“พ่อคะ... พ่อส่งมันให้นางนะคะ อย่ากำมันแน่นแบบนั้น พ่อ... พ่อคะ...”
น้ำตาของหล่อนไหลรินออกมาด้วยความเวทนาในสภาพของบิดา แต่ท่านกลับไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมาเลยแม้แต่ความเจ็บปวดบาดแผล
“นา... ผมคิดถึงคุณ... นา...”
พ่อพึมพำคร่ำครวญถึงมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วของหล่อน น้ำตาของพ่อค่อยๆ ไหลรินอาบแก้ม
“พ่อจ๋า... พ่อ... พ่ออย่าทำแบบนี้เลยค่ะ อย่าทำร้ายตัวเองเลย แม่มองอยู่บนฟ้า... แม่คงไม่มีความสุขหรอกถ้าเห็นพ่อทำแบบนี้ เชื่อนางนะคะพ่อ...”
พ่อของหล่อนไม่ได้พูดคำใดออกมา ยอมปล่อยเศษแก้วออกจากมือ และก็ยอมให้หล่อนประคองขึ้นไปนั่งบนโซฟา
“พ่อรอนางอยู่ตรงนี้นะจ๊ะ นางไปเอาที่ทำแผลก่อน”
พ่อของหล่อนก็ไม่ได้ตอบเหมือนเดิม นั่งนิ่งราวกับมนุษย์ที่มีแค่ร่างกายแต่ไร้จิตวิญญาณ
หล่อนรีบเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ด้านนอก และรีบกลับมาทำแผลให้กับบิดาทันที
ระหว่างที่นั่งทำแผลให้กับท่าน บิดาไม่ได้พูดไม่ได้จาคำใดออกมาเลย หล่อนมองท่านผ่านม่านน้ำตา และก็ตัดสินใจแล้วว่าจะตอบตกลงทำตามความต้องการของเกสรา
“เสร็จแล้วจ้ะพ่อ”
หล่อนพูดกับท่าน แต่ท่านก็ยังทำเหมือนเดิมนั่นก็คือไม่พูดไม่จา นั่งเหม่อลอย
“เดี๋ยวนางไปเอาไม้กวาดมาทำความสะอาดห้องให้นะจ๊ะ”
หล่อนฝืนยิ้มให้กับบิดา และรีบลุกขึ้นไปหยิบไม้กวาดมาทำความสะอาดเศษแก้วที่ตกอยู่เกลื่อนห้องทั้งน้ำตา
ภายในห้องอาหารหรูหราที่ถูกตกแต่งอย่างประณีตสวยงาม อาหารจำนวนมากมายถูกยกมาจัดเรียงเพื่อปรนเปรอให้กับครอบครัวของแคทเธอรีนอิ่มเอมและพึงพอใจ
ลาซาลอสนั่งอยู่หัวโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ ข้างซ้ายของเขาคือแคทเธอรีนภรรยาผู้เป็นที่รัก ส่วนทางด้านขวาคือบุตรชายเพียงคนเดียวที่เขารักสุดหัวใจนั่นก็คือชาร์ลี และถัดจากชาร์ลีไปก็คือไลลา ลูกสาวบุตรธรรม
ไลลาไม่เคยรู้สึกเกร็งยามถูกสายตาของแคทเธอรีนมองแบบนี้มาก่อนเลย หล่อนรู้ดีว่าแม่บุญธรรมของตัวเองทั้งผิดหวังทั้งไม่พอใจกับความสัมพันธ์เกินเลยของหล่อนกับชาร์ลีมากแค่ไหน
“ไลลา เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าชาร์ลีกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมในเร็ววันนี้”
ไลลาช้อนตาขึ้นมองแคทเธอรีนเล็กน้อย ก่อนจะฝืนใจระบายยิ้มหวานออกมา
“ทราบแล้วค่ะท่านแม่”
แคทเธอรีนระบายยิ้มออกมา แต่ดวงตาของหล่อนไม่ได้รู้สึกยิ้มแย้มแม้แต่นิดเดียว
ไลลาตัวสั่นเทา มือไม้เย็นเฉียบ จนชาร์ลีที่นั่งอยู่ข้างกายต้องยื่นมือมาแตะที่ต้นขาเบาๆ เพื่อให้กำลังใจอย่างเงียบๆ
“ฉันหวังว่าเธอจะยินดีกับชาร์ลีด้วยนะไลลา”
“เอ่อ... หนูยินดีกับพี่ชาร์ลเสมอค่ะ”
“ถ้าเธอทำได้อย่างที่พูดมันก็จะดีมาก ไลลา”
แคทเธอรีนละสายตาจากไลลาไปมองหน้าสามีของตนเอง และเอ่ยขึ้นเพื่อหาแนวร่วมสนับสนุน
“จริงไหมคะคุณพี่”
“จริงครับที่รัก”
ลาซาลอสรีบตอบเอาอกเอาใจภรรยาสุดที่รัก ก่อนจะหันมามองหน้าบุตรชาย
“แกน่ะเวลาจะทำอะไรก็หัดคิดให้มันรอบคอบบ้าง อย่าทำผิดให้แม่เขาต้องลำบากใจอีกเข้าใจไหม ชาร์ลี”
“ครับท่านพ่อ”
ชาร์ลีไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากตอบรับออกไปตามที่บิดามารดาต้องการ ซึ่งที่เขาต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่า เขาไม่ต้องการทำให้ไลลาเดือดร้อนนั่นเอง
“ดีมาก”
ลาซาลอสกล่าวชมเชยลูกชายหลังจากตักอาหารใส่จานให้ภรรยาอย่างเอาอกเอาใจเสร็จแล้ว
“จำเอาไว้ว่าพี่น้องกัน รักกันไม่ได้ อย่าทำให้พ่อกับแม่ต้องอับอายขายหน้าอีก เธอด้วยไลลา”
“ค่ะ ท่านพ่อ”
ไลลากำช้อนในมือแน่นด้วยความเจ็บร้าวในอก หากกลับไปแก้ไขอดีตได้ หล่อนยอมเป็นเด็กข้างถนนแล้วมาพบรักกับชาร์ลี ดีกว่าการพบรักกับชาร์ลีในสถานะพี่น้องบุญธรรมแบบนี้ เพราะความสัมพันธ์แบบนี้ไม่มีใครเห็นด้วยเลย
“เอ่อ... หนูขอตัวก่อนนะคะ อิ่มแล้วค่ะ”
“น้องเพิ่งกินไปนิดเดียวเองนะ ไลลา”
ชาร์ลีเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง แต่ก็ต้องหยุดพูดแค่นั้น เมื่อเห็นสายตาดุๆ ของมารดา
“ไปเถอะ แต่ถ้าหิวก็สั่งให้คนใช้ยกไปให้ที่ห้องเลยก็ได้ ฉันไม่ว่าหรอก”
“ขอบคุณค่ะท่านแม่ งั้นหนูขอตัวก่อนค่ะ”
ไลลารีบเดินจากไป ในขณะที่ชาร์ลีห้ามตัวเองไม่ให้หันไปมองหญิงคนรักไม่ได้
“ชาร์ล” เสียงของแคทเธอรีนเข้มและเต็มไปด้วยความตำหนิกลายๆ
“ครับท่านแม่”
“ถ้าลูกยังแสดงท่าทางแบบนี้กับไลลาอีก แม่จะส่งไลลาไปอยู่ที่อื่น”
“ผมกำลังพยายามทำตามที่ท่านแม่ต้องการอยู่ครับ แต่เรื่องความรู้สึกมันต้องใช้เวลา” เขาตัดพ้อมารดา
“อย่าให้นานนักล่ะ เพราะอีกไม่กี่วันผู้หญิงเพียบพร้อมมากมายก็จะเดินทางมาที่นี่กันแล้ว แม่อยากให้พ่อชาร์ลเตรียมตัวให้ดี เลือกคนที่ด่างพร้อยน้อยที่สุด”
แม่ของเขาระบายยิ้มพึงพอใจ ในขณะที่เขากำลังเต็มไปด้วยความทุกข์ใจแสนสาหัส
ผู้หญิงที่เขาจะเลือกก็คงเป็นได้แค่เมียที่เขาเอาไว้ปกปิดความสัมพันธ์ของเขากับไลลาเท่านั้น เขาไม่มีทางรักผู้หญิงคนไหนอีกแล้วนอกจากไลลา
หลังจากจบอาหารมื้อเช้า เกสราก็เรียกหล่อนมาพบที่เดิม และทวงคำตอบจากหล่อน
“อารอคำตอบของเธออยู่นะ ช้องนาง”
หล่อนยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าของเกสรา สบประสานสายตาไม่หนีหาย ก่อนที่กลีบปากอิ่มสีแดงระเรื่อจะขยับ
“นางตกลงค่ะอาเกส”
รอยยิ้มพึงพอใจระบายบนใบหน้าของเกสรา “เธอตัดสินใจถูกต้องแล้วล่ะ เพราะทางนี้คือทางรอดเดียวของวัฒนาดิลก”
“แต่อาเกสจะต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนางนะคะ เรื่องของพ่อน่ะค่ะ”
“ไม่ต้องเป็นกังวล ฉันจะส่งตัวพี่ชัชไปบำบัดที่โรงพยาบาลของคนที่ฉันรู้จัก แต่ราคาค่อนข้างสูง ซึ่งฉันก็หวังว่าเธอจะพยายามจนสามารถเอาชนะผู้หญิงทุกคน และก้าวขึ้นไปเป็นภรรยาของมหาเศรษฐีรูปงามอย่างชาร์ลี เฮนเดอร์สันได้นะ”
“ค่ะ นางจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
“ดีมาก”
“เอ่อ... แล้วนางจะต้องทำยังไงต่อจากนี้คะ”
“เราจะบินไปเลแวนต้ากันในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับช่างแต่งหน้าช่างทำผมฝีมือเยี่ยม”
ช้องนางรู้สึกประหม่ากับสิ่งที่ได้ยินเหลือเกิน เพราะดูเหมือนเกสราจะคาดหวังกับเรื่องในครั้งนี้มาก
“นางว่า... เราไปกันแค่สองคนก็ได้นะคะ ช่างแต่งหน้ากับช่างทำผม นางว่าไม่จำเป็นหรอกค่ะ”
“ทำไมจะไม่จำเป็น”
เกสราตวัดสายตาตำหนิมองหลานสาว ขณะกวาดมองร่างของช้องนางทั้งตัว
“เธอคิดว่าสวยธรรมชาติมันจะสู้สวยด้วยเครื่องสำอางได้อย่างนั้นเหรอ ไม่มีทางเป็นไปได้ ทำตามที่อาบอกนั่นแหละ เราต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมที่สุด”
“ค่ะ... อาเกส” หล่อนไม่มีทางเลือกใดนอกจากตอบรับออกไปเท่านั้น
“แล้ววันนี้มีนัดกับใครหรือเปล่าล่ะ”
“นางมีนัดกับเพื่อนตอนบ่ายโมงค่ะ”
“ไปยกเลิกนัดให้หมด”
หล่อนมองเกสราด้วยความแปลกประหลาดใจกับคำสั่งเผด็จการที่ได้รับ
“ทำไมล่ะคะอาเกส”
“เพราะว่าเธอจะต้องเข้าคอร์สขัดผิว”
หล่อนก้มลงมองผิวของตัวเอง และพยายามโต้แย้งออกไป “แต่นางก็ขัดเนื้อขัดตัวทุกวันตอนอาบน้ำนะคะ ไม่น่าจะมีขี้ไคลอะไรหรอกค่ะอาเกส”
“ถึงเธอจะผิวสวยอยู่แล้ว แต่อาต้องการให้มันเนียนนุ่มเหมือนกับหยาดน้ำนม ดังนั้นทำตามที่อาสั่งเถอะ เพื่อความสำเร็จของวัฒนาดิลก”
หล่อนยืนอึ้งไป รู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าเหลือเกิน แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางปฏิเสธได้ นอกจากตอบรับ
“ค่ะ อาเกส”
“ดีมาก เดี๋ยวสิบโมงคนของร้านสปาจะมาถึง เธอเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”
“ค่ะ”
“แล้วให้ความร่วมมือด้วยล่ะ เพราะอาลงทุนด้วยเงินทั้งหมดของตัวเองเลย”
หล่อนจำต้องฝืนระบายยิ้มออกมา “ค่ะ อาเกส นางจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีค่ะ”
เกสราถอนใจออกมาด้วยความผ่อนคลายเมื่อได้ยินคำตอบของหลานสาว
“หลังจากขัดเนื้อขัดตัวเสร็จแล้ว ก็รีบไปจัดกระเป๋าเดินทาง เราจะบินพรุ่งนี้”
“แล้วเรื่องที่โรงเรียนของนางล่ะคะ”
“เธอสอบเสร็จแล้วนี่ คงไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนอีก แต่เพื่อความสบายใจของเธอ อาจะโทรไปแจ้งที่โรงเรียนให้ก็แล้วกัน”
หล่อนทำได้แค่ลอบถอนใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็ขออนุญาตปลีกตัวเดินจากมา
สาธารณรัฐเลแวนต้า (Lavanta Republic) คือประเทศที่อยู่ทางเหนือสุดของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีบางส่วนของประเทศติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีเมืองหลวงชื่อว่า เลแวนต์ ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศนับถือศาสนาคริสต์สาธารณรัฐเลแวนต้ามีการปกครองในระบบพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยในรัชสมัยปัจจุบันมีราชวงศ์ เฮนเดอร์สัน ปกครอง ซึ่งพระมหากษัตริย์มีพระนามว่า แดเนียล เฮนเดอร์สัน พระองค์มีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันสิบสองพระองค์ และหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าหญิง แคทเธอรีน เฮนเดอร์สัน นางผู้เลอโฉมเลื่องลือขจรไกล เจ้าชายมากมายต้องการเจ้าหญิงแคทเธอรีนเป็นภรรยา แต่เจ้าหญิงทรงเลือกหนุ่มต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในเลแวนต้าเป็นพระสวามีแทนการเลือกเจ้าชายสูงศักดิ์ ซึ่งตามกฎมณเฑียรบาลของเลแวนต้า เมื่อเจ้าหญิงสูงศักดิ์เลือกสมรสกับสามัญชนจะต้องถูกลดชั้นฐานันดรเหลือเพียงแค่คนธรรมดา ซึ่งเจ้าหญิงแคทเธอรีนก็ทรงเลือกความรัก ทำให้ตอนนี้เจ้าหญิงแคทเธอรีนกลายเป็นเพียงแค่ประชาชนในเลแวนต้าคนหนึ่งเท่านั้นแต่ถึงแม้เจ้าหญิงแคทเธอรีนจะไม่ได้อาศัยอยู่ในวังอีกต่อไปแล้ว แต่พระเชษฐาอย่างพระมหากษัตริย์แดเนียลที่ทรงเอ็นดูน้องสาวมากก็ทรงพระร
“แล้วถ้าผมไม่เลือกสักทาง และพาไลลาไปอยู่ที่อื่นล่ะครับ ท่านแม่จะอนุญาตไหมครับ”แคทเธอรีนส่ายหน้าปฏิเสธ มองใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะกำลังทุกข์ทรมานอย่างเห็นใจ แต่หล่อนทำตามความต้องการของลูกชายไม่ได้จริงๆ“ยังไงซะ ลูกกับไลลาก็รักกันไม่ได้”“แต่ผมกับน้องนอนด้วยกันแล้วนะครับ”“ลืมเรื่องนั้นซะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่”“ผม...”“ถ้าลูกยังขัดขืน และคิดจะแข็งข้อกับแม่ ไลลาจะเป็นคนที่เดือดร้อน”เขารู้ดีว่ามารดาไม่ได้ขู่ แต่ท่านทำได้จริงอย่างที่พูด เขารู้จักนิสัยของท่านดีแล้วนี่เขาจะทำยังไงดี...?ไลลา... เขารักไลลา แล้วจะให้ยอมปล่อยมือจากหล่อนไปได้ยังไงกัน“งั้นผมขอเวลาครับ”“คนของท่านพ่อจะประกาศทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงหนังสือพิมพ์ไปทั่วโลกเกี่ยวกับการเลือกคู่ของลูกในค่ำวันนี้ และอาทิตย์หน้าผู้หญิงที่สนใจก็จะเดินทางมาที่บ้านของเรา คนของแม่จะคัดเลือกผู้หญิงเหล่านั้นให้เหลือแค่สามสิบคน หลังจากนั้นแม่กับพ่อจะคัดให้เหลือแค่สิบคน เพื่อให้ลูกได้เลือกหนึ่งในสิบคนนั้นเป็นภรรยาของลูก...”“ทำไมเร็วนักล่ะครับท่านแม่”ชาร์ลีตกใจไม่น้อย เขารู้สึกมืดแปดด้านเหลือเกิน“มันคือเวลาที่เหมาะสมแล้วล่ะ
อีกฟากหนึ่งของโลก เด็กสาวคนหนึ่งถือกระเป๋านักเรียนเดินออกมาจากโรงเรียนประจำหญิงล้วน ช้องนาง วัฒนาดิลก คือชื่อเสียงเรียงนามของหล่อนช้องนางกำลังจะเรียนจบระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเร็วๆ นี้ เพราะตอนนี้หล่อนได้สอบไฟนอลในเทอมสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้วเด็กสาวเป็นลูกหลานในตระกูลผู้ดีเก่าอย่างวัฒนาดิลก ซึ่งตระกูลนี้เป็นนามสกุลพระราชทาน ทุกคนในวงศ์ตระกูลล้วนแต่แสดงออกว่าตนเองเป็นผู้ดี ทั้งๆ ที่ภายในนั้นกลวงโบ๋ตั้งแต่คุณย่าของหล่อนเสียชีวิตไป ลูกจำนวนสี่คนซึ่งรวมบิดาของหล่อนด้วยก็ต่างพากันนำสมบัติพัสถานมาถลุงกันอย่างสนุกมือ ซึ่งในระยะเวลาแค่ไม่ถึงห้าปี ทรัพย์สินที่อยู่ในระบบกงสีก็กลายเป็นศูนย์ ก่อนจะติดลบจนต้องขายของเก่าเพื่อพยุงหน้าตาทางสังคมลุงป้าน้าอารวมถึงพ่อของหล่อนต่างเป็นคนที่จมไม่ลง หน้าใหญ่ใจโตทั้งๆ ที่ไม่เหลือสมบัติใดๆ อีกแล้วนอกจากบ้านที่อาศัยอยู่ในตอนนี้หล่อนเองก็ได้รับผลกระทบจากความฟุ้งเฟ้อของทุกคนจนมีแนวโน้มว่าจะต้องออกมาหางานทำเพื่อส่งตนเองเรียนระดับมหาวิทยาลัยในไม่ช้าช้องนางเดินใจลอยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงลุงแก้วคนขับรถเก่าแก่ของวงศ์ตระกูลจึงสะดุ้งตกใจ“คุณหนูครับ”หล่อ
“เธอก็รู้สถานการณ์ของครอบครัวเราดีใช่ไหมช้องนาง”“เอ่อ... นางทราบดีค่ะ”“เงินจะจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าคนรับใช้ก็แทบจะไม่พอในแต่ละเดือน พ่อของเธอก็เอาแต่ดื่มเหล้า ไม่เคยคิดจะช่วยอะไรเลย”สิ่งที่เกสราพูดมันคือความเป็นจริงที่หล่อนจำต้องก้มหน้ายอมรับอย่างปฏิเสธไม่ได้“ตอนนี้ทุกอย่างกำลังแย่ไปหมด ธุรกิจสุดท้ายของตระกูลเรากำลังจะเจ๊ง และถ้ามันล่มลงล่ะก็ ชื่อเสียงของตระกูลเราที่บรรพบุรุษอุตส่าห์รักษามาอย่างดีก็จะต้องย่อยยับ ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน”หล่อนรู้ดีว่าสิ่งที่เกสราพูดออกมานั้นมันไม่ได้เกินความจริงที่เป็นอยู่เลย“แต่เราคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะอาเกส เราคงต้องยอมรับ”“ไม่ได้เด็ดขาด อาไม่มีทางยอมอับอายขายหน้านังผู้รากมากดีในวงสังคมหรอก”“แล้วอาเกสจะทำยังไงล่ะคะ ในเมื่อเราไม่มีเงิน”เกสรามองหล่อนอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวังเต็มเปี่ยม“อาเจอทางออกแล้วล่ะ”“ทางออกเหรอคะ” ช้องนางยอมรับว่าตัวเองก็อดที่จะดีใจและโล่งใจไม่ได้“ถูกต้อง ทางออกที่จะทำให้เราทุกคนในตระกูลกินดีอยู่ดี และไม่ต้องลำบากอีก”“อาเกสจะขายบ้านหลังนี้ และพาพวกเราย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่เล็กกว่าแต่อบอุ่นกว่าใช