“จะออกไปไหนเหรอไลลา”
ไลลาจำต้องหยุดก้าวเดิน และหันมาเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงแคลงใจ
“สวัสดีค่ะท่านแม่” หล่อนทักทายแคทเธอรีนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“สวัสดี ว่าแต่จะไปไหนล่ะ”
แคทเธอรีนถามลูกบุญธรรมซ้ำออกมาอีกครั้ง สายตาหรี่แคบจ้องมองอย่างจับผิด
“เอ่อ... พอดีของใช้ในครัวหมดหลายรายการน่ะค่ะ หนูก็เลยจะออกไปซื้อค่ะ”
หล่อนอยู่ที่นี่ในฐานะลูกสาวบุญธรรม และก็ควบตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ด้วย ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ล้วนแต่อยู่ในอำนาจการปกครองของหล่อนที่รองจากเจ้าของบ้านทั้งสามคน
“ให้คนใช้ไปซื้อสิ ไม่เห็นต้องลำบากออกไปเองเลยนี่”
“พอดีหนูอยากจะซื้อของใช้ส่วนตัวด้วยนะคะ ก็เลยว่าจะออกไปเอง ว่าแต่ท่านแม่อยากได้อะไรไหมคะ หนูจะซื้อมาให้ค่ะ”
“ฉันไม่อยากได้อะไรหรอก ของใช้ยังมีเหลืออยู่มาก”
“เอ่อ แล้วขนมล่ะคะ อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม หนูจะได้ซื้อมาฝากค่ะ”
แคทเธอรีนส่ายหน้าน้อยๆ “ช่วงนี้หมอให้งดของหวานน่ะ ขอบใจเธอก็แล้วกันนะ”
“หนูยินดีทำทุกอย่างให้ท่านแม่ค่ะ”
แคทเธอรีนจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของลูกสาวบุญธรรม ก่อนจะพูดขึ้น
“สิ่งเดียวที่ฉันต้องการให้เธอทำ และต้องทำให้ได้ด้วยก็คือ เลิกเข้าใกล้ชาร์ลีอีก”
ดวงหน้านวลของไลลาซีดเผือด ก่อนจะก้มหน้าลงมองปลายเท้าของตนเองที่พื้น
แคทเธอรีนเห็นหน้าของลูกสาวบุญธรรมขาวซีดก็อดไม่ได้ที่จะทวงคำตอบ
“ว่าไงล่ะ อย่าเข้าใกล้ชาร์ลีอีก เธอพอจะทำได้ไหม”
“หนู...”
“ทำไม่ได้หรือเปล่าไลลา”
ไลลาจำต้องเงยหน้าขึ้นมองแคทเธอรีน ก่อนจะกลั้นใจตอบโกหกออกมา
“ค่ะ หนูทำได้ค่ะ”
“ดีมาก และฉันก็หวังว่าเธอจะทำได้จริงๆ”
“ค่ะ”
แคทเธอรีนมองลูกสาวบุญธรรมอยู่เสี้ยววินาทีจึงตัดสินใจพูดขึ้นอีก
“ฉันไม่ได้รังเกียจอะไรเธอหรอกนะไลลา แต่เธอก็ต้องรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ในฐานะอะไรของตระกูลเฮนเดอร์สัน ความรู้สึกที่เธอมีให้กับชาร์ลีนั้นมันเป็นเรื่องที่ดี แต่มันเป็นความจริงไปไม่ได้ เธอสองคนรักกันไม่ได้ หวังว่าเธอจะเข้าใจที่ฉันพูดนะ”
“หนู... เข้าใจค่ะท่านแม่”
ไลลาช้อนดวงตาที่มีหยาดน้ำใสๆ เอ่อคลอขึ้นมองแคทเธอรีน ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“งั้น... หนูขอตัวออกไปซื้อของก่อนนะคะ”
“ให้คนขับรถไปส่งสิ”
“เอ่อ... ไม่เป็นไรค่ะ หนูสะดวกขับรถเองมากกว่า”
เมื่อแคทเธอรีนพยักหน้าตอบอนุญาต ไลลาก็รีบก้าวเดินออกมาทันที
เมื่อก้าวขึ้นมานั่งตามลำพังบนรถคันงาม หลังมือเล็กก็ป้ายน้ำตาบนแก้มนวลจนแห้ง
“หนูเข้าใจสิ่งที่ท่านแม่พูดค่ะ แต่หนูรักพี่ชาร์ลเกินกว่าจะหยุดความสัมพันธ์ลงได้” ดวงตากลมโตของไลลาตอนนี้มีแต่ความมืดลึกที่ยากจะหยั่งถึง
ไม่ช้ารถคันงามก็แล่นออกจากคฤหาสน์หรู และมุ่งหน้าตรงไปยังคาเฟ่ที่ตนเองกับชาร์ลีมักจะนัดเจอกันเป็นประจำทันที
ลาซาลอสกำลังจะเดินออกจากห้องประชุม แต่ก็เหลือบไปเห็นว่าชาร์ลีลืมโทรศัพท์มือถือวางเอาไว้บนโต๊ะไม้กลางห้องประชุมเข้าเสียก่อน เขารีบเดินไปหยิบมาไว้ในมือ ตั้งใจจะเอาไปคืนให้กับลูกชาย แต่ระหว่างนั้นก็มีข้อความเด้งเข้ามาเสียก่อน
เขายกจอโทรศัพท์มือถือขึ้นมอง และไม่ได้ตั้งใจจะเปิดอ่าน แต่ข้อความมันโชว์เตือนที่หน้าปัดก่อนจะดับไป ซึ่งแน่นอนว่าเขาเห็นเข้าพอดี
‘พี่ชาร์ลคะ น้องรออยู่โรงแรมเดิมนะคะ’
ดวงตาของลาซาลอสเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ เขาตัดสินใจนำโทรศัพท์มือถือของลูกชายกลับไปวางไว้บนโต๊ะที่เดิม จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้องประชุม
“ท่านพ่อจะกลับแล้วหรือครับ”
ชาร์ลีเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นบิดาเดินผ่านตอนที่เขากำลังคุยงานอยู่กับเลขาหน้าห้อง
“อืม จะกลับแล้วล่ะ งานที่เหลือลูกก็รีบทำให้เสร็จโดยเร็วล่ะ เพราะเหลืออีกแค่สองวันก็จะถึงวันเลือกเจ้าสาวของลูกแล้ว”
สีหน้าของชาร์ลีเย็นชาขึ้นทันตาเมื่อได้ยินคำเตือนให้ระลึกถึงอนาคตมืดดำที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ครับ”
“งั้นพ่อไปล่ะ”
ลาซาลอสเดินหายเข้ามาในลิฟต์ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ข้อความที่เห็นจากโทรศัพท์มือถือของลูกชายที่ส่งมาจากไลลาลูกสาวบุญธรรมมันทำให้เขาไม่สบายใจเลย
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง ไลลาที่ตอนนี้มีแต่ผ้าขนหนูห่อกายอยู่เพียงผืนเดียวฉีกยิ้มกว้าง เพราะมั่นใจว่าจะต้องเป็นชาร์ลีอย่างแน่นอน
หล่อนรีบพุ่งตัวไปดึงบานประตูไม้ให้เปิดกว้างออก ก่อนจะชะงักกึกด้วยความตื่นตกใจ เมื่อผู้ชายที่ยืนอยู่หลังบานประตูไม่ใช่ชาร์ลี แต่กลับเป็นพ่อบุญธรรม
“ท่านพ่อ!”
ลาซาลอสมองลูกสาวบุญธรรมที่มีแค่ผ้าขนหนูพันอยู่รอบกายด้วยความไม่พอใจ
“ถ้าท่านแม่ของเธอรู้เข้า คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไลลา”
ไลลาหน้าซีดเผือด น้ำตาไหลพราก และพยายามวิงวอนพ่อบุญธรรมด้วยความตื่นตกใจ
“ท่านพ่อ... หนู... หนูผิดไปแล้ว...”
“เธอรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ดี และก็รู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก แต่เธอก็ยังทำ”
“ท่านพ่อ... หนูขอโทษ...”
ไลลาหวาดกลัวเหลือเกิน เพราะหากแคทเธอรีนทราบเรื่องนี้เข้า หล่อนจะต้องถูกทำโทษหนักแน่นอน ดังนั้นหล่อนจึงต้องคุกเข่าลงกับพื้น และวิงวอนพ่อบุญธรรมที่ใจดีกว่าให้สำเร็จ
“มันก็แค่จะเป็นครั้งสุดท้ายของหนูกับพี่ชาร์ล... หนูไม่ได้มีเจตนาจะรั้งพี่ชาร์ลเอาไว้เลยค่ะ ท่านพ่อเชื่อหนูนะคะ”
เมื่อลาซาลอสยังคงนิ่งเงียบ ไลลาจึงต้องบีบน้ำตาสร้างความน่าสงสารให้มากขึ้น
“ท่านพ่อ... ได้โปรดให้โอกาสหนูอีกครั้งนะคะ หนูสาบานค่ะ... สาบานว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก หนู... หนูจะอยู่ให้ห่างจากพี่ชาร์ลค่ะ นะคะได้โปรดเชื่อหนูอีกสักครั้ง”
ลาซาลอสดึงขาของตัวเองออกจากอ้อมแขนของลูกสาวบุญธรรม และขยับออกห่าง พร้อมกับเมินหน้าหนีสภาพล่อแหลมของไลลาไปมองที่อื่นแทน
“แล้วฉันจะเชื่อคำพูดของเธอได้ยังไงกัน ในเมื่อเธอก็รับปากฉันกับแคทเอาไว้ว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก แต่เธอก็ทำมัน”
“หนู... สาบานค่ะ ถ้าหนูทำแบบนี้อีก หนูยินดีให้ท่านแม่ลงโทษหนูค่ะ”
“แน่ใจนะที่พูดน่ะ”
“หนูแน่ใจค่ะ”
หล่อนย้ำคำพูดออกไป ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทำได้อย่างที่พูดออกไปหรือเปล่า
“งั้นครั้งนี้... ท่านพ่ออย่าบอกท่านแม่นะคะ หนูขอร้องล่ะ”
“ได้ ครั้งนี้ฉันจะไม่บอกให้แคทรู้เรื่องนี้ แต่ถ้ามีครั้งหน้า แคทคงจะจับเธอโยนออกไปจากเลแวนต้าอย่างแน่นอน”
ไลลาหยัดกายลุกขึ้นยืน ก่อนจะตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก “ค่ะ ท่านพ่อ... “
“ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย และกลับบ้านซะ”
“ค่ะ”
ไลลามองร่างของลาซาลอสที่เดินหายไปด้วยความเสียใจระคนแคลงใจ
“ท่านพ่อรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่ หรือว่าพี่ชาร์ลบอก...” หล่อนพยายามครุ่นคิดหาคำตอบ “แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง พี่ชาร์ลไม่มีทางทำแบบนี้แน่ เพราะพี่ชาร์ลหลงเรายังกับอะไรดี” ไลลาพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก จนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้น จึงรีบไปหยิบมากดรับ“โทษทีนะไลลา พี่ลืมมือถือเอาไว้ในห้องประชุมน่ะ ว่าแต่น้องยังรอพี่อยู่ที่โรงแรมหรือเปล่า”ไลลาพยายามทำเสียงปกติ เพราะไม่ต้องการให้ชาร์ลีรู้ว่าลาซาลอสมาเห็นอะไรเข้า“น้องออกมาแล้วค่ะพี่ชาร์ล นี่กำลังจะเลี้ยวรถเข้าบ้านแล้ว”“เสียดายจัง งั้นเอาไว้พรุ่งนี้นะครับ พี่คิดถึงไลลา อยากจูบไลลาใจจะขาดแล้ว”ไลลายิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ อย่างน้อยๆ ชาร์ลีก็รักหล่อนจริง“คืนนี้ก็ปีนเข้ามาในห้องน้องอีกสิคะ”หล่อนได้ยินเสียงถอนใจเบาๆ ของชาร์ลีดังแทรกเข้ามาในสายโทรศัพท์“ท่านแม่ให้คนมานอนเฝ้าหน้าห้องนอนพี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว บ้ามาก แต่พี่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งท่านแม่ เพราะไลลาก็รู้ใช่ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับน้อง ถ้าพี่ไม่ยอมทำตามความต้องการของท่านแม่”“น้องทราบค่ะ”“แล้วเราจะเจอกันได้ง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อนยังไงเนี่ย พี่คงต้องอกแตกตายแน่ๆ”“คง
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง... วันที่ฝ่าเท้าของหล่อนเหยียบลงบนผืนแผ่นดินของสาธารณรัฐเลแวนต้าเป็นครั้งที่สอง หัวใจของหล่อนเบ่งบานราวกับดอกกุหลาบได้รับหยาดฝน แต่กระนั้นก็ยังอดรู้สึกประหม่ากับสิ่งที่ต้องเจอต่อจากนี้ไม่ได้“นางพร้อมหรือยัง”เกสราที่บินตามมาด้วยเอ่ยถามขณะเดินฝ่าฝูงชนที่มากมายอยู่ภายในสนามบินประจำชาติของเลแวนต้า“ก็... พร้อมค่ะอาเกส”“ท่องเอาไว้นะ ทำเพื่อพ่อของเธอ และวัฒนาดิลก”เกสราย้ำกับหล่อนอีกครั้ง ราวกับกลัวว่าหล่อนจะลืมอย่างนั้นแหละ“ค่ะ อาเกส”“เยี่ยม”เกสรากล่าวชมเชยหล่อน ก่อนจะหันไปตอบคำถามของช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมที่บินติดตามมาด้วย“วันนี้สนามบินคนแน่นมาก และก็มีแต่ผู้หญิงนะคะคุณเกส มาทำไมกันก็ไม่รู้”คนถูกถามกวาดตามองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะคาดการณ์ออกมา “ผู้หญิงพวกนี้ก็น่าจะมีวัตถุประสงค์เดียวกับพวกเรานั่นแหละ”“ตายแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าคู่แข่งของน้องนางจะมากมายมหาศาลขนาดนี้เลยนะคะ น่ากลัวจังเลยอ่ะ ดูสิคะ... ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ยังกับนางฟ้าเดินดินแน่ะ”“อย่าชมคนอื่นนอกจากหลานสาวของฉัน ไม่อย่างนั้นก็บินกลับเมืองไทยไปเลย เชอร์รี่”สาวประเภทสองถูกเกสราดุเข้าก็ทำหน้าเจื่อนก่อนจะรี
หน้าของหล่อนชาดิก ความร้อนจัดพุ่งจากลำคอขึ้นมารวมตัวกันที่สองพวงแก้ม และความหล่อเหลาของเขาก็ลดน้อยลงในทันที มือเล็กกำแน่นข้างตัว“เสียใจด้วยค่ะ ฉันผ่านการสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว”แววตาของเขามีความข้องใจ แต่ไม่นานเขาก็ไหวไหล่กว้าง และพูดออกมา“คนของท่านแม่คงตาลายน่ะ เพราะวันนี้น่าจะสัมภาษณ์ผู้หญิงมาพันกว่าคนแล้ว”หล่อนไม่คิดจะโต้ตอบอะไรออกไปอีก เพราะดูท่าทางแล้วเขาจะไม่ชอบขี้หน้าหล่อนสักเท่าไร“แต่ฉันเดาว่าพรุ่งนี้ตอนที่ท่านแม่สัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เธอน่าจะไม่ผ่าน”เขาสบประมาทหล่อนอย่างร้ายกาจ จนหล่อนอดไม่ได้ที่จะอยากเอาชนะ“ฉันจะผ่านด่านแม่ของคุณให้ได้ค่ะ”เขายิ้มหยันอีกครั้ง ขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น และเดินไปรอบๆ ตัวของหล่อน มองด้วยสายตาประเมินราคา“แต่เธอไม่มีวันผ่านด่านของฉัน” เขายิ้มเยาะ “เพราะฉันไม่ชอบเด็กที่ยังโตไม่เต็มตัว”“ฉันจะสิบเก้าเต็มในเดือนกันยาที่จะถึงนี้ค่ะ”เขายังคงยิ้มหยัน และมองหล่อนอย่างดูแคลนเหมือนเดิม “ถึงอายุเธอจะผ่านความเป็นเด็กมาแล้ว แต่อะไรๆ ของเธอ ฉันว่าน่าจะยังโตไม่เต็มที่นะ”ช้องนางหน้าร้อนจัดด้วยความอับอาย กับสิ่งที่ชาร์ลีพูดและสายตาที่เขามองมา“คุณควรจะมีมารยาท
ช้องนางเดินออกมาจากโรงแรมที่พวกตนเองพักอาศัยอยู่ ซึ่งมันก็อยู่ไม่ห่างจากคฤหาสน์หลังงามที่ใหญ่โตและหรูหราอลังการไม่ต่างจากราชวังของชาร์ลีนักหล่อนเดินออกมาหน้าโรงแรม มองไปยังถนนที่ทอดยาวตรงหน้า ความลังเลเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่ก็สุดท้ายก็เลือกได้ว่าควรจะเดินไปทางซ้ายมือแทนสองเท้าเดินย่ำมองตึกรามบ้านช่องที่แปลกตาออกไปจากสภาพแวดล้อมที่ตนเองเคยอาศัยอยู่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะเดินไปหยุดร้านดอกไม้เล็กๆ“สวยจัง...”หล่อนระบายยิ้มหวานให้กับดอกไม้ในแจกันที่อยู่ด้านในตัวร้านที่เป็นกระจกสีขาว เอียงคอมองด้วยความชื่นชมในความงามอยู่สักพักก็ต้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อด้านหลังถูกอะไรบางอย่างที่แข็งแรงปะทะช้องนางรีบหันไปมองด้านหลัง ก่อนจะตกใจระคนเหลือเชื่อ เมื่อพบว่าอะไรแข็งแรงที่มาชนด้านหลังของตนเองนั้นคือผู้ชายที่ชื่อชาร์ลี เฮนเดอร์สัน“อ๊ะ...คุณ...?”หล่อนเห็นเขาขยับปากเหมือนกับจะเอ่ยขอโทษขอโพย แต่คำพูดเหล่านั้นมันก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งทันที เมื่อเขาเห็นว่าเป็นหล่อน“เธอนั่นเอง... มายืนเกะกะอะไรแถวนี้แม่คุณ”น้ำเสียงของเขาหงุดหงิด และแสดงความไม่พอใจหล่อนอย่างชัดเจน ช้องนางอยากจะตะโกนถามน
เช้าวันต่อมา...ภายในห้องอาหารสุดหรูของตระกูลเฮนเดอร์สัน แคทเธอรีนนั่งหัวโต๊ะแทนสามี เพราะลาซาลอสมีธุระต้องบินไปประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เช้ามืดชาร์ลีนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวที่เขานั่งเป็นประจำ แต่ไลลากลับถูกแคทเธอรีนเรียกให้มานั่งอีกฝั่งหนึ่ง ไม่ยอมให้หญิงสาวนั่งใกล้กับลูกชายของตนเอง“ตอนนี้แม่ได้ผู้หญิงทั้งสิบที่จะมาชิงตำแหน่งเจ้าสาวของลูกแล้วนะชาร์ลี”“ครับ”ชาร์ลีตอบรับเสียงเรียบ สีหน้าไม่ได้มีความยินดียินร้ายอะไรเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้ไลลาที่ลอบมองอยู่พอใจ เพราะทำให้หล่อนรู้ว่าชาร์ลีรักหล่อนเพียงคนเดียว“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลูก ไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ”“ไม่ครับ”แคทเธอรีนรู้ทันความคิดของชาร์ลี จึงพูดดักคอขึ้น “ถึงลูกจะไม่ตื่นเต้น แต่แม่ตื่นเต้นมาก ดังนั้นในงานเลี้ยงเย็นวันนี้ ลูกจะต้องเลือกหนึ่งในสิบสาวสวยพวกนั้นมาเป็นเจ้าสาวของตัวเอง ซึ่งแม่อยากจะให้ลูกพิถีพิถันในการเลือกให้มากที่สุด”“ครับ”คนเป็นแม่หมั่นไส้ลูกชายในอกนักที่ทำหน้าเย็นชา น้ำเสียงเฉยเมย แต่ก็ไม่รู้จะจัดการยังไงดี จึงเลือกที่จะหันมาพูดคุยกับลูกสาวบุญธรรมแทน“เธอก็ต้องมาร่วมงานเลือกคู่ของพี่ชายเธอด้วยนะไลลา”เพล้งงงงช้อนในมือเล็กขอ
ในที่สุดเวลาสำคัญก็เดินทางมาถึง ช้องนางมองภาพของตนเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาด้วยความประหลาดใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงหน้าตาหวานหยดย้อยในกระจกจะเป็นตนเอง หล่อนต้องหลับตาแล้วลืมขึ้นหลายครั้งเลย กว่าจะเชื่อว่าผู้หญิงในกระจกเงาคือตนเอง“สวยหวานมากหลานสาวของฉัน” เกสรายืนอยู่ด้านข้างตัวของหล่อนเอ่ยชมเชยอย่างจริงใจ “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะสวยได้มากขนาดนี้”“เอ่อ... พี่เชอร์รี่กับพี่กะทิเก่งน่ะค่ะอาเกส ก็เลยแปลงโฉมเด็กกะโปโลอย่างนางให้สวยขึ้นมาได้” ช้องนางพูดถ่อมตนออกมา“ไม่ใช่เลยค่ะคุณน้องช้องนาง” เชอร์รี่แย้งคัดค้านเสียงสูงปี๊ดจนแสบแก้วหู “เพราะต่อให้พี่กับนังกะทิจะมีฝีมือเทพแค่ไหน แต่ถ้าหนังหน้าคุณน้องไม่ดี ทำยังไงก็ไม่สวยหรอกค่ะ”“จริงอย่างที่นังเชอร์รี่มันพูดนั่นแหละค่ะ คุณน้องช้องนางสวยมาก โครงหน้าก็สวย ผิวพรรณก็ดี หุ่นก็แบบ... พี่นี้ไม่อยากจะพูดเลยค่ะ แบบหุ่นน่าเอามากๆ นี่ถ้าถูกเลือกไปนะคะ คุณชาร์ลีอะไรนั่นจะต้องทั้งรักทั้งหลงจนโง่หัวไม่ขึ้นเลยล่ะค่ะ”หล่อนทำได้แค่หน้าแดงๆ และก็นิ่งเงียบเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่สเปคของผู้ชายคนนั้น“ขอบคุณพี่เชอร์รี่กับพี่กะทิมากนะคะที่ทำใ
“ฉัน... ควรจะออกไป...”หลังจากตั้งสติได้ หล่อนก็กระวีกระวาดจะออกไปจากห้องสมุดที่ตนเองไม่ควรเข้ามาตั้งแต่แรก แต่แขนเรียวถูกมือใหญ่แข็งกระด้างของชาร์ลีรวบเอาไว้“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”“ไม่ค่ะ ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ ปล่อยแขนฉันค่ะ แล้วคุณสองคนก็ไปทำอะไรกันให้เสร็จๆ เถอะ”หล่อนบิดแขนของตัวเองแรงๆ เพื่อจะให้หลุดจากอุ้งมือใหญ่ แต่ก็ไม่สำเร็จ“เราต้องคุยกัน” เขาย้ำประโยคเดิมใส่หน้าของหล่อนด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะหันไปพูดกับผู้หญิงข้างกาย“น้องรีบกลับออกไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้พี่จะจัดการต่อเอง”“ค่ะ พี่ชาร์ล”แล้วไลลาน้องสาวบุญธรรมแต่เปลือกของชาร์ลีก็รีบจัดแจงตนเองให้มีสภาพเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะรีบเผ่นแน่บออกไปจากห้องสมุดอย่างรวดเร็วทิ้งให้หล่อนต้องอยู่เผชิญหน้ากับชาร์ลี เฮนเดอร์สัน ผู้ชายที่ลักลอบมีความสัมพันธ์กับน้องสาวบุญธรรมของตนเอง มันน่าสะอิดสะเอียนมาก และหล่อนก็ไม่ต้องการเป็นผู้หญิงโชคร้ายที่ถูกเขาเลือกมาเป็นเจ้าสาวบังหน้าแน่นอน"ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องของคุณกับคุณไลลาเด็ดขาด ความลับนี้มันจะตายไปพร้อมกับฉันค่ะ ฉันสัญญา"สีหน้าของชาร์ลีเลือดเ
ในที่สุดชาร์ลีก็ทำอย่างที่เขาประกาศใส่หน้าของหล่อนเอาไว้ภายในห้องสมุดจริงๆเขาเลือกหล่อนเป็นเจ้าสาวของเขา...เจ้าสาวหุ่นเชิด...หล่อนนั่งหน้าเศร้า รู้สึกพะอืดพะอมจนแทบจะอาเจียน ภาพลับๆ ของชาร์ลีกับไลลายังคงติดอยู่ในความทรงจำหล่อนจะยอมตกนรกหมกไหม้ด้วยการยอมเป็นเมียบังหน้าให้กับหญิงชายคู่นี้หรือหล่อนไม่อยากทำเลย... ถึงแม้ว่าลึกๆ แล้วจะแอบชอบชาร์ลี เฮนเดอร์สันอยู่ก็ตาม“เห็นไหมอาบอกแล้วว่าเธอจะต้องถูกเลือก”เกสรากระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ซึ่งมีเชอร์รี่กับกะทิผสมโรงหัวเราะคิกคักกันไปด้วย ตรงกันข้ามกับหล่อนที่กำลังทรมานเหลือเกินหล่อนจะรับมือยังไงกับสิ่งที่กำลังจะเผชิญหน้าในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้“อาเกสคะ คือนาง...”“มีอะไรเหรอหลานรัก” เกสราพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับหล่อนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน“นาง...” หล่อนอึกอัก แต่ก็จำต้องบอกออกไป “นางไม่อยากแต่งงานกับคุณชาร์ลีค่ะ นาง...”คนที่นั่งยิ้มหน้าบานอยู่ หน้าตูมทันควัน และก็ตวาดลั่นอย่างไม่พอใจ“อย่ามาโง่หน่อยเลยช้องนาง เธอควรจะดีใจสิถึงจะถูกที่เราจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกันกับมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างตระกูลเฮนเดอร์สันน่ะ”“แต่ว่าเขากับ...”“ไม่ต้
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน
“ได้สิ แต่ว่ารอพี่กอล์ฟก่อนดีไหม”“รายนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถ้าได้ไปเดินคนเดียวน่ะ เดินเพลินไม่เรียกไม่กลับน่ะ”“งั้นก็ได้จ้ะ”ฟ้าใสอมยิ้ม ก่อนจะเดินนำหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตนเองโปรดปราน“ร้านนี้นะ ฉันเคยกินแล้วอร่อยมาก”“ได้สิ”ช้องนางเดินตามร่างของฟ้าใสเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น ความรู้สึกของหล่อนยังคงมึนอึน และไม่สดใส“เฮ้ยนั่นมัน...”หล่อนกับฟ้าใสเดินเกือบจะถึงโต๊ะว่างอยู่แล้ว แต่ฟ้าใสก็หยุดเดินเสียก่อน พร้อมกับหันมากระซิบกระซาบเบาๆ“ผู้ชายคนนั้นไง... นั่นน่ะ โต๊ะนั่นน่ะ”หล่อนมองไปตามสายตาพยักพเยิดของฟ้าใส แต่ก็ไม่เห็นใครน่าสนใจเลย“ใครเหรอฟ้า”“ก็ผู้ชายที่ฉันบอกว่าหล่อวัวตายควายล้มไงล่ะ”หล่อนยังคงมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าคนไหน“คนนั้นน่ะ ที่ยกเมนูขึ้นดูอยู่น่ะ”“เอาเมนูบังหน้าไว้ขนาดนั้น เธอยังจำได้อีกเหรอฟ้า” ช้องนางอดที่จะแซวเพื่อนไม่ได้“ก็ตอนที่ฉันเห็น เขาไม่ได้เอาเมนูปิดหน้านี่นา นี่ๆ ไปนั่งโต๊ะว่างข้างๆ เขากัน”“อย่าเลยฟ้า... นางว่า...”ฟ้าใสไม่สนใจคำทัดทานของหล่อน เพราะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะติดกับผู้ชายคนนั้นทันที หล่อนจำต้องเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก“นั่งๆ”ฟ้าใสเจ
สามวันต่อมา... ชีวิตของช้องนางก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ เมื่อร่างกายของหล่อนไร้หัวใจเสียแล้ว ทุกๆ นาที ในหัวของหล่อนจะคิดถึงชาร์ลี และมันก็วน มันก็เวียนอยู่แบบนี้ จนหล่อนรู้สึกปวดร้าวราวจนแทบอยากจะหยุดหายใจหล่อนรู้ดีว่าการลืมรักมันยากเย็นแค่ไหน หากพยายามเวลาจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจให้เอง แต่สำหรับหล่อนแล้ว เวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายหยาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเห็นเกสราเดินเข้ามาหา“สวัสดีค่ะอาเกส”“จะออกไปไหนแต่เช้าเลยล่ะช้องนาง”“นาง... จะออกไปซื้ออาหารสดที่ห้างแถวนี้น่ะค่ะ” หล่อนพยายามปั้นเสียงตอบให้ปกติที่สุด“ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปซื้อล่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”“นางอยากมีอะไรทำน่ะค่ะ อยู่เฉยๆ นางรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เอามากๆ”เกสรายกมือขึ้นแตะท่อนแขนกลมกลึงของหลานสาวอย่างเข้าใจความรู้สึกที่เจ้าตัวกำลังพยายามเก็บซ่อนเอาไว้“งั้นก็ไปเถอะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก”หล่อนฝืนยิ้มให้กับเกสรา ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และขับออกไปในที่สุดเกสรามองตามท้ายรถของหลานสาวไปด้วยความเป็นกังวลไม่น้อย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นเบอร์ที่โชว์หน้าจอโทรศัพท์ไม่คุ้นตาเลย ทำให้เกสราอดที่
ช้องนางจ่ายเงินค่าโดยสารให้กับรถแท็กซี่ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาภายในบ้านหล่อนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความคิดถึง ที่นี่ยังเหมือนเดิม ยังเป็นบ้านของหล่อนเหมือนเดิมหล่อนยืนอยู่กลางห้องโถง มองดูความสะอาดสะอ้านของข้าวของเครื่องใช้ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง“นาง...”เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นบิดา...บิดาที่เคยติดเหล้างอมแงมจนขาดสติ แต่ตอนนี้กลับเดินเหินได้ และใบหน้าสดชื่นขึ้นหล่อนปล่อยกระเป๋าเดินทางออกจากมือ และวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เป็นเอกลักษณ์ติดตัวของท่านไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว“นางคิดถึงพ่อจังค่ะ”“พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”หล่อนเดินกอดแขนบิดาไปนั่งบนโซฟา มองท่านซ้ำไปซ้ำมาด้วยความดีใจ“พ่อเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ นางดีใจจัง”“ก็ได้อาเกสของลูกนั่นแหละที่ช่วยเหลือพาพ่อไปบำบัด นี่คุณหมอก็เพิ่งให้พ่อกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านเมื่อวานเองนะ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอลูก”เกสราทำตามที่รับปากกับหล่อนเอาไว้จริงๆ ช้องนางน้ำตาไหลด้วยความดีใจ“ว่าแต่ลูกเถอะนาง... เป็นยังไงบ้าง พ่อขอโทษนะที่ป่วยจนไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของลูกได้”“พ่อ