ไม่แน่ใจว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจะสามารถใช้บรรยายความซวยของมนุษยชาติในเวลานี้ได้หรือเปล่าล้วนไม่มีใครรู้ เมื่อรู้ตัวอีกทีหลายพื้นที่บนโลกก็ไม่ต่างจากภาพยนตร์วันสิ้นโลกที่เคยโด่งดังเรื่องหนึ่ง
มันเริ่มจากโรคติดต่อร้ายแรงที่มีการแพร่กระจายจากคนสู่คน ทำได้เพียงรักษาไปตามอาการจนเชื้อในร่างกายตายหมดเท่านั้น ซึ่งผ่านมาเกือบสองปีก็ยังไม่มีประเทศไหนคิดค้นวัคซีนที่จะทำให้หายขาดหรือป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้เลย
นานวันเข้าก็เริ่มมีผู้คนล้มตายมากขึ้น จากประชากรเกือบ 5 พันล้านคนทั่วโลก ถูกประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 1 ใน 5
หลายครัวเรือนเริ่มกักตุนอาหาร ร้านขายของชำปิดให้บริการ ราคาอาหารแห้งแพงยิ่งกว่าทอง นี่เป็นสิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องเผชิญไม่มีใครหลีกเลี่ยง
แต่แค่นั้นมันยังน้อยเกินไป
วันที่ xx เดือน xx ค.ศ. xxxx
องค์การ xx ระบุว่ามีอุกกาบาตขนาดใหญ่กำลังจะพุ่งชนมายังโลก ซึ่งแน่นอนว่ามันจะสร้างความเสียหายไม่ต่างจากหลายล้านปีก่อนที่เป็นเหตุให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์
ยังดีที่เทคโนโลยีในปัจจุบันพัฒนาไปมาก มนุษย์รู้ตัวเร็วทำให้พอมีเวลาหาหนทางกำจัดภัยร้ายนี้ได้ก่อนมาถึงโลก แต่ใครจะรู้ว่าอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดทำได้เพียงสร้างรอยขีดข่วนให้มันเท่านั้น เวลาที่กระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ บีบคั้นให้ทุกคนลงความเห็นให้เบี่ยงมันออกไปจากวงโคจรเดิม อาจมีเศษซากอุกกาบาตหล่นลงมาบนพื้นโลกบ้าง แต่ก็ยังดีกว่ามันพุ่งชนมาทั้งก้อน
ปฏิบัติการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากนานาประเทศทั่วโลก เป็นข่าวโด่งดังยิ่งกว่าโรคระบาดเสียอีก แม้แต่ประเทศที่ไม่ชอบหน้ากันยังหันมาจับมือผลิตอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงเพียงพอที่จะทำให้เกิดแรงระเบิดมหาศาล และผลักหินก้อนยักษ์ให้ห่างจากจุดหมายของมันให้มากที่สุด
ค่ำคืนนั้นผู้คนที่เคยหลบลี้หนีหน้ากันเพราะโรคระบาดต่างมายืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน เฝ้ารอฝนดาวตกหรือสะเก็ดอุกกาบาตจากการปฏิบัติการความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งยิ่งใหญ่ โดยคราวนี้ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่การทำลาย
หากสำเร็จทุกคนบนโลกจะรอดชีวิตไปอีกหลายล้านปี แต่ถ้าไม่… คงเป็นการรีเซตโลกใบนี้ใหม่ไม่ต่างจากยุคดึกดำบรรพ์
จรวดบรรทุกขีปนาวุธจะถึงอุกกาบาตยักษ์ในอีก
...3
...2
...1
ตูม!
ท้องฟ้ามืดมิดพลันเกิดแสงสว่างเจิดจ้าราวกับเที่ยงวัน ก่อนฝนดาวตกจำนวนมากจะพากันวิ่งตัดผ่านขอบฟ้าเป็นริ้ว ๆ โทรทัศน์ถ่ายทอดสดรายงานว่าวิถีของอุกกาบาตถูกเหวี่ยงให้พ้นจากวงโคจรของดาวโลกแล้ว ปฏิบัติการเบี่ยงทิศอุกกาบาตสำเร็จไปได้ด้วยดี หลายพื้นที่ต่างพากันเฉลิมฉลองความสำเร็จในครั้งนี้แม้จะเป็นการฉลองแค่เพียงในบ้านก็ตาม
เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นใช่ไหม
แน่นอนว่าไม่ใช่
พ้นจากเคราะห์กรรมนอกโลกก็หันกลับมาผจญกับโรคระบาดต่อ ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันต่อวันแทบจะเป็นหลักพันต่อหนึ่งหมื่นคน
“เฮ้อ เมื่อไหร่จะพ้นช่วงนี้ไปสักทีนะ” เฉินเฟิงวางมือจากพืชสวนไร่นาที่กำลังทำอยู่แล้วไปนั่งพักที่แคร่หน้าบ้าน
วันนี้ปลุกผักได้เยอะทีเดียว นึกเอ่ยชมตัวเองในใจ
ช่วงแรกแค่จับจอบขุดได้แค่ไม่กี่หลุมมือก็พองไปหมด
เฉินเฟิงเป็นลูกครึ่ง แค่ชื่อก็บอกภูมิลำเนาถิ่นเกิดของบรรพบุรุษได้ดี ก่อนหน้านี้ไม่นานนักบิดามารดาของเขาเดินทางไปประเทศ C เพื่อไปร่วมฟังพินัยกรรมของคุณปู่ แต่ใครเล่าจะรู้ว่านั่นจะทำให้ทั้งสองคนติดเชื้อโรคระบาดจากการเดินทาง ทำการรักษาอยู่ไม่กี่วันก็สิ้นใจ ทางญาติพี่น้องตระกูลเฉินจึงติดต่อให้เขามาดูศพและจัดการเรื่องพินัยกรรมที่ยังคงค้างคาไม่ได้ข้อยุติ
ก่อนเดินทางไปประเทศ C เฉินเฟิงใจสลายแค่ไหนไม่มีใครรู้ กระทั่งญาติผู้ใหญ่ที่คิดว่าเป็นพี่น้องของพ่อก็ไม่ได้สนใจไยดีกับการจากไปของสายเลือดร่วมอุทร เอาแต่พูดว่าในเมื่อพ่อของเขาก็ไม่อยู่แล้ว มรดกในส่วนนี้ก็ควรเป็นของคนพี่น้องคนอื่นเพราะตัวเขานั้นไม่ได้เป็นที่รู้จักของคนในตระกูล และข้ออ้างอีกมากมายที่คนเหล่านั้นนำมากรอกใส่สมองตลอดเวลาที่อยู่ประเทศนั้น
ชายหนุ่มไม่ได้เสียดายมรดกหลายร้อยล้านของปู่ เขาแค่เสียใจที่คนในตระกูลนั้นไม่มีใครสักคนที่แสดงความเสียใจกับการจากไปของครอบครัวเขาเลย
หลังจากติดต่อเรื่องพิธีศพกับทางโรงพยาบาลเขาก็ไม่มีอารมณ์อยู่ในประเทศ C อีก จองตั๋วบินตรงกับประเทศบ้านเกิดแทบจะทันที และแน่นอนว่าช่วงโรคระบาดแบบนี้เฉินเฟิงต้องโดนกักตัวและตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมกำชับว่าให้กักตัวอยู่บ้านจนพ้นระยะฟักตัวของเชื้อก่อนถึงจะออกจากบ้านได้
นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เขามาจับจอบขุดดินถางหญ้า หว่านเมล็ดผักลงแปลงในเวลานี้ ห้าวันก่อนเขาเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องของพ่อกับแม่ สัมผัสความอบอุ่นที่อบอวลอยู่ในห้องนั้นไม่ขยับไปไหน วาระสุดท้ายของพวกท่าน เขาไม่มีแม้แต่โอกาสได้บอกลา แค่จะรับตัวกลับมาทำพิธีศพยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำเนื่องจากเป็นนโยบายป้องกันโรค พ่อกับแม่คงต้องถูกฝังรวมกับผู้เสียชีวิตรายอื่นอีกเป็นล้านคนในหลุมเดียวกัน ฟังดูแย่ แต่ถ้าปรับมุมมองใหม่ก็สามารถคิดไปได้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้ไปกันแค่สองคน แต่มีเพื่อนร่วมเดินทางไปโลกหลังความตายเยอะแยะจนจำชื่อไม่หมด
และเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้จึงต้องลุกมาหาอะไรทำ อีกทั้งตัวเขาเองก็ยังอยู่ในสถานะตกงานร้านที่ทำอยู่ต้องปิดกิจการจากพิษเศรษฐกิจ เฉินเฟิงรู้สึกเคว้งคว้างจึงอยากลองลงทุนกับพวกงานเกษตรกรรมภายในบ้าน เผื่อเป็นลู่ทางทำมาหากินในอนาคต
ขายไม่ได้ก็กินเอง อย่างน้อยก็คงไม่อดตาย
ชายหนุ่มจัดการนำเงินประกันของพ่อกับแม่มาต่อเติมบ้านและล้อมรั้วกำแพงเอาไว้ ถึงจะอยู่ชานเมืองแต่ช่วงวิกฤตแบบนี้โจรขโมยคงชุกชุมไม่น้อย ทั้งยังกักตุนอาหารเพราะไม่รู้จะมีประกาศเคอร์ฟิวเมื่อไหร่
แต่ใครจะคิดว่ามันจะวิกฤตได้มากกว่านี้อีกกัน
[ ประกาศฉุกเฉิน ขณะนี้ขอให้ประชาชนอยู่แต่ภายในบ้าน ห้ามออกมาด้านนอกที่พักอาศัยเด็ดขาด ย้ำ! ห้ามออกมาด้านนอกที่พักอาศัยเด็ดขาด! ]
อยู่ ๆ ทหารก็ออกมาประกาศให้ประชาชนอยู่บ้านโดยไม่แจ้งเหตุผลประกอบ สร้างความตื่นตระหนกในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก ปกติชนบทก็ไม่ค่อยมีข่าวสารส่งมาถึงรวดเร็วเท่าในเมืองอยู่แล้ว แทนที่จะเก็บตัวอยู่ในบ้านทุกคนพากันออกไปตุนอาหารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต่อให้โดนพ่อค้าแม่ค้าโกงราคาก็ไม่เกี่ยง ขอให้ปากท้องไม่ว่างก็เพียงพอ
เฉินเฟิงเองก็ตั้งใจจะออกไปซื้อพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาเก็บไว้ แต่คิดได้ว่าตอนโรคระบาดเริ่มใหม่ ๆ ผู้คนล้วนเลือกที่จะไปจับจ่ายซื้อของตามห้างสรรสินค้า หรือร้านค้าปลีกรายใหญ่ ทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่อยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มไม่อยากไปเสี่ยงจึงได้เปลี่ยนใจไปซื้อตามร้านขายของชำในหมู่บ้านแทน แต่ก็ได้มาไม่มากเพราะบางร้านก็เริ่มเก็บของไว้ใช้เอง
“ขอโทษนะอาเฟิง ยายขายให้ได้เท่านี้จริง ๆ” คุณยายร้านขายของชำห่ออาหารแห้งส่งให้
“ไม่เป็นไรครับ ได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว” บางร้านไม่ยอมขายให้เขาด้วยซ้ำ
“อาเฟิงได้ข่าวอะไรบ้างไหม ทำไมถึงมีประกาศจากทหารได้”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ อาจจะมีคนติดโรคระบาดเพิ่มขึ้นก็ได้”
“นี่หลานชายยายที่อยู่ในตัวจังหวัดก็ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ลูกชายยายจะไปหาก็เป็นห่วง กลัวยายอยู่บ้านคนเดียว” คุณยายถอนหายใจเสียงดัง เป็นห่วงหลานชายและลูกสะใภ้ของตนมาก
จะว่าไปช่วงหลังมานี้โทรศัพท์เริ่มใช้การไม่ได้ แต่เพราะเป็นหมู่บ้านชนบทที่ไม่ได้มีสัญญาณดีอยู่แล้ว ทุกคนก็เลยคิดว่ามันไม่มีอะไร ขนาดเด็กที่ต้องเรียนออนไลน์ยังต้องวิ่งไปหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตตามภูเขาเลย
โทรทัศน์เองก็มีแต่ประกาศอะไรก็ไม่รู้ซ้ำไปซ้ำมา มองดูแล้วเหมือนเป็นเทปวิดีโอที่ตั้งเวลาให้เปิดมากกว่า เขาจึงเลือกปิดมันไปเสีย
เปลืองไฟ...
เฉินเฟิงคุยกับคุณยายอีกเล็กน้อยก็ขอตัวกลับบ้าน เย็นนี้เขาตั้งใจจะไปตลาดสดซื้อเนื้อกลับมาบ้านมากหน่อย
หรือเขาควรซื้อตู้แช่มาเพิ่ม?
อย่าดีกว่า... ถึงอาหารจะจำเป็นแต่มีเงินก้อนเก็บไว้บ้างจะดีกว่า อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน เกิดเขากว้านซื้อทุกอย่างจนเงินหมดบัญชี แล้วหลังโรคระบาดจะลงทุนทำร้านหรืออะไรสักอย่างคงต้องไปกู้หนี้ยืมสินให้เป็นหนี้อีก
เย็นวันนั้นเฉินเฟิงไปตลาดนัดตามที่ตั้งใจไว้ แม้ทหารจะออกมาประกาศให้อยู่แต่ในบ้าน แต่ก็มีพ่อค้า แม่ค้าบางส่วนฝ่าฝืนประกาศออกมาตั้งแผงขายของ หวังระบายของสดที่มีออกไปบ้าง ได้กำไรนิดหน่อยก็ยังดี
ความตั้งใจที่จะซื้อของแค่เล็กน้อยเป็นอันต้องปัดตกไป เขาดันใจอ่อนช่วยลุง ๆ ป้า ๆ ซื้อหมูซื้อไก่มาสิบกิโลกว่า
“หนักโว้ย” แล้วก็มาเป็นภาระตอนขนกลับบ้าน ตะกร้าหลังรถจักรยานไม่พอใส่จนต้องแขวนไว้ที่แฮนด์จักรยานทั้งสองข้างเพื่อถ่วงน้ำหนัก
กรรร…
ในขณะที่กำลังบ่นกระปอดกระแปดไปตามประสา กลับมีเสียงคำรามต่ำในลำคอของสัตว์ป่าดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดของถนนลูกรัง เฉินเฟิงไม่ได้จอดจักรยาน ขายาวกลับเร่งความเร็วขึ้นมากกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเขาแค่หูแว่วไปหรือมีสัตว์ร้ายอยู่แถวนี้จริง
ฟุ่บ
เอี๊ยดดด!
“เหวอ!”
เพราะมัวแต่ระแวงข้างทางจึงไม่ทันสังเกตเห็นเงาสิ่งมีชีวิตด้านหลังที่พุ่งมาคว้าตะกร้าที่บรรจุเนื้อสิบกิโลกว่าไว้
แรงมหาศาลฉุดกระชากส่งให้เชือกที่มัดตะกร้ายึดกับจักรยานขาดออกจากกัน
ดีที่ตั้งสติได้เร็ว ยันเท้าลงกับพื้นทันพอตั้งตัวได้ไม่ให้ล้มไปทั้งคนทั้งจักรยาน ชายหนุ่มหัวเสียหนักรีบหันกลับไปมองด้านหลัง
“นั่นมัน... อะไร” ลำคอเรียวเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่กับภาพที่เห็น
แม้เวลาจะค่อนไปทางเกือบมืดแต่ก็พอมีแสงโพล้เพล้ให้ได้เห็นราง ๆ ว่าสิ่งที่กำลังหยิบเนื้อในถุงเข้าปากสด ๆ ราวกับเป็นอาหารอันโอชะอยู่นั่นคือมนุษย์
“เชี่ยไรวะเนี่ย”
กรรร…
ดวงตาที่ควรจะมีจุดดำกลับขึ้นฝ้าสีขาว มันหันมามองเขาแล้วส่งเสียงคำรามต่ำในลำคอ รูปลักษณ์นั้นเหมือนกับซอมบี้ที่เคยเห็นในภาพยนตร์ไม่มีผิด
“ไวรัสกลายพันธุ์เหรอวะ แม่งเอ๊ย!“ แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่รอให้ตัวเองเป็นเหยื่อรายต่อไป รีบใส่เกียร์หมาปั่นจักรยานสุดชีวิต
แม่งเอ๊ย ๆ ๆ ไอ้ตัวนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดใช่ไหม
หรือจะเป็นรายการแอบถ่ายสักรายการ?
จะอะไรก็ช่างหนีก่อนแล้วกัน!
ชายหนุ่มไม่สนใจรอบข้างอีกแล้ว คราวนี้เขาปั่นหน้าตั้งมุ่งกลับบ้าน ไม่สนว่าจะมีใครทักถามอะไรทั้งนั้นด้วยกลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่ใช่เพื่อนบ้านที่เขารู้จักอีกต่อไป
“แฮ่ก ๆ”
ร่างโปร่งพาตัวเองและจักรยานล้มโครมทันทีที่ผ่านเข้ามาในรั้วบ้าน เฉินเฟิงรีบลุกไปปิดประตูรั้ว ตั้งแต่ต่อเติมรั้วบ้าน เขาก็ไม่เคยปิดประตูเลยสักครั้งแม้แต่เวลานอน มาวันนี้รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่มีมัน
เพียะ!
ฝ่ามือหยาบกระทบใบหน้าสร้างความปวดร้าวปนแสบร้อนไปครึ่งหน้า ภายในปากได้กลิ่นสนิมรวมถึงรสขมปร่าที่ปลายลิ้น
เจ็บ…
ไม่ใช่ความฝัน
ฉิบหายแล้วแม่งเอ๊ย!
นี่มันอะไรกันวะ!!
เฉินเฟิงนั่งปรับระดับลมหายใจอยู่ที่เดิมจนกระทั่งได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านนอกจึงรีบลนลานหอบถุงใส่อาหารกลับเข้าไปในบ้าน จัดการปิดประตูหน้าต่าง ขนเฟอร์นิเจอร์ใกล้มือที่คิดว่ามีน้ำหนักมาปิดทางเข้าออกทั้งหมดเสียงกรีดร้องผสมเสียงขอความช่วยเหลือดังระงมอยู่ค่อนคืน ชายหนุ่มยกมือทั้งสองขึ้นปิดหูตนแล้วขดตัวอยู่ใต้โต๊ะติดกำแพงร่างโปร่งสั่นระริกทุกครั้งยามที่มีคนเขย่าประตูเหล็กหน้าบ้าน นัยน์ตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาจากความหวาดกลัวและละอายใจทำไมเขาไม่เตือนคนอื่นยิ่งเสียงกรีดร้องดังมากเท่าไร ภายในจิตใจเฉินเฟิงยิ่งปวดร้าวมากเท่านั้นขี้ขลาด!แกมันขี้ขลาดเห็นแก่ตัว“พี่เฟิงช่วยผมด้วย” เสียงเล็กคุ้นหูหน้าบ้านเรียกสติให้ชายหนุ่มผลุนผลันคลานออกมาจากใต้โต๊ะ รีบกวาดสิ่งของที่ขวางประตูอยู่ให้เปิดออกทันเห็นเด็กชายกับแม่ของอีกฝ่ายกำลังเกาะรั้วเหล็กหน้าบ้านพลางหันซ้ายหันขวา“น้องดล” เฉินเฟิงเรียกเด็กชายเสียงเบา สภาพของเด็กข้างบ้านแทบไม่มีส่วนไหนเรียกว่าชิ้นดี ผมเผ้าพองฟู เสื้อผ้ามอมแมมผสมคราบดินและคราบเลือดจนหาสีเสื้อเดิมไม่เจอ“อาเฟิง ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย” ดาริณีมีหนึ่งกำรั้วเหล็ก อีกมือก็ดึงลูกชายมากอ
ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงเอ็ดลูกชายไปแล้วที่นอนดึก แต่ภาพเหตุการณ์ในวันนี้ไม่ทำให้สติแตกจนฟั่นเฟือนก็เรียกว่าดีมากแล้วสำหรับเด็กเด็กชายดลนับว่าเป็นหัวโจกกลุ่มเด็กในหมู่บ้านคนหนึ่ง เขามักนำตัวเองเป็นศูนย์กลางของกลุ่มเด็กทโมนพาเพื่อนไปเล่นสุ่มเสี่ยง ตรงไหนที่ผู้ใหญ่ห้ามหรือดุก็จะแอบพากันไปจนรู้แน่ชัดว่าห้ามเพราะอะไรก็จะหยุดเอง ตอนที่ยายล้มลงแล้วลุกขึ้นมากัดตา ณ ตอนนั้นเด็กชายดลเข้าใจได้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่ไม่ปกติ คนตรงหน้าไม่ใช่ยายของเขาอีกต่อไปเด็กตัวเล็กคนหนึ่งรีบพาแม่ออกจากบ้าน ดาริณีวิ่งตามลูกชายมาอย่างงุนงงในตอนแรกเพราะช็อกกับสภาพที่พ่อถูกแม่กัดเลือดท่วมตัว ไหนจะคนในหมู่บ้านบางคนที่มีลักษณะเหมือนแม่ของเธอ ทั้งสองคนจึงได้แต่วิ่งฝ่าความมืดหวังไปขอพึ่งพิงบ้านสามี ได้แต่โทษตัวเองว่าคืนนี้เธอไม่น่าขอบ้านนั้นพาลูกมานอนที่นี่เลย จะได้ไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ใครจะคาดคิดว่าแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ เธอกลับถูกขับไล่เพราะอีกฝ่ายเห็นว่ามีฝูงตัวอะไรบางอย่างกำลังคืบคลานมาหาเธอและลูก พวกเขาเขวี้ยงปาสิ่งของจากชั้นบนของบ้านเธอได้แต่เหลียวหลังไปดูคนในหมู่บ้านที่เปลี่ยนสภาพไม่ต่างจากแม่ที่กัดพ่อก็
“ก็ใช่น่ะสิ เอาล่ะ ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่ไปทำกับข้าวให้” ดาริณีลุกเดินเข้าครัว มุมปากยกยิ้มสนุก...รอให้เจ้าตัวเห็นเองจะดีกว่าเฉินเฟิงไม่ทันเห็นรอยยิ้มประหลาดของพี่สาวข้างบ้านจึงเดินเข้าไปในห้องนอนตัวเอง คว้าเสื้อผ้าในตู้แล้วเดินตรงเข้าห้องน้ำ แต่พอจะถอดเสื้อผ้าออกจากหัวกลับรู้สึกว่าส่วนคอเสื้อไปเกี่ยวอะไรสักอย่างบนศีรษะอะไร?ชายหนุ่มยกมือขึ้นจับ“?!!”ตึง ๆ“แม่ พี่เฟิงต้องเห็นแล้วแน่เลย” เสียงดังตึงตังออกมาจากห้องนอนของชายหนุ่ม“พี่เขาคงตกใจน่ะ ตอนเราเห็นครั้งแรกก็ตกใจเนอะ” หญิงสาวยิ้มขัน เชื่อว่าเจ้าตัวคงตกใจจนช็อกไปแล้วไม่ผิดจากที่ดาริณีพูด เฉินเฟิงตกใจมากจริง ๆ ถึงกับต้องวิ่งไปเกาะกระจกเพื่อดูไอ้สิ่งที่มันติดอยู่บนหัวเขา!ใช่! บนหัวเขามีบางอย่างโผล่ขึ้นมาไม่ใช่มีแค่เส้นผมเพียงอย่างเดียว“เฮ้ย” แล้วทำไมผมของเขากลายเป็นสีขาว!“นี่มันอะไรกันวะ!” ไหนจะดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ที่เตะตาเขาตั้งแต่แรกเห็นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปมีตั้งแต่เกิด เพราะบนศีรษะของเขากลับมีบางสิ่งบางอย่างงอกขึ้นมาเพิ่ม นั่นคือหูยาวสีขาวเหมือนกระต่ายต่างหากที่ทำให้เขาอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกใช่แล้วมันคือ หู
“แล้วอย่างนี้พี่จะมีพลังหรือเปล่าครับ” เปลี่ยนร่างได้แล้วก็ต้องมีพลังสิ เด็กชายดลมองด้วยดวงตาคาดหวัง เหมือนตัวการ์ตูนที่เขาเคยดู“พลังเหรอ” ชายหนุ่มทวนจะใช่ความรู้สึกว่าร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างตอนตื่นขึ้นมาหรือเปล่า? ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าออกไปด้านนอกบ้าน หลังจากกินอาหารเช้าแล้วไม่รู้จะทำอะไรเขาได้พูดคุยกับดาริณีเรื่องอาหารที่เก็บไว้ว่าควรนำเนื้อหมูออกมาแปรรูปให้สามารถเก็บไว้กินได้นานกว่านี้ หากเหตุการณ์ไม่กลับมาสงบได้ในเร็ววัน พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องอดอยากเขาจำได้ว่าตัวเองตีล้อมรั้วบ้านไปจนสุดแปลงผักเป็นเนื้อที่เกือบ 2 ไร่ แถมก่อนเกิดเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้เขาก็เพิ่งจะพรวนดินหว่านเมล็ดไปได้ไม่นาน อีกทั้งช่วงที่เขาหมดสติไป ดาริณีก็เป็นคนรับหน้าที่รดน้ำต้นไม้ตลอด พวกมันจึงยังอยู่รอดปลอดภัย เฉินเฟิงกำชับให้สองแม่ลูกอยู่ในบ้านไปก่อน เขาจะออกไปดูความปลอดภัยด้านนอก สองมือชายหนุ่มกำขวานในมือแน่น ความตื่นกลัวพาลให้หูกระต่ายตั้งชันและรับรู้เสียงได้มากขึ้น เมื่อลองเพ่งสมาธิก็พบว่าสามารถได้ยินไกลไปเกือบ 2 กิโลเมตรนอกจากเสียงบ้านข้างเรือนเคียงที่อยู่ห่
ถ้ามีแค่ตัวคนเดียวเขาอาจจะหาทางหลบหนีออกไปก่อน แม้จะเสียดายบ้านแต่จะให้สู้กับคนหลายคนทั้งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อนก็คงไม่ไหว เอาตัวให้รอดไว้ก่อนค่อยกลับมาทวงคืนในภายหลังก็ไม่สาย แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ที่เขามีอีกสองชีวิตให้ต้องดูแล น้องดลและดาริณีดูจะไม่ใช่คู่มือของพวกมันได้เลยครั้นจะให้วิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปจามหัวพวกมันก็ไม่รู้ว่าจะกล้าทำอย่างที่คิดไหมอีกในขณะที่ครุ่นคิดศัตรูแรกในวันสิ้นโลกก็บุกเข้ามาประชิด“เคร้ง!” เสียงประตูเหล็กหน้าบ้านถูกอะไรบางอย่างดันเข้ามาอย่างแรงเป็นผลให้กระถางต้นไม้และตู้ที่ถูกนำมาวางกั้นประตูล้มระเนระนาด“เสียงดังเกินไปแล้ว” หนึ่งในชายฉกรรจ์เอ่ยเตือน ถึงพวกเขาจะฆ่าซอมบี้ละแวกนี้ไปแล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีตัวอื่นมาอีก“พวกคนในบ้านรู้ตัวกันหมดแล้วมั้ง” ชายที่มีหูกลมส่ายหัวให้กับความสมองน้อยของเจ้าบ้าชอบใช้กำลัง“...” เจ้าบ้าชอบใช้กำลัง“ช่างเถอะ เข้าไปทั้งแบบนี้แหละ” คนเป็นหัวหน้าไม่ใส่ใจกับความสะเพร่าเล็ก ๆ น้อย ๆ จะอย่างไรพวกเขาก็แข็งแกร่งและมีอาวุธครบมือ ต่อให้มีซอมบี้ออกมาอีกก็แค่ยิงทิ้งไปเสียเฉินเฟิงที่ซ่อนตัวอยู่หลังบ้านตื่นตระหนก ประตูบ้านเขาพังเพราะกำลังของคน!น
ชายหนุ่มค่อย ๆ ดันสองแม่ลูกให้ถอยหลังไปตามทางเดินของบ้านโดยมีโจรตามเข้ามาทีละนิด พวกมันดูสนุกสนานกับการต้อนเหยื่อให้จนมุม แค่เห็นหนึ่งในนั้นเลียริมฝีปากมองพวกเขาเหมือนอาหารอันโอชะก็กระตุ้นความโกรธที่อยากจะตั๊นหน้ามันสักครั้งในจังหวะที่ถอยผ่านตู้เย็นหลังใหญ่ ดวงตาสีทับทิมก็สว่างวาบนี่ไงล่ะ... โอกาส!มือเรียวรีบคว้าขอบบนตู้เย็นไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มีแล้วกระชากมันล้มลง จากนั้นก็คว้าเอาตู้กับข้าวอีกฝั่งหนึ่งให้ล้มทับปิดทางด้วย สบโอกาสก็รีบจูงมือสองแม่ลูกเข้าไปในห้องเก็บของ ใช้ขาที่มีพละกำลังมากขึ้นถีบประตูบานเก่าสนิมเขรอะจนมันกระเด็นหลุดออกไปโครม!!ตึก ตึก!“จับมัน! อย่าให้มันหนีไปได้!!” ชายที่เป็นหัวหน้าตะโกนกร้าว สั่งให้ลูกน้องที่มีความแข็งแรงด้านพละกำลังยกตู้เย็นขึ้น ในนี้มีเสบียงอาหารอยู่ จะปล่อยให้เสียหายไม่ได้ จากนั้นตะโกนสั่งคนที่อยู่นอกบ้านอย่างเดือดดาลชายที่มีใบหูคล้ายหนูตามมาได้ทันแต่ก็ช้าไป เฉินเฟิงอุ้มดาริณีและเด็กชายดลไว้ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนกระโดดข้ามรั้วบ้านที่มีความสูง 2 เมตรวิ่งหนีเข้าป่าไปโจรปล้นบ้านมองไปทางป่าที่ไม่คุ้นเคยอย่างชั่งใจ มันไม่ใช่คนในพื้นที่ การตามเข้
“...” คนคนนี้เธอเคยเจอเขาเป็นครั้งคราวตอนมีประชุมหมู่บ้าน เขามีอาชีพรับจ้างทั่วไป ใครในหมู่บ้านจ้างอะไร ขอแค่ให้เงินเขาก็ไปทำทั้งนั้น แต่มาตอนนี้…“แม่!” เห็นแม่นิ่งเงียบไปก็ใจไม่ดี ไหนจะการร้องไห้แบบไม่มีเสียงสะอื้นนี่อีก“ผมว่าพวกเราไปต่อเถอะ” เฉินเฟิงที่พอมีแรงขึ้นมาบ้างเล็กน้อยรีบกล่าวทำลายบรรยากาศ พวกเขาเสียเวลาอยู่ตรงนี้มากไปแล้ว ดวงตาสีแดงเลือกที่จะไม่มองสภาพศพเละเทะตรงนั้นป้องกันไม่ให้สำรอกเอาเศษอาหารออกมา ปลอบใจตัวเองว่าพอถึงคราวจวนตัวมนุษย์ก็ต้องสู้แม้ว่าคนที่สู้ด้วยจะเคยเป็นคนรู้จักก็ตาม…“แม่ครับ ไปเถอะ” เด็กชายเองก็อยากอาเจียนกับภาพตรงหน้า แต่แม่กำลังไม่ได้สติ เด็กน้อยจึงยื่นมือไปดึงมือแม่ให้ลุกขึ้นเดินตามตน“น้องดล!” ดาริณีราวกับหลุดจากภวังค์ฝัน หญิงสาวคว้าร่างลูกชายหมุนซ้ายขวามองหาร่องรอยบาดเจ็บตอนที่เธอเห็นซอมบี้เบนเป้าหมายไปที่ลูกชาย เธอก็เหมือนสติขาดผึง กระหน่ำฟาดอะไรก็ตามที่กำลังจะทำอันตรายเด็กชาย“ผมไม่เป็นอะไรครับ เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ” มือเล็กจับมือแม่แล้วดึงให้ไปทางพี่ชายเฉินเฟิงที่ยืนรออยู่“อะ อืม” ดาริณีเองก็เหมือนจะได้สติขึ้นมาบ้าง กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามแร
เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นร่างของหญิงสาวกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงโดยมี เอ่อ... เสาเตียงที่ถูกหักออกมาอยู่ในมืออีกฝ่าย แถมยังอยู่ในสภาพที่ถูกบีบจนเนื้อไม้ผิดรูปไปมาก ซึ่งเขาจำได้ดีว่ามันไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งแบบนี้“แม่ครับ” เด็กชายดลเห็นผู้ให้กำเนิดไร้สติแบบนี้ก็เป็นห่วงนัก เขากำลังเช็ดตัวอยู่ดี ๆ แม่ก็คว้าเอาเสาไม้ที่อยู่ใกล้มือไปจับแล้วบีบจนเป็นอย่างที่เห็น เขาตกใจทำอะไรไม่ถูกจนต้องไปตามพี่ชายมาช่วย“พี่เฟิง แม่ผมเป็นอะไร” ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา หรือว่าแม่เขาจะเป็นเหมือนคุณยายไปแล้ว“เราปล่อยคุณแม่ไว้อย่างนี้ก่อนเถอะ” ปล่อยในความหมายของชายหนุ่มคือให้หญิงสาวอยู่ภายในห้องคนเดียว หากเป็นซอมบี้ขึ้นมาจะได้ไม่ออกไปกัดคนอื่นที่ด้านนอก ฝ่ามือใหญ่กว่าคว้าแขนของเด็กน้อยพาออกไปนอกประตู“แต่แม่...”“รอดูกันก่อนเถอะ” เฉินเฟิงปลอบ เขากลัวว่าถ้าหากดาริณีกลายเป็นซอมบี้ขึ้นมา เด็กชายดลจะถูกลูกหลงไปด้วย“ครับ” สุดท้ายเด็กชายก็ยอมเดินตามพี่ชายออกมาจากบ้านแต่โดยดี เขาขอสัญญาว่าถ้าหากแม่กลับมาเป็นปกติจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนอีกต่อไปเฉินเฟิงพาเด็กน้อยมายังห้องที่เขาทำขึ้นเพื่อใช้สำหรับเก็บของ ยังด
“ฮึบ” ทีโอผลักพัดลมใบมีดสีส้มอมแดง ยามที่มันหมุนคว้างอยู่กลางอากาศก็มีเปลวไฟลุกโหมขึ้นมาต้นเห็ดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต่างโดนตัดเฉือนพร้อมกับเผาทำลายไปในคราวเดียวกัน เส้นทางด้านหน้าและด้านหลังที่เคยถูกปิดล้อมต่างก็กลายเป็นทะเลเพลิงขนาดย่อมในพริบตาเดียว“รีบไปกันเลยครับ” หากยังมีพลังเพียงขั้นแรกท่าไม้ตายนี้คงไม่มีทางสำเร็จ การใช้พลังในรูปแบบนี้ต้องใช้ทั้งสมาธิและพลังงานพอสมควร หลังจากเคลียร์ทางเดินได้ บนใบหน้าของทีโอจึงปรากฏเหงื่อไหลซึมออกมาหมดพลังไปเกือบครึ่ง!ถ้าไม่ใช่ว่าต้องใส่หน้ากากกันแก๊สตลอดเวลา เขาคงหยิบคริสตัลซอมบี้สีใสมากินเพิ่มพลังว่ากันตามจริง เห็ดพวกนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยหากมีการเตรียมพร้อมที่ดีพอ ที่น่ากลัวกว่ากลับเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยให้ใช้พลังอย่างเต็มที่ ลองเปลี่ยนเป็นสัตว์กลายพันธุ์หรือต้นจามจุรียักษ์ครั้งก่อนไม่แน่ว่าผลลัพธ์อาจไม่เป็นเช่นนี้“ถึงแล้ว!!” เฉินเฟิงดีใจมาก ในที่สุดก็มาถึงชั้นหนึ่งเสียที ไม่ต้องสูดดมควันอีกต่อไปแล้วแซ่ก ๆ ๆ“กัดไม่ปล่อยเลยนะ” เฉินเฟิงกัดฟัน ตอนนี้ทางเดินด้านหลังเต็มไปด้วยสปอร์เห็ดจำนวนมหาศาล เห็ดบางต้นยอมตายเพื่อที่จะผลิตสปอร์ให้ได้
ดังนั้นการเดินทางกลับขึ้นไปยังชั้นบนจึงมีเฉินเฟิงเดินนำ คอยกรุยทางและปรับอากาศให้ ลำดับต่อมาจึงเป็นทีโอ และนิโคลัสปิดท้าย ซึ่งทีโอที่สภาพร่างกายไม่ค่อยดีนักพยายามเดินตามคุณเชฟกระต่ายให้ทัน กลัวว่าถ้าคลาดกันแล้วอาจจะโดนภาพลวงตาเล่นงานอีกรอบยอมรับว่าในเวลาที่เหงา เขามักย้อนคิดไปถึงวันที่ปกติสุขดี ทำไมตอนนั้นเขาไม่ทำดีกับหมอนั่นให้มากหน่อยนะ เอาแต่เฮฮาปาร์ตี้ไปเรื่อยจนอีกคนคิดว่าเขาเป็นพวกคาสโนว่าทั้งที่ไม่ใช่เลยสักนิดคนที่เขาชอบคือเลวี่...รูมเมตขี้บ่นที่บ่นได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบถึงจะแค่แอบชอบก็เถอะ…แต่เขาก็ให้ใจกับเลวี่ไปมากจริง ๆ การที่ต้องเห็นอีกคนโดนซอมบี้กัดต่อหน้าต่อตาโดยที่ตัวเองไม่สามารถเอื้อมมือไปคว้าไว้ได้ทันเป็นเรื่องที่ปวดใจเขามากที่สุดหลังจากกลุ่มทหารพามาถึงค่ายพันธมิตร เขาพร่ำโทษตัวเองที่ยังมีชีวิตรอด เพราะเขาทำอีกคนหลุดมือก่อนเฮลิคอปเตอร์ช่วยเหลือจะมาถึงเป็นเพราะเขา… เพราะเขาทั้งนั้น!แม้แต่พ่อแม่ก็ช่วยไว้ไม่ได้…ทีโออยากปลิดชีวิตตนเอง แต่พลังพิเศษดันตื่นขึ้นมา เขาจึงกลายเป็นบุคลากรที่สำคัญยิ่งต่อการอยู่รอดของมนุษยชาติ ตัวเขาที่ไม่มีสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยวอีกจึงตกล
เอ๊ะทำไมมันร้อน…“โอ้โห ไข้สูงเท่าไรวะเนี่ยมือกูจะพองแล้ว” เลวี่ผละออกไปมือขาวสะบัดไปมาในอากาศนั่นสิ…ทำไมมันร้อนแบบนี้ ร้อนมาก ๆ ด้วย ร้อน…“ร้อน!!!”เฮือก!ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้างมองซ้ายมองขวาอย่างงุนงง รอบด้านถูกปิดกั้นจนมองไม่เห็นสภาพแวดล้อมภายนอก คล้ายว่าตนเองกำลังอยู่ในกล่องเหล็กกล่องเหล็ก!จริงด้วย!! ก่อนหน้านี้เขาถูกฝุ่นละอองอะไรก็ไม่รู้โจมตีเข้ามา ในช่วงเวลาที่ใกล้จะหมดสติเขาใช้ลูกเหล็กที่พกติดตัวปิดผนึกฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ไว้ก่อน จากนั้นก็สร้างใบมีดเหล็กขึ้นมาพัดพวกมันให้ออกไป แต่ยิ่งพัดมันก็ยิ่งหมุนวนเข้ามาใกล้ทุกที สุดท้ายจึงสร้างกล่องเหล็กครอบคลุมตัวเองแล้วก็หมดสติ…“อึก” ทีโอเบ้หน้า อากาศที่มีใกล้จะหมดเต็มทน แถมแผ่นหลังที่พิงกับกล่องเหล็กอยู่ก็เริ่มร้อนลวกผิว ชายหนุ่มจำต้องปลดกำแพงเหล็กด้านหลังออก ไม่อย่างนั้นได้กลายเป็นไก่อบฟางในอีกไม่นานแน่ทันทีที่กำแพงด้านหลังถูกเปิดออก เป็นจังหวะเดียวกับที่นิโคลัสเผากองเห็ดเกือบหมดแล้ว เฉินเฟิงที่ได้ยินเสียงกุกกักจากในนั้นมาสักพักก็ไม่รอช้า รีบคว้าตัวทีโอให้มาอยู่ฝั่งเดียวกับตนพร้อมกับตรวจเช็กว่าอีกฝ่ายได้สวมหน้ากากกันแก๊ส
“ไม่ใช่หรอก” นิโคลัสส่ายหน้า “ดูตรงนี้สิ” พลางชี้ให้เห็นตรงทางเดินมีกล่องเหล็กอีกหนึ่งกล่องถูกวางตั้งอยู่ ดูจากลักษณะภายนอกแล้วคล้ายคลึงกับกล่องเหล็กที่เฉินเฟิงเคยขอให้ทีโอทำในตอนที่นำเนื้อวัวลงไปแช่ในน้ำตก“งั้นนี่ก็เป็น…” ทีโองั้นเหรอเฉินเฟิงมองกองเห็ดที่เกาะอยู่บนอะไรสักอย่างจนมีขนาดใหญ่ มันขวางทางเดินไว้เหมือนภูเขาขนาดย่อมจนไม่สามารถผ่านไปได้ ในสมองพลันนึกถึงสิ่งที่ตุ่นและหงส์พบเจอถ้าหากว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้คือทีโอ…“จะเผาแล้วนะ” นิโคลัสให้สัญญาณ เฉินเฟิงจึงนำต้นลิ้นมังกรจุ่มลงไปในกระติกน้ำ แล้วเร่งให้มันดูดควันพิษเหล่านี้ออกไป ต้องขอบคุณเจ้าตัวแสบที่หยิบสิ่งนี้มาให้ ไม่อย่างนั้นหน้ากากกันแก๊สคงกรองฝุ่นควันไม่ไหวนิโคลัสเผาภูเขาเห็ดตรงหน้าอย่างระมัดระวัง พอไหม้ไปได้ระยะหนึ่ง บางส่วนที่อยู่ใต้กองเห็ดก็เผยออกมาให้เห็น“เหล็ก!” นั่นก็หมายความว่า!!พรึบ!นิโคลัสเร่งไฟให้รุนแรงขึ้น เห็ดที่เคยไหม้อย่างช้า ๆ ก็พลันอันตรธานหายไปในเวลาไม่นาน...“โอ…” เสียงอะไร“ทีโอ…” ใครกำลังเรียกเขา“ทีโอ!!”เฮือกดวงตาคมเบิกกว้างก่อนยันตัวมองซ้ายมองขวาที่นี่มัน…“ตื่นสักทีนะไอ้บ้า” ชาย
“ขอพาเจ้าพวกนี้ไปที่ค่ายก่อนนะ” โจเซฟให้เฉินเฟิงช่วยกันวางร่างของหงส์และตุ่นลงกระบะหลังรถ “ถ้าเจอทีโอก็รีบพากลับไปที่ค่ายต่อได้เลย” ชายหนุ่มว่าพลางกระโดดขึ้นฝั่งคนขับสตาร์ตรถได้ก็ขับออกไปทันทีชายหนุ่มต้องแข่งกับเวลา จากที่นี่ถึงค่ายพันธมิตรมีระยะห่างประมาณ 10 กิโลเมตร ถ้าขับเร็ว ๆ จะทำเวลาอยู่ที่ 15 นาที ต้องรีบพาสองคนนี้ไปส่งให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุด ถึงนิโคลัสจะเป็นหมอ แต่อีกฝ่ายกำลังติดพันอยู่ในชั้นใต้ดิน เขาที่เป็นหัวหน้าไม่ควรรออยู่เฉย ๆอีกทั้งที่ค่ายก็มีเครื่องมือแพทย์และยาปฏิชีวนะที่น่าจะช่วยชีวิตทั้งสองคนได้ถ้ามีซอมบี้ขวางทางพ่อจะชนไม่เลี้ยงเลย!!เฉินเฟิงเห็นโจเซฟขับรถออกไปก็พาตนเองกลับเข้าไปในอาคารเพื่อช่วยนิโคลัสตามหาทีโอต่อ ไม่รู้อีกฝ่ายเป็นตายร้ายดีอย่างไรมังคุดเห็นมนุษย์สองคนกลับออกมามีสภาพไม่สู้ดีนักก็ร้องเสียงแหลม พยายามจะเข้าประตูตามเจ้านายไปด้วย ข้างในนั้นมีอะไรทำไมทุกคนถึงออกมามีสภาพเป็นแบบนั้นไปได้งี้ด (มังคุดจะไปด้วย)แค่คิดว่าเจ้านายของมันจะกลายเป็นอย่างสองคนนั้นหากเข้าไปอีก เจ้าตัวยักษ์ก็ใจไม่ดีเอาเสียเลย รีบเดินไปรั้งชายเสื้อของเฉินเฟิงไว้แน่น“ไปไม่ได้ มัง
“เป็นแบบนี้แล้ว… พวกนั้นคงอยู่ที่นี่แน่” โจเซฟฟันธง ความคิดของพืชและสัตว์บางครั้งก็เรียบง่าย สิ่งที่พวกมันอยากปกป้องหวงแหนจะได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ประหนึ่งราชินีผึ้งที่อาศัยอยู่ในรังท่ามกลางบริวารอีกหลายพันตัว“ไปกันเถอะ” นิโคลัสเรียกลูกไฟออกมาเผาเห็ดยักษ์ตรงหน้า แต่เมื่อเผาหมดไปต้นหนึ่ง ก็มีต้นอื่นงอกขึ้นมาแทนที่ทันที“...” เฉินเฟิงหรี่ตามอง“อาเฟิง” นิโคลัสคิดจะลองเผามันอีกครั้งเป็นต้องชะงัก เมื่อคนรักแตะบ่าขอให้เขาหลบไป“พอดีเห็นว่ามันเป็นพืชน่ะครับ” เลยอยากลองดูว่าใครจะควบคุมใครได้กันแน่ คราวต้นจามจุรีเฉินเฟิงเองก็มีความคิดนี้อยู่ในหัว แต่เพราะถูกโจมตีจนแทบจะไม่มีจังหวะให้พักหายใจ เรื่องลองใช้พลังควบคุมอะไรนั่นลืมไปได้เลย แค่หลบหลีกและโจมตีกลับก็เต็มกลืนแล้วแต่เห็ดที่อยู่นิ่ง ๆ นี่ก็น่าทดสอบดูไม่ใช่หรือ?พลังการควบคุมของเขากับเห็ดพวกนี้ใครจะเหนือกว่ากัน!ถ้าทำสำเร็จจะได้ไม่ต้องทนสูดดมควันไฟด้วย… จะหายใจไม่ออกแล้ว!“ถ้าไม่ไหวต้องรีบถอนตัวกลับมานะ” นิโคลัสไม่มั่นใจในเรื่องนี้เท่าไร พลังของเขาคือการควบคุมเปลวไฟที่ไม่มีความนึกคิด แต่เจ้ากระต่ายกลับแตกต่างออกไป ต้นไม้เองก็เป็นสิ
“เห็ดบางชนิดแค่สูดดมสปอร์เข้าไปก็เป็นอันตรายแล้วครับ” นิโคลัสอธิบาย ดีที่เขาให้ทุกคนสวมใส่หน้ากากกันแก๊สก่อน ฝ่ามือหนาถอดถุงมือออกข้างหนึ่ง ลูกบอลไฟขนาดเท่าไข่ไก่หลายลูกหมุนวนอยู่บนฝ่ามือของชายหนุ่ม แสงไฟเต้นระริกในความมืด ดูคล้ายมัจจุราชกำลังเริงระบำถ้ามองไม่ผิดเฉินเฟิงเหมือนเห็นหมวกเห็ดกำลังสั่น ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเป็นเพราะแสงสะท้อนจากลูกบอลไฟของคนรัก“ฮึบ” นิโคลัสปาลูกบอลไฟใส่ผนังและพื้น เผาทำลายทางเดินเห็ดจนมอดไหม้เป็นจุณ ชายหนุ่มควบคุมไฟไม่ให้มันรุนแรงจนกลายเป็นย่างสดคนไปจนหมด เดินนำไปเรื่อย ๆ จนมาถึงห้องที่มีการติดตั้งซูเปอร์คอมพิวเตอร์“ตรงนั้นมีเครื่องคอมพ์วางไว้ด้วยครับ” ตรงมุมหนึ่งของทางเดินมีเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมสายถูกถอดมาวางไว้บนทางเดินที่มีเห็ดขึ้นเต็มไปหมด“น่าจะเป็นสามคนนั้นแหละที่ถอดมาวางไว้”‘แล้วหายไปไหนกันนะ’ โจเซฟขมวดคิ้วคิดหนัก“ทีโอบอกว่านอกจากที่นี่่จะมีห้องใต้ดินตามแปลนที่เราได้มา แถมน่าจะมีห้องเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ลึกลงไปอีก เป็นไปได้ไหมว่าสามคนนั้นจะอยู่ที่นั่น” นิโคลัสนึกถึงการประชุมก่อนปฏิบัติภารกิจเมื่อเช้า“เป็นไปได้สูงทีเดียว” นิโคลัส“ใช่ทางนั้นหรือเปล่
“มีเสียงจากด้านบน” ใบหูสี่เหลี่ยมกระดุกกระดิกสองสามครั้ง“ในที่สุดพวกนั้นก็จัดการกับสัตว์ประหลาดด้านนอกได้แล้วสินะ” หงส์โล่งใจ อย่างน้อยก็คงไม่มีใครเป็นอะไร“ถ้าตะโกนออกไปตอนนี้พวกนั้นจะได้ยินหรือเปล่านะ” ตุ่นเอ่ยน้ำเสียงอ่อนแรง สติของเขาเหลือไม่มาก ในสภาพที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพูด การขอความช่วยเหลือจึงเป็นความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดออกไปได้ แต่ถ้าพวกเขาสองคนอยู่ชั้นใต้ดินก็ลำบากแล้ว ถึงจะหูดีแต่ชั้นใต้ดินของที่นี่ก็ลึกไม่ใช่เล่นน่ากลัวว่าเสียงอาจจะส่งไปไม่ถึง …“เงียบเกินไปหรือเปล่าครับ” เฉินเฟิงเอียงหูฟัง เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักนิด“อาจอยู่ชั้นใต้ดินกันละมั้ง” โจเซฟคาดเดา เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ศึกษาแปลนอาคารนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง“งั้นลองลงไปสำรวจกันเลยไหมครับ” ไหน ๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงจากด้านบนนี่นา “มีกลิ่นอับชื้นในอากาศด้วย” เจ้ากระต่ายสูดดมทำจมูกยุกยิก“หรือหงส์จะใช้พลัง?” หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างคาดเดางี้ด“มังคุด รออยู่ด้านนอกสิ” เฉินเฟิงดันจมูกของเจ้าตัวโตออกจากบานประตูประตูที่นี่ก็บานใหญ่นะ… ทว่าพุงมังคุดใหญ่กว่า“คอยระวังอย่าให้พวกมันบุกเข้าไปในตึกไง” คนเป็นเจ้านายปลอ
“ใช่ครับ ถ้าเป็นเจ้าสิ่งนั้นอาจจะทำให้คริสตัลระดับ 2 เกิดปฏิกิริยาก็เป็นได้” พวกเขาลองใช้ของใกล้ตัวหลากหลายชนิดที่พอหาได้มาทำการทดลองแล้ว ส่วนเห็ดที่พูดถึงยังไม่เคยลองสักครั้ง“อาจจะได้และอาจจะไม่ได้” ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่สิงหารู้ดีว่าในระหว่างการทดลอง เขาได้แอบผสมสปอร์เห็ดพิษหลากหลายชนิดเข้าด้วยกัน แต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างดีก็ดันมาเกิดเรื่องที่ทำให้ทดลองต่อไม่ได้ไม่รู้ว่าเห็ดที่เขาผสมไว้ในตอนนั้นจะเป็นยังไงบ้างจะเติบโตขึ้นหรือว่าตายไปแล้วเพราะไม่มีใครให้สารอาหารอีกกันนะ…คำตอบของสิงหานั้นคงมีแต่สองคู่รักสุนัขกวางที่รู้ ถ้าถามว่าเห็ดที่สิงหาเพาะเลี้ยงนั้นเป็นอย่างไร… ทั้งคู่คงตะโกนเสียงดังกลับไปว่า‘ก็เป็นแบบนี้ไง!!’ก่อนหน้านี้ตุ่นและหงส์อยู่บริเวณทางเข้าก่อนลงไปชั้นใต้ดิน พอทีโอตัวปลอมหันคอกลับมา 180 องศา หญิงสาวก็รีบใช้พลังดันมันออกไปด้วยแรงดันน้ำ หวังจะให้มันปลิวออกไปพ้นตัวก่อนสามีอย่างตุ่นจะเป็นลมเพราะคิดว่าเป็นผีจริง ๆ แต่ใครจะไปคิดว่าการพ่นน้ำออกไปจะเป็นการทำให้พวกมันตื่นตัวกลายเป็นละอองแล้วตรงเข้ามาดูดซึมน้ำไปใช้ในการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทางเดินที่เคยเปิดโล่งก็กลายเป็นถ้ำเห็