่อนคนเดียวเท่านั้นแหละที่หวั่นไหว ช้องนางคิดอย่างปลงตก“ขอบใจนะที่ช่วยโกหกท่านแม่”“ก็ฉันไม่มีทางเลือกนี่คะ”เขาไหวไหล่กว้างน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น ทำเหมือนกับว่าตนเองเป็นคนมีน้ำใจ“แล้วนี่เพิ่งตื่นหรือ”“ค่ะ”“คงเพลียจากการเดินทาง”หล่อนตวัดตาขึ้นมองคนที่ทำท่าทางกระปรี้กระเปร่าจนน่าหมั่นไส้ และก็อดที่จะเหน็บแนมไม่ได้“ก็ใครจะอึดจะถึกเหมือนคุณล่ะคะ ขนาดเดินทางมาตั้งไกล ยังมีแรงเหลือทำอย่างอื่น”เขาหรี่ตาแคบมองหล่อน ก่อนจะอมยิ้ม “นี่เธอคงไม่ได้แอบฟังฉันกับไลลาหรอกนะ”หล่อนหน้าแดงก่ำ เสหลบสายตาคาดคั้นของคนตัวโต “เปล่า ฉันจะไปแอบฟังอะไรพวกคุณ นี่ออกไปได้แล้ว ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว”เขาไม่ออก แต่เอ่ยขึ้น “เพิ่งตื่นแบบนี้ คงหิวแย่ ฉันพาไปกินอาหารเอาไหม”“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้” หล่อนปฏิเสธ แต่เขายังดื้อดึง“เอาน่า ถือว่าฉันตอบแทนที่เธอช่วยโกหกท่านแม่ให้เมื่อกี้นี้ก็ได้ ไป... ไปหาอะไรกินกันเถอะ”เขาถือวิสาสะกุมข้อมือของหล่อน และรั้งให้หล่อนเข้ามาใกล้อย่างไร้ทางเลือก“นี่คุณปล่อยแขนฉันนะ”“อย่าคิดมากน่ะ ฉันไม่ได้คิดจะลวนลามอะไรเธอสักหน่อย”หล่อนพยายามขืนตัว แต่เขาแรงเยอะ
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน
“ได้สิ แต่ว่ารอพี่กอล์ฟก่อนดีไหม”“รายนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถ้าได้ไปเดินคนเดียวน่ะ เดินเพลินไม่เรียกไม่กลับน่ะ”“งั้นก็ได้จ้ะ”ฟ้าใสอมยิ้ม ก่อนจะเดินนำหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตนเองโปรดปราน“ร้านนี้นะ ฉันเคยกินแล้วอร่อยมาก”“ได้สิ”ช้องนางเดินตามร่างของฟ้าใสเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น ความรู้สึกของหล่อนยังคงมึนอึน และไม่สดใส“เฮ้ยนั่นมัน...”หล่อนกับฟ้าใสเดินเกือบจะถึงโต๊ะว่างอยู่แล้ว แต่ฟ้าใสก็หยุดเดินเสียก่อน พร้อมกับหันมากระซิบกระซาบเบาๆ“ผู้ชายคนนั้นไง... นั่นน่ะ โต๊ะนั่นน่ะ”หล่อนมองไปตามสายตาพยักพเยิดของฟ้าใส แต่ก็ไม่เห็นใครน่าสนใจเลย“ใครเหรอฟ้า”“ก็ผู้ชายที่ฉันบอกว่าหล่อวัวตายควายล้มไงล่ะ”หล่อนยังคงมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าคนไหน“คนนั้นน่ะ ที่ยกเมนูขึ้นดูอยู่น่ะ”“เอาเมนูบังหน้าไว้ขนาดนั้น เธอยังจำได้อีกเหรอฟ้า” ช้องนางอดที่จะแซวเพื่อนไม่ได้“ก็ตอนที่ฉันเห็น เขาไม่ได้เอาเมนูปิดหน้านี่นา นี่ๆ ไปนั่งโต๊ะว่างข้างๆ เขากัน”“อย่าเลยฟ้า... นางว่า...”ฟ้าใสไม่สนใจคำทัดทานของหล่อน เพราะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะติดกับผู้ชายคนนั้นทันที หล่อนจำต้องเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก“นั่งๆ”ฟ้าใสเจ
สามวันต่อมา... ชีวิตของช้องนางก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ เมื่อร่างกายของหล่อนไร้หัวใจเสียแล้ว ทุกๆ นาที ในหัวของหล่อนจะคิดถึงชาร์ลี และมันก็วน มันก็เวียนอยู่แบบนี้ จนหล่อนรู้สึกปวดร้าวราวจนแทบอยากจะหยุดหายใจหล่อนรู้ดีว่าการลืมรักมันยากเย็นแค่ไหน หากพยายามเวลาจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจให้เอง แต่สำหรับหล่อนแล้ว เวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายหยาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเห็นเกสราเดินเข้ามาหา“สวัสดีค่ะอาเกส”“จะออกไปไหนแต่เช้าเลยล่ะช้องนาง”“นาง... จะออกไปซื้ออาหารสดที่ห้างแถวนี้น่ะค่ะ” หล่อนพยายามปั้นเสียงตอบให้ปกติที่สุด“ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปซื้อล่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”“นางอยากมีอะไรทำน่ะค่ะ อยู่เฉยๆ นางรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เอามากๆ”เกสรายกมือขึ้นแตะท่อนแขนกลมกลึงของหลานสาวอย่างเข้าใจความรู้สึกที่เจ้าตัวกำลังพยายามเก็บซ่อนเอาไว้“งั้นก็ไปเถอะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก”หล่อนฝืนยิ้มให้กับเกสรา ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และขับออกไปในที่สุดเกสรามองตามท้ายรถของหลานสาวไปด้วยความเป็นกังวลไม่น้อย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นเบอร์ที่โชว์หน้าจอโทรศัพท์ไม่คุ้นตาเลย ทำให้เกสราอดที่
ช้องนางจ่ายเงินค่าโดยสารให้กับรถแท็กซี่ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาภายในบ้านหล่อนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความคิดถึง ที่นี่ยังเหมือนเดิม ยังเป็นบ้านของหล่อนเหมือนเดิมหล่อนยืนอยู่กลางห้องโถง มองดูความสะอาดสะอ้านของข้าวของเครื่องใช้ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง“นาง...”เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นบิดา...บิดาที่เคยติดเหล้างอมแงมจนขาดสติ แต่ตอนนี้กลับเดินเหินได้ และใบหน้าสดชื่นขึ้นหล่อนปล่อยกระเป๋าเดินทางออกจากมือ และวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เป็นเอกลักษณ์ติดตัวของท่านไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว“นางคิดถึงพ่อจังค่ะ”“พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”หล่อนเดินกอดแขนบิดาไปนั่งบนโซฟา มองท่านซ้ำไปซ้ำมาด้วยความดีใจ“พ่อเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ นางดีใจจัง”“ก็ได้อาเกสของลูกนั่นแหละที่ช่วยเหลือพาพ่อไปบำบัด นี่คุณหมอก็เพิ่งให้พ่อกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านเมื่อวานเองนะ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอลูก”เกสราทำตามที่รับปากกับหล่อนเอาไว้จริงๆ ช้องนางน้ำตาไหลด้วยความดีใจ“ว่าแต่ลูกเถอะนาง... เป็นยังไงบ้าง พ่อขอโทษนะที่ป่วยจนไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของลูกได้”“พ่อ