“เธอก็รู้สถานการณ์ของครอบครัวเราดีใช่ไหมช้องนาง”
“เอ่อ... นางทราบดีค่ะ”
“เงินจะจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าคนรับใช้ก็แทบจะไม่พอในแต่ละเดือน พ่อของเธอก็เอาแต่ดื่มเหล้า ไม่เคยคิดจะช่วยอะไรเลย”
สิ่งที่เกสราพูดมันคือความเป็นจริงที่หล่อนจำต้องก้มหน้ายอมรับอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ตอนนี้ทุกอย่างกำลังแย่ไปหมด ธุรกิจสุดท้ายของตระกูลเรากำลังจะเจ๊ง และถ้ามันล่มลงล่ะก็ ชื่อเสียงของตระกูลเราที่บรรพบุรุษอุตส่าห์รักษามาอย่างดีก็จะต้องย่อยยับ ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน”
หล่อนรู้ดีว่าสิ่งที่เกสราพูดออกมานั้นมันไม่ได้เกินความจริงที่เป็นอยู่เลย
“แต่เราคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะอาเกส เราคงต้องยอมรับ”
“ไม่ได้เด็ดขาด อาไม่มีทางยอมอับอายขายหน้านังผู้รากมากดีในวงสังคมหรอก”
“แล้วอาเกสจะทำยังไงล่ะคะ ในเมื่อเราไม่มีเงิน”
เกสรามองหล่อนอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวังเต็มเปี่ยม
“อาเจอทางออกแล้วล่ะ”
“ทางออกเหรอคะ” ช้องนางยอมรับว่าตัวเองก็อดที่จะดีใจและโล่งใจไม่ได้
“ถูกต้อง ทางออกที่จะทำให้เราทุกคนในตระกูลกินดีอยู่ดี และไม่ต้องลำบากอีก”
“อาเกสจะขายบ้านหลังนี้ และพาพวกเราย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่เล็กกว่าแต่อบอุ่นกว่าใช่ไหมคะ” หล่อนหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่เกสราวางแผนเอาไว้
“ไม่ใช่หรอก”
หล่อนเต็มไปด้วยความแปลกใจ จ้องหน้าน้องสาวคนเล็กของบิดานิ่ง
“ถ้าไม่ได้จะขายบ้านหลังนี้ แล้วอาเกสจะทำยังไงเหรอคะ”
เกสราระบายยิ้มออกมา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดสองสามครั้ง และยื่นมาตรงหน้าหล่อน
ช้องนางมองใบหน้าของเกสราสลับกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“อะไรเหรอคะอาเกส”
“ลองอ่านดูสิ”
หล่อนต้องก้มหน้าลงอ่านตัวอักษรที่ปรากฏอยู่ในหน้าข่าวดังจากต่างประเทศอย่างไม่มีทางเลือก
หล่อนอ่านไปจนจบก็เงยหน้าขึ้นมองเกสรา เพราะยังไม่เข้าใจความหมายของอาตัวเอง
“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่คะอาเกส ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งลงประกาศเชิญชวนให้ผู้หญิงไปคัดเลือกเป็นเจ้าสาว”
“ก็นั่นแหละคือสิ่งที่น่าสนใจ”
“คะ?”
“นี่ช้องนาง ลองคิดดูสิ ผู้ชายคนนี้ร่ำรวยระดับแสนแสนล้านเลยนะ เป็นทายาทเจ้าของธนาคารชื่อดังก้องโลก ถ้าเกิดจับพลัดจับผลูแล้วเธอถูกเลือกเป็นเจ้าสาว พวกเราทุกคนในวัฒนาดิลกจะสบายกันไปทั้งชาติ”
“อาเกส...”
นี่หล่อนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเกสราจะคิดเรื่องน่ารังเกียจแบบนี้ออกมาได้
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เท่าที่อารู้ เธอยังไม่มีคนรักนี่”
“ค่ะ นางยังไม่มีแฟน แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาบังคับฝืนใจให้นางไปเป็นตัวเลือกของผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้นะคะ” หล่อนอดไม่ได้ที่จะตัดพ้อเกสรา
“ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนะ แต่เป็นพระญาติของกษัตริย์
เลแวนต้าเลยล่ะ ประเทศที่เธอเคยไปเที่ยวกับพี่ชัชตอนเด็กๆ ไง จำได้ไหม”“เลแวนต้า...”
ช้องนางพึมพำออกมา ก่อนจะนึกถึงภาพหมู่บ้านชนบทบนภูเขาสีเขียวขจี
ที่นั่นสวยมาก และก็ยังจำได้ไม่ลืมว่าหลงใหลในความงดงามของเลแวนต้าแค่ไหน
“แต่ถึงนางจะชอบเลแวนต้ามาก แต่นางก็ไม่เคยคิดจะไปอยู่ที่นั่นนะคะ และที่สำคัญนางมีค่ามากกว่าจะไปเป็นตัวเลือกของผู้ชายคนไหนคะ”
“อย่าดื้อสิช้องนาง”
“นางไม่ได้ดื้อนะอาเกส แต่นางไม่ต้องการเป็นตัวเลือกของใครค่ะ”
“ก็คิดเสียว่าทำเพื่อวัฒนาดิลก ทำเพื่อเราทุกคน”
เกสราจงใจใช้คำว่าบุญคุณเป็นกับดักเพื่อให้หล่อนไม่มีทางเลือก
“ถ้าเธอยอมไปคัดเลือกเป็นเจ้าสาวของมหาเศรษฐีคนนั้น ฉันสัญญาว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อพาพี่ชัชไปบำบัดอาการติดสุราเรื้อรังตามที่เธอต้องการมาตลอด”
“ถ้าอาเกสทำแบบนั้น ข่าวก็จะต้องเล็ดลอดออกไป ชื่อเสียงของตระกูลก็จะต้องเสื่อมเสีย อาเกสยอมรับมันได้เหรอคะ”
หล่อนย้อนถามเพราะรู้ดีว่าเกสรารักชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลมากขนาดไหน
“อาจะใช้เงินส่วนตัวที่อามีเหลืออยู่ปิดข่าว”
หล่อนมองหน้าเกสรา มองหาความจริงใจของอาแท้ๆ ในใจเต็มไปด้วยความสับสนลังเล
“พ่อของเธอจะหายจากอาการติดสุราเรื้อรังหรือไม่นั้น มันอยู่ที่การตัดสินใจของเธอแล้วนะ ช้องนาง”
ช้องนางยังคงสับสนเหมือนเดิม หล่อนหรี่ตาแคบมองจอโทรศัพท์มือถือของเกสราอีกครั้ง นิ้วเรียวขาวสะอาดเลื่อนลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีรูปผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้น
หล่อนรับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงระรัวคร่อมจังหวะ และก็ไม่อาจจะละสายตาจากภาพของผู้ชายที่กำลังฉีกยิ้มกว้างให้กับเด็กน้อยสองคนได้เลย
เกสราเห็นหลานสาวจ้องรูปของชาร์ลีอย่างตกตะลึง ก็ระบายยิ้มพึงพอใจออกมา
“นั่นแหละผู้ชายคนที่อาอยากให้เธอไปร่วมคัดเลือกเป็นเจ้าสาวของเขาน่ะ หล่อใช่ไหมล่ะ”
“เอ่อ... ค่ะ...”
“ผู้หญิงทั่วทั้งโลกต่างต้องการเป็นเจ้าสาวของผู้ชายคนนี้ แต่จะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะได้แต่งงานกับเขา ซึ่งอาก็หวังว่าจะเป็นเธอนะ ช้องนาง...”
“นางไม่ได้เพียบพร้อมขนาดที่ผู้ชายจะเลือกหยิบขึ้นมาไว้ข้างกายหรอกค่ะ”
“อย่าตีค่าตัวเองต่ำอย่างนั้นสิ เธอเกิดในตระกูลผู้ดี ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เรียนโรงเรียนที่ดี และไม่เคยมีเรื่องผู้ชายให้ด่างพร้อยมาก่อน นี่แหละคืออาวุธสำคัญของเธอ”
แม้เกสราจะพูดแบบนี้ และถึงแม้ว่าหล่อนจะตกหลุมรักผู้ชายในรูปอย่างคาดไม่ถึงตั้งแต่เห็นครั้งแรก แต่หล่อนก็ยังลังเลกับทางเลือกตรงหน้าเหลือเกิน
“นาง... ขอเวลาตัดสินใจก่อนได้ไหมคะอาเกส”
“ได้สิ อาจะรอฟังคำตอบจากเธอในวันพรุ่งนี้นะ”
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง รู้สึกสับสนไปหมดทั้งหัวใจ แต่กระนั้นก็ตอบรับเกสราออกไป
“ค่ะ”
อาแท้ๆ ของหล่อนระบายยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะยื่นมือมาดึงโทรศัพท์มือถือของตนเองคืนไป
“หวังว่าเธอจะไม่ทำให้อา และทุกคนที่นี่ผิดหวังนะ อ้อ... แล้วอย่าลืมล่ะว่าพ่อของเธอจะได้รับการบำบัดและกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้งหากเธอตอบตกลง”
“แล้วถ้าเขาไม่เลือกนางล่ะคะ อาเกสยังจะรักษาคำสัญญาที่ให้เอาไว้กับนางหรือเปล่า”
เกสรามองหน้าหลานสาวนิ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“หน้าที่ของเธอ คือทำยังไงก็ได้ให้เขาเลือกเธอ”
“แต่นาง...”
“และอาก็มั่นใจว่าเด็กฉลาดๆ อย่างเธอจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
หล่อนทำได้แค่นั่งงงอยู่ในดงป่าท้อ ในขณะที่เกสราลุกขึ้นยืน และเอ่ยขึ้น
“อาออกไปสมาคมก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้อาจะมาเอาคำตอบจากเธอ ช้องนาง”
เกสราเดินจากไปแล้ว ในขณะที่หล่อนนั่งนิ่งเงียบ ในหัวเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
หลังจากนั่งคิดทบทวนข้อเสนอของเกสราอยู่พักใหญ่ ช้องนางก็ตัดสินใจที่จะเดินกลับห้องพักของตนเองเพื่อนำเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาใส่ตู้ให้เรียบร้อย แต่ในระหว่างที่เดินอยู่นั้น เสียงของตกแตกในห้องของบิดาก็ดังขึ้น
เพล้งงงง!
หล่อนหันขวับไปมองบานประตูไม้ ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปภายในห้องของบิดาโดยไม่รั้งรอ
“พ่อ...!”
เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องของบิดาก็พบว่าท่านนั่งอยู่กับพื้นที่เต็มไปด้วยเศษขวดเหล้าที่แตกละเอียด มือของท่านหยิบเศษขวดที่แหลมคมชิ้นหนึ่งขึ้นมาถือเอาไว้ และพึมพำอะไรบางอย่างไม่ต่างจากคนเสียสติ
“พ่อคะ... พ่อ...”
หล่อนพยายามรวบรวมสติของตนเองโดยเร็ว ก่อนจะค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งคุกเข่าใกล้ๆ ท่าน
พ่อช้อนตามองหล่อน ดวงตาของท่านมีน้ำตาและเลื่อนลอยไร้จุดหมาย หล่อนรู้ทันทีเลยว่าควรจะตอบเช่นไรกับเกสรา
พ่อต้องได้รับการบำบัดรักษาอย่างเร่งด่วน!
“พ่อคะ... ส่งเศษแก้วให้นางนะคะ”
พ่อของหล่อนทำท่าจะส่งให้ แต่สักพักก็ดึงกลับไปใหม่ และกำเศษขวดแก้วนั้นแน่นขึ้นจนหล่อนเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากอุ้งมือของท่าน
“พ่อคะ... พ่อส่งมันให้นางนะคะ อย่ากำมันแน่นแบบนั้น พ่อ... พ่อคะ...”น้ำตาของหล่อนไหลรินออกมาด้วยความเวทนาในสภาพของบิดา แต่ท่านกลับไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมาเลยแม้แต่ความเจ็บปวดบาดแผล“นา... ผมคิดถึงคุณ... นา...”พ่อพึมพำคร่ำครวญถึงมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วของหล่อน น้ำตาของพ่อค่อยๆ ไหลรินอาบแก้ม“พ่อจ๋า... พ่อ... พ่ออย่าทำแบบนี้เลยค่ะ อย่าทำร้ายตัวเองเลย แม่มองอยู่บนฟ้า... แม่คงไม่มีความสุขหรอกถ้าเห็นพ่อทำแบบนี้ เชื่อนางนะคะพ่อ...”พ่อของหล่อนไม่ได้พูดคำใดออกมา ยอมปล่อยเศษแก้วออกจากมือ และก็ยอมให้หล่อนประคองขึ้นไปนั่งบนโซฟา“พ่อรอนางอยู่ตรงนี้นะจ๊ะ นางไปเอาที่ทำแผลก่อน”พ่อของหล่อนก็ไม่ได้ตอบเหมือนเดิม นั่งนิ่งราวกับมนุษย์ที่มีแค่ร่างกายแต่ไร้จิตวิญญาณหล่อนรีบเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ด้านนอก และรีบกลับมาทำแผลให้กับบิดาทันทีระหว่างที่นั่งทำแผลให้กับท่าน บิดาไม่ได้พูดไม่ได้จาคำใดออกมาเลย หล่อนมองท่านผ่านม่านน้ำตา และก็ตัดสินใจแล้วว่าจะตอบตกลงทำตามความต้องการของเกสรา“เสร็จแล้วจ้ะพ่อ”หล่อนพูดกับท่าน แต่ท่านก็ยังทำเหมือนเดิมนั่นก็คือไม่พูดไม่จา นั่งเหม่อลอย“เดี๋ยวนางไปเอาไม้กวาดมาทำ
สาธารณรัฐเลแวนต้า (Lavanta Republic) คือประเทศที่อยู่ทางเหนือสุดของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีบางส่วนของประเทศติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีเมืองหลวงชื่อว่า เลแวนต์ ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศนับถือศาสนาคริสต์สาธารณรัฐเลแวนต้ามีการปกครองในระบบพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยในรัชสมัยปัจจุบันมีราชวงศ์ เฮนเดอร์สัน ปกครอง ซึ่งพระมหากษัตริย์มีพระนามว่า แดเนียล เฮนเดอร์สัน พระองค์มีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันสิบสองพระองค์ และหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าหญิง แคทเธอรีน เฮนเดอร์สัน นางผู้เลอโฉมเลื่องลือขจรไกล เจ้าชายมากมายต้องการเจ้าหญิงแคทเธอรีนเป็นภรรยา แต่เจ้าหญิงทรงเลือกหนุ่มต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในเลแวนต้าเป็นพระสวามีแทนการเลือกเจ้าชายสูงศักดิ์ ซึ่งตามกฎมณเฑียรบาลของเลแวนต้า เมื่อเจ้าหญิงสูงศักดิ์เลือกสมรสกับสามัญชนจะต้องถูกลดชั้นฐานันดรเหลือเพียงแค่คนธรรมดา ซึ่งเจ้าหญิงแคทเธอรีนก็ทรงเลือกความรัก ทำให้ตอนนี้เจ้าหญิงแคทเธอรีนกลายเป็นเพียงแค่ประชาชนในเลแวนต้าคนหนึ่งเท่านั้นแต่ถึงแม้เจ้าหญิงแคทเธอรีนจะไม่ได้อาศัยอยู่ในวังอีกต่อไปแล้ว แต่พระเชษฐาอย่างพระมหากษัตริย์แดเนียลที่ทรงเอ็นดูน้องสาวมากก็ทรงพระร
“แล้วถ้าผมไม่เลือกสักทาง และพาไลลาไปอยู่ที่อื่นล่ะครับ ท่านแม่จะอนุญาตไหมครับ”แคทเธอรีนส่ายหน้าปฏิเสธ มองใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะกำลังทุกข์ทรมานอย่างเห็นใจ แต่หล่อนทำตามความต้องการของลูกชายไม่ได้จริงๆ“ยังไงซะ ลูกกับไลลาก็รักกันไม่ได้”“แต่ผมกับน้องนอนด้วยกันแล้วนะครับ”“ลืมเรื่องนั้นซะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่”“ผม...”“ถ้าลูกยังขัดขืน และคิดจะแข็งข้อกับแม่ ไลลาจะเป็นคนที่เดือดร้อน”เขารู้ดีว่ามารดาไม่ได้ขู่ แต่ท่านทำได้จริงอย่างที่พูด เขารู้จักนิสัยของท่านดีแล้วนี่เขาจะทำยังไงดี...?ไลลา... เขารักไลลา แล้วจะให้ยอมปล่อยมือจากหล่อนไปได้ยังไงกัน“งั้นผมขอเวลาครับ”“คนของท่านพ่อจะประกาศทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงหนังสือพิมพ์ไปทั่วโลกเกี่ยวกับการเลือกคู่ของลูกในค่ำวันนี้ และอาทิตย์หน้าผู้หญิงที่สนใจก็จะเดินทางมาที่บ้านของเรา คนของแม่จะคัดเลือกผู้หญิงเหล่านั้นให้เหลือแค่สามสิบคน หลังจากนั้นแม่กับพ่อจะคัดให้เหลือแค่สิบคน เพื่อให้ลูกได้เลือกหนึ่งในสิบคนนั้นเป็นภรรยาของลูก...”“ทำไมเร็วนักล่ะครับท่านแม่”ชาร์ลีตกใจไม่น้อย เขารู้สึกมืดแปดด้านเหลือเกิน“มันคือเวลาที่เหมาะสมแล้วล่ะ
อีกฟากหนึ่งของโลก เด็กสาวคนหนึ่งถือกระเป๋านักเรียนเดินออกมาจากโรงเรียนประจำหญิงล้วน ช้องนาง วัฒนาดิลก คือชื่อเสียงเรียงนามของหล่อนช้องนางกำลังจะเรียนจบระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเร็วๆ นี้ เพราะตอนนี้หล่อนได้สอบไฟนอลในเทอมสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้วเด็กสาวเป็นลูกหลานในตระกูลผู้ดีเก่าอย่างวัฒนาดิลก ซึ่งตระกูลนี้เป็นนามสกุลพระราชทาน ทุกคนในวงศ์ตระกูลล้วนแต่แสดงออกว่าตนเองเป็นผู้ดี ทั้งๆ ที่ภายในนั้นกลวงโบ๋ตั้งแต่คุณย่าของหล่อนเสียชีวิตไป ลูกจำนวนสี่คนซึ่งรวมบิดาของหล่อนด้วยก็ต่างพากันนำสมบัติพัสถานมาถลุงกันอย่างสนุกมือ ซึ่งในระยะเวลาแค่ไม่ถึงห้าปี ทรัพย์สินที่อยู่ในระบบกงสีก็กลายเป็นศูนย์ ก่อนจะติดลบจนต้องขายของเก่าเพื่อพยุงหน้าตาทางสังคมลุงป้าน้าอารวมถึงพ่อของหล่อนต่างเป็นคนที่จมไม่ลง หน้าใหญ่ใจโตทั้งๆ ที่ไม่เหลือสมบัติใดๆ อีกแล้วนอกจากบ้านที่อาศัยอยู่ในตอนนี้หล่อนเองก็ได้รับผลกระทบจากความฟุ้งเฟ้อของทุกคนจนมีแนวโน้มว่าจะต้องออกมาหางานทำเพื่อส่งตนเองเรียนระดับมหาวิทยาลัยในไม่ช้าช้องนางเดินใจลอยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงลุงแก้วคนขับรถเก่าแก่ของวงศ์ตระกูลจึงสะดุ้งตกใจ“คุณหนูครับ”หล่อ